Alisa Prestige Estates

Alisa Prestige Estates ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก Alisa Prestige Estates, ครีเอเตอร์ดิจิทัล, Phra Nakhon.

ทำให้การหาบ้านและที่ดินเป็นประสบการณ์ที่สุขใจ! เรามีหลายทรัพย์สินที่หลากหลายในพื้นที่ต่างๆ และพร้อมที่จะช่วยคุณค้นหาบ้านและอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทที่เหมาะสมที่สุดตามความต้องการของคุณ.

คำนวณดอกเบี้ยบ้านได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองเพราะยุคนี้คือยุคแห่งเทคโนโลยี 4.0 ที่ทุกอย่างต้องรวดเร็ว ทันใจ สะดวก และใช้งานง่าย!...
27/09/2024

คำนวณดอกเบี้ยบ้านได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง

เพราะยุคนี้คือยุคแห่งเทคโนโลยี 4.0 ที่ทุกอย่างต้องรวดเร็ว ทันใจ สะดวก และใช้งานง่าย! ไม่ว่าจะเรื่องกิน เรื่องเที่ยว หรือแม้แต่การช้อปปิ้งต่างๆ ก็ต้องสามารถตอบโจทย์คนยุคใหม่ได้อย่างง่ายดายแค่ปลายนิ้วคลิก ตัวอย่างง่ายๆ เช่นการใช้งานแอปฯ ต่างๆ บนสมาร์ทโฟน เช่น การจองที่พัก จองตั๋วเครื่องบิน จองร้านอาหาร หรือการตั้งแจ้งเดือนวันสำคัญ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเงินๆ ทองๆ อย่างการคำนวณอัตราดอกเบี้ยบ้าน การคำนวณสินเชื่อ คำนวณวงเงินกู้ ฯลฯ

อย่างเช่นแอปพลิเคชั่นออนไลน์ดีๆ สำหรับการคำนวณดอกเบี้ยบ้านที่เรานำมาฝากทุกๆ คนกันในวันนี้ เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจซื้อบ้าน สำหรับคนที่อาจจะไม่ถนัดเรื่องการคำนวณดอกเบี้ยบ้าน แต่ก็อยากลองกดตัวเลขเบื้องต้นคร่าวๆ ด้วยตัวเองดูก่อนจะตัดสินใจซื้อบ้าน ลองตามมาดูกันเลยดีกว่าว่าแอปฯ ที่เราเก็บมาฝากกันนั้นจะมีฟังก์ชั่นอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง

___________________________________________

1. ผ่อนบ้าน

ผ่อนบ้าน แอปพลิเคชั่นสุดเจ๋งที่จะช่วยคำนวณค่างวดบ้าน อัตราเงินกู้ สินเชื่อ และดอกเบี้ยบ้าน คอนโดมีเนียม ที่ดิน อาคารพาณิชย์ ทาวน์โฮม ฯลฯ โดยสามารถเลือกคำนวณอัตราดอกเบี้ยบ้านได้ทั้งแบบอัตราคงที่และอัตราดอกเบี้ยบ้านแบบขั้นบันได โดยจะเปรียบเทียบผลออกมาเป็นสัดส่วนเงินดาวน์ เงินกู้ และจำนวนดอกเบี้ยบ้านที่ต้องจ่ายทั้งหมดตลอดระยะเวลาที่คุณจะต้องผ่อนชำระ

โหลดแอปฯ นี้สำหรับระบบ iOS: http://bit.do/ponbanIOS
และระบบ Android: http://bit.do/ponbanAndroid

___________________________________________

2. Gooruapp

กูรูแอปฯ แอปพลิเคชั่นที่จะช่วยคำนวณดอกเบี้ยบ้านให้คุณได้ง่ายๆ มีตัวเลือกเปรียบเทียบจากหลากหลายธนาคาร จุดเด่นของแอปฯ นี้อยู่ที่การทำงานแบบออฟไลน์ไม่จำเป็นต้องมีอินเทอร์เน็ตก็สามารถใช้งานแอปฯ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ฟังก์ชั่นการทำงานของแอปฯ นั้นมีตั้งแต่ คำนวณดอกเบี้ยบ้าน กำหนดยอดที่จะชำระต่อเดือนได้เอง คำนวณยอดขั้นต่ำของเงินต้น ดอกเบี้ยบ้าน และยอดรวมชำระที่จะต้องจ่ายโดยประมาณได้ และที่สำคัญไม่มีโฆษณาแอบแฝงให้ต้องสนใจขณะใช้แอปฯ อีกด้วย

โหลดแอปฯ นี้สำหรับระบบ Android: http://bit.do/Gooruapp

___________________________________________

3. Check loans

แอปฯ นี้น่าภูมิใจตรงที่เป็นแอปฯ ที่คนไทยเขียนเองใช้เอง ด้วยคอนเซปต์หลักประจำแอปฯ อย่าง “คำนวณดอกเบี้ยบ้านง่ายๆ ได้ทุกที่” โดยแอปฯ นี้ผู้ใช้งานสามารถคำนวณได้ว่าแต่ละงวดนั้นคุณจะต้องจ่ายเท่าไหร่ และแต่ละเดือนที่จ่ายไปสามารถลดเงินต้นได้เท่าไหร่ นอกจากนี้ยังสามารถคำนวณดอกเบี้ยทั้งหมดที่จะต้องจ่ายนั้นงบอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งสามารถใช้งานแบบออฟไลน์ได้เช่นเดียวกัน

โหลดแอปฯ นี้สำหรับระบบ iOS: http://bit.do/check-loansIOS
และระบบ Android: http://bit.do/check-loansAndroid

___________________________________________

4. iLoan

วางแผนเรื่องการผ่อนบ้านพร้อมคำนวณเรื่องดอกเบี้ยบ้านได้ง่ายๆ ด้วยแอปฯ iLoan ที่มีฟังก์ชั่นการทำงานแยกเป็นสัดส่วนชัดเจน ใช้งานง่าย คำนวณได้ตั้งแต่ยอดเงินกู้ ระยะเวลาที่ต้องผ่อนทั้งหมด ยอดผ่อนต่อเดือน อัตราดอกเบี้ยบ้านที่ต้องจ่าย แยกให้เห็นเป็นแบบรายปี พร้อมสรุปยอดเงินต้นคงเหลือให้เห็นแบบละเอียด ใครที่กำลังมองหาแอปฯ ที่ใช้งานง่าย ลองโหลด iLoan มาใช้ดู

