สวท.พังงา กรมประชาสัมพันธ์

สวท.พังงา กรมประชาสัมพันธ์ F.M. 100 MHz "วิทยุแห่งประเทศไทย ให้ความรู้คู่ความสุข

วันที่ 19 กรกฎาคม 2519 สถานีวิทยุกระจายแห่งประเทศไทย จังหวัดพังงา ออกอากาศส่งกระจายเสียงอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกด้วยระบบ เอ.เอ็ม ความถี่ 1341 กิโลเฮริซ์ โดยใช้อาคารศาลากลางจังหวัดพังงาหลังเก่าปรับปรุงเป็นห้องส่งใช้ออกอากาศเผยแพร่ข้อมูล

ส่วนเครื่องส่งเป็นเครื่องที่กองช่างกรมประชาสัมพันธ์ จัดสร้างขึ้นเองขนาดกำลังส่ง10 กิโลวัตต์ เนื่องจากยังไม่ได้รับงบประมาณจนกระทั่งปี 2524 จึงได้รับการจัดสรรงบป

ระมาณ ในการก่อสร้างอาคาร สำนักงานและบ้านพัก พร้อมทั้งย้ายมาอยู่ ณ อาคารสำนักงานแห่งใหม่ เลขที่ 2 ถนนเทศบาลบำรุง ตำบลท้ายช้าง อำเภอเมือง จังหวัดพังงา เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม2526 เนื่องจากเครื่องส่งระบบ เอ. เอ็ม. ของ สวท.พังงา เป็นเครื่องส่งที่กองช่างกรมประชาสัมพันธ์ จัดสร้างขึ้นเองกอปรกับใช้งานมานานถึง 26 ปีเศษ ประสิทธิภาพของเครื่องส่งจึงลดน้อยด้อยลงตามกาลเวลา อุปกรณ์ต่าง ๆ หมดอายุการใช้งานจนไม่สามารถซ่อมแซมเพื่อใช้งานได้อีกต่อไป จึงเป็นที่น่ายินดีที่ในปีงบประมาณ 2545 กรมประชาสัมพันธ์ ได้จัดสรร งบประมาณจัดซื้อเครื่องส่ง เอ.เอ็ม เครื่องใหม่ขนาด 10 กิโลวัตต์ ให้สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดพังงา พร้อมอุปกรณ์ส่วนควบตลอดจนปรับปรุงห้องเครื่องส่ง ระบบการส่ง และอุปกรณ์ห้องส่งใหม่ทั้งหมด ดำเนินการติดตั้งเสร็จเรียบร้อยและเริ่มส่งกระจายเสียงตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2545 เป็นต้นมา

สำหรับระบบ เอฟ.เอ็ม ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 โดยผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดพังงา ( นางสาวนิ่มนวล เขียวหวาน ) ได้ขออนุมัติอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ในขณะนั้น ( นายชั้น พูลสมบัติ ) ขอนำเครื่องส่งเก่าจากสถานีวิทยุกระจายแห่งประเทศไทย จังหวัดชุมพร ซึงใช้งาน มานานถึง 30 ปีเศษ ปรับปรุงซ่อมแซมใหม่ จนสามารถใช้งานได้ในระดับหนึ่ง และถือฤกษ์ออกอากาศส่งกระจายเสียงด้วยความถี่ เอฟ.เอ็ม. ความถี่ 100 มกกะเฮริซ์ เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2539 ซึ่งเป็นวันฉัตรมงคล และถือเป็นกิจกรรมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในปีกาญจนาภิเษก แต่เนื่องจากสภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปของจังหวัดพังงา เป็นภูเขาล้อมรอบ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการส่งกระจายเสียงเป็นอย่างมากเพราะรัศมีในการส่งกระจายเสียงไม่สามารถครอบคลุมได้ทุกพื้นที่ กอรป์กับประสิทธิภาพของเครื่องส่งก็ไม่สมบูรณ์ ร้อยเปอร์เซ็น จึงได้พิจารณาย้ายเครื่องส่งขึ้นไปติดตั้งบนเขาช้าง ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1000 ฟิต ทำให้รัศมีการส่งกระจายเสียงครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้น

อย่างไรก็ดี เนื่องจากเป็นเครื่องส่งเก่าที่ใช้งานมานานถึง 30 ปีเศษอุปกรณ์ต่าง ๆ หมดอายุการใช้งานแล้ว เครื่องจึงขัดข้องบ่อยครั้งมากการส่งกระจายเสียงไม่เป็นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อการประชาสัมพันธ์งานโครงการและนโยบายต่าง ๆของรัฐบาลเป็นอย่างมาก จึงได้รับอนุมัติจากรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ฝ่ายปฏิบัติการ ( นายสมพงษ์ วิสุทธิ์แพทย์ ตำแหน่งในขณะนั้น ) ให้นำเครื่องส่ง เอฟ.เอ็มจากสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดจันทบุรี ( ใช้งานมาแล้ว 7 ปี ) มาติดตั้งใช้งานที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดพังงา โดยเจ้าหน้าที่จากสำนักส่งเสริมและพัฒนางานเทคนิคกรมประชาสัมพันธ์ได้นำมาติดตั้งและใช้งานตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2541

01/12/2025
💥รายการผู้ว่าฯ พังงา พบประชาชน 💥วันนี้ (1 ธันวาคม 2568) นางวรวรรณ บุญรังษี ผอ.สวท.พังงา ให้การต้อนรับนางสาวดุสิดา นากแก้...
01/12/2025

