สำนักพิมพ์มิรอาต

สำนักพิมพ์มิรอาต ให้การอ่านมีความหมายต่อชีวิตคุณ

อัสสิตตีร الستيرผู้ทรงปกปิดอัลลอฮ์ ตะอาลา คือผู้ทรงปกปิดความผิดของสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย พระองค์ไม่ทรงเปิดโปงความผิดให้พวก...
30/06/2025

อัสสิตตีร الستير
ผู้ทรงปกปิด
อัลลอฮ์ ตะอาลา คือผู้ทรงปกปิดความผิดของสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย พระองค์ไม่ทรงเปิดโปงความผิดให้พวกเขาต้องอับอาย แต่พระองค์ทรงชะลอเวลาและปกปิดพวกเขาด้วยการอภัยและความเมตตาของพระองค์
หลายคนบอกว่าพระนามนี้คือ อัสสัตตาร ไม่ใช่อัสสิตตีร ซึ่งทั้งสองพระนามนี้สื่อความหมายที่มีแก่นเหมือนกัน แต่คำว่าอัสสิตตีรนั้นมีอยู่ในซุนนะฮ์ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะชัลลัม ครั้งหนึ่ง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะชัลลัม เคยพูดถึงพระนาม "อัสสิตตีร" ตอนที่ท่านกำลังเทศนาบนมิมบัร หลังจากที่ท่านได้เห็นชายคนหนึ่งอาบน้ำในที่สาธารณะโดยที่ไม่สวมใส่โสร่ง

ท่านได้ขึ้นไปบนมิมบัร เพื่อพูดถึงเรื่องนี้ในวงชุมนุมว่า "อัลลอฮ์ทรงเป็นผู้มีความละอาย และทรงเป็นผู้ปกปิดความผิดของผู้คน (อัสลิตตีร) และพระองค์ทรงรักผู้ที่มีความละอายและปกปิดตนเอง" (สุนันอบีดาวูด 4012 และสุนันอันนะซาอีย์406)

อิบนุอับบาส เราะฏิยัลลอฮุอันฮุมา ซึ่งเป็นเศาะฮาบะฮ์ของท่านนบี เคยเอ่ยถึงคำสอนนี้ตอนที่ท่านตอบคำถามให้ผู้คน โดยมีคนมาหาท่านและถามว่า ทำไมอัลกุรอานจึงบอกให้สมาชิกในบ้านขออนุญาตก่อนเข้าห้องของแต่ละคนในเวลาเฉพาะด้วย?
ท่านตอบว่า "อัลลอฮ์ทรงเป็นอัสสิตตีร (ผู้ทรงปกปิดความผิดของผู้คน) และพระองค์ทรงรักผู้ที่ปกปิดตนเอง ก่อนหน้านี้บ้านของผู้คนไม่มีที่กั้นหรือม่านประตู จึงค่อนข้างเป็นไปได้ที่คนรับใช้ ลูก หรือเด็กๆ ในบ้านจะเผอิญเดินเข้าห้องขณะที่เขากำลังใช้เวลาส่วนตัวกับกรรยาของเขา ดังนั้น อัลลอฮ์จึงสั่งใช้สมาชิกในบ้านให้ขออนุญาตก่อนเข้าห้องของคนอื่นในช่วงเวลากลางวัน ซึ่งเป็นเวลาที่อาจเกิดเหตุการณ์ขึ้น
ต่อมา อัลลอฮ์ทรงประทานความจำเริญให้ผู้คนด้วยทรัพย์สินและความมั่งคั่งที่มากกว่าเดิม พวกเขาเริ่มมีม่านและประตูที่แยกห้องของพวกเขา หลายคนในวันนี้จึงคิดว่านี่ก็เพียงพอแล้วที่พวกเขาไม่ต้องขออนุญาตก่อนเข้าห้องคนอื่นตามที่อัลกุรอานได้สั่งใช้ไว้" (สุนันอบีดาวูด 5192)
บทความจากหนังสือ : ชีวิตที่มีอัลลอฮ์ 3
ราคา : 300.- บาท
ผู้แต่ง : ซัลมาน อัลเอาดะฮ์

อัลฮาดีย์  الهاديผู้ทรงนำทางอัลลอฮ์ ตะอาลา คือผู้ทรงนำทาง ผู้ทรงทำให้ปวงบ่าวเห็นหนทางสู่ศรัทธา พระองค์ทรงนำพาพวกเขาให้ศร...
29/06/2025