โหลดแอปฯ นี้สำหรับระบบ iOS: http://bit.do/iLoanIOS

___________________________________________

5. Mortgage Calculator

แอปฯ สำหรับคนที่ต้องการคำนวณเรื่องเกี่ยวกับเงินกู้ทั้งหมดแบบครบเครื่อง! โดยมีฟังก์ชั่นทั้งการคำนวณเงินผ่อน คำนวณยอดเงินที่จะกู้ได้ คำนวณระยะเวลาผ่อนชำระ คำนวณอัตราดอกเบี้ยบ้านแบบรายเดือนได้ (เพราะตอนนี้บางธนาคารให้ดอกเบี้ยคงที่เป็นเดือนได้แล้วไม่ใช่แค่เป็นปี) มีตารางผ่อนชำระและคำอธิบายอย่างละเอียด อีกทั้งยังสามารถใส่ข้อมูลเพิ่มเงินผ่อนชำระเฉพาะงวดหรือเงินโปะ ที่ทั้งหมดนี้สามารถบันทึกข้อมูลไว้ดูหรือเปรียบเทียบภายหลังได้ และที่สำคัญดีไซน์รูปแบบการใช้งานของแอปฯ ยังสวยงามและใช้งานง่ายอีกด้วย

โหลดแอปฯ นี้สำหรับระบบ iOS: http://bit.do/Mortgage-Calculator-TH

___________________________________________

และทั้งหมดนี้คือ 5 แอปพลิเคชั่นที่จะทำให้คุณคำนวณเรื่องของดอกเบี้ยบ้าน เงินผ่อน ยอดเงินกู้ ฯลฯ ได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ไม่ต้องคอยปวดหัวกับการกดเครื่องคิดเลขหาค่าดอกเบี้ยบ้านหรือค่าผ่อนบ้านเอง หรือจะเข้าไปอัปเดตดอกเบี้ยบ้านประจำเดือนที่เว็บไซต์ https://www.ddproperty.com/คู่มือซื้อขาย/เตรียมตัวก่อนซื้อ/อัพเดทอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน-กู้ซื้อบ้าน

จากนั้นก็แค่ลองเลือกแอปฯ ที่คุณสนใจแล้วปล่อยให้การคำนวณเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ทำจากที่ไหนก็สะดวกเพราะใช้แค่ปลายนิ้วคลิกเท่านั้น!

___________________________________________
🔷 ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก IT DAY
#อสังหา #ซื้อบ้าน #ขายบ้าน #เช่าบ้าน #ฝากขาย #นายหน้า #บ้าน #คอนโด

กู้ธนาคารผ่านแล้ว อยากเปลี่ยนโครงการ ต้องยื่นเอกสารใหม่หรือป่าว และต้องยื่นใหม่ไหม?คำตอบคือเปลี่ยนได้ นานไม่นาน มีสองสาม...
26/09/2024

กู้ธนาคารผ่านแล้ว อยากเปลี่ยนโครงการ ต้องยื่นเอกสารใหม่หรือป่าว และต้องยื่นใหม่ไหม?

คำตอบคือเปลี่ยนได้ นานไม่นาน มีสองสามปัจจัย เช่น ต้องประเมินใหม่ไหม ยื่นกู้ไว้นานหรือยัง

___________________________________________

1. ต้องแจ้งเปลี่ยน และต้องส่งเอกสารของโครงการใหม่ให้ธนาคารด้วย เพราะ

1.1) ต้องทำประเมินใหม่ เพื่อดูราคาประเมิน ( เพิ่มเติมว่า แต่ละโครงการ อาจจะให้กู้ไม่ได้ 100% เหมือนกัน ต้องถามธนาคาร )

1.2) เอกสารจำนองให้ตรงกับโครงการใหม่ โดยการแจ้งธนาคารว่าขอเปลี่ยนหลักประกัน เป็นโครงการใหม่

___________________________________________

2. ถ้าเปลี่ยนแล้ว ใช้เวลานานไหม?
แต่ถ้าถามเรื่องระยะเวลา โดยหลักการธนาคารก็ต้องเอาข้อมูลมาดูใหม่หมดและอนุมัติไปพร้อมกัน หลัก ๆ คือ ความสามารถในการผ่อน และหลักประกัน ซึ่งก็จะมีเงื่อนไขอื่นของแต่ละธนาคารด้วย

2.1) ต้องประเมินราคาใหม่แน่ ๆ ถ้าเป็นโครงการที่มีราคาประเมินอยู่แล้ว ก็อาจจะใช้เวลา 1-2 วัน เพื่อสรุปราคาเลย แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ต้องเสียเวลาทำราคาประเมินอีก อาจจะมีตั้งแต่ 4-7 วัน โดยประมาณ

2.2) เดิมยื่นกู้ไว้นานหรือยัง ถ้ายังไม่เกินหนึ่งเดือน ก็จะเชื่อได้ว่า ข้อมูลด้านการเงินยังไม่เปลี่ยนแปลง ก็คงจะมีแค่ยื่นเอกสารหลักประกันใหม่ เข้าไปเพื่อทำการให้ราคาประเมินตามข้อ 2.1 เมื่อได้ราคาประเมินแล้ว ธนาคารก็ต้องเอาใบสมัครเดิมของคุณ มาพิจารณาใหม่ร่วมกันอีกครั้งนึง แต่อาจจะเร็วขึนกว่าครั้งแรก เพราะไม่ต้องดูคุณสมบัติด้านความสามารถในการผ่อน

2.3) แต่ถ้ายื่นกู้ไว้เกิน สองถึงสามเดือนแล้ว คงต้องเปรียบเหมือนยื่นกุ้ใหม่หมด กรอกเอกสารใหม่ ให้ตรวจเครดิตบูโรใหม่ เพราะธนาคารจะดูเครดิตบูโร ล่าสุด Stetement ล่าสุดด้วย แต่เป็นตามข้อนี้ ก็คงใช้เวลาเท่า ๆ กับรอบแรก

___________________________________________

🔷 ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก หนี้รัก - แบ่งปันความรู้เรื่องกู้บ้าน เพื่อบ้านอันเป็นหนี้รัก


#อสังหา #ซื้อบ้าน #ขายบ้าน #เช่าบ้าน #ฝากขาย #นายหน้า #บ้าน #คอนโด

เวลาที่เราต้องการขายหรือซื้อทรัพย์สิน โดยเฉพาะทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ตัวช่วยอย่างหนึ่งที่ช่วยให้เราสามารถขายหรื...
25/09/2024