💥รายการผู้ว่าฯ พังงา พบประชาชน 💥

วันนี้ (1 ธันวาคม 2568) นางวรวรรณ บุญรังษี ผอ.สวท.พังงา ให้การต้อนรับนางสาวดุสิดา นากแก้ว นักวิชาการภาษีชำนาญการพิเศษ หัวหน้าส่วนวางแผนและประเมินผล สำนักงานสรรพากรพื้นที่พังงา ร่วมรายการ"ผู้ว่าพังงาพบประชาชน" (08.00-09.00 น.) ประเด็น “Nagative Incom Tax, โครงการคนละครึ่งพลัส และการบริจาคผ่านระบบ E-Donation” ออกอากาศทาง สวท.พังงา FM100MHz เพจ สวท.พังงา กรมประชาสัมพันธ์ โดยมีนางสาวกนกพิชญ์ วิจิตรพันธ์ นสม.ปก. เป็นผู้ดำเนินรายการ

01/12/2025

นายกฯ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จ.สงขลา ระดมทุกหน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ครม.อนุมัติเงินเยียวยาเพิ่ม 7 จังหวัด

💥"Super อสม." คือเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขในระดับสูงขึ้น โดยทำหน้าที่ประเมินและคัดกรองสุขภาพประชาชน เช่น การวัดความ...
01/12/2025

💥"Super อสม." คือเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขในระดับสูงขึ้น โดยทำหน้าที่ประเมินและคัดกรองสุขภาพประชาชน เช่น การวัดความดันโลหิตและเจาะน้ำตาลในเลือด, ให้ความรู้และถ่ายทอดทักษะที่จำเป็น แก่ อสม. ในพื้นที่, เป็นแกนหลักในการดำเนินงานคัดกรองสุขภาพประจำปี เช่น การคัดกรองผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง และเป็นผู้ประสานงานส่งต่อข้อมูลสุขภาพกับบุคลากรสาธารณสุขในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)
📌 จังหวัดพังงาเดินหน้าเชิงรุก ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพ อสม.ในพื้นที่ เพื่อก้าวสู่การเป็น "Super อสม." ที่ศักยภาพสูงสุดในการดูแลประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ

สาธารณสุข–อุตสาหกรรม–คมนาคม–ศึกษา–แรงงาน ออกมาตรการเร่งด่วนบรรเทาผลกระทบผู้ประสบอุทกภัย และเร่งฟื้นฟูพื้นที่ภาคใต้ จากสถ...
01/12/2025

