04/07/2025
ภาครัฐ เจ้าของเรือ ผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยง
ว นักดำน้ำ ทุกคนควรถอดบทเรียนแล้วเตรียมพร้อมกันอย่างสม่ำเสมอ!
ช่วงปลายซีซั่นที่ผ่านมา ข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งของวงการดำน้ำไทยน่าจะเป็นการจมของเรือ liveaboard ชื่อ Dive Race class E บริเวณเรือจมบุญสูง ซึ่งภาพสุดท้ายของเรือลำนี้คือไฟไหม้จนจมไปทั้งลำ ภายในเวลากว่า 7 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ โชคดีว่าไม่มีผู้เสียชีวิตเลย แต่ว่าความสูญเสียนั้นมหาศาลมากเพราะไฟไหม้จนหมดทั้งลำ ไม่สามารถเก็บกู้อะไรได้เลย
พอดีว่า Dive Magazine เพิ่งออกบทความสัมภาษณ์ผู้อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นมาให้อ่านกัน เลยขอเอามาสรุปเพื่อเป็นบทเรียนให้เราหลีกเลี่ยงความสูญเสียกันค่ะ มีข้อมูลที่น่าสนใจหลายอย่างค่ะ
1. - ต้นเพลิงน่าจะมาจากเครื่องปั่นไฟที่ทำงานหนักเกินแล้วช็อตไหม้ เรือลำนี้มีเครื่องปั่นไฟ 2 เครื่อง แต่ดูเหมือนว่าจะพังไปเครื่องหนึ่งก่อนหน้า เครื่องปั่นไฟเครื่องเดียวที่ทำงาน overload จึงน่าจะเป็นต้นกำเนิดไฟ
2. - คนที่สังเกตเห็นควันไฟเป็นคนแรกคือลูกค้าดำน้ำซึ่งนอนไม่หลับและนั่งเล่นอยู่ที่พื้นที่ส่วนกลางด้านบน หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีควันหนาแน่นที่ห้องด้านล่าง และปลุกนักดำน้ำหลายคนในห้องให้ตื่น
3. - บนเรือไม่มีการส่งสัญญาณอพยพ ไม่มีเสียงกริ่งเตือนภัย เป็นพวกนักดำน้ำด้วยกันเองที่ช่วยกันตะโกนแจ้งภัย
4. - นอกจากไม่มีสัญญาณเตือนภัยแล้ว บนเรือก็ยังไม่มี smoke detector อีกด้วย แถมเพิ่มอีกว่าอุปกรณ์ดับเพลิงที่มีบนเรือเป็นแบบเบสิคซึ่งไม่เพียงพอ
5. - ในส่วนของลูกเรือนั้น ลูกค้าพูดตรงกันว่าการบริการและดูแลทริปดีมาก แต่ลูกเรือไม่พร้อมกับการรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉินเลย น่าจะไม่เคยมีการซ้อมจำลองเหตุการณ์ฉุกเฉินมาก่อน การบรีฟเหตุฉุกเฉินก่อนออกเรือก็ทำไปแบบผ่านๆ แค่บอกว่าอะไรอยู่ตรงไหน ในวันเกิดเหตุลูกค้าและไดฟ์หลีดเป็นคนที่ช่วยกันปล่อยเรือชูชีพ และเปิดไฟฉายโทรศัพท์เพื่อเรียกเรือลำข้างๆ ให้มากู้ภัย
6. - ซึ่งในส่วนของลูกเรือก็มีข้อสังเกตุเพิ่มต่ออีกว่า ไม่มีการจัดเวรยามกะกลางคืนไว้เฝ้าเรือเผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งถ้าหากไม่มีลูกค้าที่นอนดึกคนนั้น การเสียหายน่าจะรุนแรงมากกว่านี้
7. - เรือที่เข้ามาช่วยนั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีเวรกะกลางคืนเช่นกัน เพราะผู้ประสบภัยส่งสัญญาณไฟ เรียกอยู่นานมากกว่าเรือจะรู้ตัวและเข้ามาช่วย การส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือเป็นไปอย่างล่าช้าเพราะเรือไฟดับ และวิทยุสื่อสารไม่มีแบตสำรอง
8.- หนึ่งในลูกค้าดำน้ำผู้ประสบภัย เป็นครอบครัวพ่อแม่ลูก 4 คน ซึ่งคุณพ่อที่เป็นนักบินผู้ช่วย ได้สมมติสถานการณ์ฉุกเฉินให้ลูกและภรรยาฟังอยู่ตลอดตั้งแต่ก่อนจะมีเหตุร้ายว่า ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินให้หนีเอาตัวให้รอดก่อน ไม่ต้องเป็นห่วงกัน โชคดีที่ลูกทั้ง 2 คนทำตามได้อย่างดี และพวกเค้ามาเจอกันที่ดาดฟ้าและโดดหนีลงจากเรือตามกันมา
ข้อมูลคร่าวๆ ก็ประมาณนี้ จะเห็นได้ว่าเป็นความโชคร้ายที่ซ้อนกันพอดีจนกลายเป็นเหตุเสียหายใหญ่ เริ่มต้นจากเครื่องปั่นไฟที่พังซึ่งอาจจะเป็นเพราะการบำรุงรักษาไม่ดี ตามมาด้วยไม่มีคนเฝ้าระวังเวรกะกลางคืน ตามมาด้วยอุปกรณ์เตือนไม่เพียงพอ ตามต่อด้วยอุปกรณ์ดับไฟไม่เพียงพอ โชคดีของเหตุการณ์นี้คือไม่มีใครเสียชีวิตเลย แต่อาจจะเป็นเพราะความคล่องตัวและประสบการณ์ส่วนบุคคลของลูกค้านักดำน้ำหลายคน เช่น หนึ่งในผู้ให้สัมภาษณ์นี้เป็นนักบินผู้ช่วย และอีกคนเป็นนายทหาร US Navy
ทุกคนย้ำตรงกันว่าลูกเรือน่ารักมากและเป็นคนดี แต่พวกเค้าไม่ได้รับการเตรียมพร้อมสำหรับการรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ ซึ่งเคสอุบัติเหตุบนเรือดำน้ำต่างประเทศก็มักจะเป็นแบบเดียวกัน
อ่านจบแล้วก็รู้สึกอยากให้ผู้ประกอบการเรือดำน้ำทั้งหลายจัดซ้อมลูกเรือรับมืออุบัติเหตุให้บ่อยๆ เลยค่ะ เพราะนอกจากอุปกรณ์รับภัยบนเรือพร้อมแล้ว คนจัดการต้องพร้อมกว่ามาก และการสมมติสถานการณ์เหตุฉุกเฉินไว้ล่วงหน้าคือสกิลที่ควรหัดไว้ตลอดเวลาค่ะ เวลาฉุกเฉินจริงมันจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้
บทสัมภาษณ์ค่อนข้างยาว แยกเป็น 2 ตอน link ต้นฉบับอยู่ใน comment ค่ะ
/ มีน