เวลาที่เราต้องการขายหรือซื้อทรัพย์สิน โดยเฉพาะทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ตัวช่วยอย่างหนึ่งที่ช่วยให้เราสามารถขายหรือซื้อทรัพย์สินได้เร็วขึ้นและได้ในราคาที่เหมาะสมก็คือ “การใช้บริการนายหน้า” ซึ่งก็มีให้เลือกมากมาย ทั้งนายหน้าที่เป็นบริษัท นายหน้าอิสระ ไปจนถึงนายหน้าสมัครเล่น ที่เข้ามาในวงการนายหน้าได้ง่าย ๆ เนื่องจากไทยยังไม่มีกฎหมายใบอนุญาตประกอบวิชาชีพนายหน้า ทำให้ใคร ๆ ก็สามารถทำงานนายหน้าได้

ดังนั้นการจะเลือกใช้บริการนายหน้าดี ๆ และหลีกเลี่ยงที่จะเจอนายหน้าดาด ๆ นั้นจะพิจารณาได้อย่างไร? วันนี้จะมานำเสนอคุณลักษณะ 10 ข้อ ที่นายหน้าที่ดีควรจะมีและควรจะเป็น

___________________________________________

1. มีความรู้และเข้าใจในความต้องการของลูกค้า

นายหน้าที่ดีจะต้องมีความรู้ในทรัพย์สินที่ผู้ขายต้องการขาย และความเข้าใจในความต้องการของผู้ซื้อ จึงจะสามารถจับคู่ demand และ supply ได้อย่างลงตัว รู้ว่าทรัพย์นี้ราคานี้เหมาะกับลูกค้าแบบใด และลูกค้านี้เหมาะกับทรัพย์แบบใดทำเลไหน นายหน้าจึงต้องมีความรู้กว้างขวางและแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เพื่อนำมาใช้ให้บริการลูกค้าได้ทันท่วงที

___________________________________________

2. มีความซื่อสัตย์ รักษาคำพูด

นายหน้าที่ดีจะต้องซื่อสัตย์ต่อลูกค้า คำนึงถึงวัตถุประสงค์ของลูกค้าเป็นหลัก และทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ครบถ้วน โดยไม่หวังเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจจะได้มาระหว่างทาง ข้อนี้เป็นตัวชี้วัดนายหน้าดี ๆ กับนายหน้าดาด ๆ ได้เป็นอย่างดี ถ้านายหน้าไม่มีความซื่อสัตย์หรือคดโกง ก็จะหมดความน่าเชื่อถือ และจะไม่สามารถอยู่ในวงการนายหน้าอาชีพต่อไปได้ในอนาคต

นายหน้าที่ดีจะรักษาคำพูดตัวเองอยู่เสมอ เมื่อได้ให้คำสัญญาอะไรกับลูกค้าไว้แล้วก็ต้องทำให้ได้ หากอะไรที่ทำไม่ได้ก็จะต้องไม่รับปากและให้ความหวังกับลูกค้า

___________________________________________

3. พูดจาสุภาพ มีอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส

นายหน้าเป็นอาชีพที่ต้องใช้เสียงและคำพูดในการขายของตลอดเวลา ลองคิดดูว่า ถ้าเราไปเจอนายหน้าที่พูดไม่เพราะ พูดไม่เก่ง หรือเงียบ ๆ ไม่พูดไม่จา ทำหน้าบึ้งตึง เราจะฝากทรัพย์สินของเรากับนายหน้าแบบนั้นได้อย่างไร? และเค้าจะไปขายต่อลูกค้าได้อย่างไร? ในเมื่อยังไม่มีวาทศิลป์ในการเข้าถึงและโน้มน้าวใจลูกค้าได้

___________________________________________

4. แต่งตัวเหมาะสม ดูน่าเชื่อถือ

การพบปะกันครั้งแรกเป็นสิ่งสำคัญมาก คนส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึง 5 วินาทีในการสรุปว่าคุณเป็นคนอย่างไร มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ จากการมองการแต่งกายและลักษณะภายนอก การแต่งกายที่เนี้ยบและสะอาดเรียบร้อยสามารถแสดงถึงความเป็นมืออาชีพได้ ระหว่างนายหน้า 2 คน หากคนที่หนึ่งใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงขายาวรองเท้าหนัง ส่วนอีกคนใส่เสื้อคอกลมกางเกงยีนส์รองเท้ากีฬา ให้เปรียบเทียบระหว่างคนสองคนนี้ คุณคิดว่าคนไหนมีความน่าเชื่อถือมากกว่ากัน ลูกค้าคุณก็คงคิดไม่ต่างจากคุณ

___________________________________________

5. เป็นที่ปรึกษามากกว่า Messenger

นายหน้าที่ดีไม่ควรทำตัวเป็นเพียง Messenger ที่แค่เป็นตัวกลางส่งข้อความระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย แต่ควรจะมีประสบการณ์และการศึกษาข้อมูลทางการตลาดอย่างถูกต้องครบถ้วน เพื่อใช้ในการแนะนำให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ให้ซื้อขายทรัพย์สินที่ต้องการได้โดยรวดเร็ว และในราคาที่พึงพอใจกันทั้งสองฝ่าย

___________________________________________

6. มีประสบการณ์การขายและมีผลงานมานำเสนอได้

ยิ่งนายหน้ามีประสบการณ์การขายทรัพย์มากเท่าไหร่ ก็จะมีความเก่งกาจในการขายทรัพย์คุณมากเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายหน้าที่มีความเชี่ยวชาญในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นพิเศษ เขาจะสามารถช่วยทั้งผู้ซื้อและผู้ขายมาเจอกันได้อย่างรวดเร็ว สามารถมองเห็นว่าจะขายทรัพย์ได้อย่างไร และจะหาคนซื้อทรัพย์ได้จากที่ไหน

___________________________________________

7. มีตัวช่วยและเครื่องมือสนับสนุนการขาย

เครื่องมือที่ช่วยในการขายที่ใช้กันบ่อย ๆ เช่น ป้ายโฆษณา สื่อสิ่งพิมพ์ หรือการโพสต์การขายออนไลน์ตามเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียต่าง ๆ แม้กระทั่งแบบฟอร์มสัญญาซื้อขาย สัญญาเช่า ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นที่นายหน้าดี ๆ จะต้องมี แต่คุณอาจไม่สามารถหาสิ่งเหล่านี้ได้จากนายหน้าดาด ๆ