สาธารณสุข–อุตสาหกรรม–คมนาคม–ศึกษา–แรงงาน ออกมาตรการเร่งด่วนบรรเทาผลกระทบผู้ประสบอุทกภัย และเร่งฟื้นฟูพื้นที่ภาคใต้
จากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ รัฐบาลเร่งบูรณาการทุกกระทรวงเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง กระทรวงสาธารณสุข เร่งฟื้นฟูโรงพยาบาลหาดใหญ่ให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ โดยระบบไฟฟ้า น้ำประปา และก๊าซทางการแพทย์ใช้งานได้แล้ว พร้อมวางแผนเปิดบริการเต็มรูปแบบภายใน 1 เดือน และเปิดโรงพยาบาลสนามเพิ่ม 2 แห่ง รวมถึงจุดบริการผู้ป่วยนอกที่เซ็นทรัล หาดใหญ่ ขณะเดียวกัน Mini-MERT และทีมเดินเท้าลงพื้นที่ต่อเนื่อง รวมทั้งดูแลสุขภาพจิตผู้ประสบภัย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประสานการดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ทั้งการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (HD) หรือทำการล้างไตทางช่องท้อง (PD) โดยจัดส่งน้ำยาล้างไตถึงที่พักใหม่ผ่านไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น และเตรียมรถฟอกไตเคลื่อนที่สำหรับพื้นที่ที่เดินทางไม่ได้
ให้สายด่วน 1330 ติดตามผู้ป่วยในพื้นที่เสี่ยง และย้ำว่าสิทธิบัตรทองไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม กระทรวงอุตสาหกรรม ออกมาตรการ “พักหนี้–ดีพร้อมช่วยฟื้น” ให้ SME พักชำระหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ และขอกู้ฉุกเฉิน 0% สูงสุด 500,000 บาท รวมถึงทางเลือกรีไฟแนนซ์สำหรับรายที่ได้รับผลกระทบรุนแรง สั่ง DIPROM ลงพื้นที่ช่วยซ่อมและเสริมสภาพคล่อง กระทรวงคมนาคม ตั้งศูนย์ “คมนาคมร่วมใจช่วยรถน้ำท่วม” ให้บริการตรวจ–ซ่อมรถเบื้องต้น ให้ข้อมูลศูนย์บริการ และเปิดพื้นที่จอดรถฟรี 70 คัน โดยร่วมกับค่ายรถยนต์และสถาบันอาชีวะ และจัดรถรับ–ส่งประชาชนฟรี 4 เส้นทางเชื่อมศูนย์พักพิง ม.อ. ไปยังสนามบินและสถานีขนส่ง กระทรวงศึกษาธิการ โดย
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เปิด “Fix It Center” ให้บริการซ่อมรถจักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อาชีพ แล้ว 6 ศูนย์ และกำลังขยายให้ครบ 50 ศูนย์ โดยมีครู–นักศึกษาอาชีวะกว่า 600 คนลงพื้นที่ และเตรียมประสาน สพฐ. ช่วยโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบ กระทรวงแรงงาน ได้ออก 7 มาตรการช่วยเหลือ ทั้งจ้างงานเร่งด่วน 300 บาท/วัน กู้ดอกเบี้ยต่ำ ฟื้นฟูอุปกรณ์ทำกิน ซ่อมเครื่องมือ และช่วยกิจการที่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งยังมีมาตรการดูแลนายจ้าง–ผู้ประกันตน เช่น เงินว่างงานเหตุสุดวิสัย 50% สูงสุด 180 วัน สินเชื่อรักษาการจ้างงาน และขยายเวลานำส่งเงินสมทบ 6 งวด ช่วยลดภาระช่วงเกิดภัยพิบัติ
รายละเอียด
(30 พ.ย. 68) นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ภารกิจเร่งด่วนในตอนนี้คือการฟื้นฟูโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบให้กลับมาให้บริการผู้ป่วยได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด โดยในส่วนของโรงพยาบาลหาดใหญ่ ทีมช่างจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้เข้าช่วยฟื้นฟู ขณะนี้ระบบไฟฟ้า น้ำประปา และก๊าซทางการแพทย์ ใช้งานได้ปกติ สามารถให้บริการผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยฉุกเฉิน (พื้นที่ชั่วคราว) และการแพทย์ทางไกลได้ และมีแผนฟื้นฟูให้กลับมาบริการเต็มศักยภาพภายใน 1 เดือน โดยสัปดาห์แรกจะเปิดบริการห้องฉุกเฉิน แผนกผู้ป่วยนอก และห้องปฏิบัติการบางส่วน สัปดาห์ที่ 1-2 ขยายแผนกผู้ป่วยใน ผู้ป่วยวิกฤติ ห้องผ่าตัด คลินิกพิเศษเฉพาะทางนอกเวลาราชการ และเพิ่มแผนกผู้ป่วยนอกเฉพาะทาง และสัปดาห์ที่ 3-4 ให้บริการเต็มระบบ ขณะที่ รพ.สต.ภายใต้สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ในอำเภอหาดใหญ่ ที่ได้รับผลกระทบ 16 แห่ง เหลือปิดบริการ 1 แห่ง ที่ รพ.สต.คลองแห
สำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายสิทธิบัตรทองที่ต้องฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (HD) หรือทำการล้างไตทางช่องท้อง (PD) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมให้บริการผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง บูรณาการความร่วมมือของโรงพยาบาล สมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย และบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด จัดส่งน้ำยาล้างไตให้ผู้ป่วย โดยผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง (PD) ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เช่น บ้านน้ำท่วมจนอยู่อาศัยไม่ได้ ต้องย้ายไปอยู่ศูนย์อพยพหรือบ้านญาติ โดยที่น้ำยาล้างไตถูกน้ำท่วมเสียหาย หรือไม่สามารถเก็บรักษาได้ตามมาตรฐาน บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด สามารถจัดส่งน้ำยาล้างไตไปให้ยังที่พักใหม่ของผู้ป่วยได้ โดยขอให้ผู้ป่วยหรือญาติดำเนินโทรแจ้งที่อยู่ใหม่กับ สปสช. สายด่วน 1330 (โทรฟรี 24 ชั่วโมง)
นอกจากนี้ สปสช. ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สายด่วน 1330 โทรและส่ง SMS แจ้งผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย
ในพื้นที่น้ำท่วม เพื่อสอบถามผลกระทบและให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด สำหรับผู้ป่วยที่ยังสามารถอาศัยอยู่ในบ้านได้ และไปรษณีย์สามารถเข้าพื้นที่ทางเรือหรือช่องทางอื่นได้ จะได้รับน้ำยาล้างไตส่งถึงบ้านตามปกติ ขณะนี้ได้เริ่มโทรประสานและส่ง SMS ผู้ป่วยไต โดยเริ่มจากพื้นที่ จ.สงขลา แล้ว จำนวน 284 ราย
โดยเน้นย้ำว่า ผู้ป่วยไตสิทธิบัตรทองไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายจากการเปลี่ยนหน่วยฟอกไต การฟอกไตที่หน่วยสำรอง หรือการจัดส่งน้ำยาล้างไตไปยังที่พักใหม่ รัฐบาล โดย สปสช.จะดูแลสิทธิประโยชน์และการเบิกจ่ายให้ตามหลักเกณฑ์กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งการให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) เร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยออกมาตรการ “พักหนี้–ดีพร้อม
ช่วยฟื้น” เพื่อบรรเทาภาระการเงินและเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการกลับมายืนได้อีกครั้ง ประกอบด้วยมาตรการ
