Political-ทางการเมือง

Political-ทางการเมือง ติดตามการเมืองและทิศทางการพัฒนา

16/04/2025
16/04/2025
หนทางแห่งชัยชนะ "ตำราคือสูตรสำเร็จ" #แต่สูตรใหม่หรือตำราเล่มใหม่ #ถือกำเนิดได้ก็ต้องแหกตำราได้เช่นกัน"❗"คนเดินตามตำรามีแ...
16/04/2025

หนทางแห่งชัยชนะ "ตำราคือสูตรสำเร็จ"
#แต่สูตรใหม่หรือตำราเล่มใหม่
#ถือกำเนิดได้ก็ต้องแหกตำราได้เช่นกัน"❗

"คนเดินตามตำรามีแต่โง่เท่านั้น"
#โจโฉ
มุมมองที่ว่า "เดินตามตำรามีแต่โง่เท่านั้น" เป็นมุมมองที่ค่อนข้างรุนแรงและอาจเป็นการมองที่แคบเกินไป อย่างไรก็ตาม เข้าใจได้ว่าทำไมถึงเกิดมุมมองเช่นนี้ เพราะการยึดติดกับตำราหรือแนวทางปฏิบัติเดิมๆ โดยไม่พิจารณาบริบทหรือสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ดีได้
เหตุผลที่บางคนอาจมองว่าการเดินตามตำราอย่างเดียวเป็นเรื่อง "โง่":
* โลกเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ: ตำราหรือแนวทางปฏิบัติอาจถูกเขียนขึ้นในอดีตและอาจไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีเทคโนโลยี ความรู้ หรือบริบททางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป
* สถานการณ์มีความเฉพาะเจาะจง: ทุกสถานการณ์มีความแตกต่างกัน การนำแนวทางจากตำรามาใช้โดยไม่ปรับให้เข้ากับบริบทเฉพาะหน้า อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่เหมาะสม
* ขาดความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม: การยึดติดกับสิ่งที่เคยมีมา อาจปิดกั้นโอกาสในการคิดค้นวิธีการใหม่ๆ ที่ดีกว่า มีประสิทธิภาพกว่า หรือเหมาะสมกับสถานการณ์มากกว่า
* ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ไม่เคยเกิดขึ้น: หากเผชิญกับปัญหาใหม่ที่ไม่เคยมีบันทึกไว้ในตำรา การยึดติดกับตำราเดิมๆ จะไม่สามารถหาทางออกได้
* อาจถูกครอบงำด้วยความเชื่อผิดๆ: ตำราหรือแนวทางปฏิบัติบางอย่างอาจมีข้อจำกัดหรืออาจไม่ถูกต้องทั้งหมด การยึดถือโดยไม่ตั้งคำถามอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดและการตัดสินใจที่ผิดพลาด
อย่างไรก็ตาม การมองว่าการเดินตามตำรา "โง่" เสมอไปก็อาจจะไม่ถูกต้องนัก เพราะ:
* ตำราคือพื้นฐานความรู้: ตำราหรือแนวทางปฏิบัติที่ดีมักจะรวบรวมความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้ว การเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจพื้นฐานเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ
* ช่วยลดความเสี่ยง: การทำตามแนวทางที่ได้รับการยอมรับมักจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าการลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง
* สร้างมาตรฐาน: ในบางอุตสาหกรรมหรือสาขาอาชีพ การมีแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานช่วยให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย
* เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี: ตำราสามารถเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเรียนรู้และทำความเข้าใจเรื่องต่างๆ ก่อนที่จะพัฒนาไปสู่การคิดค้นหรือปรับปรุง
สรุป:
การ "เดินตามตำรา" เพียงอย่างเดียวโดยไม่ใช้ความคิดวิเคราะห์และปรับให้เข้ากับสถานการณ์จริง อาจเป็นสิ่งที่ "ไม่ฉลาด" หรือ "โง่" ในบางบริบท แต่การมองข้ามความรู้และประสบการณ์ที่ถูกบันทึกไว้ในตำราทั้งหมดก็อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีเช่นกัน
สิ่งที่สำคัญคือ:
* การคิดวิเคราะห์: ทำความเข้าใจหลักการเบื้องหลังตำราและแนวทางปฏิบัติ
* การปรับใช้: สามารถนำความรู้จากตำรามาปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์เฉพาะหน้าได้
* การตั้งคำถาม: ไม่ยึดติดกับตำราอย่าง blindly แต่พร้อมที่จะตั้งคำถามและหาทางเลือกใหม่ๆ ที่ดีกว่า
* การเรียนรู้และพัฒนา: เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และพร้อมที่จะปรับปรุงแนวทางปฏิบัติเดิมๆ ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
ดังนั้น แทนที่จะมองว่าการเดินตามตำราเป็นเรื่อง "โง่" อย่างเดียว ควรพิจารณาถึงความสมดุลระหว่างการใช้ความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่กับการคิดค้นและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อให้การตัดสินใจและการดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมที่สุด #วิเคราะห์ทางการเมือง #