___________________________________________

8. ติดต่อได้ในเวลาทำงาน และมี feedback ติดตามลูกค้าอยู่เสมอ

คงไม่ดีแน่ถ้าไปเจอนายหน้าที่ยุ่งตลอดเวลา แถมเวลาที่เราติดต่อไปก็ไม่ติดต่อกลับมา เราไม่สามารถคาดหวังอะไรกับนายหน้าที่ขาดการบริหารจัดการเวลาให้ดีแบบนี้ได้ ทางที่ดีต้องหานายหน้าดี ๆ ที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าของเขาอยู่เสมอ และพร้อมจะมีเวลาพูดคุยหรือติดต่อกลับทุกครั้งในเวลาที่ไม่สามารถติดต่อได้

และสิ่งที่สำคัญที่คุณจะพบจากนายหน้าดี ๆ ในช่วงเวลาหลังจากที่ผู้ซื้อมาดูทรัพย์ของผู้ขาย ก็คือการแจ้งผลตอบรับจากลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ เจ้าของส่วนใหญ่ไม่ได้คาดหวังว่าทุกคนที่มาดูต้องเป็นลูกค้าที่ใช่ แต่คาดหวังที่จะรู้ผลตอบรับและการตัดสินใจของลูกค้าว่ามีความคิดเห็นอย่างไร เพื่อจะได้ไม่ต้องรอด้วยความสงสัย และสามารถปรับหาวิธีในการขายทรัพย์ในครั้งต่อ ๆ ไป

___________________________________________

9. ไม่เลิกคบแม้จบดีล

ถึงเราไม่ได้คาดหวังให้นายหน้ามาเป็นเพื่อน หรือเป็นพี่เป็นน้อง แต่นายหน้ายุคปัจจุบันอาจต้องทำหน้าที่ที่มากกว่านายหน้าหรือมี After-Sale Service ที่สามารถบริการให้คนซื้อและคนขายเพื่อความต่อเนื่องได้ อาทิเช่น บริการโอนมิเตอร์น้ำไฟ บริการดูแลลูกค้าต่อเนื่องในกรณีเช่า แนะนำคนตกแต่งบ้าน คนทำสวน คนทำความสะอาด หรือซัพพลายเออร์ต่าง ๆ ช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องลำบากตามหาเอง และช่วยรับรองในขั้นต้นได้ว่าเป็นบุคคลที่ไว้ใจได้

___________________________________________

10. ปิดการขายเป็น

ทักษะนี้เป็นทักษะที่สำคัญมากถึงมากที่สุด นายหน้าบางคนมีความรู้ สามารถอธิบายทรัพย์ได้ถูกต้อง แต่สุดท้ายไม่รู้วิธีพูดปิดการขายได้ เปรียบเสมือนคำที่ว่า “ทำไม่ครบจบไม่เป็น”

นายหน้าดี ๆ จะอธิบายให้ผู้ซื้อเข้าใจถึงทรัพย์ โน้มน้าวให้เห็นข้อดีของทรัพย์ที่อยากให้ซื้อ ที่สำคัญมีคำพูดปิดการขายที่สามารถเร่งรัดให้ผู้ซื้อรู้สึกมั่นใจในการตัดสินใจ และทำให้รู้สึกว่าทรัพย์นี้มีแต่คนต้องการในตลาด ไม่ใช่ของตายได้ อาทิเช่น ถ้าสามารถตัดสินใจได้เลยในวันนี้ เจ้าของแจ้งว่าจะมีส่วนลดพิเศษสุด ๆ ให้กับทางผู้ซื้อ หรือ ขณะนี้มีผู้สนใจทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ยังไงหากทางผู้ซื้อสนใจจริง ๆ อยากให้รีบตัดสินใจและจะช่วยเจรจาในสิ่งที่ติดขัดอยู่ได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วเป็นประโยคในการปิดการขายและช่วยในการรับรู้ผลตอบรับจากทางผู้ซื้อได้

___________________________________________

🔷 ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก zmyhome


#อสังหา #ซื้อบ้าน #ขายบ้าน #เช่าบ้าน #ฝากขาย #นายหน้า #บ้าน #คอนโด

ไฟไหม้บ้าน ไฟไหม้คอนโด เรามักจะได้ยินตามข่าวได้อยู่บ่อยครั้ง โดยสาเหตุมาจากหลายๆ ปัจจัยอย่างเช่น ไฟฟ้าลัดวงจร กระแสไฟฟ้า...
24/09/2024

ไฟไหม้บ้าน ไฟไหม้คอนโด เรามักจะได้ยินตามข่าวได้อยู่บ่อยครั้ง โดยสาเหตุมาจากหลายๆ ปัจจัยอย่างเช่น ไฟฟ้าลัดวงจร กระแสไฟฟ้ารั่ว หรือแม้กระทั่งความประมาทของคน หากเราตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เราต้องรู้จักวิธีเอาตัวรอดจากเหตุไฟไหม้ ตั้งสติ และออกจากที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุด

___________________________________________

1. หนีทันทีเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณไฟไหม้

เมื่อคุณได้ยินเสียงสัญญาณ “กริ่ง” แจ้งเตือนไฟไหม้ ให้รีบหนีโดยเร็วที่สุด เพราะไฟจะลุกลามได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าไฟไหม้ระดับเล็กน้อย สามารถใช้ถังดับเพลิงควบคุมไฟเบื้องต้นได้ หลังจากนั้นติดต่อเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้ามาตรวจสอบความเสียหาย

หมายเหตุ: กรณีเกิดเพลิงไหม้แต่ไม่มีเสียงสัญญาณเตือนใดๆ ให้คุณกดปุ่มเตือนไฟไหม้ (Fire Alarm) เพื่อให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในตึกรีบอพยพจากที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุด

___________________________________________

2. โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิง

หลังจากที่คุณออกมาจากที่เกิดเหตุได้อย่างปลอดภัย ให้รีบโทรแจ้ง 199 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้ามาระงับช่วยเหตุไฟไหม้

___________________________________________

3. หาผ้าชุบน้ำปิดปาก ปิดจมูก

ถ้าคุณยังติดอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ พยายามหาผ้าที่อยู่ใกล้ตัว เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว เป็นต้น นำผ้ามาชุบด้วยน้ำเปล่า เอามาปิดปาก ปิดจมูก หรือนำผ้าห่มชุบน้ำมาห่มตัว จะช่วยป้องกันการสูดดมควันไฟและความร้อนจากเปลวไฟ

___________________________________________

4. หาถุงพลาสติกครอบศีรษะแล้วคลานต่ำหนี

รู้หรือไม่ว่า? สาเหตุคนที่เสียชีวิตจากไฟไหม้ มักเกิดจากการขาดอากาศหายใจมากถึง 80% เนื่องจากได้รับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) หากเราสูดดมเข้าสู่ร่างกายมากๆ อาจทำให้สำลักควันและเสียชีวิตได้ วิธีเอาตัวรอดคือ หาถุงพลาสติกตักเอาอากาศบริสุทธิ์แล้วคอบบริเวณศีรษะ แล้วคลานต่ำพร้อมกับใช้ผ้าชุบน้ำปิดจมูก

___________________________________________

5. อย่าใช้ลิฟต์เมื่อเกิดไฟไหม้

วิธีตัวรอดจากไฟไหม้คือ ห้ามใช้ลิฟต์เด็ดขาด!! เนื่องจากกระแสไฟฟ้าอาจถูกตัดขาดทำให้คุณเสี่ยงติดอยู่ภายในลิฟต์ได้ ให้คุณสังเกตบันไดหนีไฟและใช้เป็นทางออก ซึ่งเป็นประตูฉุกเฉินที่คอนโดมีไว้อยู่แล้ว แต่การใช้บันไดหนีไฟต้องระมัดวังสะดุดล้ม หรือเบียดเสียดกับคนอื่นจนตกบันได พยายามหลีกเลี่ยงทางออกที่มีผู้คนแออัด

___________________________________________

6. กรณีที่เปลวไฟอยู่หน้าห้อง ห้ามเปิดประตู

ก่อนที่จะเปิดประตูออกจากห้องของคุณ ควรสำรวจประตูหรือคลำลูกบิดให้แน่ใจว่ามีความร้อนหรือไม่ เมื่อจับแล้วรู้สึกร้อนแสดงว่าอาจมีเปลวไฟอยู่หน้าประตู ห้ามเปิดประตูเด็ดขาด เพราะว่าเปลวไฟสามารถพุ่งเข้าหาคุณได้ตลอดเวลา แนะนำให้คุณหาผ้าชุบน้ำอุดบริเวณขอบประตูให้สนิท และขอความช่วยเหลือที่หน้าต่างหรือระเบียง ไม่ว่าจะเป็นการทุบกระจกหน้าต่าง ตะโกนดังๆ โบกผ้า ใช้ไฟฉายส่อง เป็นต้น ถือเป็นการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ

___________________________________________

7. กรณีไฟไหม้ในห้องตัวเอง รีบหนีออกมา

กรณีไฟไหม้คอนโดที่เกิดภายในห้องของคุณ โดยอยู่ในระดับที่ไม่รุนแรงสามารถใช้น้ำดับไฟหรือถังดับเพลิงควบคุมได้ แต่ถ้าไฟไหม้ระดับรุนแรงจนไม่สามารถควบคุมได้ ให้คุณรีบออกจากห้องแล้วปิดประตูห้องทันที เพื่อไม่ให้ไฟลุกลามไปยังห้องข้างเคียง และกดกริ่งแจ้งสัญญาณไฟไหม้ พร้อมโทรแจ้งหน่วยดับเพลิง 199

___________________________________________

🔷 ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก bolttech


#อสังหา #ซื้อบ้าน #ขายบ้าน #เช่าบ้าน #ฝากขาย #นายหน้า #บ้าน #คอนโด ้ามืออาชีพ

รีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) คือ การทำสัญญาสินเชื่อกู้ซื้อที่อยู่อาศัยกับอีกธนาคารหนึ่ง เมื่อเกิดการสิ้นสุดสัญญาสินเชื่อที่...
23/09/2024

รีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) คือ การทำสัญญาสินเชื่อกู้ซื้อที่อยู่อาศัยกับอีกธนาคารหนึ่ง เมื่อเกิดการสิ้นสุดสัญญาสินเชื่อที่มีอยู่กับธนาคารหนึ่งไปแล้ว โดยผู้ขอสินเชื่อสามารถเลือกธนาคารได้เองตามแต่ว่าธนาคารใดจะให้ข้อเสนอที่น่าจูงใจมากกว่ากัน โดยส่วนใหญ่จะมีการรีไฟแนนซ์ หรือขอลดดอกเบี้ยบ้าน ก็ต่อเมื่อผ่อนบ้านไปแล้ว 3 ปีขึ้นไปหรือตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญากู้บ้าน ดังนั้นการรีไฟแนนซ์จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเนื่องจากช่วยลดดอกเบี้ยบ้าน และภาระในการผ่อนได้

นอกจากนั้น ยังมีอีกวิธีการหนึ่งที่ช่วยลดภาระในการแบกรับอัตราดอกเบี้ยได้ คือ รีเทนชั่น (Retention) หรือขอลดดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิม โดยการพิจารณานั้นทางธนาคารจะตรวจสอบประวัติการผ่อนชำระของผู้กู้ที่ผ่านมา ข้อดีก็คือผู้กู้สินเชื่อบ้านสามารถดำเนินธุรกรรมกับธนาคารเดิมได้โดยไม่ต้องมีภาระในการจัดเตรียมเอกสารใหม่ เพื่อขอรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ ทำให้การรีเทนชั่นใช้ระยะเวลาไม่นานในการพิจารณาอนุมัติการขอลดดอกเบี้ยบ้าน

___________________________________________

รวบรวมข้อมูลอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารไหนดี 2567 อัปเดตประจำเดือน เมษายน จากหลากหลายธนาคาร มาเปรียบเทียบให้เห็นกันไปเลยว่า รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารไหนดี ธนาคารไหนให้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านต่ำที่สุด ถูกที่สุด และขอลดดอกเบี้ยบ้าน มีเงื่อนไขอะไรบ้าง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้กู้สินเชื่อบ้าน คอนโดฯ ที่กำลังจะรีไฟแนนซ์ หรือ รีเทนชั่น พร้อมเครื่องมือคำนวณอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านที่จะช่วยให้การพิจารณาอัตราดอกเบี้ยใหม่ของคุณง่ายขึ้น

___________________________________________

8 ขั้นตอนในการรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) ขอลดดอกเบี้ยบ้าน

1. ติดต่อกับธนาคารเดิมเพื่อขอรายการสรุปยอดหนี้สินเชื่อบ้าน โดยค่าใช้จ่ายในขั้นนี้ขึ้นอยู่กับธนาคารนั้น ๆ บางธนาคารอาจไม่มีค่าใช้จ่าย
2. หลังจากได้รายการยอดหนี้ที่ต้องการแล้วก็นำเอกสารดังกล่าวไปยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ (ในกรณีที่คุณพิจารณาแล้วว่าการรีเทนชั่นอาจจะคุ้มกว่าก็สามารถยื่นกับธนาคารเดิมได้)
3. ไม่ต่างกับการกู้ซื้อบ้านที่เคยทำในช่วงแรก เจ้าหน้าที่จะต้องมาประเมินบ้านหรือทรัพย์สินที่เราต้องการรีไฟแนนซ์
4. รอฟังผลการอนุมัติจากธนาคาร
5. หากได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้ว เดินหน้าติดต่อกับธนาคารเก่านัดวันไถ่ถอนที่สำนักงานที่ดิน นำเอกสารไปไถ่ถอนบ้านจากสินเชื่อเดิม คิดยอดที่ต้องจ่ายเป็นเงินต้นบวกดอกเบี้ย (นับจนถึงวันไถ่ถอน)
6. ติดต่อกับธนาคารใหม่ที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้าน เพื่อทำสัญญาสินเชื่อใหม่ โดยนัดวันทำสัญญาและโอนบ้านที่ใช้จำนอง อย่าลืมนัดทั้ง 2 ธนาคารมาภายในวันเดียวกัน เพื่อชำระหนี้
7. ไปที่สำนักงานที่ดิน ณ เขตที่ตั้งของทรัพย์สิน เพื่อทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ โดยมีเจ้าหน้าที่จากทั้งสองธนาคารไปด้วย
8. ขั้นตอนสุดท้าย มอบโฉนดที่ได้มาจากสำนักงานที่ดินให้กับธนาคารใหม่ เป็นอันเสร็จสิ้น

___________________________________________

ข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้าน ขอลดดอกเบี้ยบ้าน

- ลดดอกเบี้ยที่ต้องเสีย ดอกเบี้ยที่ถูกลงถือเป็นประโยชน์หลักที่เห็นได้ชัดที่สุดหากอัตราดอกเบี้ยผ่อนบ้านของธนาคารใหม่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยของธนาคารเก่า เช่น สัญญาเดิมมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.5 แต่สัญญาใหม่มีอัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 3.5 เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง จำนวนดอกเบี้ยที่ต้องเสียต่อเดือนและดอกเบี้ยรวมทั้งสัญญาก็จะลดลงตามไปด้วย

- หักเงินต้นได้มากขึ้น เมื่อภาระดอกเบี้ยน้อยลง ค่าผ่อนบ้านในแต่ละเดือนก็จะถูกนำไปหักเงินต้นคงเหลือได้มากขึ้น ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในเดือนต่อไปก็จะลดลงอีก เช่น ผู้ขอสินเชื่อผ่อนบ้านเดือนละ 20,000 บาท ในสัญญาเดิมต้องหักดอกเบี้ย 12,000 บาท เหลือหักต้นเพียง 8,000 บาท แต่สัญญาใหม่หักดอกเบี้ย 7,000 บาท ก็จะเหลือหักต้นเพิ่มขึ้นเป็น 13,000 บาท เป็นต้น

- ค่าผ่อนบ้านที่น้อยลง สัญญาใหม่จะเป็นไปตามการประเมินจากธนาคารและตามการตกลงของผู้ขอสินเชื่อ ซึ่งอาจทำให้ค่าผ่อนบ้านในสัญญาใหม่ของผู้ขอสินเชื่อลดลง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยลดลงหรือการขยายระยะเวลาในสัญญาใหม่นานขึ้น เช่น สัญญาเก่าผ่อนเดือนละ 20,000 บาท เหลือ 25 ปี สัญญาใหม่ที่ขยายเวลาเป็น 30 ปีทำให้เหลือผ่อนเพียงเดือนละ 15,000 บาท เป็นต้น

___________________________________________

🔷 อ่านต่อแบบละเอียดได้ที่ DD Property : https://bit.ly/3w70dKO


#อสังหา #ซื้อบ้าน #ขายบ้าน #เช่าบ้าน #ฝากขาย #นายหน้า #บ้าน #คอนโด

คำถามอย่างหนึ่งที่ นายหน้ามืออาชีพ ที่ขายบ้านมือสองให้กับลูกค้า มักจะได้ยินคือ บ้านหลังนี้ จะกู้ได้เต็ม 100% ไหม หรือ บ้...
20/09/2024

คำถามอย่างหนึ่งที่ นายหน้ามืออาชีพ ที่ขายบ้านมือสองให้กับลูกค้า มักจะได้ยินคือ บ้านหลังนี้ จะกู้ได้เต็ม 100% ไหม หรือ บ้านหลังนี้ ราคาประเมิน เท่าไหร่ ลึกๆ แล้ว จุดประสงค์ที่ผู้ซื้อถามคือ ความกังวลว่า ตัวเอง จะสามารถกู้ซื้อบ้านหลังนี้ได้โดยที่ไม่ต้องเตรียมหาส่วนต่างมาจ่าย หรือ มีเงินเหลือ พอจะนำมาเป็นงบซ่อมแซม ต่อเติมบ้าน หรือไม่

ส่วนใหญ่ ลินไม่เคย การันตี กับลูกค้าว่า คุณกู้ได้เกินแน่นอน (แต่ที่ผ่านมา ลูกค้าหลายรายก็กู้ได้เกินราคาบ้านนะคะ) จากประสบการณ์การทำงาน ขายบ้านมือสอง ให้กับลูกค้ามา ลินอยากจะให้ แง่คิดว่า การที่ธนาคารจะปล่อยสินเชื่อให้ผู้กู้ได้ โดยหลักๆ แล้ว ธนาคารจะพิจารณา จาก 2 ปัจจัย

___________________________________________

1. ตัวผู้กู้เอง (โปรไฟล์ผู้กู้)
ธนาคารจะดู รายได้ หนี้สิน ความสามารถในการจ่ายหนี้ ประวัติทางการเงินของผู้กู้ หลักฐานทางการเงิน เครดิตบูโร จึงเป็นเรื่องสำคัญค่ะ อกเขาอกเรานะคะ คิดง่ายๆ ถ้ามีคนมาขอยืมเงินจากเรา ก้อนใหญ่ ยืมระยะยาวซะด้วย เป็นใคร ใครก็ต้องเช็คดูประวัติ