• พักชำระหนี้ต้น–ดอก สูงสุด 4 เดือน สำหรับลูกหนี้เดิม
• ปรับลดค่างวด – ขยายระยะเวลาชำระหนี้ให้นานขึ้น (ไม่เกิน 2 ปี)
• ลูกหนี้รายใหม่ขอสินเชื่อ “เงินง่าย ฟื้นได้ ช่วยภัยพิบัติ” วงเงินรายละไม่เกิน 5 แสนบาท ดอกเบี้ย 0%
นาน 6 เดือนแรก
• พักชำระหนี้ดอกเบี้ยอีก 3 เดือน สำหรับรายที่ต้องการบรรเทาเร่งด่วน
• กรณีลูกหนี้เดิมที่ได้รับผลกระทบหนัก สามารถขอ รีไฟแนนซ์ (Refinance) ลดภาระดอกเบี้ยได้
และยังสั่งการให้ DIPROM ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูกิจการที่ได้รับความเสียหาย ช่วยปรับปรุง ซ่อมแซม สร้างสภาพคล่อง ให้โอกาสผู้ประกอบการกลับมาดำเนินธุรกิจต่อโดยเร็ว
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการกรมการขนส่งทางบกบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องยานพาหนะซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นวงกว้าง
กรมการขนส่งทางบก จึงได้จัดตั้ง ศูนย์ประสานงาน “คมนาคมร่วมใจช่วยรถน้ำท่วม” ขึ้น ณ สำนักงานขนส่งจังหวัดสงขลา แห่งที่ 1 (อ.เมืองสงขลา) โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป ศูนย์ฯ แห่งนี้จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางรวบรวมและกระจายข่าวสาร รวมถึงประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายเพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน พร้อมให้คำปรึกษา แนะนำความปลอดภัย และให้บริการซ่อมแซมรถเบื้องต้นซึ่งได้รับความร่วมมือจาก สำนักคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และค่ายรถยนต์ชั้นนำ อาทิ TOYOTA, ISUZU, MITSUBISHI, HONDA, Mercedes Benz, BMW, MAZDA, NISSAN, DEEPAL, SUZUKI, BYD, MG, GWM, YAMAHA รวมถึงพันธมิตรภาคเอกชนอย่าง AUTOBACS และผู้ให้บริการแอปพลิเคชันช่าง (FIXZY, BeNeat, 24FIX, Q-Chang)
สำหรับการให้บริการประชาชน ณ ศูนย์ประสานงาน “คมนาคมร่วมใจช่วยรถน้ำท่วม” ประกอบด้วย
- หน่วยงานกลางประสานงานและบริการข้อมูล: รวบรวมและกระจายข่าวสาร ประสานงานภาคีเครือข่าย
ให้คำแนะนำด้านความปลอดภัย และแจ้งข้อมูลศูนย์บริการรถ
- ตรวจประเมินและซ่อมแซมเบื้องต้น: ให้บริการตรวจประเมินสภาพรถ ให้คำปรึกษา และซ่อมแซมเบื้องต้นโดยมีช่างเทคนิคและทีมบริการจากภาคีเครือข่ายร่วมสนับสนุน
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอ กรมการขนส่งทางบกได้จัดเตรียมพื้นที่สำหรับรองรับรถยนต์ของผู้ประสบภัยให้นำมาจอดพักได้ฟรี ระหว่างรอการดำเนินการ ณ สำนักงานขนส่งจังหวัดสงขลา แห่งที่ 1 (อ.เมืองสงขลา) รองรับรถยนต์ได้จำนวน 50 คัน และสำนักงานขนส่งจังหวัดสงขลา แห่งที่ 2 (อ.หาดใหญ่) รองรับรถยนต์ได้จำนวน 20 คัน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ประสานงานฯ สายด่วน 1584 หรือ โทร 074 330 251-2 หรือที่ Facebook สำนักงานขนส่งจังหวัดสงขลา
จัดรถรับ-ส่งประชาชน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป ฟรี จำนวน 4 เส้นทาง (รถตู้ รถบัสปรับอากาศ)
- ศูนย์พักพิงฯ ม.อ. – สนามบินหาดใหญ่
- ศูนย์พักพิงฯ ม.อ. – สถานีขนส่งฯ (สงขลา)
- ศูนย์พักพิงฯ ม.อ. – สถานีขนส่งฯ (คลองเรียน)
- ศูนย์พักพิงฯ ม.อ. – สถานีขนส่งฯ (ตลาดเกษตร)
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สั่งการให้สถานศึกษาในสังกัดร่วมลงพื้นที่ช่วยประชาชนอย่างเต็มกำลัง โดยนายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้จัดตั้ง “ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix it Center)” เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ซึ่งได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2568 ให้บริการเวลา 08.00-18.00 น. โดยในพื้นที่จังหวัดสงขลา
ได้เปิดให้บริการแล้ว 6 ศูนย์ และอยู่ระหว่างเปิดอีก 44 ศูนย์ เพื่อให้ได้ 50 ศูนย์ตามเป้าหมายที่วางไว้
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้ระดมกำลังจากสถานศึกษาอาชีวศึกษาทั่วประเทศ มีผู้บริหาร
คณะครู บุคลากรอาชีวศึกษา และนักเรียน นักศึกษาอาสาปฏิบัติงานจำนวนกว่า 600 คน โดยศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน Fix it Center กระจายอยู่ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ได้แก่ อ.หาดใหญ่ จะนะ นาทวี นาหม่อม เมืองสงขลา สิงหนคร สทิงพระ กระแสสินธุ์ ระโนด และรัตภูมิ โดยมีวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่เป็นหน่วยงานประสานงานหลัก ร่วมกับสถานศึกษาอาชีวศึกษาจากหลายจังหวัด ได้แก่ สำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดต่าง ๆ วิทยาลัยเทคนิค และวิทยาลัยการอาชีพในพื้นที่ภาคใต้และภาคกลาง ที่เดินทางมาร่วมปฏิบัติภารกิจ นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชนในจังหวัดอื่น ๆ
ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมภาคใต้คู่ขนานกันไปด้วย
อีกทั้ง ได้เตรียมประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในการเข้าช่วยเหลือโรงเรียนและสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยด้านการทำความสะอาด เคลียร์พื้นที่ การตรวจสอบระบบไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย และครุภัณฑ์การศึกษา เช่น คอมพิวเตอร์ สื่อโสตทัศนูปกรณ์ เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและทั่วถึง
กระทรวงแรงงาน ออก 7 มาตรการฟื้นฟูเร่งด่วน เพื่อช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ทั้งการจ้างงาน ฟื้นฟูอาชีพ เยียวยานายจ้าง–ลูกจ้าง และการซ่อมแซมอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ ประกอบด้วย
1. จ้างงานเร่งด่วน วันละ 300 บาท นานไม่เกิน 10 วัน รวม 4,000 คน
2. เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อฟื้นฟูสถานประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ
3. เงินกู้เพื่อใช้ประกอบอาชีพ และปล่อยกู้ให้ลูกจ้างที่ต้องการซ่อมเครื่องมือทำกิน
4. เงินกู้ปรับปรุงความปลอดภัยในงาน สำหรับกิจการที่ได้รับความเสียหาย
5. เงินค่าจ้าง 50% นาน 6 เดือน สำหรับผู้ประสบเหตุตามหลักเกณฑ์
6. เงินค่าทำศพ ผู้ประกันตนมาตรา 33 รายละ 50,000 บาท
7. เปิดศูนย์ซ่อมรถจักรยานยนต์–เครื่องใช้ไฟฟ้า รวม 48 ศูนย์ในพื้นที่ภาคใต้