อัลฮาดีย์ الهادي
ผู้ทรงนำทาง
อัลลอฮ์ ตะอาลา คือผู้ทรงนำทาง ผู้ทรงทำให้ปวงบ่าวเห็นหนทางสู่ศรัทธา พระองค์ทรงนำพาพวกเขาให้ศรัทธาในพระองค์และเชื่อมั่นในความเป็นพระเจ้าของพระองค์ เช่นเดียวกัน อัลลอฮ์นั่นเองที่ทรงนำทางทุกสรรพสิ่งให้ได้พบเจอสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตของมัน แม้แต่หมู่นกและฝูงสัตว์ก็รู้จักวิถีที่มันจะสามารถดำรงอยู่ได้ในแต่ละวัน และออกห่างจากเภทภัยด้วยกับความเมตตาของพระองค์
เมื่ออะลี เราะฏิยัลลอฮุอันฮุ ถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า ควรใช้ถ้อยคำใดในการขอดุอาอ์ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แนะนำให้ท่านอะลีกล่าวว่า
"โอ้อัลลอฮ์ โปรดนำทางฉันและโปรดให้การงานของฉันเที่ยงตรง"(เศาะเฮียห์มุสลิม 2725)
อัลกุรอานระบุพระนาม "อัลฮาดีย์-ผู้ทรงนำทาง"
ลำดับขั้นของทางนำ
อัลกุรอานกล่าวถึงการที่อัลลอฮ์ทรงนำทางทุกชีวิตผ่านสัญชาตญาณซึ่งพระองค์นั้นเป็นผู้มอบสัญชาตญาณนี้ให้มีอยู่ในทุกสรรพสิ่ง นี่คือลำดับขั้นแรกสุดของการนำทาง
พระเจ้าของเราคือผู้ทรงประทานทุกอย่างแก่สิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง แล้วพระองค์ก็ทรงชี้แนะแนวทางให้ (ฎอฮา 20 : 50)
ลำดับขั้นที่สองของทางนำ คือสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงเผยให้แก่มนุษยชาติได้ทราบผ่านทางโองการที่ส่งมายังบรรดานบีและเราะซูล
และเราได้จัดให้มีหัวหน้าจากพวกเขา เพื่อจะได้ชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องตามคำบัญชาของเรา (อัชซัจญดะฮ์ 32 : 24)
ลำดับขั้นที่สามของทางนำ คือการที่พระองค์ทรงนำทางหัวใจและสติปัญญาไปสู่สิ่งที่สร้างความพอพระทัยให้แก่พระองค์และปกป้องเราด้วยกับความเมตตาของพระองค์ อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงสัญญากับบรรดาผู้ศรัทธาว่า
แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาและผู้ประกอบความดี พระเจ้าของพวกเขาจะทรงชี้แนะทางที่ถูกต้องให้แก่พวกเขา เนื่องด้วยการศรัทธาของพวกเขา (ยูนุส 10 : 9)
ลำดับขั้นสุดท้ายของทางนำนั้นอยู่ในวันอาคิเราะฮ์ ตอนที่อัลลอฮ์ทรงนำทางชาวสวรรค์ไปยังที่พำนักของพวกเขาและมอบความสุขสำราญต่างๆ ที่พวกเขาไม่เคยจินตนาการถึงมาก่อนตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้
อัลลอฮ์ ตะอาลา ตรัสว่า
พระองค์จะทรงชี้แนะทางแก่พวกเขาและจะทรงปรับปรุงสภาพของพวกเขาให้ดีขึ้น และจะทรงให้พวกเขาเข้าสวนสวรรค์ ซึ่งพระองค์ทรงแจ้งให้พวกเขารู้แล้ว (มุฮัมมัด 47 : 5-6)
บทความจากหนังสือ : ชีวิตที่มีอัลลอฮ์ 3
ราคา : 300.- บาท
ผู้แต่ง : ซัลมาน อัลเอาดะฮ์

อัลวิตร์ الوترผู้ทรงสถิตโดยลำพังในภาษาอาหรับคำว่า "วิตร์" หมายถึง ความเป็นคี่ที่ไม่สามารถแบ่งหารได้ นอกจากนี้ยังหมายถึงเ...
28/06/2025

อัลวิตร์ الوتر
ผู้ทรงสถิตโดยลำพัง
ในภาษาอาหรับคำว่า "วิตร์" หมายถึง ความเป็นคี่ที่ไม่สามารถแบ่งหารได้ นอกจากนี้ยังหมายถึงเลขที่ไม่สามารถหารด้วยสอง ความหมายที่สองของคำนี้พบได้ในอายะฮ์ที่ว่า
และ (ขอสาบานด้วย) สิ่งที่เป็นคู่และที่เป็นคี่ (อัลฟัจญร์ 89 : 3)
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เรียกขานอัลลอฮ์ด้วยกับพระนามนี้ ตอนที่ท่านกล่าวว่า
"อัลลอฮ์ทรงมี 99 พระนาม คือหนึ่งร้อยลบหนึ่ง ใครที่ทำความเข้าใจทั้งหมดจะได้เข้าสวนสวรรค์ และพระองค์คืออัลวิตร์ (ทรงเป็นคี่)และทรงรักจำนวนคี่" (เศาะเฮียห์อัลบุคอรีย์ 6410 และเศาะเฮียห์มุสลิม 2677)
อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงเป็นหนึ่งเดียว ไม่สามารถแบ่งออกได้ พระองค์ไม่มีหุ้นส่วน และไม่มีผู้ใดสามารถเปรียบเทียบหรือแข่งขันกับพระองค์ไม่ว่าจะในทางใดก็ตาม พระองค์ทรงเป็นเอก พระองค์ทรงมีพระนาม คุณลักษณะ และการงานที่ไม่เหมือนผู้ใด
ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงเห็น (อัชชูรอ 42 : 11)
อัลลอฮ์ คืออัลวิตร์ และพระองค์ทรงชอบให้เราประกอบอิบาดะฮ์ต่อพระองค์เป็นจำนวนคี่
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "โอ้ผู้ปฏิบัติตามอัลกุรอานทั้งหลาย จงรักษา (อิบาดะฮ์) เป็นจำนวนคี่ เพราะอัลลอฮ์คืออัลวิตร์และทรงชอบจำนวนคี่" (สุนันอัตติรมิซีย์ 453, สุนันอปีดาวูด 1416, สุนันอันนะซาอีย์ 1675 และสุนันอิบนุมาญะฮ์ 1169)
ความหมายก็คือ อัลลอฮ์ทรงชอบให้เราปฏิบัติอิบาดะฮ์ต่างๆ ที่พระองค์ทรงสั่งใช้ให้เราทำเป็นจำนวนคี่ พระองค์ทรงรักที่จะให้เราทำการงานเหล่านี้ เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้สั่งให้เราทำ และจะตอบแทนการที่เราปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ โดยทรงกำหนดให้เราปฏิบัติอิบาดะฮ์ในรูปแบบที่สอดคล้องกับวิทยปัญญาของพระองค์
คำถามก็คือ แล้วอิบาดะฮ์ที่ถูกสั่งให้ทำเป็นจำนวนคี่นี้หมายถึงอะไรบ้าง?
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้รู้มีคำตอบที่แตกต่างกันออกไป บ้างกล่าวว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลสัม กำลังพูดถึงการละหมาดวันศุกร์ บ้างว่าหมายถึงการทำฮัจญ์ในวันอะรอฟะฮ์ บ้างว่าหมายถึงการละหมาดมัฆริบที่มี 3 ร็อกอัต หรือการละหมาดวิตร์ในตอนท้ายของวัน ซึ่งการละหมาดนี้ต้องมีร็อกอัตเป็นจำนวนคี่เสมอ อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีที่สุดคือการเข้าใจว่า ความหมายของหะดีษนี้ไม่ได้เจาะจงไปที่อิบาดะฮ์ใดเป็นการเฉพาะ แต่หมายรวมถึงทุกอะมัลอิบาดะฮ์ที่ทำเป็นจำนวนคี่
บทความจากหนังสือ : ชีวิตที่มีอัลลอฮ์ 3
ราคา : 300.- บาท
ผู้แต่ง : ซัลมาน อัลเอาดะฮ์

ผู้มีปัญญาจะเลือกเข้าหาอัลลอฮ์สำหรับบรรดาผู้ที่รู้จักอัลลอฮ์ การง่วนอยู่กับการใคร่ครวญความดีจากภายในถือเป็นการพักผ่อน เพ...
26/06/2025

ผู้มีปัญญาจะเลือกเข้าหาอัลลอฮ์
สำหรับบรรดาผู้ที่รู้จักอัลลอฮ์ การง่วนอยู่กับการใคร่ครวญความดีจากภายในถือเป็นการพักผ่อน เพราะช่วงเวลาแห่งการมองดูนั้น หากเขาลงมือปฏิบัติการงานไม่ว่าจากภายนอกหรือภายใน หรือเพิ่มความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรู้จักอัลลอฮ์และการศรัทธาอย่างละเอียด นั่นย่อมประเสริฐกว่าสำหรับเขา
ความน่าเอ็นดูของความเป็นมนุษย์จะถูกแสดงออกมาผ่านรูปแบบของการงาน การรู้จักอัลลอฮ์ ความมุ่งมั่นตั้งใจ และความต้องการของเขา (วันกิยามะฮ์ การงานที่ดีจะมาในรูปของชายหนุ่มที่มีใบหน้าผ่องใสแต่งตัวดี ซึ่งตรงกันข้ามกับการงานที่ไม่ดี) ร่างกายจะถูกรวบรวมขึ้นมาตามรูปแบบของการงานทั้งดีและชั่ว เมื่อชีวิตเคลื่อนย้ายออกไปจากโลกใบนี้แล้วก็จะได้เห็นข้อเท็จจริงดังกล่าว
ยิ่งหัวใจของคุณใกล้ชิดอัลลอฮ์มากเท่าไร คุณจะยิ่งห่างไกลจากความคุ้นเคยหรือสนิทสนมกับมนุษย์ ยิ่งคุณพยายามปกป้องภายใน (หัวใจ) และความต้องการของคุณมากเพียงใด คุณก็จะยิ่งรักษาความสนิทสนมกับอัลลอฮ์ได้มากเท่านั้น
จุดสำคัญที่สุดของเรื่องนี้ คือการให้เอกภาพต่ออัลลอฮ์อย่างถูกต้อง รู้จักเส้นทางเป็นอย่างดี มีความต้องการถูกจุด และสุดท้ายคือปฏิบัติอย่างถูกวิธี
บทความจากหนังสือ : อัลฟะวาอิด3
ราคา : 300.- บาท
ผู้แต่ง : อิบนุลก็อยยิม อัลเญาซียะฮ์

ชีวิตคือถนนของนักเดินทางตั้งแต่หนุษย์ถูกสร้าง พวกเขายังคงเป็นนักเดินทางที่ไม่ได้ลงจากพาหนะจนกว่าจะถึงสวรรค์หรือไม่ก็นรกค...
24/06/2025

ชีวิตคือถนนของนักเดินทาง
ตั้งแต่หนุษย์ถูกสร้าง พวกเขายังคงเป็นนักเดินทางที่ไม่ได้ลงจากพาหนะจนกว่าจะถึงสวรรค์หรือไม่ก็นรก
คนฉลาดย่อมรู้ว่าทุกการเดินทางมีความยากลำบากและเต็มไปด้วยอันตราย เป็นไปไม่ได้ที่จะหวังความสุขสบาย ผ่อนคลาย และพักผ่อน
สิ่งดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ก็หลังจากสิ้นสุดการเดินทางแล้วในทุกก้าวของทุกขณะ เป็นที่รู้กันว่านักเดินทางไม่เคยหยุดเดิน
บ่าวผู้ที่ได้รับภาระหน้าที่ไม่เคยว่างเว้น (จากการงานไม่ว่าร้ายหรือดี) นักเดินทางจะตั้งมั่นอยู่บนสภาพที่ให้ความสำคัญกับการตระเตรียมเสบียงเพื่อเดินทางเสมอ เขาจะยอมหยุด นอนหลับ แวะพัก แค่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางต่อเท่านั้น
บทความจากหนังสือ : อัลฟะวาอิด3
ราคา : 300.- บาท
ผู้แต่ง : อิบนุลก็อยยิม อัลเญาซียะฮ์

