อัปเดตข่าวเด่น

อัปเดตข่าวเด่น สื่อออนไลน์ สื่อมวลชน​-ข่าวออนไลน์

08/08/2025

เฮฮาการเมือง : เค้าจะฟ้องศาลโลก

08/08/2025

ขอมไม่ใช่เขมรในแบบเรียนไทย ปรากฏครั้งแรกเมื่อไหร่?

“แบบเรียน” ในระบบการศึกษา คือสื่อในการสร้างเสริมให้ผู้เรียนมีความรู้ยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังการผลิตเนื้อหาของแบบเรียนใดๆ ย่อมมีวัตถุประสงค์ ทัศนคติ ค่านิยม บางอย่างอยู่ในนั้น

โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่าง “กัมพูชา” แบบเรียนประวัติศาสตร์ของไทยมักให้ภาพว่าเป็นประเทศที่อ่อนแอกว่า และมักมีเหตุยุ่งยากเกิดขึ้นในบ้านเมือง เพราะเจ้าในราชวงศ์แตกสามัคคีและแย่งราชบัลลังก์กันเสมอ

คนไทยใต้อำนาจขอม
การนำเสนอภาพของกัมพูชาในแบบเรียนไทยระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ปรากฏอย่างละเอียดในงานวิจัยเรื่อง “กัมพูชาในแบบเรียนของไทย” โดย ผศ. ดร. ธิบดี บัวคำศรี ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์และการเมืองกัมพูชา ซึ่งกองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรมออนไลน์ ขอหยิบบางประเด็นจากงานวิจัยมานำเสนอ

งานวิจัยชิ้นนี้ระบุว่า มีการกล่าวถึงกัมพูชาเป็นครั้งแรกในแบบเรียน สังคมศึกษา ป. 2 หลักสูตร พ.ศ. 2503 แต่งโดย ก่อ สวัสดิ์พาณิชย์ ซึ่งมีตอนหนึ่งอธิบายว่า ก่อนที่คนไทยจะอพยพลงมาจากทางตอนเหนือนั้น ดินแดนซึ่งเป็นประเทศไทยในปัจจุบัน “เป็นที่อยู่ของชนชาติละว้า และชนชาติขอม เมื่อบรรพบุรุษของพวกเราอพยพลงมานั้น พวกขอมและละว้าก็ยังครองแผ่นดินอยู่ บางพวกก็อพยพไปอยู่ที่อื่นต่อไป”

ขณะที่แบบเรียน สังคมศึกษา ป. 4 หลักสูตร พ.ศ. 2503 ก็ระบุว่า “(ชนชาติไทย) เข้ามาจับจองดินแดนซึ่งเป็นที่อยู่ของชน 3 ชาติ ซึ่งต่างก็แบ่งกันครองอำนาจอยู่ คือ ชาติขอม ชาติมอญ และชาติละว้า” โดยชาติขอมมีอำนาจมากกว่าชาติอื่น และเมื่อไทยลงมาตั้งมั่นในแหลมทองได้แล้ว ก็รวมกำลังกันขับไล่ขอมที่มีอำนาจแต่เดิมออกไป แล้วสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยขึ้น

ต่อมา การเล่าเรื่องความเป็นมาของชนชาติไทยก็เริ่มเปลี่ยนไป ไม่เน้นว่าคนไทยอพยพมาจากดินแดนอื่น แต่บอกว่ามีผู้คนตั้งถิ่นฐานในดินแดนที่เป็นประเทศไทยปัจจุบันมานานแล้ว มีพัฒนาการเป็นลำดับ จนเป็นอาณาจักรที่มีความเจริญรุ่งเรือง และไม่กล่าวถึงขอม มอญ ละว้า ว่าเป็นเจ้าของดินแดนแต่เดิม

ขอมไม่ใช่เขมรในแบบเรียนไทย
ผศ. ดร. ธิบดี ตั้งข้อสังเกตในงานวิจัย “กัมพูชาในแบบเรียนของไทย” ว่า แม้จะไม่มีคำอธิบายทางโบราณคดี ที่ยืนยันถึงความเก่าแก่ของชนชาติไทยบนดินแดนประเทศไทย แต่แบบเรียนก็มีทางออกให้ชนชาติไทย ที่ลงมาอยู่ในบังคับของขอม ก่อนจะลุกฮือขึ้นปลดแอกขับไล่ขอมออกไป ด้วยการอธิบายว่า “ขอมไม่ใช่เขมร”

เรื่องนี้เห็นได้ชัดที่สุดในแบบเรียน สังคมศึกษา ป. ปลาย หลักสูตร พ.ศ. 2503 ว่า

“กัมพูชาเคยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของขอม อินเดีย เวียดนาม และไทย มาแล้ว ต่อมาก็ตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส ราชอาณาจักรกัมพูชาเป็นประเทศเล็กที่ตั้งอยู่บนแหลมอินโดจีนก็จริง แต่ทว่าขอมหรือเขมรโบราณที่เคยอาศัยอยู่ในกัมพูชานี้ เป็นพวกที่มีอารยธรรมมาแต่โบราณกาล มากกว่าชาติใดๆ ในแหลมอินโดจีน เช่น มอญ ละว้า”

ชุดความคิดขอมไม่ใช่เขมรในแบบเรียนไทย ยังปรากฏในแบบเรียน ประวัติศาสตร์ไทยและต่างประเทศ ม. 1 หลักสูตร พ.ศ. 2503 ว่า

“(สาธารณรัฐเขมร) มีคนอยู่มาก่อนหลายชาติ เช่น ฟูนัน เจนละ ขอม คนไทยรู้จักขอมมากกว่าชาติอื่นๆ…ขอมเป็นผู้ที่มีอารยธรรมสูง มีคนอยู่ใต้อำนาจมาก มีกองทัพใหญ่จึงเจริญรุ่งเรืองอยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 17-19…..อาณาจักรขอมเสื่อมสลายลงเพราะมีชนชาติอื่นมีอำนาจมากกว่า ชื่อขอมค่อยๆ หายไป มีชื่อเรียกอย่างอื่นมาแทน คือ กัมพูชา..…ชนชาติกัมพูชาสามารถรวบรวมอาณาจักรขอมที่แตกแยกกันให้เป็นอาณาจักรเดียวกันและเรียกชื่อใหม่ว่าอาณาจักรกัมพูชา…..ภาษาเขมรรับอิทธิพลจากภาษาขอมทั้งการเขียนและการพูด”