#สาธารณสุขอุตสาหกรรมคมนาคมศึกษาแรงงานออกมาตรการเร่งด่วนบรรเทาผลกระทบผู้ประสบอุทกภัย #กระทรวงสาธารณสุข #กระทรวงอุตสาหกรรม #กระทรวงคมนาคม #กระทรวงศึกษาธิการ #กระทรวงแรงงาน #4เดือนทำทันที
#นโยบายรัฐบาล20กระทรวง

นายกฯ สั่งเร่งฟื้นฟูสาธารณูปโภค ตั้งเป้า 7 วันชาวหาดใหญ่ได้กลับบ้าน 14 วันต้องสะอาด เร่งจ่ายเงินเยียวยาไม่ให้ตกหล่น สถาน...
01/12/2025

นายกฯ สั่งเร่งฟื้นฟูสาธารณูปโภค ตั้งเป้า 7 วันชาวหาดใหญ่ได้กลับบ้าน 14 วันต้องสะอาด
เร่งจ่ายเงินเยียวยาไม่ให้ตกหล่น
สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เริ่มคลี่คลายแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่หาดใหญ่อีกครั้ง โดยสั่งการให้จังหวัดสงขลาเร่งจ่ายเงินเยียวยาครัวเรือนละ 9,000 บาท ให้ถึงมือประชาชนโดยเร็วที่สุด โดยจังหวัดสงขลาได้เร่งสำรวจทะเบียนผู้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยาซึ่งมีประมาณ 500,000 กว่าราย และส่วนที่เร่งสำรวจเสร็จแล้วก็จะให้โอนเงินเยียวยาให้ประชาชนก่อน ขณะนี้พร้อมโอนในล็อตแรกให้กว่า 120,000 ครัวเรือน ภายในสัปดาห์นี้ สำหรับบ้านเช่าที่ถูกน้ำท่วมแต่ไม่มีทะเบียนบ้าน ไม่มีสัญญาเช่า แต่อยู่อาศัยประจำจริงสามารถใช้ใบเสร็จค่าน้ำหรือค่าไฟ เป็นหลักฐานยืนยันที่อยู่รับสิทธิ์ได้เพื่อไม่ให้เกิดการตกหล่น ส่วนการฟื้นฟูได้ย้ำไปยังนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดว่า ใน 7 วันประชาชนต้องได้กลับบ้าน และ 14 วันหาดใหญ่ต้องสะอาด พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบประจำอยู่ในพื้นที่ เนื่องจากมีสิ่งที่ต้องดำเนินการอีกหลายอย่างและใช้งบประมาณที่ประกาศเป็นพื้นที่ฉุกเฉินให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) รายงานล่าสุดการจ่ายน้ำประปาในพื้นที่หาดใหญ่ ดำเนินการแล้วประมาณ 60% ของพื้นที่ ครอบคลุมโรงพยาบาลหาดใหญ่ และบริเวณตลาดกิมหยง การจ่ายกระแสไฟฟ้าคืนให้กับประชาชนพบว่า สามารถจ่ายไฟได้แล้ว 85 - 86% โดยพื้นที่สำคัญอย่างโซนธุรกิจ มีการฟื้นฟูระบบไฟฟ้าเกือบสมบูรณ์ 100% แล้ว