สำเร็จได้ต้องรู้จักเก็บบทเรียนอัลกุรอาน ความรู้ และคำพูดของเราะซูล ศ. มีความเชื่อมโยงกับความเป็นจริง คำเตือน ข้อบังคับ แ...
22/06/2025

สำเร็จได้ต้องรู้จักเก็บบทเรียน
อัลกุรอาน ความรู้ และคำพูดของเราะซูล ศ. มีความเชื่อมโยงกับความเป็นจริง คำเตือน ข้อบังคับ และการห้ามปรามซึ่งมีมายังมนุษย์ เหมือนดังผู้อาวุโสที่คอยกวดขัน ยับยั้ง และเตือนสติคุณ แต่สิ่งที่อัลกุรอานนำมา สิ่งที่เราะซูล ศ. คอยบอก ก็ไม่ได้เป็นข้อเตือนใจและคำตักเตือนให้กับชีวิตคุณ และทั้งที่อยู่ในสภาพเช่นนี้ คุณก็ยังร้องขอการให้เกียรติและความเคารพยกย่องจากคนอื่นอยู่เลย
คุณเหมือนกับคนที่ประสบภัยอยู่ แต่ภัยนั้นไม่ได้ช่วยเรียกสติให้คุณรู้สึกรู้สาหรือยุติสิ่งที่ตนกระทำแต่อย่างใด มนุษย์บอกให้ผู้อื่นรู้จักมองคนที่กำลังประสบทุกข์ภัย เก็บมาเป็นข้อเตือนใจและห้ามปราม แต่หลงลืมตนเอง เมื่อพูดถึงบทลงโทษกลับไม่สำนึก จะสำนึกได้ต้องเห็นคนอื่นถูกลงโทษก่อน!
ผู้ที่ได้ยินเกี่ยวกับอุทาหรณ์ บทลงโทษ และสัญญาณต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตผู้อื่น ย่อมไม่เหมือนคนที่เห็นมันด้วยตาตัวเอง แล้วคนที่ประสบมันด้วยตัวเองเล่าจะเป็นอย่างไร?!

อัลลอฮ์ ตะอาลา ตรัสว่า
"เราจะให้พวกเขาได้เห็นสัญญาณทั้งหลายของเราในขอบเขตอันไกลโพ้น และในตัวของพวกเขาเอง" (ฟุศศิลัต 41 : 53)
สัญญาณทั้งหลายของอัลลอฮ์ในขอบฟ้าอันไกลโพ้น คือสิ่งที่ถูกได้ยิน และสัญญาณต่างๆ ของพระองค์ในชีวิตมนุษย์ คือสิ่งที่สัมผัสและประจักษ์ได้ด้วยตา ขออัลลอฮ์ทรงคุ้มครองให้พ้นจากการถูกทอดทิ้งด้วยเถิด
อัลลอฮ์ ตะอาลา กล่าวว่า
"แท้จริง บรรดาผู้ที่พระดำรัส (การลงโทษ) ของพระเจ้าของเจ้าได้เหมาะสมแก่พวกเขาแล้ว พวกเขาจะไม่ศรัทธา และแม้ว่าทุกสัญญาณได้มายังพวกเขา จนกว่าพวกเขาจะแลเห็นการลงโทษอย่างเจ็บปวด" (ยูนุส 10 : 96-97)
ดังนั้น ผู้มีสติปัญญาซึ่งได้รับความสำเร็จย่อมใคร่ครวญได้แม้ไม่มีสิ่งเหล่านี้ เขาจะเติมเต็มข้อบกพร่องในความเป็นมนุษย์ของเขาด้วยมารยาทและการปฏิบัติอันดีงาม ทุกครั้งที่ร่องรอยแห่งความโปรดปรานใดถูกลบออกไปจากชีวิต ศรัทธาของเขาจะเพิ่มขึ้น (เนื่องจากการได้ทบทวนและเก็บบทเรียน) ครั้นเมื่อพละกำลังของร่างกายลดถอยลง พละกำลังของศรัทธาก็จะกลับแข็งแกร่งขึ้น แรงแห่งความเชื่อมั่น หวังในอัลลอฮ์และโลกหน้าก็จะมากขึ้น
บทความจากหนังสือ : อัลฟะวาอิด3
ราคา : 300.- บาท
ผู้แต่ง : อิบนุลก็อยยิม อัลเญาซียะฮ์

มนุษย์ถูกแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม ตามความเข้าใจของพวกเขาทีมีต่อความศรัทธากลุ่มที่ 1 ผู้คนจำนวนมากมีศรัทธาในลักษณะที่ยืนยันถึ...
20/06/2025

มนุษย์ถูกแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม ตามความเข้าใจของพวกเขาทีมีต่อความศรัทธา
กลุ่มที่ 1 ผู้คนจำนวนมากมีศรัทธาในลักษณะที่ยืนยันถึงการมีอยู่ของผู้สร้าง และพระองค์ผู้เดียวเท่านั้นคือผู้สรรค์สร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย ผืนแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างมันทั้งสอง การศรัทธาแบบนี้ พวกบูชาเจว็ดอย่างกุเรชและคนอื่นก็มีเหมือนกัน
กลุ่มที่ 2 การศรัทธาสำหรับพวกเขาคือการกล่าวชะฮาดะฮ์ทั้งสอง ไม่ว่าเขาจะปฏิบัติตามการปฏิญาณนั้นหรือไม่ และไม่ว่าหัวใจจะเชื่อหรือไม่เชื่อตามที่ลิ้นกล่าวก็ตาม
กลุ่มที่ 3 เข้าใจว่าศรัทธาหมายถึง การที่หัวใจเชื่อว่าอัลลอฮ์คือผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย และมุฮัมมัด ศ. เป็นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์ แม้ว่าลิ้นของเขาจะไม่ได้ยืนยันสิ่งดังกล่าว ถ้าหัวใจของเขายังเชื่อว่าอัลลอฮ์คือพระเจ้าองค์เดียว และเชื่อในการเป็นนบีของท่านเราะสูล ศ. นี่ก็ยังถือว่าเขาเป็นผู้ศรัทธาในกลุ่มนี้
กลุ่มที่ 4 ปฏิเสธคุณลักษณะต่างๆ ของพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นการที่พระองค์ประทับอยู่เหนือบัลลังก์ พระองค์ตรัสคำพูดต่างๆ ทรงประสงค์การรักเพื่อพระองค์และการเกลียดเพื่อพระองค์
กลุ่มที่ 5 การศรัทธาของคนกลุ่มนี้ คือการเคารพสักการะต่ออัลลอฮ์ตามแบบที่หัวใจของเขาได้สัมผัสและตัดสินเอาเอง หรือตามสิ่งที่อารมณ์ความรู้สึกของเขาสัมผัสและบอกว่ามันดี โดยที่รูปแบบการภักดีนั้นไม่ได้ผูกโยงใดๆ กับแบบฉบับของท่านเราะสูล ศ.
กลุ่มที่ 6 สำหรับคนกลุ่มนี้ การศรัทธาคือการดำเนินตามร่องรอยที่พบว่าบรรพบุรุษและชนก่อนหน้าพวกเขากระทำไว้ หรือสิ่งใดที่บรรพบุรุษเห็นพ้องกัน
กลุ่มที่ 7 เข้าใจว่าการศรัทธาเป็นแค่เรื่องของจรรยามารยาทและปฏิสัมพันธ์ที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส คิดดีกับทุกคน ไม่ถือสาเอาความผู้อื่น
กลุ่มที่ 8 การศรัทธาของพวกเขาหมายถึงการสละดุนยา ไม่สานสัมพันธ์ใดๆ กับโลกใบนี้ ทำหัวใจให้ว่างเว้นจากมัน และสมถะมักน้อยในเรื่องทางโลก
กลุ่มที่ 9 คือพวกที่ถือว่าการศรัทธาคือการรู้จักอัลลอฮ์ มีความรู้ความเข้าใจ แม้จะไม่ปฏิบัติตามคำบัญชาของพระองค์เลยก็ตาม
บทความจากหนังสือ : อัลฟะวาอิด2
ราคา : 220.- บาท
ผู้แต่ง : อิบนุลก็อยยิม อัลเญาซียะฮ์

ผลเสียของการทำตามอารมณ์การอดทนต่ออารมณ์ใฝ่ต่ำเป็นเรื่องง่ายกว่าการอดทนต่อผลเสียอันจะเกิดจากการทำตามอารมณ์นั่นเป็นเพราะกา...
18/06/2025

ผลเสียของการทำตามอารมณ์

การอดทนต่ออารมณ์ใฝ่ต่ำเป็นเรื่องง่ายกว่าการอดทนต่อผลเสียอันจะเกิดจากการทำตามอารมณ์นั่นเป็นเพราะการทำตามอารมณ์ใฝ่ต่ำอาจนำไปสู่ความเจ็บปวดและบทลงโทษ
มนุษย์อาจจะได้รับความสุขจากการปล่อยตนไปกับอารมณ์ความอยาก แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ต้องถูกตัดขาดจากความสุขที่ควรจะได้รับมากกว่านั้น
บางทีการทำตามอารมณ์ก็นำมาซึ่งความเสียใจและเศร้าโศก
บางทีก็ทำให้ความมีเกียรติของมนุษย์ถูกลดทอนลง
บางทีก็ทำให้มนุษย์สูญเสียบางสิ่งซึ่งการมีมันอยู่ในชีวิตเขาดีกว่าการไม่มี
บางทีก็ทำให้บุคคลต้องสูญเสียความน่าเคารพและชื่อเสียง ทั้งที่การรักษามันไว้ดีกว่าการเสียมันไป
บางทีการทำตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของมนุษย์ก็เป็นตัวลบความเมตตาโปรดปรานที่เข้ามา ทั้งที่การคงความโปรดปรานเหล่านั้นเอาไว้จะทำให้เขามีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าการคล้อยตามอารมณ์
บางทีมันก็นำเอาความทุกข์ ความกลัดกลุ้ม ความเศร้า และความหวาดกลัวเข้ามามากมาย ไม่คุ้มกับความสุขชั่วครู่ที่ได้จากการทำตามอารมณ์
บางทีก็ทำให้บุคคลตอบรับข้อเรียกร้องของศัตรูแม้ว่าจะทำให้ผู้เป็นมิตรสหายต้องเสียใจ
บางทีมันก็ตัดหนทางการเข้ามาของความโปรดปรานจากพระเจ้า

และบางที การทำตามอารมณ์ใฝ่ต่ำจะทำให้เกิดตำหนิประจำตัวคนผู้นั้น กลายเป็นคุณลักษณะที่ไม่สามารถสลัดออกได้ เพราะการกระทำต่างๆ ของมนุษย์ที่ปฏิบัติจนเคยชินย่อมกลายเป็นลักษณะนิสัย
ของตัวเองในที่สุด
บทความจากหนังสือ : อัลฟะวาอิด2
ราคา : 220.- บาท
ผู้แต่ง : อิบนุลก็อยยิม อัลเญาซียะฮ์

เงื่อนไขที่จะทำให้ได้รับประโยชน์จากความรู้ความโปรดปรานของอัลลอฮ์จะไร้ประโยชน์ต่อให้มนุษย์มีศรัทธาและความรู้ เว้นเสียแต่ก...
16/06/2025

เงื่อนไขที่จะทำให้ได้รับประโยชน์จากความรู้
ความโปรดปรานของอัลลอฮ์จะไร้ประโยชน์ต่อให้มนุษย์มีศรัทธาและความรู้ เว้นเสียแต่กับผู้ที่รู้จักตนเอง รู้ว่าตนมีความสามารถแค่ไหนและอย่างไร ไม่ล้ำเส้นสิ่งที่ไม่ใช่สิทธิหน้าที่ของตน ไม่ละเมิดขอบเขต และไม่พูดว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นของฉัน แต่เชื่อมั่นว่าทุกสิ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์ มาจากพระองค์
และเพราะพระองค์ทรงช่วยเหลือ เขาจึงได้รับ อัลลอฮ์คือผู้ทรงประทานความโปรดปรานที่แท้จริงแต่แรกเริ่มและทรงดำเนินความกรุณาต่อเนื่องไปอย่างสม่ำเสมอ โดยที่บ่าวไม่ได้เป็นผู้ทำให้ได้มาซึ่งความโปรดปรานนั้น อีกทั้งตัวบ่าวเองก็ไม่มีสิทธิ์ในเรื่องนี้เลย
ความโปรดปรานที่อัลลอฮ์มีต่อบ่าวทำให้เขาตระหนักได้ว่าตัวเองต่ำต้อยแค่ไหน สำเหนียกตนอย่างคนที่รู้ว่าไม่มีคุณความดีแม้แต่เศษเสี้ยวที่เป็นของเขาเลย ทุกเรื่องดีที่มีมาล้วนเป็นของอัลลอฮ์ มาจากพระองค์ และด้วยพระองค์ มันจึงเกิดขึ้นเมื่อบ่าวสำนึกรู้เช่นนี้ ความเมตตาโปรดปรานจะก่อเกิดเป็น
ความนอบน้อมและถ่อมตนอย่างน่าอัศจรรย์
ทุกครั้งที่ได้รับความโปรดปราน เขาก็ยิ่งทวีความนอบน้อม เมื่อได้รับความโปรดปรานเพิ่มขึ้น เขาก็ยิ่งนอบน้อมเพิ่มขึ้น ทั้งยังเต็มล้นด้วยความรัก ความยำเกรง ความกลัว และความหวังที่มากขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นผลจากการที่บ่าวมีองค์ความรู้อันประเสริฐ 2 ประการ คือ
หนึ่ง : รู้จักพระเจ้า รู้ถึงความสมบูรณ์พร้อม ความดี ความมั่งคั่ง การทำดี และความมีเมตตาของพระองค์ สิ่งดีงามทั้งหลายอยู่ในกำมือของพระองค์ เป็นกรรรมสิทธิ์ของพระองค์แต่เพียงผู้เดียวซึ่งพระองค์จะมอบให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และจะระงับมันจากผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เช่นกัน อัลลอฮ์สมควรได้รับการสรรเสริญในเรื่องนี้ เป็นคำสดุดีอันสมบูรณ์ยิ่ง
สอง : รู้จักตนเอง รู้จักที่จะหยุดตัวเองไว้ที่ความสามารถและขอบเขตที่ตนต้องอยู่ ยอมรับในข้อบกพร่อง ความอธรรมและโง่เขลาของตน ตระหนักว่าไม่มีความดีใดเป็นของชีวิตมนุษย์หรือเป็นไปเพื่อมนุษย์ คุณความดีไม่ได้มีมาด้วยเพราะตัวมนุษย์เองและไม่ได้มาจากมนุษย์เลยแม้แต่น้อย ตัวตนของความเป็นมนุษย์เดิมทีแล้วคือความไม่มี ฉะนั้น การไม่มีอยู่แต่เดิมคือหนึ่งในลักษณะของมนุษย์ ความสมบูรณ์แบบของชีวิตคนไม่มีอยู่จริง.
บทความจากหนังสือ : อัลฟะวาอิด2
ราคา : 220.- บาท
ผู้แต่ง : อิบนุลก็อยยิม อัลเญาซียะฮ์

อันนูร ผู้ทรงเป็นรัศมี  (النور)อัลลอฮ์ทรงเป็นรัศมีแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน อุปมารัศมีของพระองค์เสมือนดังช่องตามผนัง...
02/05/2025

อันนูร ผู้ทรงเป็นรัศมี (النور)
อัลลอฮ์ทรงเป็นรัศมีแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน อุปมารัศมีของพระองค์เสมือนดังช่องตามผนังที่มีตะเกียง ตะเกียงนั้นอยู่ในโคมแก้ว โคมแก้วเป็นเสมือนดวงดาวที่ประกายแสง ถูกจุดจากน้ำมันของต้นไม้ที่มีความจำเริญคือต้นมะกอก มันมิได้อยู่ทางตะวันออก และมิได้อยู่ทางตะวันตก น้ำมันของมันแทบประกายแสงออกมา แม้นว่าไฟมิได้กระทบมัน รัศมีซ้อนรัศมี อัลลอฮ์ทรงนำทางด้วยรัศมีของพระองค์แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮ์ทรงยกอุทาหรณ์ทั้งหลายนี้เพื่อมนุษยชาติ และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง (อันนูร 24 : 35)
อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงเป็นรัศมี นี่เป็นทั้งพระนามและคุณลักษณะพระองค์ อัลลอฮ์ทรงเป็นรัศมีแห่งบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน และรัศมีที่ส่องสว่างในดวงใจของผู้ศรัทธา
ท่านนบี ศ็อลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "ฉากกั้นของพระองค์นั้นคือรัศมี หากพระองค์ทรงยกมันขึ้น ความจำรัสแห่งพระพักตร์ของพระองค์ย่อมทำให้ทุกอย่างที่ถูกสร้างขึ้นลุกไหม้เมื่อสายพระเนตรของพระองค์จับต้องมัน" (เศาะเฮียห์มุสลิม 179)
รัศมีของอัลลอฮ์และแสงที่ถูกสร้างขึ้น
แสงที่ถูกสร้างขึ้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท
ประเภทแรก คือแสงทางกายภาพ เช่น แสงจากดวงอาทิตย์หรือดวงดาว
ประเภทที่สอง คือแสงที่เป็นนามธรรม เช่น รัศมีแห่งความรู้และรัศมีแห่งศรัทธาที่ส่องสว่างในหัวใจ
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เคยขอดุอาอ์ต่อไปนี้
"โอ้อัลลอฮ์ โปรดให้หัวใจของข้าพระองค์มีรัศมี โปรดให้การมองเห็นของข้าพระองค์มีรัศมี โปรดให้การได้ยินของข้าพระองค์มีรัศมี โปรดให้เบื้องขวาของข้าพระองค์มีรัศมี โปรดให้เบื้องซ้ายของข้าพระองค์มีรัศมี โปรดให้เบื้องบนของข้าพระองค์มีรัศมี โปรดให้เบื้องล่างพระองค์มีรัศมี โปรดให้เบื้องหน้าของข้าพระองค์มีรัศมี โปรดให้เบื้องหลังของข้าพระองค์มีรัศมี และโปรดให้ข้าพระองค์มีรัศมีด้วยเถิด" (เศาะเฮียห์อัลบุคอรีย์ 6316 และเศาะเฮียห์มุสลิม 763)
บทความจากหนังสือ : ชีวิตที่มีอัลลอฮ์ 3
ราคา : 300.- บาท
ผู้แต่ง : ซัลมาน อัลเอาดะฮ์

การไม่ให้เกียรติพระเจ้าคือความอธรรมอันใหญ่หลวงที่สุดของความอธรรมและโง่เขลา คือการเรียกร้องเกียรติและการยกย่องจากมนุษย์ด้...
30/04/2025