16/04/2025
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองสหรัฐอเมริกา และ จีน มีความตึงเครียดอย่างต่อเน...
16/04/2025

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองสหรัฐอเมริกา และ จีน มีความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อตลาดการเงินและการลงทุนทั่วโลก รวมถึง ราคาทองคำ ที่มักเคลื่อนไหวตอบสนองต่อความไม่แน่นอนเหล่านี้

ในบทความนี้ เราจะพูดถึงเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้ทั้งสองประเทศไม่ลงรอยกัน และเป็นสิ่งที่นักลงทุนทองคำควรจับตา

1. สงครามการค้าและเทคโนโลยี
หนึ่งในจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งคือสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่เริ่มขึ้นในปี 2018 โดยมีการตั้งกำแพงภาษีระหว่างกัน และลามไปสู่ข้อจำกัดทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม เซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductors) และ 5G การจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงของจีนทำให้เกิดความตึงเครียดที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก และทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นในช่วงที่ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

2. ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์
ทั้งสองประเทศมีข้อพิพาทในหลายประเด็นสำคัญ เช่น
ไต้หวัน : สหรัฐฯ สนับสนุนไต้หวันในด้านการทหารและเศรษฐกิจ ขณะที่จีนยืนยันว่าต้องรวมไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน หากเกิดความขัดแย้งรุนแรงขึ้น ราคาทองคำอาจพุ่งขึ้นเนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย
ทะเลจีนใต้: การแข่งขันกันในเรื่องเขตแดนและเส้นทางเดินเรือในทะเลจีนใต้ ทำให้เกิดแรงกดดันต่อเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีผลต่ออุตสาหกรรมโลจิสติกส์และการค้าโลก

3. ระบบเศรษฐกิจและการเงินที่แตกต่างกัน สหรัฐฯ และจีนมีแนวทางเศรษฐกิจที่ต่างกันอย่างชัดเจน
สหรัฐฯ : ใช้ระบบ ทุนนิยมเสรี ที่เปิดให้ตลาดทำงานโดยมีการแทรกแซงของภาครัฐในระดับจำกัด
จีน : ใช้ระบบ ทุนนิยมแบบมีรัฐควบคุม ซึ่งภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอุตสาหกรรมสำคัญและการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจ
ความแตกต่างนี้ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจระหว่างสองประเทศ และส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะเมื่อมีการประกาศมาตรการทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ ที่อาจกระทบต่อเสถียรภาพของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐหรือหยวนจีน ซึ่งมีผลต่อราคาทองคำโดยตรง

4. การแข่งขันเพื่ออิทธิพลระดับโลก (เป็นมหาอำนาจโลก)
จีนกำลังขยายอิทธิพลของตนผ่านโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมหลายประเทศ ในขณะที่สหรัฐฯ พยายามรักษาอิทธิพลผ่านองค์กรระหว่างประเทศและความร่วมมือทางทหาร เช่น NATO และ QUAD การแข่งขันนี้ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาดทุนและค่าเงิน ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดความต้องการทองคำมากขึ้น

#สาเหตุสำคัญของสงครามการค้า
สหรัฐฯเสียดุลการการค้าให้จีน
สหรัฐฯ มี ขาดดุลการค้า กับจีนมาโดยตลอด หมายถึงการนำเข้าสินค้าจากจีนมากกว่าการส่งออก เนื่องจากจีนเป็นประเทศต้นทางในการผลิต รัฐบาลสหรัฐฯ มองว่านี่เป็นความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม
มาตรการภาษีศุลกากร & การตอบโต้
ในปี 2018 รัฐบาลสหรัฐฯ (ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์) เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน เพื่อกดดันให้จีนทำข้อตกลงทางการค้าที่เป็นธรรมมากขึ้น จีน ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ ทำให้ความขัดแย้งลุกลามขึ้น

ผลกระทบต่อราคาทองคำ
- ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นมักทำให้ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย (Safe Haven)
- ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าจากมาตรการกดดันทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯต่อจีน อาจช่วยหนุนราคาทองคำ เพราะทองคำมักเคลื่อนไหวสวนทางกับค่าเงินดอลลาร์ >>> เมื่อสหรัฐฯ ใช้มาตรการทางภาษีและจีนตอบโต้ มันส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและทำให้เงินดอลลาร์อ่อนตัว
- การคว่ำบาตรหรือข้อจำกัดทางการค้าอาจทำให้จีนหันไปถือครองทองคำมากขึ้น แทนที่สินทรัพย์ที่อิงกับดอลลาร์สหรัฐ
- ธนาคารกลางซื้อทองคำมากขึ้น ประเทศต่าง ๆ (รวมถึงจีน) เพิ่มปริมาณการถือครองทองคำ เพื่อลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ จีนต้องการกระจายทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ส่งผลให้มีการซื้อทองคำมากขึ้น

นักลงทุนควรจับตาดูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนอย่างใกล้ชิด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสามารถส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในระยะสั้นและระยะยาว การกระจายพอร์ตการลงทุนและการใช้ทองคำเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงถือเป็นแนวทางที่ในการรับมือกับความไม่แน่นอนระดับโลกนี้
#สงครามการค้า #อเมริกาจีน #ความขัดแย้งระหว่างประเทศ #เศรษฐกิจโลก2025 ⁉️ #ปาตานี