รายละเอียด
(30 พ.ย. 68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานประชุมแผนฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางมาติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยได้นำคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาด้วย การเดินทางมาครั้งนี้เป็นการเดินทางมาครั้งที่ 4 ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งทุกครั้งที่กลับไปได้เร่งหาวิธีการแก้ไขปัญหา เยียวยาสถานการณ์ และเร่งดำเนินการทำให้ประชาชนที่ประสบภัยได้กลับบ้านโดยเร็วที่สุด ช่วงนี้ต้องถือเป็นช่วงฟื้นฟู การเชิญทุกคนมาเพื่อให้ได้เห็นสภาพที่เกิดขึ้นจริง เพื่อจะได้คิดหาวิธีการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาเพื่อนำไปสู่การฟื้นฟู โดยเฉพาะการเร่งมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ เพื่อเร่งฟื้นฟูให้คืนสภาพจังหวัดสงขลากลับมาเป็นปกติ ทั้งนี้ในเรื่องของการเร่งฟื้นฟูสภาพเมืองสงขลา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลานั้น ได้เร่งบูรณาการทุกภาคส่วน ให้ระดมทรัพยากรทั้งหมดลงมาเร่งฟื้นฟู เพื่อให้อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลากลับสู่สภาพปกติโดยเร็วที่สุด รวมทั้งในส่วนของประชาชน รัฐบาลได้เตรียมการเยียวยา ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบอนุมัติวงเงินช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ประสบเหตุอุทกภัยแล้วครัวเรือนละ 9,000 บาท โดยจังหวัดสงขลาได้เร่งสำรวจทะเบียนผู้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยาซึ่งมีประมาณ 500,000 กว่าราย และส่วนที่เร่งสำรวจเสร็จแล้วก็จะให้โอนเงินเยียวยาให้ประชาชนก่อน โดยขณะนี้พร้อมโอนในล็อตแรกให้กว่า 120,000 ครัวเรือน ภายในสัปดาห์นี้
ครั้งนี้ สิ่งที่ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและฝ่ายปกครองเร่งดำเนินการโดยเร็วด้วยคือ บ้านเช่า เพราะไม่ใช่เจ้าของ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีเอกสารการเช่า โดยให้ผู้เช่านำหลักฐานการจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ มาใช้รับสิทธิ์การเยียวยาครั้งนี้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดการตกหล่น ดังนั้น เมื่อเป็นผู้เช่าก็จะได้รับด้วยภายใต้กฎระเบียบของ ปภ. เมื่อประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน และ ปภ. ได้ประกาศเป็นระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด เจ้าของบ้านก็จะได้รับค่าซ่อมบ้าน วงเงินครัวเรือนละประมาณ 49,000 บาท โดยได้จัดเตรียมงบไว้ทั้งหมดแล้ว ขณะที่มาตรการเยียวยาทางการเงิน เช่น การให้กู้สินเชื่อต่าง ๆ ที่มีดอกเบี้ย แต่ละครัวเรือนมีภาระต่างกันก็จะให้ตามศักยภาพ ซึ่งถือเป็นอีกช่องทางหนึ่ง ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ เร่งจัดมหกรรมต่าง ๆ ให้ครบทุกมุมเมือง เพื่อระดมนำสินค้าในราคาทุนมาจำหน่ายให้กับประชาชน
มาตรการเหล่านี้ถือเป็นมาตรการการฟื้นฟูเบื้องต้น ซึ่งคาดว่าภายในช่วงเวลา 1 เดือนทุกอย่างน่าจะกลับคืนสู่สภาพที่เป็นปกติมากที่สุด เรื่องระบบการสาธารณสุข ในกรณีผู้เสียชีวิตได้สั่งการให้เร่งดำเนินการคืนให้กับครอบครัวให้เร็วที่สุด เพื่อไปประกอบกิจกรรมศาสนาต่อไป
ด้านการฟื้นฟูสภาพบ้านเมือง เมื่อน้ำหมดจะได้เห็นสภาพบ้านเมืองจริง ทั้งขยะ และกลิ่นต่าง ๆ สิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการคือต้องชะล้างออกไปโดยเร็วที่สุด ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่ามีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่ประกอบธุรกิจด้านนี้ เช่น ธุรกิจเก็บของเก่า ที่สามารถเร่งระดมทุกทรัพยากรเข้ามาช่วยเหลือได้ และในด้านผู้ว่าราชการจังหวัดเองมีงบ 100 ล้านบาท ขอฝากให้ช่วยกันหาแนวทางเร่งระดมช่วยเหลือ ทั้งนี้ได้อนุญาตให้ทางจังหวัดสามารถจัดจ้างผู้รับจ้างขนของออกจากตัวเมืองหาดใหญ่ได้ และเน้นย้ำไปยังนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ว่า ใน 7 วันประชาชนต้องได้กลับบ้าน และ 14 วันหาดใหญ่ต้องสะอาด
ด้านประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา ได้รายงานข้อเสนอต่อที่ประชุม แบ่งเป็น 3 หมวด ดังนี้
หมวดที่ 1 : มาตรการเยียวยา ช่วยเหลือ และฟื้นฟู มาตรการในหมวดนี้มุ่งให้ภาคธุรกิจ ประชาชน และแรงงาน สามารถกลับมายืนได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพียงการเยียวยาระยะสั้น แต่เป็นแรงผลักเพื่อให้เมืองกลับมาเดินหน้าเศรษฐกิจได้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว
หมวดที่ 2 : การป้องกัน การเตือนภัย และการกู้ภัย : หมวดนี้เสนอให้มีระบบการเตรียมพร้อมและการบริหารจัดการภัยพิบัติที่เป็นระบบเพื่อไม่ให้เมืองหาดใหญ่ต้องเผชิญวิกฤตแบบเดิมอีก รวมถึงต้องสามารถอพยพคนได้จริงหากมีเหตุฉุกเฉิน
หมวดที่ 3 : มาตรการระยะยาวเพื่ออนาคตของเมืองหาดใหญ่ เมืองหาดใหญ่จำเป็นต้องได้รับการป้องกันด้วยระบบวิศวกรรมสมัยใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมอีกในอนาคต
ทั้งนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบประจำอยู่ในพื้นที่ เนื่องจากมีสิ่งที่ต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง ให้ใช้งบประมาณที่ประกาศเป็นพื้นที่ฉุกเฉินให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้เดินทางมายังโรงพยาบาลหาดใหญ่ รับทราบแผนบริหารจัดการขยะ
