10/10/2025
สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ขับเคลื่อนงานปฏิบัติการนำร่องพื้นที่เขตชายแดน อ.ภูซาง การแก้ปัญหามลพิษหมอกควันอย่างยั่งยืน
เมื่อเร็วๆ นี้ (7 ต.ค.68) สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI โดยโครงการพัฒนาความร่วมมือเมืองคู่ขนานไทย-ลาว-เมียนมา ขับเคลื่อนการจัดการและลดมลพิษหมอกควันข้ามแดน นำโดย นางสาววิลาวรรณ น้อยภา ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรธรรมชาติ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หัวหน้าโครงการ และคณะนักวิจัย ร่วมประชุมหารือการขยายความร่วมมือและยกระดับการดำเนินงานร่วมกับอำเภอภูซาง โดยมีคุณสมชาย วงศ์จริยะเกษม นายอำเภอภูซาง เป็นประธานการประชุม ร่วมกับ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง หัวหน้าเกษตรอำเภอ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ สำนักจัดการไฟป่า งานความมั่นคง ผู้บริหารท้องถิ่น ท้องที่ ฝ่ายปกครอง ผู้บริหารท้องถิ่น ร่วมการประชุมหารือแนวทางการดำเนินงานและขยายผลพัฒนากลไกความร่วมมือ โดยมีเป้าหมายในการขยายความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และพัฒนาแผนปฏิบัติการลดการเผาในพื้นที่นำร่อง
นางสาววิลาวรรณ น้อยภา ได้ร่วมนำเสนอแผนการดำเนินงานและเป้าหมายการขยายความร่วมมือการดำเนินการลดการเผาเพื่อลดหมอกควันข้ามแดน ในพื้นที่เป้าหมายการขับเคลื่อนการดำเนินงานในพื้นที่อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา ซึ่งจากการหารือพบว่า อ.ภูซาง ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการลดจุดความร้อนในปี 2567 ได้มากกว่า 60% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ผ่านการดำเนินงานตาม "ภูซางโมเดล" ซึ่งเน้นการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างเข้มแข็ง ทั้งนี้ ได้ร่วมหารือถึงแนวทางการสร้างกิจกรรมนำร่องในพื้นที่ตำบลภูซาง และตำบลทุ่งกล้วย เพื่อลดการเผาอย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้นวัตกรรมและแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม และสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างพื้นที่ และต่อยอดจากความสัมพันธ์และต้นทุนเดิมที่พื้นที่นั้นๆ มีอยู่ เพื่อให้เกิดเป็นกิจกรรมลดการเผาที่เป็นรูปธรรมในพื้นที่
ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ได้ลงพื้นที่ ต.สบบง อ.ภูซาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีโครงการริเริ่มหลายอย่าง โดยเน้นการปรับปรุงคุณภาพอากาศและทรัพยากรธรรมชาติ โครงการสำคัญคือการ สนับสนุนและติดตั้งเครื่องกรองอากาศสำหรับกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กในศูนย์ดูแลและผู้ป่วยติดเตียง เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจจากมลพิษทางอากาศ นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินการเพื่อ จัดการทรัพยากรน้ำ ผ่านการพัฒนาฝายและการขุดลอกคลอง เพื่อป้องกันภัยแล้งและน้ำท่วม มีการหารือแนวปฏิบัติลดการเผา ได้แก่ การปลูกสมุนไพรและเชื้อเห็ดในป่าชุมชน เพื่อส่งเสริมแหล่งอาหารและลดการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งความพยายามเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการศึกษาและงบประมาณท้องถิ่น โดยมี ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เป็นแกนนำหลักในการดำเนินงานและเฝ้าระวังไฟป่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือในการทำงานกับหน่วยงานต่างๆ แบบบูรณาการ และส่งเสริมการจัดการป่าชุมชนอย่างยั่งยืน รวมทั้งมีพื้นที่นำร่องและแนวปฏิบัติกิจกรรมลดการเผาที่ชัดเจนซึ่งเกิดจากความร่วมมือของคนในพื้นที่เพื่อใช้ขับเคลื่อนความร่วมมือและดำเนินงานแก้ปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดนต่อไป
https://radiophayao.prd.go.th/th/content/category/detail/id/57/iid/430764