16/04/2025

เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล
ในโลกแห่งการเมืองและการสงคราม การใช้เล่ห์กลและกลยุทธ์เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในยุคสามก๊กที่เต็มไปด้วยการหักหลังและแผนการที่ซับซ้อน และหนึ่งในภัยที่อันตรายมากที่สุดคือภัยจากคนใกล้ตัวที่มีอำนาจ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คนใกล้ตัวมีอำนาจ คุณอาจถูกแว้งกัดเมื่อไหร่ก็เป็นไดั
ครั้นจะกำจัดคนภายในกันเองก็อาจกระทบไปถึงความบาดหมางภายใน แถมยังปวดหัวเข้าไปอีกเมื่อคุณเองยังต้องพึ่งพาคนที่คุณคิดที่จะกำจัดให้ทำงานให้คุณอยู่ แต่ปัญหาแบบนี้ สุมาเจียว นั้นเคยผ่านมาแล้ว
ขณะนั้น สุมาเจียว บุตรชายของสุมาอี้ เป็นผู้ครองอำนาจสูงสุดในวุยก๊ก สุมาเจียวต้องเผชิญกับความหวาดระแวงที่เกิดขึ้นจากความสามารถและอิทธิพลของสองแม่ทัพคนสำคัญอย่าง จงโฮยและเตงงาย ที่ก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ
จงโฮยและเตงงายเองก็เป็นศิษย์เอกของสุมาอี้ ที่ร่ำเรียนพิชัยยุทธและสั่งสมประสบการณ์มาพร้อมกันกับสุมาเจียว ทั้งคู่มีความสามารถในการนำทัพและวางกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม คอยเป็นกำลังสำคัญให้วุยก๊กเสมอมาในช่วงปลายของยุคสามก๊ก
จงโฮยเป็นผู้ที่มีความเฉียบแหลมในการวางแผนและใช้กลยุทธ์ในการทำศึก ส่วนเตงงายเป็นผู้นำที่เก่งกาจและมีทักษะในการต่อสู้ที่หาตัวจับยาก สุมาเจียวนั้นคิดที่จะกำจัดขวากหนามสองหน่อนี้อยู่ตลอด แต่ติดตรงที่ว่าเมื่อการใหญ่ยังไม่ลุล่วง สุมาเจียวยังคงต้องใช้งานทั้งสองเพื่อเป้าหมายในการรวมแผ่นดินอยู่ โอกาสในการจัดการทั้งคู่จึงยังไม่เกิดขึ้น
สุมาเจียวจึงตัดสินใจใช้กลยุทธ์ “ยืมมือศัตรู” เพื่อให้จงโฮยและเตงงายฆ่าฟันกันเอง จงโฮยและเตงงายมีความขัดแย้งและไม่ลงรอยกันมานานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เสมือนน้ำกับน้ำมัน สุมาเจียวจึงใช้ความขัดแย้งนี้เป็นเครื่องมือในการกำจัดแม่ทัพทั้งคู่
สุมาเจียวเริ่มต้นด้วยการส่งข่าวลวงไปยังทั้งจงโฮยและเตงงาย โดยให้ข้อมูลที่ทำให้ทั้งสองเข้าใจผิดและเกิดความขัดแย้งกันมากยิ่งขึ้น โดยมอบหมายภารกิจที่ต้องการความร่วมมือจากทั้งคู่ แต่ก็สร้างสถานการณ์ที่ทำให้ทั้งสองเข้าใจผิดและต่อสู้กันเอง
สุมาเจียวรู้มาตลอดว่าขุนพลทั้งสองมีความเก่งกาจ หากปล่อยเอาไว้อาจเป็นภัยในอนาคต ในเมื่อตระกูลสุมาเคยล้มล้างตระกูลโจมาแล้ว ตระกูลเตงและตระกูลจงก็อาจล้มล้างตระกูลสุมาบ้างเช่นกัน แต่เมื่อขุนพลทั้งคู่มีการคานอำนาจกันเองอยู่ตลอด คนที่ด้อยกว่าย่อมหาโอกาสในการเลื่อยขาเก้าอี้ของอีกฝ่าย ซึ่งไม่แปลกใจหากนี่คือแผนการของสุมาเจียวที่ค่อยๆก่อตัวมานานนม
จนเมื่อเตงงายยึดจ๊กก๊กเอาไว้ได้ จงโฮยที่ถูกเกียงอุยหลอกใช้โดยแกล้งยอมสวามิภักดิ์ให้จงโฮยตายใจเพื่อหวังรอโอกาสในการฟื้นฟูจ๊กก๊กในอนาคต ก็ได้ยุยงให้จงโฮยเห็นถึงภยันตรายของเตงงาย จงโฮยที่หวังกำจัดเตงงายอยู่แล้วเป็นทุนเดิม จึงคิดนำความไปแจ้งต่อสุมาเจียวเพื่อหวังปลุกปั่นให้รีบกำจัดเตงงายเสีย
จงโฮยจึงแจ้งต่อสุมาเจียวว่าเตงงายนั้นเป็นกบฏหวังยึดครองอำนาจในจ๊กก๊กไว้เสียเอง สุมาเจียวที่รอจังหวะในการกำจัดทั้งคู่อยู่ก่อนแล้ว เมื่อโอกาสมาถึงก็รีบสั่งการให้จงโฮยเข้าจับกุมเตงงายทันทีเพื่อนำตัวมาสอบสวนและถามหาข้อเท็จจริง
ฝั่งเตงงายเมื่อรู้ว่าโดนเลื่อยขาเก้าอี้แบบนี้ จะขัดขืนต่อสู้ก็เปล่าประโยชน์ ขอยอมโดนจับกุม เพื่อเดินทางกลับไปอธิบายกับเจ้านายเองเสียดีกว่า แต่ในระหว่างทางกลับ เตงงายก็ถูกจงโฮยลอบสังหารลง
เมื่อจงโฮยจำกัดเพื่อนคู่แค้นอย่างเตงงายลงได้ ก็เริ่มแอบคิดระแวงในตัวสุมาเจียว ว่าขนาดเตงงายยังโดนขนาดนี้แล้วตนเองจะไม่โดนกำจัดบ้างหรือ จึงมีความคิดอยากตั้งตัวเป็นใหญ่ให้พ้นจากเงื้อมมือของสุมาเจียว
แต่สุมาเจียวที่ตั้งทัพคอยท่าอยู่ที่ฮันต๋งก่อนแล้ว เหมือนดั่งรู้ว่าจงโฮยคิดจะทำอะไรต่อ เมื่อทราบเรื่องว่าจงโฮยคิดก่อกบฏเข้าจริงๆ ก็ยกทัพเข้าถล่มทัพของจงโฮยในทันที
สุดท้าย สุมาเจียวก็สามารถกำจัดภัยคุกคามที่เกิดจากจงโฮยและเตงงายได้โดยไม่ต้องใช้กำลังหรือการลงโทษทางตรง แถมแผนการในการจัดการทั้งสองแม่ทัพลงในครั้งนี้ สุมาเจียวยังสามารถรักษาอำนาจและควบคุมสถานการณ์ภายในได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ให้ลุกลามเกิดเป็นศึกสงครามภายในให้วุ่นวาย
ความระแวงของสุมาเจียวที่มีต่อจงโฮยและเตงงายจนถึงจุดที่เขาต้องใช้กลยุทธ์ “ยืมมือศัตรู” เพื่อกำจัดขวากหนามทั้งสองคนลง เป็นคติเตือนใจที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและการทำงานได้เช่นกัน และอย่าลืมว่าเราควรมองทุกสถานการณ์รอบด้านอยู่เสมอ เพราะหัวหน้าในวันนี้ อาจบั่นศรีษะคุณลงในวันหน้าก็เป็นได้ เข้าวลีที่ว่า “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล” ก็เป็นได้
#สามก๊กตงง้วน

16/04/2025

'อันวาร์ อิบราฮิม' นายกมาเลเซีย ปธ.อาเซียน เยือนไทยพรุ่งนี้ (17 เม.ย.)

16/04/2025
16/04/2025
 #สรุปการมาเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการของ"ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ประเทศจีน ได้มีการลงนามทำข้อตกลงร่วมกันหลายข้อ : สรุ...
16/04/2025

#สรุปการมาเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการของ
"ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ประเทศจีน ได้มีการลงนามทำข้อตกลงร่วมกันหลายข้อ : สรุปจากเพจของคุณนายกอันวาร์ อิบราฮิม มาเลเซีย มีดังนี้•🇲🇾MOU🇨🇳•
วันนี้ถือเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และข้าพเจ้าได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการแลกเปลี่ยน บันทึกความเข้าใจ (MoU) ระหว่างรัฐบาลมาเลเซียและรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนในหลายสาขา ซึ่งมีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ต่อทั้งสองประเทศมิตรสหาย โดยมีรายการ MoU ดังนี้:
-
1) MoU ระหว่างรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนและรัฐบาลมาเลเซียว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือภายใต้ข้อริเริ่มด้านความมั่นคงระดับโลก
-
2) MoU ระหว่างหน่วยงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของจีนกับกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการพัฒนาและการดำเนินงานตามข้อริเริ่มการพัฒนาระดับโลก

3) MoU ว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าบริการ

4) MoU ว่าด้วยการส่งเสริมข้อริเริ่ม “สองประเทศ สองนิคมอุตสาหกรรม” (China-Malaysia “Two Countries, Twin Parks” Initiative)

5) MoU ว่าด้วยความร่วมมือด้านมาตรฐานระหว่างสำนักงานบริหารกำกับดูแลตลาดแห่งชาติของจีนและกรมมาตรฐานแห่งชาติมาเลเซีย

6) MoU ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือในภาคการรถไฟระหว่างสำนักงานรถไฟแห่งชาติของจีนและกระทรวงคมนาคมมาเลเซีย

7) MoU ว่าด้วยการสนับสนุนร่วมกันในด้านการก่อตั้งห้องปฏิบัติการร่วมเพื่อวิจัยเทคโนโลยีใหม่

8) MoU ระหว่างมหาวิทยาลัยมลายาและมหาวิทยาลัยปักกิ่งว่าด้วยการก่อตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้านวัสดุ AI+ แห่งประเทศจีน-มาเลเซีย

9) MoU ว่าด้วยการส่งเสริมบทสนทนาระหว่างลัทธิขงจื๊อและศาสนาอิสลาม

10) MoU ว่าด้วยความร่วมมือด้านข่าวสารและข้อมูลระหว่างรัฐบาลมาเลเซียกับสำนักข่าวซินหัวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

11) MoU ระหว่าง Perbadanan Kemajuan Filem Nasional Malaysia (FINAS) กับ China Media Group (CMG)

12) MoU ฉบับเพิ่มเติมเพื่อแก้ไข MoU ระหว่าง China Media Group (CMG) กับสำนักข่าวแห่งชาติของมาเลเซีย (BERNAMA)

13) MoU ว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างหนังสือพิมพ์ People's Daily ของจีนกับกลุ่มสื่อ Star Media Group Berhad ของมาเลเซีย

14) MoU ระหว่าง China Media Group (CMG) กับสมาคมมิตรภาพมาเลเซีย–จีน

15) MoU ว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและสื่อระหว่างสำนักข่าวซินหัวและการท่องเที่ยวมาเลเซีย

16) MoU ว่าด้วยความร่วมมือภายใต้กรอบพันธมิตรมรดกทางวัฒนธรรมแห่งเอเชีย

17) MoU ว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและสื่อระหว่าง China Media Group (CMG) กับการท่องเที่ยวมาเลเซีย

18) MoU ฉบับเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขบันทึกความเข้าใจเดิมระหว่างรัฐบาลมาเลเซียและ China Media Group (CMG) ว่าด้วยความร่วมมือด้านสื่อ

19) MoU ว่าด้วยการแปลและจัดพิมพ์ผลงานวรรณกรรมคลาสสิก

20) MoU ระหว่างกระทรวงดิจิทัลมาเลเซียกับคณะกรรมาธิการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) ของจีน ว่าด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI)

21) MoU ระหว่างกระทรวงดิจิทัลมาเลเซียกับ NDRC ว่าด้วยเศรษฐกิจดิจิทัล

22) MoU ว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา

23) MoU ระหว่างมหาวิทยาลัยเซี่ยเหมินกับมหาวิทยาลัยมลายา ว่าด้วยการจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษานานาชาติจีน–มาเลเซีย

24) หนังสือแสดงเจตจำนงจาก MDEC ถึงมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงว่าด้วยการเปลี่ยนผ่านดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ และเมืองอัจฉริยะ

25) ข้อตกลงด้านการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือทางความคิด (Think Tank) ระหว่างสำนักข่าวซินหัวและศูนย์วิจัยเชิงยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคของมาเลเซีย

บันทึกความเข้าใจเหล่านี้ ได้ยกระดับความสัมพันธ์อันพิเศษระหว่างมาเลเซีย–จีนไปสู่อีกขั้นหนึ่ง อย่างมั่นคงและมีนัยสำคัญ ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาลต่อความมั่งคั่งและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนและประเทศในภาพรวม
🌎
https://www.facebook.com/share/p/16NAmGb4ho/
🇲🇾🇨🇳
เรียบเรียงถอดบทแปล่โดย : MR.Rosenun Chesof
#มาเลเซีย #จีน

 #ปฏิทินประวัติศาสตร์สามัญชน  #คุณลุงใจเย็นๆ๒๑ มิถุนายน ๒๕๑๖ _|ประวัติเคยเกิดจริงมีแล้วน่ะต่อไปใครจะไปรู้ประวัติศาสตร์ให...
13/08/2024

#ปฏิทินประวัติศาสตร์สามัญชน #คุณลุงใจเย็นๆ
๒๑ มิถุนายน ๒๕๑๖ _|ประวัติเคยเกิดจริงมีแล้วน่ะ
ต่อไปใครจะไปรู้ประวัติศาสตร์ใหม่คงจะไม่ใช่แค่อธิการบดีมหาลัยแล้วน่ะ #คาดว่าทั้งองคาพยศดีป่ะ

ประชาชน นักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และสถาบันอื่นๆ เดินขบวนขับไล่ศักดิ์ ผาสุกนิรันดร์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยรามคำแหง รวมทั้งเรียกร้องให้คืนสภาพนักศึกษา ๙ คน ที่ศักดิ์ ผาสุกนิรันดร์ สั่งลบชื่อออก ในข้อหาร่วมกันจัดพิมพ์เอกสารเสียดสีกรณีทุ่งใหญ่ และกรณีจอมพลประภาส จารุเสถียรต่ออายุราชการ
นักศึกษาที่ถูกลบชื่อ ๙ คน ได้แก่ นายแสง รุ่งนิรันดร์กุล นายวันชัย แซ่เตียว นายบุญส่ง ชเลธร นายวิสา คัญทัพ นายสมพงษ์ สระกวี นายสุเมธ สุวิทยเสถียร นายชำนิ ศักดิเศรษฐ นายประเดิม ดำรงเจริญ และ น.ส.กุลปราณี เมฆศรีสวัสดิ์

๒๑ มิถุนายน ๒๕๒๕
คนงานบริษัทผ้าไทย จำกัด ซอยบางเมฆขาว ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ประมาณ ๑,๐๐๐ คน ชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาข้อพิพาทแรงงานกับฝ่ายนายจ้าง เรื่องให้นายจ้างปรับปรุงสวัสดิการ เพิ่มค่าครองชีพ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๒๕ แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ คนงานจึงนัดหยุดงานตั้งแต่วันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๒๕ ต่อมานายจ้างได้ยื่นฟ้องผู้นำคนงาน ๑๔ คน ต่อศาลแรงงาน เรียกค่าเสียหายวันละ ๔๕๕,๐๐๐ บาท โดยอ้างว่าทำให้โรงงานสูญเสียผลประโยชน์ และในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๒๕ ศาลได้สั่งให้คนงานเลิกชุมนุมภายในโรงงาน

๒๑ มิถุนายน ๒๕๓๑
พนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย ชุมนุมที่สถานีรถไฟกรุงเทพ สถานีรถไฟบางซื่อ โรงซ่อมรถจักรมักกะสัน และสถานีรถไฟต่างๆ โดยมีข้อเรียกร้องต่อผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (นายหิรัญ รดีศรี) จำนวน ๓ ข้อ คือ
(๑) ให้ยกเลิกโครงสร้าง การจำแนกตำแหน่งและโครงสร้างอัตราเงินเดือน
(๒) ให้ใช้โครงสร้างอัตราเงินเดือน ที่สหภาพแรงงานผู้ปฏิบัติงานการรถไฟแห่งประเทศไทยเสนอ และ
(๓) ให้ยุติการให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการให้บริการผู้โดยสารรถไฟ
ในวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๓๑ ฝ่ายบริหาร ร.ฟ.ท. ประชุมพิจารณาข้อเรียกร้องของพนักงาน มีมติรับข้อเสนอของฝ่ายพนักงานไว้พิจารณา ผู้แทนสหภาพแรงงานฯ จึงตกลงที่จะเดินรถตามปกติ ตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐ น.

ที่อยู่

Pattani

เวลาทำการ

09:00 - 17:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Political-ทางการเมืองผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์