ที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ ซึ่งหน่วยทหารได้เข้ามาช่วยจัดเก็บขยะจากโรงพยาบาล ทั้งนี้ การบริหารจัดการขยะในช่วงนี้ดำเนินการในช่วงกลางคืน เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรในช่วงกลางวัน พร้อมกับได้เดินดูการทำงานของรถตักขยะ
รถขนขยะ
นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) ประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) ครั้งที่ 5/2568 ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการและโฆษกศูนย์ และนางสาวรัชดา ธนาดิเรก กรรมการและโฆษกศูนย์ เข้าร่วมประชุม
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า พลเอก ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร ผู้แทน ศป.กฉ.ส่วนหน้า ได้รายงานการฟื้นฟูและช่วยเหลือประชาชนหลังภัยพิบัติ ว่า ขณะนี้ส่วนหน้าได้ปรับภารกิจจากการกู้ภัยเป็น “การฟื้นฟูและช่วยเหลือประชาชน” โดยภายใน 48 ชั่วโมงย้อนหลังได้นำระบบ Jitasa.care มาช่วยเสริมในการตรวจสอบ (double check) พบว่าได้ช่วยเหลือประชาชนไปแล้วกว่า 1.8 หมื่นราย แม้ว่าน้ำลดลงแล้ว ยังมีการแจกอาหารน้ำดื่มอย่างต่อเนื่อง ด้านการแก้ไขระบบสาธารณูปโภค ได้ประสานและติดตามความคืบหน้ากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ทุกระบบกลับมาใช้การได้ภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ นายภราดร ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพิ่มจุดพักขยะใน 4 โซนที่ได้แบ่งไว้ ประเด็นการย้ายรถยนต์ในพื้นที่น้ำท่วมนั้น ตำรวจในพื้นที่ได้รับมอบหมายจาก ศป.กฉ.ส่วนหน้า ทำภารกิจย้ายรถที่กีดขวาง ปัจจุบันมีพื้นที่รองรับการขนย้ายแล้ว และจะขยายพื้นที่ให้มากขึ้น สำหรับการส่งศพคืนญาตินั้น ได้ดำเนินการประสานกับคณะแพทย์ยืนยันว่ามีความพร้อม
ส่วนกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้ระดมช่างฝีมือในเครือข่ายลงพื้นที่ไปให้บริการซ่อมแซม รถจักรยานยนต์ เครื่องมือ เครื่องยนต์เล็กการเกษตร ซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า และตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในบ้าน ซึ่งในจังหวัดสงขลาจะมีจุดให้บริการอยู่ 5 จุด คือ 1.วัดเกาะเสือ 2. บริษัทสยามแบตเตอรี่ หาดใหญ่ 3. โรงเรียนแสงทองวิทยา
4.โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยา และ 5. เทศบาลเมืองหาดใหญ่ นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาลงพื้นที่ให้บริการซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ
ส่วนเรื่องการจ่ายน้ำประปาในพื้นที่หาดใหญ่ ล่าสุดการประปาส่วนภูมิภาคได้ดำเนินการแล้วประมาณ 60% ของพื้นที่ ครอบคลุมโรงพยาบาลหาดใหญ่ รวมทั้งบริเวณตลาดกิมหยง และจะเพิ่มการจ่ายน้ำประปาไปยังพื้นที่อื่น ๆ เช่น สนามบิน และพื้นที่รอบข้าง ส่วนเมืองสงขลาจะเร่งซ่อมแซมสถานีสูบน้ำให้ครบทั้งหมด คาดว่าจะสามารถจ่ายน้ำได้ครบทั้งหาดใหญ่และสงขลาในอีก 2 - 5 วันข้างหน้า
ทั้งนี้ จำนวนผู้ขอรับความช่วยเหลือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่ามีแนวโน้มลดลงอย่างมาก และเรื่องที่ร้องขอส่วนใหญ่เป็นเรื่องการสนับสนุนการเก็บกวาด ทำความสะอาดพื้นที่และสิ่งของที่ได้รับผลกระทบ ซึ่ง ปภ. ได้ระดมทรัพยากรและกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และเตรียมนำแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” เข้ามาใช้ยืนยันข้อมูลของผู้ประสบอุทกภัย เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่วนการจ่ายเงินเยียวยานั้น กรมการปกครองจะเร่งดำเนินการให้เสร็จโดยเร็วที่สุด
สำหรับความคืบหน้าการจ่ายกระแสไฟฟ้าคืนให้กับประชาชนพบว่า สามารถจ่ายไฟได้แล้ว 85 - 86% และเหลือผู้ใช้ไฟประมาณกว่า 23,500 รายที่อยู่ระหว่างการเร่งดำเนินการ โดยพื้นที่สำคัญ ๆ อย่างโซนธุรกิจ ได้มีการฟื้นฟูระบบไฟฟ้าเกือบสมบูรณ์ 100% แล้ว ทั้งนี้ ภายใน 1 - 2 วันข้างหน้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กปภ.) จะพยายามจ่ายไฟคืนให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้บางพื้นที่ที่ยังไม่สามารถจ่ายไฟได้นั้น เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต
ซึ่งจำเป็นต้องตรวจสอบและแก้ไขให้ปลอดภัยก่อนจ่ายกระแสไฟฟ้ากลับเข้าสู่ระบบ
ด้าน กสทช. รายงานว่า ในพื้นที่ที่ยังไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ได้ใช้ระบบดาวเทียมเข้าไปสนับสนุนเพื่อให้ประชาชนสามารถสื่อสารและติดต่อกันได้ หาก กฟภ. สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ครบทั้ง 8 จุด ระบบสื่อสารจะสามารถกลับมาครอบคลุมได้เต็ม 100% ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ส่วนมาตรการลดค่าบริการนั้น อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อให้โอเปอเรเตอร์ต่าง ๆ นำไปปฏิบัติ นอกจากนี้ จะปรับปรุงและวางโครงข่ายเสาสัญญาณใหม่
ในบางพื้นที่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและรองรับสถานการณ์ในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น