การไม่ให้เกียรติพระเจ้าคือความอธรรมอันใหญ่หลวง
ที่สุดของความอธรรมและโง่เขลา คือการเรียกร้องเกียรติและการยกย่องจากมนุษย์ด้วยกัน แต่หัวใจกลับว่างเปล่าจากการยกย่องและให้เกียรติอัลลอฮ์ เกรงใจสิ่งถูกสร้าง วิตกว่ามนุษย์ด้วยกันจะเห็นตัวเองในสภาพที่ไม่ต้องการ แต่กลับไมให้เกียรติอัลลอฮ์จนเกรงว่าพระองค์จะเห็นเขาในสภาพเดียวกัน!
อัลลอฮ์ ตะอาลา กล่าวว่า
"ทำไมพวกท่านจึงไม่สำนึกถึงความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์" (นูห์ 71:13) นั่นคือ พวกท่านไม่ปฏิบัติต่อพระองค์แบบเดียวกับที่ปฏิบัติต่อผู้ที่พวกท่านให้การยกย่อง
อัลหะซันอธิบายว่า "ทำไมพวกท่านไม่รักษาสิทธิของอัลลอฮ์อย่างแท้จริงและไม่ขอบคุณพระองค์?"
มุญาฮิดให้ความหมายว่า "พวกท่านละเลยเพิกเฉยต่อการเคารพยกย่องพระเจ้าของพวกท่าน"
อิบนุซัยด์ กล่าวว่า "พวกท่านไม่มองว่าตนเองมีหน้าที่ต้องเชื่อฟังภักดีต่ออัลลอฮ์"
คำอธิบายทั้งหมดกลับไปหาความหมายเดียวกันคือ พวกเขาต้องยกย่องให้เกียรติอัลลอฮ์ เข้าใจถึงสิทธิ์ที่พระองค์สมควรได้รับความยิ่งใหญ่ ได้รับการนับถือเป็นพระเจ้าองค์เดียว ได้รับการเชื่อฟัง และได้รับคำขอบคุณ พวกเขาต้องเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ ออกห่างจากการฝ่าฝืนพระองค์ และรู้สึกละอายใจต่อพระองค์ ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับระดับการเคารพยกย่องต่ออัลลอฮ์ที่เกิดขึ้นในหัวใจของบ่าว
ด้วยเหตุนี้ สะลัฟบางคนจึงกล่าวว่า "นับเป็นการให้ความยิ่งใหญ่ต่ออัลลอฮ์ของหัวใจอย่างแท้จริง การที่คนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านรำลึกถึงพระองค์แล้วรู้สึกละอายใจ ถึงขนาดที่ต้องกล่าวสำทับชื่อของพระองค์ เมื่อพูดถึงสิ่งอันเป็นที่น่ารังเกียจ เหมือนที่ท่านกล่าวว่า อัลลอฮ์ทรงรังเกียจสุนัข สุกร สิ่งเหม็นเน่า หรืออะไรทำนองนี้"
ส่วนหนึ่งจากการมอบความยิ่งใหญ่ให้แก่อัลลอฮ์ คือ การไม่นำสิ่งถูกสร้างใดมาเทียบเคียงอยู่ในระดับเดียวกับพระองค์ ไม่ว่าจะในเชิงคำพูด เช่น ขอสาบานต่ออัลลอฮ์และชีวิตของคุณ ฉันไม่หวังสิ่งใดนอกจากอัลลอฮ์และจากคุณ นี่คือสิ่งที่อัลลอฮ์และคุณประสงค์ และในเชิงความรัก การยกย่องและเทิดทูน รวมถึงทุกลักษณะของการเชื่อฟังภักดี
นั่นคือต้องไม่เชื่อฟังคำสั่งใช้และสั่งห้ามของสิ่งถูกสร้างเหมือนกับที่เชื่อฟังอัลลอฮ์หรืออาจมากกว่า ดังที่บรรดาผู้อธรรมและคนชั่วช้ากระทำเกรงกลัวหรือหวังต่อสิ่งใดเหมือนที่กลัวและหวังจากอัลลอฮ์ ไม่ให้ความสำคัญกับสายตามนุษย์ ไม่ดูแคลนสิทธิของอัลลอฮ์และเอาแต่พูดว่าพระองค์ทรงใจกว้างและให้อภัย ไม่ทำให้เรื่องของอัลลอฮ์กลายเป็นส่วนเกินในชีวิตแล้วให้สิทธิ์แก่สิ่งถูกสร้างก่อนพระองค์ ไม่ทำให้อัลลอฮ์และเราะซูลของพระองค์ถูกจำกัดอยู่ในมุมหนึ่ง และแบ่งอีกมุมให้มนุษย์แยกออกไปอีกฝั่ง จนกลายเป็นว่าด้านที่มีเรื่องราวของมนุษย์กลับไม่มีเรื่องราวของอัลลอฮ์และเราะซูล (ต้องวางเรื่องราวของมนุษย์ไว้ภายใต้การเชื่อฟังคำสั่งใช้ของอัลลอฮ์และเราะซูล) ไม่ทำให้มนุษย์อยู่ในความคะนึงถึงของหัวใจและสติปัญญา ขณะที่ใช้เพียงลิ้นและร่างกายสักการะต่ออัลลอฮ์โดยปราศจากหัวใจและจิตวิญญาณ ไม่ทำให้ความต้องการของตนเองอยู่เหนือความต้องการของพระเจ้า เพราะทั้งหมดที่กล่าวมานั้นคือการไมใส่ใจต่อการมอบความยิ่งใหญ่แด่อัลลอฮ์
บทความจากหนังสือ : อัลฟะวาอิด3
ราคา : 300.- บาท
ผู้แต่ง : อิบนุลก็อยยิม อัลเญาซียะฮ์

ระหว่างความต้องการของอัลลอฮ์กับความต้องการของบ่าวพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของความต้องการ สั่งใช้บ่าวซึ่ง (ถูกสร้างมาให้) มีความ...
28/04/2025

ระหว่างความต้องการของอัลลอฮ์กับความต้องการของบ่าว
พระเจ้าผู้เป็นเจ้าของความต้องการ สั่งใช้บ่าวซึ่ง (ถูกสร้างมาให้) มีความต้องการ หากพระองค์ต้องการมอบความสำเร็จแก่เขา และตัวพระองค์เองต้องการจะช่วยเหลือและดลใจเขา บ่าวผู้นั้นก็จะทำสิ่งที่พระเจ้าสั่งใช้
หากอัลลอฮ์ทอดทิ้งบ่าว ปล่อยเขาไว้กับความต้องการของตนเอง บ่าวย่อมจะไม่เลือกอะไรเลยนอกจากสิ่งที่อารมณ์และธรรมชาติของเขาต้องการ เพราะความเป็นมนุษย์ของเขามีความต้องการเพียงแค่นี้
ด้วยเหตุนี้ อัลลอฮ์จึงตำหนิมนุษย์ในแง่มุมดังกล่าวไว้ในคัมภีร์ของพระองค์ และจะไม่ชื่นชมในความเป็นมนุษย์นอกเสียจากจะมีปัจจัยมาสนับสนุน คือ เขาจะต้องเป็นมุสลิมที่ศรัทธา อดทน ทำดี ขอบคุณ เป็นผู้ยำเกรง หรือคุณลักษณะทำนองนี้
นี่คือปัจจัยที่ถูกเพิ่มเข้ามาสำหรับทุกความสำเร็จมากกว่าแค่มีความเป็นมนุษย์ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมจะมีความต้องการ ลำพังแค่ความต้องการสิ่งใดนั้นยังไม่เพียงพอ เขาต้องได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติม นั่นคือความสำเร็จจากอัลลอฮ์ เช่นเดียวกับที่ดวงตาของมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้แค่เพียงเพราะเรามีตาที่ใช้งานได้จริง แต่เราจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยอื่นเข้ามาร่วม นั่นก็คือแสงสว่าง
บทความจากหนังสือ : อัลฟะวาอิด3
ราคา : 300.- บาท
ผู้แต่ง : อิบนุลก็อยยิม อัลเญาซียะฮ์

ที่อยู่

Phra Nakhon

เบอร์โทรศัพท์

+66891738155

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สำนักพิมพ์มิรอาตผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง สำนักพิมพ์มิรอาต:

แชร์