เนื้อหาดังกล่าวเป็นการบอกว่า ไทยเคยอยู่ใต้บังคับของขอม แต่ไม่เคยอยู่ในบังคับของเขมรหรือกัมพูชานั่นเอง แต่เมื่อมีความรู้ทางโบราณคดีซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์กว่า และรับกับการเปลี่ยนไปของความรู้อื่นที่เกี่ยวเนื่องกัน เรื่องขอมไม่ใช่เขมรจึงถูกละเลยไปในที่สุด

ประเด็นที่น่าสังเกตคือ แบบเรียนในหลักสูตร พ.ศ. 2503 อยู่ในห้วงเวลาที่ไทยกับกัมพูชามีความขัดแย้งเรื่องคดีปราสาทพระวิหารตั้งแต่ พ.ศ. 2501-2505 ที่ท้ายสุดวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) มีมติด้วยเสียง 9 ต่อ 3 ให้ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา

เป็นเรื่องน่าคิดต่อไปว่า ปัจจุบันท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง และความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาที่บางช่วงแสนเปราะบาง “แบบเรียนไทย” จะนำเสนอเนื้อหาที่จะส่งผลต่อความรับรู้ของคนไทยที่มีต่อประเทศเพื่อนบ้านชายแดนติดกันอย่างไร?

08/08/2025

CIB บุกทลายแก๊งฟอกเงินข้ามชาติผ่าน Huione Pay ยึดเงินสดกว่า 46 ล้านบาท

วันที่ 8 ส.ค. 2568 ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.พร้อมด้วย พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผกก.3 บก.ปอท. พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ พุ่มพวง สว.กก.3 บก.ปอท.

ร่วมแถลงผลเปิดปฏิบัติการ “SKYFALL” บุกทลายแก๊งฟอกเงินข้ามชาติผ่าน Huione Pay สามารถจับกุม นายอู ชิน (Mr.OO SHIN) อายุ 57 ปี ,นางธิดา (Ms.THIDA) อายุ 57 ปี และนายเล่า เวย (Mr.LOUK WAI) อายุ 54 ปี ทั้งหมดสัญชาติเมียนมา

ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, โดยทุจริตหรือหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนฯ, สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” ได้บริเวณบ้านพัก ในพื้นที่ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ กก.3 บก.ปอท. ว่าถูกมิจฉาชีพใช้เพจเฟซบุ๊กชักชวนลงทุนเทรดหุ้นอ้างได้กำไรดี จากนั้นได้ให้เข้ากลุ่มไลน์ซึ่งมีสมาชิกจำนวนมาก ภายในกลุ่มจะมีหน้าม้าในกลุ่มคอยแจ้งว่าสามารถเทรดได้กำไรและถอนเงินได้จริง โดยผู้เสียหายใช้เวลาในการดูในกลุ่มอยู่ประมาณ 2-3 เดือน ก่อนตัดสินใจลงทุน จากนั้นแอดมินกลุ่มจะให้เข้ากลุ่ม VIP และติดต่อผ่าน Line Officail ก่อนที่จะให้โหลดแอปพลิเคชันปลอม ชื่อ Ulela Max และโอนเงินเพื่อลงทุนเทรดหุ้น โดยจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 10 %

พล.ต.ต.อธิป กล่าวว่า ในช่วงแรก ๆ ผู้เสียหายได้โอนเงินไปยังบัญชีม้านิติบุคคล ชื่อบัญชี บจก. ยูเลล่า เทรดดิ้ง 999 จำนวนหลักแสนบาท พบว่าสามารถถอนเงินพร้อมกำไรได้จริง จึงได้โอนเพิ่มขึ้นเป็นหลักล้านบาทอีกหลายครั้ง ไปยังบัญชีม้านิติบุคคล จำนวน 4 บัญชี และ บัญชีม้าบุคคล จำนวน 8 บัญชี รวม 18 ครั้ง เป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท โดยใช้เวลาในการโอนและลงทุนดังกล่าวกว่า 2 เดือน ก่อนจะรู้ตัวว่าถูกมิจฉาชีพหลอกและไม่สามารถถอนเงินได้ จึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท.

ด้าน พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ กล่าวว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่า หลังจากที่บัญชีม้าต่าง ๆได้รับเงินแล้วจะมีการเปลี่ยนเงินเป็น Cryptocurrency ผ่านแพลตฟอร์มของไทย ได้แก่ BinanceTH และ Bitkub จากนั้นจะโอน Cryptocurrency สกุล USDT ต่อไปยัง Private Wallet จำนวนหลายกระเป๋าเพื่อให้ยากต่อการติดตาม โดยพบว่าบัญชีม้าทั้งหมดมีการทำรายการที่ตึกออฟฟิศ ในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา

เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบเส้นทางการเงิน Cryptocurrency พบว่ามีการโอนไปยัง Wallet ของ Huione Pay ของประเทศกัมพูชา เพื่อฟอกเงิน ก่อนจะถูกโอนต่อไปยัง Wallet ของผู้รับผลประโยชน์อีกจำนวนหลาย Wallet ก่อนจะโอนมาให้กับกลุ่มผู้ต้องหาในคดีนี้ที่เป็นชาวเมียนมา โดยพบว่าจะมีการรับโอน Cryptocurrency สกุล USDT วันละประมาณ 20-30 ล้านบาท แล้วจะเปลี่ยนเป็นเงินสดผ่านแพลตฟอร์ม Cryptocurrency ต่าง ๆ ทั้ง Binance, OKX และ Exchange ของไทย

ได้แก่ Bittazza, Maxbit และ Z.COM เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสดเข้าบัญชีธนาคารไทยของกลุ่มผู้ต้องหา และไปถอนเงินสดที่ธนาคารในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก วันละประมาณ 20-30 ล้านบาท

พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อถอนเงินแล้วจะนำเงินสดให้ชาวเมียนมา ขนข้ามชายแดนบริเวณด่าน ตม.แม่สอด ไปส่งต่อให้นายทุนชาวจีนยังฝั่งเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ต่อไป โดยพบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีการถอนเงินสดกว่าเดือนละ 1,000 ล้านบาทเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้รวม 28 คน

โดยเป็นกลุ่มบัญชีม้า จำนวน 24 คน และ ชาวเมียนมา ผู้รับผลประโยชน์จำนวน 4 คน และได้นำหมายค้นศาลจังหวัดแม่สอด เพื่อเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายพร้อมจับกุมผู้ต้องหาชาวเมียนมาจำนวน 3 ราย ซึ่งทำหน้าที่กดเงินสดและขนเงินไปให้นายทุนยังฝั่งประเทศเมียนมา พร้อมตรวจยึดเงินสดของกลางรวมกว่า 46 ล้านบาท จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบขณะนี้ยังไม่พบว่าแก๊งดังกล่าวเชื่อมโยงกับ "ก๊ก อาน" หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ชาวกัมพูชา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนขยายผล อย่างไรก็ตามพบว่าผู้ต้องหาระดับสั่งการบางรายกบดานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่มีสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทย แต่ทางเราจะขอให้ตำรวจสากลออกหมายจับเพื่อกดดันขบวนการเหล่านี้ต่อไป

08/08/2025

มินนี่ i-dle ขึ้นแท่นนางเอก ประกบคู่ ณเดชน์ ลงรีเมคหนังดัง 50 First Dates จากค่าย GDH

ทำเอาแฟนๆ ฮือฮาไม่น้อย เมื่อค่ายหนังดัง GDH ได้ประกาศเปิด 5 โปรเจกต์ภาพยนตร์ ต้อนรับฤดูกาลใหม่ ‘GDH CIRCLES CONNECTING SEASON วันเพิ่มเพื่อน’ โดยหนึ่งในนั้นมีภาพยนตร์เรื่อง 50 First Dates ที่เคยสร้างความประทับใจให้คอภาพยนตร์แนวโรแมนติกคอเมดี้มาอย่างยาวนาน ที่ถูกนำมาตีความใหม่ในแบบฉบับของ GDH ร่วมกับ Sony Pictures Entertainment

ทั้งนี้ยังได้มีการเปิดตัวนักแสดงนำในเรื่องเป็นพระเอกหนุ่มสุดฮอตของไทย อย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ มาประกบคู่กับ ไอดอลสาว มินนี่-ณิชา ยนตรรักษ์ หรือ มินนี่ i-dle ที่มาเป็นนางเอกภาพยนตร์ไทยเป็นครั้งแรก โดยในเพจ GDH ก็ได้เปิดเผยข้อมูลไว้ว่า

ฤดูแห่งการเริ่มต้นความรัก [Season of Firsts] ที่ซึ่งความรักก่อเกิดอีกครั้ง..ในทุกๆ วัน

50 First Dates[Working Title] การตีความใหม่ของภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้สุดฮิต

นักแสดง: ณเดชน์ คูกิมิยะ และมินนี่-ณิชา ยนตรรักษ์ (MINNIE of i-dle)

ผู้กำกับ : เมษ ธราธร, โปรดิวเซอร์ : เก้ง-จิระ มะลิกุล , วัน-วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์, เมษ ธราธร, Co-Producer : สุย-สุวิมล เตชะสุปินัน, ผู้ร่วมทุน : Sony Pictures International Productions

“ผ่านไป 21 ปีแล้ว นับตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องนื้ออกฉาย ผมยังจำมันได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่เพราะโชคดีที่ไม่เคยประสบอุบัติเหตุเหมือนลูซี่ แต่เพราะรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในเรื่องที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และอบอุ่นหัวใจ จนยากจะลืม”

“หากภาพยนตร์เรื่องนี้จะถูกเล่าใหม่ในมุมมองแบบเอเชีย เป้าหมายสําคัญ คือการสร้างความประทับใจให้ได้ ทั้งคนที่ไม่เคยดูต้นฉบับ และคนที่เคยดูมาแล้ว เวอร์ชันใหม่นี้จะเติมความสดใหม่ให้ไอเดียเดิม แต่ยังคงรักษาหัวใจของเรื่องไว้อย่างครบถ้วน ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ จะเป็นสิ่งที่ผู้ชมจะได้รับกลับไปเมื่อเรื่องราวจบลง”

-เมษ ธราธร-

08/08/2025

“บิ๊กเล็ก” ห่วงใยหากเสี่ยงยังกลับเข้าที่พักไม่ได้ มอบแม่ทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์

“พล.อ.ณัฐพล” มอบแม่ทัพภาคที่ 2 ประเมินประชาชนกลับภูมิลำเนา วิงวอนให้เข้าใจหากยังเสี่ยงกลับไม่ได้ ให้อดทนอยู่ศูนย์อพยพไปก่อน ขอบคุณมาเลเซียไม่เข้าแทรกแซงปัญหาไทย-กัมพูชาให้หารือทวิภาคี

วันที่ 8 ส.ค. 2568 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ มีการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา (ศบ.ทก.)

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่าได้มีโอกาสพบนายกรัฐมนตรีมาเลเซียโดยสิ่งที่ยึดถือคำมั่นต่อกันคือมาเลเซียและอาเซียนจะปล่อยให้ไทยและกัมพูชาตกลงกันเองแบบทวิภาคี โดยไม่เข้ามายุ่งจะเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ ส่วนสหรัฐและจีนจะปล่อยให้อาเซียนบริหารสถานการณ์กันเองโดยไม่เข้ามาแทรกแซง

แต่อยากจะย้ำในสิ่งที่ประชาชนยังสงสัยว่าไทยจะเชื่อใจกัมพูชาได้หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่าเราใช้แนวทางเดิมคือความเป็นผู้มีวุฒิภาวะดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมายระหว่างประเทศและความเห็นร่วมกันของนานาชาติเป็นกรอบประเมินและควบคุมฝ่ายกัมพูชาจะขัดต่อกฎหมายหรืออนุสัญญาหรือความเห็นนานาชาติหรือไม่ และได้ประเมินความจริงใจกัมพูชาสามระดับ ซึ่งตอนนี้ผ่านไปสองขั้นแล้ว ยังเหลืออีกหนึ่งขั้นคือการปฏิบัติจริง

ที่จะมีกลไก RBC หรือคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค และ GBC ที่จะเกิดขึ้นอีก 1 เดือนข้างหน้า พร้อมยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นการประชุม GBC หรือศบ.ทก. เรามีฝ่ายกฎหมายอยู่ในทีมทั้งสองอย่าง การทำอะไรก็ตามที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจจะไม่ทำแน่นอนขอให้ประชาชนมั่นใจ หรือเรื่องไหนที่เกินอำนาจจะเสนอเข้าที่ประชุมสมช.และครม.

ส่วนภาพรวมการคลี่คลายสถานการณ์ไทยกัมพูชาไม่ได้มีเฉพาะงานที่เห็นแต่ยังมีงานที่เหลือ ซึ่งสมช. จะเป็นคนติดตาม ทั้งการเรียกร้องค่าเสียหาย และการดูแลประชาชน และหากสถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติ ศบ.ทก.ก็จะยุติบทบาท

พล.อ.ณัฐพล ยังกล่าวถึงความต้องการของประชาชนใน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ที่อยากกลับบ้าน เพราะเป็นห่วงผลผลิตการเกษตร ซึ่งได้ประสานกับแม่ทัพภาคที่ 2 เชิญผู้ว่าราชการทั้ง 4 จังหวัดหารือสถานการณ์ ที่ไม่เสี่ยงสามารถให้ประชาชนกลับบ้านได้ให้เร่งดำเนินการ แต่หากแม่ทัพภาคที่ 2 ประเมินแล้วว่าสถานการณ์ยังเสี่ยงอยู่

ก็ขอให้ประชาชนให้ความร่วมมืออยู่ในศูนย์อพยพไปก่อน ส่วนประชาชนในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ตราด สระแก้ว ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการที่เดือดร้อนขอให้อดทนอีกนิดถ้าสถานการณ์คลี่คลายในทางที่ดีขึ้นจะได้ผ่อนคลายไปตามลำดับ

08/08/2025

กรมอุทยานฯ จัดรับฟังความคิดเห็นกฎหมาย ควบคู่เดินหน้าแก้ไขปัญหาสัตว์ป่า จนท.ลาดตระเวนป่าครอบคลุมพื้นที่ตามเป้าหมาย

นายอดิศักดิ์ ภูสิทธิ์วงศานุยุต ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 สาขาสระบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2568 ได้มอบหมายให้นายปกครอง ทองเนื้อแข็ง ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ ดำเนินการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นผลสัมฤทธิ์พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ณ ห้องประชุมไร่กุสุมา รีสอร์ท อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี โดยมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียซึ่งประกอบด้วยหลายภาคส่วน ได้แก่

ราษฎรที่อาศัยทำกินอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ตามมาตรา 64 พรบ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ผู้ประกอบการร้านค้า หน่วยงานราชการ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ฯลฯ เข้าร่วมประชุมจำนวนทั้งสิ้น 80 คน โดยการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นดังกล่าว สืบเนื่องจาก พรบ.ประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 ได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และกระบวนการในการติดตามตรวจสอบ และประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย ที่มีผลใช้บังคับมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี เพื่อให้การออกกฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมาย มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

ผลการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นปรากฏว่า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทุกภาคส่วน เห็นด้วยกับการพัฒนาปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 เนื่องจากมีบทบัญญัติที่เกื้อหนุนให้ราษฎรและชุมชน ที่อยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541และคำสั่งคสช.ที่ 66/2557 สามารถอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดไว้

สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถเกิดใหม่ทดแทนได้ในบริเวณที่กำหนดไว้ สำหรับเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มอำนาจในการปฏิบัติงานให้มากขึ้น เช่น สามารถตรวจค้นสถานที่หรือยานพาหนะ ในกรณีที่มีเหตุอันสงสัยว่ามีการกระทำผิด สามารถเข้าไปในสถานที่ใดๆ ระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของสถานที่นั้น

เพื่อตรวจสอบและควบคุมให้เป็นไปตามกฎหมาย มีการเพิ่มอัตราโทษ ทั้งโทษปรับและโทษจำคุกให้สูงขึ้น สามารถนำเงินอุทยานฯ ไปใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ด้านสวัสดิการ หรือเงินช่วยเหลือให้แก่เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครที่ได้รับอันตราย บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต เป็นต้น

นายอดิศักดิ์ฯ ได้กล่าวต่อว่า ในขณะเดียวกันระหว่างวันที่ 4-8 สิงหาคม 2568 ได้มอบหมายให้นายสมศักดิ์ ดวงรัศมี ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า นำเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการดักจับทำหมันลิง ในเขตเทศบาลเมืองลพบุรี (เพิ่มเติม) ตามแผนควบคุมจำนวนประชากรลิง ที่สร้างผลกระทบและสร้างความเดือดร้อน ให้แก่ประชาชนในเขตเมืองลพบุรี ทั้งนี้ สามารถดักจับและทำหมันลิงได้แล้ว จำนวนทั้งสิ้น 74 ตัว

โดยการปฏิบัติเป็นไปตามบันทึกความร่วมมือระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับเทศบาลเมืองลพบุรี จนถึงปัจจุบัน สามารถควบคุมประชากรลิงในเขตเทศบาลเมืองลพบุรี ให้อยู่ในสภาวะปกติ และไม่ก่อความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ อีกต่อไป

นายอดิศักดิ์ฯ ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้ออกติดตามผลการปฏิบัติงานการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ ของอุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น จากการรายงานผลของอุทยานแห่งชาติ ทั้ง 3 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ซึ่งประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย อุทยานแห่งชาติเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า

มีผลการปฏิบัติงานลาดตระเวนเชิงคุณภาพ หรือ SMART Patrol ครอบคลุมทุกพื้นที่ป่าอนุรักษ์แล้วกว่า 85% โดยภายในสิ้นปีงบประมาณ 2568 ในเดือนกันยายนนี้ คาดว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถเดินลาดตระเวนพื้นที่ป่า ได้ครอบคลุมครบ 100% ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ พร้อมทั้งได้กำชับให้หัวหน้าหน่วยงานภาคสนามทุกแห่ง ดูแลเรื่องสวัสดิภาพ และสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ ให้เป็นอย่างดี หลังจากนั้นได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภค และเสบียงอาหาร ให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ

08/08/2025

ทยอยกลับบ้าน หลังไทย-กัมพูชา บรรลุข้อตกลงหยุดยิง ขอบคุณทหารที่เสียสละ

วันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในศูนย์พักพิงชั่วคราวในพื้นที่อำเภอกันทรารมย์ และกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับประชาชนที่อพยพจากเหตุการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มกลับมาเป็นปกติ หลังจากสถานการณ์ชายแดนผ่อนคลายลง

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ระหว่างฝ่ายไทยและกัมพูชา ซึ่งสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ถึง 13 ข้อ โดยมีเป้าหมายเพื่อยุติการสู้รบและฟื้นฟูสันติภาพบริเวณชายแดน

ภายหลังผลการเจรจาถูกเผยแพร่ออกมา บรรยากาศภายในศูนย์พักพิงเต็มไปด้วยความดีใจและโล่งใจ ชาวบ้านที่อพยพมาต่างทยอยเก็บสัมภาระ เตรียมตัวเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยบางส่วนตัดสินใจเดินทางกลับทันที แม้ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการจากทางจังหวัด

นางสุเทียน วงศ์เมือง อายุ 57 ปี ชาวบ้านจากตำบลบึงมะลู กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากหลังทราบข่าวข้อตกลงหยุดยิง โดยตนตั้งใจจะเดินทางกลับบ้านทันทีหลังจากรับสิ่งของช่วยเหลือจากทางอำเภอ โดยไม่รอคำสั่งจากจังหวัด เนื่องจากคิดถึงบ้านอย่างมากหลังต้องอพยพออกมาหลายวัน

“จะมีการยิงกันอีกหรือเปล่า ก็ไม่รู้แต่ตอนนี้ขอกลับบ้านก่อน เพราะคิดถึงบ้านจริง ๆ” นางสุเทียนกล่าว

นางหนูเพียร บึงพยอม อายุ 70 ปี กล่าวว่า หลังทราบผลการประชุม GBC ก็รู้สึกดีใจมาก ขณะนี้ได้เก็บของเตรียมพร้อมไว้แล้ว หากชาวบ้านคนอื่นเริ่มทยอยกลับ ตนก็คงต้องกลับด้วย เพราะไม่รู้จะอยู่กับใคร

นางสะอาด อ่อนศรี อายุ 55 ปี ชาวตำบลบึงมะลู อีกราย เปิดเผยว่า รู้สึกยินดีที่มีการตกลงหยุดยิงเพื่อรักษาสันติภาพ แต่ยอมรับว่ายังไม่สามารถเชื่อใจกัมพูชาได้ทั้งหมด เนื่องจากที่ผ่านมา เคยมีเหตุการณ์ยิงปืนใหญ่เข้ามาในฝั่งไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ พร้อมเรียกร้องให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างจริงจัง

“อยากให้บ้านเมืองสงบ ไม่อยากเห็นลูกหลานต้องหนีตายเหมือนที่ผ่านมา” นางสะอาดกล่าว

ด้าน นางสุธี มั่นชาติ อายุ 60 ปี กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่อำเภอที่ดูแลชาวบ้านอพยพอย่างดีตลอดระยะเวลาที่อยู่ในศูนย์พักพิง โดยเฉพาะการจัดอาหารให้ครบ 3 มื้อ รวมถึงการดูแลด้านความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณทหารที่เสียสละเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ

“ต้องขอขอบคุณทหารทุกนายที่ยอมเสียสละแม้กระทั่งแขนขา เพื่อดูแลพวกเรา คนไทยทุกคนต้องซาบซึ้งในความเสียสละนี้” นางสุธีกล่าว

อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดยังไม่ได้มีประกาศอนุญาตให้ประชาชนเดินทางกลับอย่างเป็นทางการ โดยอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ร่วมกับฝ่ายทหาร เพื่อให้มั่นใจว่าพื้นที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง ก่อนจะมีคำสั่งให้ชาวบ้านทยอยกลับภูมิลำเนาได้

08/08/2025

4 สาวไทยพร้อมป้องกันแชมป์กอล์ฟทีมโลก “อินเตอร์เนชั่นเนล คราวน์” ที่เกาหลีใต้

การแข่งขันกอล์ฟประเภททีม รายการ “ฮันฮวา ไลฟ์พลัส อินเตอร์เนชั่นเนล คราวน์ 2025” มี 8 ทีมเข้าร่วม ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย, ไทย, สวีเดน, จีน และทีมเวิลด์ (World Team) โดยแต่ละทีมมีสมาชิก 4 คน รวมทั้งหมด 32 คน

หลังประกาศคะแนนอันดับโลกเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีการยืนยันรายชื่อนักกอล์ฟที่เข้าร่วมการแข่งขันเรียบร้อย โดยการจัดอันดับทีม ณ ปัจจุบัน ได้แก่

อันดับ 1 สหรัฐอเมริกา (42 คะแนน)

อันดับ 2 ญี่ปุ่น (50 คะแนน)

อันดับ 3 เกาหลีใต้ (56 คะแนน)

อันดับ 4 ออสเตรเลีย (81 คะแนน)

อันดับ 5 ไทย (96 คะแนน)

อันดับ 6 สวีเดน (126 คะแนน)

อันดับ 7 ทีมเวิลด์ (150 คะแนน)

อันดับ 8 จีน (285 คะแนน)

รูปแบบการแข่งขัน

เล่นแมตช์เพลย์แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีมรวม 4 วันโดยวันพฤหัสบดี ศุกร์ และเสาร์จะเล่นแบบโฟร์บอล พบกันหมดในกลุ่มนำเอาทีมอันดับ 1 และ 2 เข้าไปเล่นในวันอาทิตย์ ช่วงเช้าแข่งขันรอบรองขนะเลิศ เล่นแบบซิงเกิ้ลแมตช์เพลย์ 2 แมตช์ และแบบโฟร์ซัมส์ 1 แมตช์ ทีมชนะจะเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศ และทีมแพ้ขิงอันดับสามช่วงบ่าย และจะยังแข่งขันในแบบเดียวกันกับรอบรองชนะเลิศ โดยผลการแบ่งกลุ่มนั้นไทยอยู่ในกลุ่มเอ ร่วมกับสหรัฐอเมริกา (1) ออสเตรเลีย (4) และจีน (8) ส่วนกลุ่ม บี ประกอบด้วย ญี่ปุ่น (2) เกาหลีใต้ (3) สวีเดน (6) และทีมเวิลด์ (7)

รายชื่อนักกอล์ฟแต่ละทีม

สหรัฐฯ: เนลลี คอร์ดา, แองเจิล หยิน, ลอเรน ค็อจห์ลิน, ลีเลีย หวู

ญี่ปุ่น: มิยู ยามาชิตะ, ริโอะ ทาเคดะ, มาโอะ ไซโกะ, อายากะ ฟุรึเอะ

เกาหลีใต้: คิม ฮโย-จู, ริว แฮรัน, โค จิน-ยอง, ชเว ฮเย-จิน

ออสเตรเลีย: อี มินจี, ฮันนาห์ กรีน, เกรซ คิม, สเตฟานี ไคเรียคู

สวีเดน: มายา สตาร์ค, มาเดอเลน แซคสตรอม, อิงกริด ลินด์บลัด, ลินน์ แกรนท์

จีน: หยิน รั่วหนิง, จาง เว่ยเว่ย, หลิว เอี๋ยน และ หลิว ยุ่ยซิน (แทน หลิน ซีอวี้ ที่ถอนตัวเนื่องจากตั้งครรภ์)

ทีมเวิลด์: ลีเดีย โค (นิวซีแลนด์), ชาร์ลีย์ ฮัลล์ (อังกฤษ), บรู๊ค เฮนเดอร์สัน (แคนาดา), ซวี เว่ย-หลิง (ไต้หวัน)

08/08/2025

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนา จัดสร้าง "หลุมหลบภัย" เพื่อปกป้องราษฎรที่ยังคงอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงตามแนวชายแดน

ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ เป็นผู้แทนมูลนิธิชัยพัฒนา ในการเข้าสำรวจและสอบถามความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ พบว่ายังมีชาวบ้านบางส่วนไม่ได้อพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว แต่ยังคงอาศัยอยู่ในบ้านตัวเองในหมู่บ้านเขตพื้นที่เสี่ยงตามแนวชายแดน จังหวัดสุรินทร์ อีกทั้งหมู่บ้านดังกล่าวไม่มีหลุมหลบภัย

เมื่อเกิดเหตุปะทะตามแนวชายแดนและมีเสียงปืนดังขึ้น ชาวบ้านจำเป็นต้องไปหลบกระสุนปืนใหญ่กันในท่อลอดใต้ถนน เช่น คุณยายเล็ก ทองสิน เล่าว่า "พอได้ยินเสียงปืนก็รีบเดินไปหลบอยู่ในท่อ พอเสียงปืนเงียบก็กลับบ้านไปหุงข้าวกิน กินข้าวเสร็จกลับไปอยู่ต่อในท่อ เป็นอย่างนี้อยู่สามวัน"

นอกจากนี้ผู้ที่อยู่ตามแนวชายแดนมีความวิตกกังวลกับโดรนที่บินวนเวียนเหนือหมู่บ้านทุกคืนในช่วงนี้

ความทราบถึง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ซึ่งทรงติดตามและทรงห่วงใยความเดือดร้อนของราษฎรตามแนวชายแดน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนา จัดสร้างหลุมหลบภัยในพื้นที่หมู่บ้านสองแห่งที่ยังไม่มีสิ่งป้องกันภัย ในอำเภอสังขะ และอำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์

มูลนิธิชัยพัฒนาได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน (ชรบ.) โดยทันที เพื่อร่วมกันจัดสร้างหลุมหลบภัยอย่างเร่งด่วน โดยมูลนิธิชัยพัฒนาจัดหาวัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้างส่งเข้าไปยังหมู่บ้านทั้งสองแห่ง

แห่งแรกจัดทำเป็นหลุมหลบภัยบล็อกคอนเวิร์ส (Converse Block) ขนาด 3 บล็อกต่อกัน จำนวน 2 จุด ประชาชนสามารถหลบภัยได้ประมาณ 20-30 คน ต่อหนึ่งจุด ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568

แห่งที่สองเป็นการนำท่อบล็อคคอนเวิร์ส จำนวน 6 บล็อควางเรียงติดกันในจุดเดียวกัน ประชาชนสามารถหลบภัยได้ประมาณ 50-60 คน ดำเนินการแล้วเสร็จในวันที่ 6 สิงหาคม 2568

- นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ แก่พสกนิกรในพื้นที่ชายแดน ที่ยังต้องเผชิญความไม่แน่นอนและอันตรายจากสถานการณ์ความไม่สงบ -

08/08/2025

ตำรวจอิสราเอลปะทะกลุ่มยิวออร์โธด็อกซ์ เหตุต่อต้านการเกณฑ์ทหาร

สื่อท้องถิ่น เยดิโอธ อาโรนอธ รายงานว่า ตอนเย็น วันที่ 17 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เกิดเหตุปะทะกันระหว่างตำรวจอิสราเอล กับชาวยิวกลุ่มอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง หรือที่รู้จักกันในชื่อ กลุ่มฮาเรดิม ใกล้กรุงเทลอาวีฟ โดยพวกเขากำลังประท้วงต่อต้านการเกณฑ์สมาชิกชุมชน 1,000 คน เพื่อเข้ารับราชการทหาร

การปะทะเกิดขึ้นหลังจากผู้ประท้วงจากกลุ่มฮาเรดิม ปิดถนนสายหลักในเมืองบีไนบรัค เนื่องจากกองทัพอิสราเอลได้ส่งร่างคำสั่งเกณฑ์ทหาร 1,000 ฉบับ ไปยังสมาชิกของชุมชนฮาเรดิมในเมืองนี้ ซึ่งพวกเขาเห็นว่า การสั่งเกณฑ์ทหารดังกล่าว “เป็นการโจมตีประเพณี และวิถีชีวิตของพวกเขา”

รายงานระบุว่า ร่างคำสั่งดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของคำสั่ง 7,000 ฉบับ ที่คาดว่าจะออกให้กับสมาชิกกลุ่มฮาเรดิม ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คำสั่งเกณฑ์ทหารดังกล่าว ได้รับการอนุมัติจากอดีตรัฐมนตรีกลาโหม ยูอาฟ กาลลันต์ ก่อนที่เขาจะถูกไล่ออกจากตำแหน่งเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ ผู้นำฝ่ายค้านของอิสราเอล นายยาอีร์ ลาปิด เรียกร้องให้ยกเลิกการให้เงินทุน และหนังสือเดินทางแก่สมาชิกกลุ่มฮาเรดิม หากพวกเขาปฏิเสธที่จะรับราชการในกองทัพ

กลุ่มฮาเรดิม ต่อต้านการรับราชการในกองทัพอิสราเอล แม้จะมีคำตัดสินของศาลฎีกา เมื่อเดือนมิถุนายน ปีที่ผ่านมา ที่กำหนดให้พวกเขาถูกเกณฑ์เป็นทหาร เช่นเดียวกับพลเมืองอิสราเอลคนอื่น ๆ

พรรคการเมืองของกลุ่มฮาเรดิม ซึ่งเป็นพันธมิตรในรัฐบาลอิสราเอล เรียกร้องให้มีการตรากฎหมาย เพื่อให้แน่ใจว่า ชาวยิวอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง ประมาณ 60,000 คน ยังคงได้รับการยกเว้นจากการเกณฑ์ทหาร ในขณะที่ฝ่ายค้านปฏิเสธ

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ฝ่ายค้านที่นำโดย นายลาปิด ได้เรียกร้องให้รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลคนใหม่ นายอิสราเอล แคทซ์ ออกร่างคำสั่งอย่างชัดเจน ไปยังกลุ่มฮาเรดิม เพื่อให้เข้ารับราชการทหาร เมื่อเขาเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการแล้ว

กองทัพอิสราเอล กำลังทุกข์ทรมานจากการขาดแคลนกำลังทหาร ท่ามกลางความสูญเสียเกือบทุกวัน ในสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ดำเนินอยู่ในฉนวนกาซา และเลบานอน โดยมีสหรัฐอเมริกา สนับสนุนอยู่

อิสราเอลยึดครองดินแดนของชาวอาหรับในเลบานอน ซีเรีย และปาเลสไตน์ มานานหลายสิบปี และปฏิเสธการดำเนินการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์ ที่มีเยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวง บนดินแดนและขอบเขตที่ยอมรับกันในสนธิสัญญา ก่อนที่จะเกิดสงครามในปี 1967

เครดิตข้อมูล : ขอบคุณภาพคลิป
#ข่าว #คลิปติดกระแส #คอนเทนต์ติดกระแส #เทรนด์วันนี้ #คอนเทนต์ #เทรนด์แรงวันนี้ #เปิดค่าการมองเห็น #อัปเดตข่าวเด่น
#อิสราเอล #เยรูซาเล็ม #เกณฑ์ทหาร #ข่าวต่างประเทศ

08/08/2025

ก๊อกๆๆ บิ๊กมหาดไทย โซเชียลฝากถาม
ปกติแล้ว… คนที่ถือ พาสปอร์ตสองสัญชาติ
ต้องใช้ ชื่อ–นามสกุลเดียวกัน หรือไม่?
แล้วทำไม… เตีย เสียม หรือนายตี๋ สยาม ลูกชาย เตีย บัญ เจ้าของ PTT เขมร ถึงมี ชื่อ–นามสกุลไทยครบชุด อธิพัชร์ นิธิหิรัญชัยกิจ ทั้งที่เป็นคนกัมพูชา?

เครดิตข้อมูล : CSI LA
#ข่าว #คลิปติดกระแส #คอนเทนต์ติดกระแส #เทรนด์วันนี้ #คอนเทนต์ #เทรนด์แรงวันนี้ #เปิดค่าการมองเห็น #อัปเดตข่าวเด่น

08/08/2025

ทรัมป์ เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมขึ้นภาษีสูง 50% จนบราซิลต้องร้อง WTO

บราซิลฟ้อง WTO แต่จะช่วยได้แค่ไหน?
ประธานาธิบดีลูอิส อีนาซียู ลูลา ดา ซิลวา แห่งบราซิลได้ยื่นคำร้องต่อองค์การการค้าโลก หรือ WTO เพื่อขอคำปรึกษาให้ช่วยตรวจสอบและสั่งลดอัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ต่อประเทศบราซิลที่กำหนดไว้สูงถึง 50% ซึ่งแหล่งข่าวภายในรัฐบาลบราซิลยืนยันคำร้องดังกล่าวกับสื่อต่างประเทศเมื่อวานนี้ (6 สิงหาคม 68)

ภาษีนำเข้าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดไว้ให้บราซิล นับเป็นอัตราสูงสุดที่ทรัมป์เคยเรียกเก็บจากประเทศอื่น ๆ ในเดือนสิงหาคม ขณะเดียวกัน คาดว่าอินเดียจะเผชิญกับภาษีนำเข้า 50% ในช่วงปลายเดือนนี้ เว้นแต่จะมีการบรรลุข้อตกลงก่อน

การร้องขอการปรึกษาหารือมักเป็นขั้นตอนแรกในกระบวนการข้อพิพาททางการค้าขององค์การการค้าโลก องค์การนี้ทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินระหว่างประเทศในข้อพิพาททางเศรษฐกิจ แม้ว่าขั้นตอนการเจรจาหาข้อยุติอาจใช้เวลานานและไม่สามารถสรุปผลได้

รองประธานาธิบดีเจรัลโด อัลค์มิน ของบราซิล ประเมินว่า สินค้าส่งออกจากบราซิลไปยังสหรัฐฯ ประมาณ 35.9% จะต้องเสียภาษีศุลกากรในอัตราสูงลิ่ว ซึ่งจำนวนสินค้าของบราซิลที่ส่งไปยังสหรัฐฯ ทั้งหมด คิดเป็น 4% ของสินค้าส่งออกบราซิลไปทั่วโลก

แรงแค้นของทรัมป์ นำไปสู่อัตราภาษีสุดโหด
ทรัมป์ให้เหตุผลการเก็บภาษี 50% กับอินเดียว่าเป็นเพราะรัฐบาลอินเดียทำเงินจากน้ำมันรัสเซียได้อย่างมหาศาล และแถมดื้อดึงจะทำการค้ากับรัสเซียต่อ แม้ทรัมป์จะออกปากเตือนแล้ว แต่สำหรับบราซิลนั้น หลายฝ่ายมองว่าเป็นเกมการเมืองระหว่างประเทศ ที่โดนัลด์ ทรัมป์ได้ทีเอาคืน และเป็นการแก้แค้นทางการเมืองมากกว่าการหาดุลที่เหมาะสมของการค้าระหว่างสองประเทศ

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทรัมป์ได้เปิดเผยอัตราภาษีในจดหมายที่ส่งถึงประธานาธิบดีบราซิล จดหมายฉบับนี้ถูกเผยแพร่ในออนไลน์ด้วย และเนื้อหาที่ทรัมป์เขียนนั้น มีความแตกต่างจากจดหมายภาษีศุลกากรในแบบที่ควรเป็น ทรัมป์ใช้จดหมายดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นในการโจมตีรัฐบาลบราซิลอย่างรุนแรงสำหรับการตัดสินใจดำเนินคดีกับอดีตประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนาโร ของบราซิล ในข้อหาพยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งในปี 2022 และก่อรัฐประหารเพื่อดำรงอำนาจต่อไป

แต่เหตุใดทรัมป์ต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนกับการเมืองภายในบราซิล? คำตอบก็คือ ลักษณะข้อกล่าวหาที่อดีตประธานาธิบดีโบลโซนาโรโดนรัฐบาลชุดใหม่ของบราซิลเล่นงานนั้น มีความใกล้เคียงกับข้อกล่าวหาที่ทรัมป์โดนคดีทางการเมืองมาก่อนหน้านี้ เหตุการณ์ที่ผู้สนับสนุนของโบลโซนาโรบุกเข้าทำลายอาคารรัฐสภาของบราซิลในปี 2023 มีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่ผู้สนับสนุนของทรัมป์บุกทำเนียบรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อปี 2021

ทั้งสองเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้นำทั้งสองคนพ่ายแพ้การเลือกตั้งและตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความสุจริตของผลการเลือกตั้ง ซึ่งทรัมป์มองว่า คดีของโบลโซนาโรเป็น "การล่าแม่มด" ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับคดีที่เขากำลังเผชิญอยู่ การปกป้องโบลโซนาโรช่วยให้ทรัมป์สามารถแสดงจุดยืนทางการเมืองของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะผู้นำของกลุ่มขวาจัดระดับโลก

ทรัมป์จ้องจะเล่นบราซิลมาแต่แรก
ในเดือนเมษายน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ประกาศว่า สินค้าจากบราซิลที่นำเข้ามายังสหรัฐฯ จะถูกเรียกเก็บภาษี 10% ซึ่งเป็นอัตราฐานต่ำสุดที่ใช้กับประเทศส่วนใหญ่ แต่ขณะที่การหยุดการเรียกเก็บภาษีนำเข้าดังกล่าวและภาษีนำเข้าอื่นๆ ของสหรัฐฯ เป็นเวลา 90 วันกำลังจะสิ้นสุดลง ทรัมป์ก็ได้ขึ้นอัตราภาษีของบราซิลเป็น 50%

นักวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์มองว่า การขึ้นอัตราภาษีของทรัมป์ต่อบราซิลในอัตราที่สูงขนาดนี้ อาจก่อให้เกิดสงครามการค้ากับเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของละตินอเมริกา ซึ่งส่งออกเนื้อวัว กาแฟ เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จำนวนมากไปยังสหรัฐฯ

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทรัมป์อ้างว่าสหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับบราซิล อันที่จริงแล้ว สหรัฐฯ เกินดุลหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หมายความว่า ในความเป็นจริงแล้ว สหรัฐฯ ขายสินค้าให้บราซิลมากกว่าที่ซื้อ จึงเป็นความชัดเจนว่า อัตราภาษีใหม่นี้ไม่ได้มุ่งหวังที่จะสร้างความเท่าเทียมทางการค้า แต่เป็นเรื่องการเมือง และเป็นส่วนหนึ่งของความบาดหมางที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และบราซิล

ความโกรธแค้นของรัฐบาลสหรัฐฯ ส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่อเล็กซานเดอร์ เดอ โมราเอส ผู้พิพากษาศาลฎีกาของบราซิลผู้รับผิดชอบในการสอบสวนอดีตประธานาธิบดีโบลโซนาโร นอกจากนี้ ผู้พิพากษาคนดังกล่าว ยังเคยออกคำสั่งปิดบัญชี X ของอีลอน มัสก์ ในบราซิลเป็นการชั่วคราว รวมถึงสั่งระงับบัญชีผู้ใช้งานหลายสิบบัญชี เนื่องจากเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ซึ่ง Musk เรียกว่า "การเซ็นเซอร์"

ในการประกาศขึ้นภาษีต่อบราซิลครั้งล่าสุด ทำเนียบขาวยังกล่าวหาบราซิลว่า “รัฐบาลบราซิลข่มเหง ข่มขู่ คุกคาม เซ็นเซอร์ และดำเนินคดีกับโบลโซนาโรโดยมีแรงจูงใจทางการเมือง” ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นอันตรายต่อสหรัฐฯ โดยมุ่งเป้าไปที่ "สิทธิเสรีภาพในการพูดของบุคคลในสหรัฐฯ" และไม่นานก่อนที่จะมีการประกาศเรื่องภาษีศุลกากร สหรัฐฯ ก็ได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อผู้พิพากษาโมราเอส และออกวีซ่าห้ามเขาและครอบครัวเดินทางเข้าสหรัฐฯ ด้วย

เครดิตข้อมูล : สื่อมวลชน
#ข่าว #คลิปติดกระแส #คอนเทนต์ติดกระแส #เทรนด์วันนี้ #คอนเทนต์ #เทรนด์แรงวันนี้ #เปิดค่าการมองเห็น #อัปเดตข่าวเด่น

ที่อยู่

The Offices At Centralworld 999/9 ถนน พระรามที่ 1 เขตปทุมวัน
Phra Nakhon
10330

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ อัปเดตข่าวเด่นผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง อัปเดตข่าวเด่น:

แชร์