#นายกสั่งเร่งฟื้นฟูสาธารณูปโภค #ตั้งเป้า7วันชาวหาดใหญ่ได้กลับบ้าน14วันต้องสะอาด #เร่งจ่ายเงินเยียวยาไม่ให้ตกหล่น #กระทรวงมหาดไทย #สำนักนายกรัฐมนตรี #4เดือนทำทันที #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง

01/12/2025

รายการ ผู้ว่าพังงาพบประชาชน สวท.พังงา FM 100 MHz

30/11/2025

รัฐบาลไม่ทิ้งประชาชน

30/11/2025
30/11/2025

💥กสทช.” ออกมาตรการเยียวยาประชาชนในพื้นที่ประสบภัย “น้ำท่วม” เน็ตฟรี 10 GB โทรฟรี 100 นาที ทุกค่าย 💥

30/11/2025

💥ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวง คืนเงินให้แก่ผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้ได้รับเงินคืนอย่างรวดเร็ว

#ครมเห็นชอบร่างกฎกระทรวงคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี #กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม #4เดือนทำทันที #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง

ที่อยู่

เลขที่ 2 ถนนเทศบาลบำรุง ตำบลท้ายช้าง อำเภอเมือง
Phangnga
82000

เวลาทำการ

จันทร์ 08:30 - 16:30
อังคาร 08:30 - 16:30
พุธ 08:30 - 16:30
พฤหัสบดี 08:30 - 16:30
ศุกร์ 08:30 - 16:30

เบอร์โทรศัพท์

+6676460660

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สวท.พังงา กรมประชาสัมพันธ์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง สวท.พังงา กรมประชาสัมพันธ์:

แชร์

Our Story

วันที่ 19 กรกฎาคม 2519 สถานีวิทยุกระจายแห่งประเทศไทย จังหวัดพังงา ออกอากาศส่งกระจายเสียงอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกด้วยระบบ เอ.เอ็ม ความถี่ 1341 กิโลเฮริซ์ โดยใช้อาคารศาลากลางจังหวัดพังงาหลังเก่าปรับปรุงเป็นห้องส่งใช้ออกอากาศเผยแพร่ข้อมูล ส่วนเครื่องส่งเป็นเครื่องที่กองช่างกรมประชาสัมพันธ์ จัดสร้างขึ้นเองขนาดกำลังส่ง10 กิโลวัตต์ เนื่องจากยังไม่ได้รับงบประมาณจนกระทั่งปี 2524 จึงได้รับการจัดสรรงบประมาณ ในการก่อสร้างอาคาร สำนักงานและบ้านพัก พร้อมทั้งย้ายมาอยู่ ณ อาคารสำนักงานแห่งใหม่ เลขที่ 2 ถนนเทศบาลบำรุง ตำบลท้ายช้าง อำเภอเมือง จังหวัดพังงา เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม2526 เนื่องจากเครื่องส่งระบบ เอ. เอ็ม. ของ สวท.พังงา เป็นเครื่องส่งที่กองช่างกรมประชาสัมพันธ์ จัดสร้างขึ้นเองกอปรกับใช้งานมานานถึง 26 ปีเศษ ประสิทธิภาพของเครื่องส่งจึงลดน้อยด้อยลงตามกาลเวลา อุปกรณ์ต่าง ๆ หมดอายุการใช้งานจนไม่สามารถซ่อมแซมเพื่อใช้งานได้อีกต่อไป จึงเป็นที่น่ายินดีที่ในปีงบประมาณ 2545 กรมประชาสัมพันธ์ ได้จัดสรร งบประมาณจัดซื้อเครื่องส่ง เอ.เอ็ม เครื่องใหม่ขนาด 10 กิโลวัตต์ ให้สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดพังงา พร้อมอุปกรณ์ส่วนควบตลอดจนปรับปรุงห้องเครื่องส่ง ระบบการส่ง และอุปกรณ์ห้องส่งใหม่ทั้งหมด ดำเนินการติดตั้งเสร็จเรียบร้อยและเริ่มส่งกระจายเสียงตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2545 เป็นต้นมา สำหรับระบบ เอฟ.เอ็ม ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 โดยผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดพังงา ( นางสาวนิ่มนวล เขียวหวาน ) ได้ขออนุมัติอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ในขณะนั้น ( นายชั้น พูลสมบัติ ) ขอนำเครื่องส่งเก่าจากสถานีวิทยุกระจายแห่งประเทศไทย จังหวัดชุมพร ซึงใช้งาน มานานถึง 30 ปีเศษ ปรับปรุงซ่อมแซมใหม่ จนสามารถใช้งานได้ในระดับหนึ่ง และถือฤกษ์ออกอากาศส่งกระจายเสียงด้วยความถี่ เอฟ.เอ็ม. ความถี่ 100 มกกะเฮริซ์ เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2539 ซึ่งเป็นวันฉัตรมงคล และถือเป็นกิจกรรมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในปีกาญจนาภิเษก แต่เนื่องจากสภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปของจังหวัดพังงา เป็นภูเขาล้อมรอบ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการส่งกระจายเสียงเป็นอย่างมากเพราะรัศมีในการส่งกระจายเสียงไม่สามารถครอบคลุมได้ทุกพื้นที่ กอรป์กับประสิทธิภาพของเครื่องส่งก็ไม่สมบูรณ์ ร้อยเปอร์เซ็น จึงได้พิจารณาย้ายเครื่องส่งขึ้นไปติดตั้งบนเขาช้าง ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1000 ฟิต ทำให้รัศมีการส่งกระจายเสียงครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้น อย่างไรก็ดี เนื่องจากเป็นเครื่องส่งเก่าที่ใช้งานมานานถึง 30 ปีเศษอุปกรณ์ต่าง ๆ หมดอายุการใช้งานแล้ว เครื่องจึงขัดข้องบ่อยครั้งมากการส่งกระจายเสียงไม่เป็นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อการประชาสัมพันธ์งานโครงการและนโยบายต่าง ๆของรัฐบาลเป็นอย่างมาก จึงได้รับอนุมัติจากรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ฝ่ายปฏิบัติการ ( นายสมพงษ์ วิสุทธิ์แพทย์ ตำแหน่งในขณะนั้น ) ให้นำเครื่องส่ง เอฟ.เอ็มจากสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดจันทบุรี ( ใช้งานมาแล้ว 7 ปี ) มาติดตั้งใช้งานที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดพังงา โดยเจ้าหน้าที่จากสำนักส่งเสริมและพัฒนางานเทคนิคกรมประชาสัมพันธ์ได้นำมาติดตั้งและใช้งานตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2541

ปี พ.ศ. 2551 ได้รับจัดสรรเงินงบประมาณจากกรมประชาสัมพันธ์ จัดซื้อเครื่องส่งพร้อมอุปกรณ์ส่วนควบ ปรับปรุงห้องส่งพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ห้องส่งใหม่ทั้งหมด ซึ่งได้ใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน