25/09/2025
🔥 ยูทูบเบอร์ต้องรู้! เสียภาษียังไงให้ถูกกฎหมาย? 🔥
ใครมีรายได้จาก YouTube ห้ามพลาด! สรุปทุกเรื่องภาษีสำหรับสายครีเอเตอร์ที่คุณควรรู้ ทั้งประเภทรายได้ วิธีหักค่าใช้จ่าย และตัวอย่างการคำนวณแบบเข้าใจง่ายๆ จะได้วางแผนการเงินได้อย่างถูกต้อง ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษีอีกต่อไป!
อ่านจบ...ชีวิตดีขึ้นแน่นอน!
การเสียภาษีสำหรับ Youtuber ในประเทศไทย
หากคุณเป็น YouTuber และมีรายได้จากช่องของคุณ คุณมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้เช่นเดียวกับอาชีพอื่นๆ โดยหลักการและวิธีการคำนวณภาษีจะขึ้นอยู่กับประเภทของรายได้ที่คุณได้รับและสถานะทางกฎหมายของคุณว่าจดทะเบียนเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล
ประเภทของรายได้และวิธีการหักค่าใช้จ่าย
รายได้ของ YouTuber สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท แต่ละประเภทจะมีวิธีการหักค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันไป ดังนี้:
* รายได้จากโฆษณา (Google Ads): ถือเป็น เงินได้ประเภทที่ 40(8) ซึ่งต้องนำมาคำนวณภาษี โดยสามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบ ตามจริง ได้ (ต้องมีหลักฐานประกอบ)
* รายได้จากยอด View และยอดผู้ติดตาม: หากเป็นยอดที่เกินเกณฑ์ที่กำหนด (ผู้ติดตามเกิน 1,000 คน และยอดดูรวมเกิน 4,000 ชั่วโมงใน 12 เดือน) ถือเป็น เงินได้ประเภทที่ 8 สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบ ตามจริง (ต้องมีหลักฐาน)
* รายได้จาก Sponsor หรือ Tie-in สินค้า:
* กรณีรับงานคนเดียว: จัดเป็น เงินได้ประเภทที่ 40(2) สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบ เหมา 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท หรือหักแบบ ตามจริง
* กรณีรับงานเป็นทีม (เป็นนักแสดง): หากเป็นการทำงานที่มีค่าใช้จ่ายสูง จัดเป็น เงินได้ประเภทที่ 40(8) สามารถหักค่าใช้จ่ายแบบ ตามจริง
* รายได้จากงาน Event:
* ในฐานะ YouTuber: จัดเป็น เงินได้ประเภทที่ 8 สามารถหักค่าใช้จ่ายแบบ เหมา 40% แต่ไม่เกิน 60,000 บาท หรือหักแบบ ตามจริง
* ในฐานะนักแสดงสาธารณะ: จัดเป็น เงินได้ประเภทที่ 40(8) โดย เงินได้ 100,000 บาทแรก หักเหมา 50% ส่วนที่เกิน 100,000 บาท หักเหมา 40% แต่รวมกันไม่เกิน 600,000 บาท หรือหักแบบ ตามจริง
* รายได้จากการขายสินค้าและบริการ: จัดเป็น เงินได้ประเภทที่ 8 หากเป็นสินค้าที่ผลิตเอง สามารถหักค่าใช้จ่ายแบบ ตามจริง แต่ถ้าเป็นสินค้าที่ซื้อมาขายไป สามารถหักค่าใช้จ่ายแบบ เหมา 60%
การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
สำหรับ YouTuber ที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นบริษัท จะต้องคำนวณภาษีในรูปแบบ บุคคลธรรมดา โดยมีหลักการดังนี้
**รายได้สุทธิ = (รายได้ทั้งปี - ค่าใช้จ่ายตามประเภทของเงินได้ - ค่าลดหย่อนต่างๆ) **
จากนั้นจึงนำ รายได้สุทธิ ที่ได้ไปคำนวณภาษีตามอัตราภาษีก้าวหน้า
ตัวอย่างการคำนวณ:
สมมติว่าคุณ A เป็น YouTuber มีรายได้ทั้งปีรวม 300,000 บาท โดยเป็นรายได้จากโฆษณา (เงินได้ประเภทที่ 40(8)) ทั้งหมด
1. หักค่าใช้จ่าย:
คุณ A เลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 60% (เพราะเป็นเงินได้ประเภท 40(8) ที่สามารถหักได้)
ค่าใช้จ่ายที่หักได้ = 300,000 x 60% = 180,000 บาท
เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย = 300,000 - 180,000 = 120,000 บาท
2. หักค่าลดหย่อนส่วนตัว:
โดยทั่วไปบุคคลธรรมดาจะมีค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
รายได้สุทธิ = 120,000 - 60,000 = 60,000 บาท
3. คำนวณภาษีตามอัตราภาษีก้าวหน้า:
* เงินได้สุทธิ 0 - 150,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษี
* เงินได้สุทธิ 150,001 - 300,000 บาท เสียภาษี 5%
* และอื่นๆ (อัตราเพิ่มขึ้นตามช่วงเงินได้)
ในกรณีนี้ รายได้สุทธิของคุณ A คือ 60,000 บาท ซึ่งอยู่ในช่วงที่ได้รับการยกเว้นภาษี ดังนั้น คุณ A จึง ไม่ต้องเสียภาษี
หากรายได้สุทธิของคุณ A อยู่ที่ 200,000 บาท (ซึ่งเกิน 150,000 บาท) จำนวนเงินที่ต้องเสียภาษีคือ 200,000 - 150,000 = 50,000 บาท โดยเสียภาษีในอัตรา 5%
ภาษีที่ต้องจ่าย = 50,000 x 5% = 2,500 บาท
การคำนวณภาษีในรูปแบบนิติบุคคล
สำหรับ YouTuber ที่จดทะเบียนเป็น นิติบุคคล หรือบริษัท จะต้องคำนวณภาษีจาก กำไรสุทธิ
กำไรสุทธิ = รายได้ทั้งหมด - ค่าใช้จ่ายทั้งหมด
จากนั้นนำกำไรสุทธิที่ได้ไปคำนวณตามอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล:
* กำไรสุทธิ 300,000 บาทแรก ได้รับการยกเว้นภาษี
* กำไรสุทธิ 300,001 - 3,000,000 บาท เสียภาษี 15%
* กำไรสุทธิที่เกิน 3,000,000 บาท เสียภาษี 20%
การทำความเข้าใจเรื่องภาษีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ YouTuber ทุกคน เพราะจะช่วยให้คุณบริหารจัดการรายได้ได้อย่างถูกต้องและเป็นไปตามกฎหมายครับ.
#ภาษี #ภาษียูทูบเบอร์ #กรมสรรพากร #ความรู้เรื่องภาษี #ภาษีเงินได้ #อาชีพอิสระ #คำนวณภาษี #อินฟลูเอนเซอร์ #เรื่องน่ารู้สำหรับครีเอเตอร์ #ครีเอเตอร์ #คอนเทนต์ครีเอเตอร์ #สร้างรายได้จากYouTube #อาชีพเสริม #อาชีพอิสระ #ภาษีYoutuber #วางแผนการเงิน #ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา #การเงิน #รายได้ออนไลน์ #ความรู้ #ข้อควรรู้
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากกรมสรรพากร