ความอ้วนครั้งสุดท้าย

ความอ้วนครั้งสุดท้าย Content creators ออกแบบคอร์สลดน้ำหนัก ให้ความรู้ดีๆ

30/06/2025
02/05/2025
27/01/2025

🍔 เครียดเรื้อรังมักทำให้หิวบ่อยขึ้น เพราะ hypothalamus ปรับตัวให้สร้างพฤติกรรมสะสมพลังงานมากขึ้น

Stress กับ พฤติกรรมการกิน เป็นของคู่กันเสมอ เพราะต้องปรับพฤติกรรมให้แบ่งเวลาไปกิน กับแบ่งเวลาไปสู้กับ stress

เวลามี Stress เข้ามา ไม่ว่าจะทางอารมณ์ความรู้สึก หรือทางความผิดปกติในร่างกาย (เช่น บาดเจ็บ ติดเชื้อ) จะกระตุ้นระบบฮอร์โมนที่สำคัญ เรียกว่า HPA-axis

▪️ระบบนี้เริ่มต้นจากสมองส่วน hypothalamus หลั่งฮอร์โมน CRH

▪️CRH ลอยไปกระตุ้นต่อมใต้สมองส่วนหน้าให้หลั่งฮอร์โมน ACTH

▪️ACTH ลอยมาถึงต่อมหมวกไตส่วนนอก กระตุ้นให้หลั่ง Cortisol

▪️Cortisol จะเป็นตัวหลักนี่แหละ ที่จะปรับให้ร่างกายสู้กับ stress

ในช่วงเครียดแบบเฉียบพลัน (Acute stress) เช่น ฟังข่าวร้าย, แฟนบอกเลิก, ผลการเรียนออกมาไม่ดี ฯลฯ

ระบบ HPA-axis จะกระตุ้นอย่างเฉียบพลัน ทำให้ตัวฮอร์โมนแรกสุดชื่อ CRH พุ่งสูงมาก อาบสมองบริเวณใกล้ๆ ซึ่งมีศูนย์หิวอยู่ ทำให้ระงับความหิว เพื่อเทพฤติกรรมทั้งหมดไปสู้กับ stress ตรงหน้าก่อน

แต่เมื่อเวลาผ่านไปยังจัดการกับ stress ไม่ได้ เครียดอยู่ทุกวันแบบเรื้อรัง (Chronic stress) ระบบ HPA-axis ที่กระตุ้นมายาวนาน จะเริ่มมีฮอร์โมน cortisol สูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่สามารถสั่งให้เกิดการหิวเพิ่มขึ้นได้

และยังไปทำให้สมองส่วนที่มีความสุขกับการกิน (VTA-nAC) ที่เรียกว่า Brain reward system ไวต่อการกระตุ้นอีก

ดังนั้นเครียดเรื้อรัง มักจะหิวเพิ่มขึ้น กินผิดเวลามากขึ้น บางคนหิวตลอดเวลา เพราะสิ่งมีชีวิตถูกพันธุกรรมฝังกลไกมาว่า ถ้าเจออันตรายแบบเรื้อรัง ต้องรีบสำรองอาหารก่อน

แต่ในบางคน เครียดเรื้อรัง จะตามมาด้วยผลเสียของ cortisol นั่นคือ เร่งการฝ่อของสมองหลายจุด ไม่ก็เปลี่ยนแปลงการหลั่งสารสื่อประสาท บางคนมีศูนย์ที่ทำงานเกี่ยวกับความสุขจากการกิน ทำงานลดลง

ทำให้ความสุขจากการกินหายไป ไม่อยากอาหาร ก็จะกลายเป็นกลุ่มที่เครียดเรื้อรังแล้วไม่อยากอาหารไป

ในคนที่พัฒนาเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว เลยมักจะมีพฤติกรรมการกินที่ฉีกออกไปสองทางเลยค่ะ คือกินมากขึ้น กับ เบื่ออาหารไปเลย

🔮 สรุป:
▪️เครียด ผลระยะสั้นคืออยากอาหารน้อยลง ผลจาก CRH
▪️เครียดเรื้อรัง ทำให้อยากอาหารมากขึ้น ผลจาก cortisol
▪️เครียดเรื้อรังในบางคน อาจเบื่ออาหาร จาก cortisol ลดการทำงานของสมองหลายจุด

ดังนั้นย้ำอีกทีว่า สุขภาพจิตสำคัญมาก
อย่าลืมหนี stressor ที่ตัดไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำไง

แต่ stressor ที่ตัดได้ แต่แค่ใจไม่กล้าพอ
ให้ตัดเลยค่ะ สมองน้อยๆ ของเรากำลังโดนเล่นงานนะ
สุดท้ายเปลี่ยนที่รูปร่างด้วยนะ น้ำหนักเพิ่มขึ้นเลยก็มี

16/01/2025

Re-run พื้นฐาน นะครับ

"จำภาพนี้ไว้" นี่คือพื้นฐานที่สุด ที่ผมพยายามสรุป เรื่อง

ระบบย่อยอาหาร-ตับ-ตับอ่อน

หลอดเลือดดำสีน้ำเงิน และ สีฟ้าคือหลอดเลือดที่จะพาเลือด
ออกจากอวัยวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตับอ่อน ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่
และกระเพาะอาหาร ตามภาพนั้นเลยนะครับ

แปลว่า สารอาหารถูกดูดซึม ตั้งแต่กระเพาะ ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่
ใดๆ ล้วนแล้วแต่ต้องไป "ตับ" ลูกศรแดง... ตามทันนะครับ

โปรตีน > ย่อยจนได้ กรดอะมิโน

คาร์บ > ย่อยจนได้น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว

ไขมัน > เฉพาะ กรดไขมันสายสั้น (SCFA)และสายกลาง (MCFA) ที่เข้าตับ
แต่ LCFA จะส่งผ่านระบบท่อน้ำเหลือง...
โดย MCFA ก็มาจากการกิน
SCFA มาจากแบคทีเรีย ที่ย่อยในลำไส้ใหญ่แล้วส่งเข้าหลอดเลือด

ทั้งหมดที่กล่าวมา จะไปที่ "ตับ" เพื่อให้ตับจัดการทุกอย่างก่อน
ตับจะจัดการอย่างไร "ตับไม่ได้คิดเอง" แต่ตับจะรับสัญญาณในการจัด
มาจาก "ฮอร์โมน" (not calories!) ซึ่งมีหลายตัวมากๆ
แต่ตัวที่มจากอวัยวะที่อยู่ติดกันนั่นคือ

"ตับอ่อน" (pancreas) ตับอ่อนจะหลั่ง ฮอร์โมนหลักๆ 2 ตัวเพื่อ
ส่งสัญญาณบอกตับ นั่นคือ

"อินซูลิน" (insulin) และ กลูคากอน (Glucagon)

โดยส่งฮอร์โมน ทั้ง 2 ผ่านหลอดเลือดดำ พุ่งตรงไปยังตับก่อนเลย

นั่นแปลว่า "ตับ" เป็นอวัยวะแรกๆ ที่รับสัญญาณฮอร์โมนที่เข้มข้น
จากตับอ่อนซึ่งอยู่ติดๆกัน

"อินซูลิน" (insulin-I) สั่งตับให้ เก็บน้ำตาลเข้าเซลล์ตับ / เก็บน้ำตาล
เป็นไกลโคเจน และ ไขมัน (DNL)

"กลูคากอน" (Glucagon-G) สั่งตับให้สลายไกลโเจนออกมา เป็นน้ำตาล
และปล่อยออกสู่กระแสเลือด ขณะเดียวกัน ก็ยับยั้งการสร้างไขมันใหม่ (DNL)
ในตับ

ช่วงกิน น้ำตาลขึ้น >> อินซูลิน(I)แรง+กลูคากอน(G)เบา
ชวงงดกิน น้ำตาลในเลือดลงแล้ว >> อินซูลิน(I)เบา+กลูคากอน(G)แรง

สลับไปมาแบบนี้ ตอบสนองต่อ "สารอาหารในสิ่งที่กิน" ล้วนๆ
ไม่ใช้ "พลังงานในสิ่งที่กิน"

น้ำตาลมากี่กรัม อินซูลินก็ออกมาเพื่อเคลียร์น้ำตาล ส่วนนั้น จนกว่าน้ำตาล
ในเลือดจะลดลง ตับอ่อนจึงละหยุดปล่อยอินซูลิน

นี่คือ สรีรวิทยาพื้นฐาน เหมือนดูยากไม่ใช่ ของยาก..
ควรเรียนรู้ ควรเข้าใจ ไม่ต้องยึดติดว่า ฉันสายวิทย์-สายศิลป์

ประเทศนี้มัน "พิเรน" แบ่งเด็กออกวิทย์ ศิลป์ แล้วกลายเป็น
พอศิลป ปุ๊บ ก็ไม่บรรจุเรื่องพวกนี้ให้เขารับรู้ จนวันนึงเกิดเรื่อง

เขาเลยรู้แล้วว่า สิ่งนี้จำเป็นต้องเข้าใจ... โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็น "หมอ"

กินอะไรเข้าไปแล้ว ก็เรียนรู้หน่อยไหมครับว่า มันเข้าไปในร่างเราแล้ว
จัดการอย่างไร...

จะได้ไม่ถูกหลอก แบบ คอลลาเจนกินแล้ววิ่งเข้าข้อโดยตรง
จะไม่เกิดขึ้นกับใครทั้งนั้น

ผมพยายามย่อยให้ง่ายที่สุดแล้วครับ... ถ้ายังไม่เข้าใจ
รบกวนอ่านซ้ำๆ ติดตรงไหน ถามใน comment เลยครับ

#หมอจิรรุจน์

#พื้นฐาน101

ปล. ไขมันในช่องท้อง หรือ VAT นั้นเมื่อโดนสลายเอาไตรกลีเซอร์ไรด์ออกมา
ก็จะไปที่ตับเป็นที่แรก ก็เพราะ ทางเดินของหลอดเลือดเดียวกันนี่แหละครับ

10/01/2025

🍰🫀 อ้วน ทำให้เนื้อเยื่อไขมันรอบหัวใจจากคนดูแลรักษาหัวใจ กลายเป็นคนก่อโรค

เนื้อเยื่อไขมัน (Adipose tissue) เปรียบเสมือนหน่วยช่วยเหลืออวัยวะต่างๆ กระจายตามผิวหนัง อวัยวะภายใน

มีหน้าที่คอยเก็บไขมันไตรกลีเซอไรด์ใว้สำรองใช้
และคอยสร้างสารสนับสนุนด้านพลังงานและต้านการอักเสบ

อย่างเนื้อเยื่อไขมันรอบๆ หัวใจ (Epicardial adipose tissue: EAT) มีประโยชน์มากมายค่ะ ทั้ง
▪️ช่วยเป็นตัวลดแรงที่มากระทำหัวใจ เช่น มีการกระแทกทรวงอก
▪️ช่วยเป็นแหล่งกรดไขมันให้กล้ามเนื้อหัวใจ
▪️ช่วยหลั่งฮอร์โมนต้านการอักเสบ เช่น adiponectin ให้หัวใจได้พัก และลดสารอนุมูลอิสระ

ปัญหามันจะเกิดเพราะเราเองนี่แหละ
รับพลังงานเข้ามาเยอะ จนเซลล์ไขมันเริ่มขยายใหญ่ขึ้น
ยิ่งขยายใหญ่พฤติกรรมมันยิ่งเปลี่ยน เพราะมันเบียดกันจนเครียด

โดยเซลล์ไขมันในอวัยวะภายในจะเริ่มอาละวาดง่าย
และอันตรายกว่าที่ชั้นผิวหนัง

อย่างที่หัวใจ ถ้าเนื้อเยื่อไขมันรอบหัวใจ EAT ขยายใหญ่แล้ว
มันจะระดมหลั่งฮอร์โมนที่สนับสนุนการอักเสบใส่หัวใจตรงๆ

หัวใจก็จะรับการอักเสบเรื้อรัง นำไปสู่การสร้างพังผืด
แทรกในชั้นหัวใจ การคลายตัวก็จะแย่ลงเรื่อยๆ

แถมทางเดินไฟฟ้าก็ผิดปกติ เสี่ยงต่อการเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ
บางครั้งเนื้อเยื่อไขมันพวกนี้เอง ก็ยื่นแทรกเข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อหัวใจเลย

ยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดทางเดินไฟฟ้าผิดปกติ
เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ

ยังไม่นับไขมันรอบๆ เส้นหลอดเลือดหัวใจ (Perivascular adipose tissue) คอยหลั่งสารก่ออักเสบเข้าผนังหลอดเลือด จนเร่งไขมัน LDL แทรกผนังหลอดเลือดหัวใจอีก

จึงไม่แปลกที่คนอ้วน จะเสี่ยงต่อหลายโรคเพิ่มขึ้น
⭕️ โรคไขมันแทรกผนังหลอดเลือด (Atherosclerosis)
⭕️ หัวใจล้มเหลว (Heart failure) มักเป็นแบบคลายตัวแย่
⭕️ หัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยเฉพาะหัวใจห้องบนเต้นพริ้ว (AF)

ลดความอ้วนกันเถอะค่ะ
เพื่อน้องหัวใจดวงน้อยๆ ของเรา

06/01/2025

พรุ่งนี้ค่อยลด! ผลวิจัยชี้คนไทย 69% ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอก, 74% อยากควบคุมน้ำหนัก
ผลการวิจัยของ Mintel ระบุว่าชาวไทยให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอก (69%) มากกว่าสุขภาพ (65%) ในการควบคุมน้ำหนัก อย่างไรก็ตาม กลุ่มเจน X ถึง 76% ให้ความสำคัญกับการมีอายุยืนยาวและสุขภาพที่ดี ซึ่งเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนผ่านจากการให้ความสำคัญกับความงามไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวมเมื่ออายุมากขึ้น
ข่าวดีก็คือคนไทย 74% มีความต้องการที่จะปรับปรุงน้ำหนักของตน และผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 45 ปี กลายเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักสำหรับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนัก
ถือเป็นโอกาสของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ สามารถเข้ามามีบทบาทสำคัญในการปิดช่องว่างนี้ได้ผ่านการสร้างแคมเปญให้ความรู้เกี่ยวกับน้ำหนักตัวที่สมดุล และนำเสนอวิธีการจัดการน้ำหนักที่เหมาะกับแต่ละบุคคลโดยพิจารณาจากเพศ อายุ และพฤติกรรมการออกกำลังกาย
อ่านต่อที่ https://marketeeronline.co/archives/394473

16/12/2024
05/11/2024

หลายปีที่ผ่านมา ผู้คนหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพแบบองค์รวมมากขึ้น และพร้อมปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในแ....

ที่อยู่

Phra Nakhon

เบอร์โทรศัพท์

+66896248486

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ความอ้วนครั้งสุดท้ายผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง ความอ้วนครั้งสุดท้าย:

แชร์