บางคนบอกว่า ตัวเองเคยมีประวัติ (ชำระหนี้ล่าช้า) แต่ทำไมซื้อรถผ่อนรถได้ อยากให้ข้อสังเกต นิดหนึ่ง รถ (สังหาริมทรัพย์) ที่เราผ่อนกับไฟแนนซ์ ผู้กรรมสิทธ์ ตามกฎหมาย คือ บริษัทไฟแนนซ์ต่างๆ เราเป็นเพียงผู้ครอบครอง รถ เท่านั้น เพราะฉะนั้น การปล่อยสินเชื่อ รถ จึงง่ายกว่า

___________________________________________

2. ตัวบ้าน (อสังหาริมทรัพย์) ที่ซื้อ

ถ้าคุณมีโปรไฟล์ดี ราคาประเมินจากธนาคารจะเป็นสิ่งสำคัญ เวลาธนาคารมาประเมินบ้าน (จริงแล้ว บริษัทประเมินที่ธนาคาร) เขาจะพิจารณาจาก ราคาที่ทำสัญญาจะซื้อจะขาย ราคาเทียบเคียงกับ ราคาตลาด สภาพบ้าน (ใหม่/โทรม) การต่อเติม อายุบ้าน เฟอร์นิเจอร์(บ้างบางส่วน) เป็นต้น

หลายคนอ่านมาถึงบรรทัด นี้ อาจจะมองเห็นช่องทางที่จะหาวิธี ทำให้วงเงินกู้เพิ่มสูงขึ้นได้ แต่ลิน ขอบอกว่า ธนาคารมีวิธีตรวจเช็ค อย่างน้อยๆ การอนุมัติวงเงินให้บ้านมือสองประมาณ 85-90 % ของราคาซื้อขาย หรือ ของความสามารถตามโปรไฟล์ของผู้กู้ ก็เป็นมาตรการที่สกัดกั้น หนทางต่างๆ ที่ บรรดา ผู้ขอกู้จะใช้เทคนิคต่างๆในการทำให้ได้วงเงินสินเชื่อสูงขึ้นอยู่แล้ว

___________________________________________

คำแนะนำของลิน คือ ในเมื่อเราทราบแล้วว่า ปัจจัยทั้งสองมีความสำคัญ เราจึงเตรียมตัวให้พร้อม

1. เตรียมตัวเองให้พร้อม ก่อนเริ่มยื่นกู้

1.1 สร้างวินัย ในการออมเงิน

สมมติ เราต้องการผ่อนบ้าน ราคา 2.5 ล้านบาท ประมาณว่า ค่าผ่อนตกเดือนละ 17,000 บาท
ให้เราฝึกออมเงินในจำนวนนี้ เป็นระยะเวลา อย่างน้อยๆ 12 เดือนล่วงหน้า ในบัญชี ซึ่งจะเป็นการแสดงให้ ธนาคารเห็นว่า คุณมีความสามารถในการผ่อนชำระ และ หากธนาคารไม่อนุมัติวงเงินที่คุณต้องการ คุณยังมีเงินจำนวนหนึ่งที่สามารถนำมาชำระส่วนต่างได้

1.2 สร้างหลักฐานทางการเงินให้ดี

หมั่นเดินบัญชี ธนาคารอย่างสม่ำเสมอ ควรมีเงินคงเหลือในบัญชีไว้ในแต่ละเดือน ก่อนสิ้นเดือน ไม่น้อยกว่า ยอดเงินที่คุณจะต้องผ่อนบ้าน อย่าถอนเงิน ในบัญชี หมด ก่อนสิ้นเดือน ด้วยเหตุผลเดียวกัน คือ ความมีวินัยในการใช้เงิน

1.3 บัตรเครดิต ใบไหน ถ้าไม่จำเป็น ก็พยายามอย่ามีมากเกินไป

เพราะมันจะถูกมองว่า คุณมีความสามารถในการก่อหนี้ได้สูง วงเงินที่จะได้รับอนุมัติก็จะลดลงไป

1.4 หากมีภาระผ่อนใดๆ ควรปิดให้หมดก่อนผ่อนบ้าน

เช่นเดียวกับข้อ 1.3 คือ ภาระหนี้ ที่คุณมี แม้เพียงผ่อนเดือนละไม่กี่พันบาท อาจทำให้วงเงินอนุมัติของคุณน้อยลงไปหลายแสน

1.5 เครดิตเป็นเรื่องส่วนบุคคล ถ้าไม่จำเป็น ไม่ควรให้กู้ยืมเงินแทนใคร เพราะอาจจะมีผลกระทบต่อประวัติเครดิตบูโรของคุณได้ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาเป็นปีๆ กว่าจะเคลียร์ประวัติในส่วนนี้

1.6 ลองมองลู่ทางเพิ่มรายได้เสริม เพราะเมื่อคุณมีบ้านหนึ่งหลัง นั่นหมายความว่าคุณมีภาระไปอีก 30 ปี

1.7 เตรียมเงินส่วนต่าง กรณีที่ ธนาคารอนุมัติที่ต่ำกว่า ราคาซื้อขาย และ เตรียมเงินไว้สำหรับงบซ่อมแซม ค่ะ ไม่แนะนำให้ ไปพึ่งน้ำบ่อหน้านะคะ

1.8 กรณีที่จำเป็น อาจจะต้องหาคนกู้ร่วม

___________________________________________

2. ปัจจัยในตัวบ้านที่จะซื้อ

2.1 เลือกบ้านและทำเลที่ต้องการจะซื้อจริงๆ ตัดสินใจให้ดีก่อนซื้อ เพราะ การซื้อบ้าน 1 หลัง คุณคงไม่คิดจะเปลี่ยนทุกปี

2.2 เลือกซื้อบ้านที่ ราคาอยู่ในเกณฑ์ราคาตลาด หรือ ต่ำกว่า ตลาด เพราะโอกาสที่ราคาประเมินธนาคารจะพอๆกับราคาบ้าน ซึ่งเมื่อหักทอนลงมาแล้ว คุณยังไม่ต้องหาส่วนต่างมากเกินไป

2.3 เลือกบ้านที่ สภาพซื้อมาแล้ว ใช้งบปรับปรุงไม่มากนัก หากคุณไม่ได้เตรียมงบในส่วนนี้ไว้ (เว้นแต่ว่า บ้านจะราคาต่ำกว่า ราคาตลาดมาก และคุณแน่ใจว่า กู้ได้เกินแน่นอน)

___________________________________________

🔷 ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก HomeDDCenter


#อสังหา #ซื้อบ้าน #ขายบ้าน #เช่าบ้าน #ฝากขาย #นายหน้า #บ้าน #คอนโด

อยากจะซื้อบ้านสักหลัง ไม่ใช่เรื่องเล็กๆที่จะตัดสินใจได้ง่ายๆ เพราะซื้อทั้งทีสร้างภาระหนี้ก้อนโตในระยะยาวกับเราไปอีกนานค่...
19/09/2024

อยากจะซื้อบ้านสักหลัง ไม่ใช่เรื่องเล็กๆที่จะตัดสินใจได้ง่ายๆ เพราะซื้อทั้งทีสร้างภาระหนี้ก้อนโตในระยะยาวกับเราไปอีกนานค่ะ ดังนั้นก่อนการ เลือกซื้อบ้าน หลายๆ คนจึงคิดไม่ตกว่าจะเลือกซื้อบ้านแบบไหน ในทำเลใด ระดับราคาเท่านี้จะพอดีหรือมากเกินไป โดยเฉพาะการเลือกว่าจะซื้อบ้านในเมืองหรือบ้านชานเมืองดี โดยทั้งบ้านในเมืองและบ้านชานเมือง ต่างก็มีข้อดีข้อเสียคนละแบบ ดังนั้นการเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองจึงจะเหมาะที่สุด

___________________________________________

บ้านชานเมือง


จุดเด่นของบ้านชานเมือง

1. ราคาถูก – แน่นอนว่าราคาบ้านในทำเลชานเมืองย่อมต่ำกว่าบ้านในทำเลเมือง เนื่องจากราคาที่ดินในย่านชานเมือง มีราคาที่ต่ำกว่าเมือง ประกอบกับยังมีที่ดินเปล่าที่รอการพัฒนาอีกมาก แต่การซื้อบ้านทำเลชานเมืองราคาถูก แต่ถ้าจะเข้าเมืองก็อาจจะต้องใช้เวลาในการเดินทาง

2. ค่าครองชีพถูก – เมื่อต้นทุนที่อยู่อาศัยมีราคาต่ำ ดังนั้นต้นทุนในการใช้ชีวิตประจำวันของบ้านชานเมืองจึงถูกกว่าในเมืองเป็นเรื่องธรรมดา

3. ขนาดที่ดินใหญ่ – สืบเนื่องมาจากราคาที่ดินของชานเมืองที่ต่ำกว่าในเมือง ดังนั้นบ้านที่มีระดับราคาใกล้เคียงกัน บ้านเดี่ยว ชานเมืองจึงมีขนาดที่ดินใหญ่กว่า สามารถรองรับครอบครัวขนาดใหญ่กว่า

4. สงบ เป็นส่วนตัว ไม่วุ่นวาย – ด้วยทำเลที่ประชากรไม่พลุกพล่าน กิจกรรมเชิงพื้นที่ไม่หนาแน่น ทำให้ชานเมืองตอบโจทย์คนรักความสงบเป็นส่วนตัวได้มากกว่า

___________________________________________

จุดด้อยของบ้านชานเมือง

1. สิ่งอำนวยความสะดวกในทำเลน้อย – แน่นอนว่าสิ่งอำนวยความสะดวกในชานเมืองนั้นมีน้อยมาก

2. เดินทางไกล ใช้ระยะเวลามากกว่า – สิ่งที่คนซื้อบ้านทำเลชานเมืองต้องยอมแลก คือเวลาในการเดินทาง เนื่องจากแหล่งงานและสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนใหญ่ล้วนกระจุกในพื้นที่เมือง จึงต้องใช้ระยะเวลานานและระยะทางไกลเพื่อเข้าถึง

3. เติบโตช้า ลงทุนยาก – การเติบโตของระดับราคาบ้านทำเลชานเมืองค่อนข้างช้า นอกจากนั้นหากจะปล่อยเช่าก็จะหาผู้เช่าได้ลำบากมากกว่า

___________________________________________

บ้านในเมือง


จุดเด่นของบ้านในเมือง

1. เดินทางเข้าเมืองได้สะดวกสบาย - การเดินทางจะใช้เวลาเพียงน้อย และต้นทุนค่าเดินทางก็จะต่ำไปด้วย

2. สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน - ทำเลเมืองย่อมมีความครบครันของไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายมากกว่า ซึ่งเป็นความนิยมหลักของคนชื่นชอบความเป็นเมือง แต่อย่างไรก็ตามย่อมต้องแลกมาด้วยต้นทุนที่สูงกว่า

3. เติบโตอย่างรวดเร็ว เหมาะกับการลงทุน - เนื่องจากทำเลเมืองมีการพัฒนาตลอดเวลา ทำให้ราคาที่ดินในทำเลพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การซื้อบ้านในทำเลเมืองจึงสามารถคาดหวังถึงการเติบโตของราคาหากต้องการขาย รวมถึงการปล่อยเช่า ที่สามารถหาผู้เช่าได้ง่าย หลากหลาย และมีระดับราคาเช่าที่สูง

___________________________________________

จุดด้อยของบ้านในเมือง


1. ราคาสูง – เนื่องจากระดับราคาที่ดินในเมืองมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา และพื้นที่เหลือมีเพียงน้อยนิด ทำให้การแข่งขันทางด้านราคาจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวในเมือง ที่มักมีระดับราคาสูงมาก ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป

2. ขนาดที่ดินเล็ก – สืบเนื่องจากการขาดแคลนที่ดินเพื่อพัฒนาในเมือง ดังนั้นบ้านจึงมีขนาดที่ดินที่เล็กกว่า เพื่อไม่ให้ราคาบ้านสูงมากเกินไปจนจับต้องไม่ได้

3. ความเป็นส่วนตัวน้อย – ทำเลในเมืองไปไหนมาไหนก็คนพลุกพล่าน ดังนั้นเรื่องความเป็นส่วนตัวของบ้านในเมืองจึงมีน้อยมาก

4. การจราจรติดขัด - การจราจรในเมืองค่อนข้างหนาแน่น โดยเฉพาะเวลาเร่งด่วน ดังนั้นจึงจะต้องวางแผนการเดินทางดีๆ

___________________________________________

🔷 ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก propertyscout


#อสังหา #ซื้อบ้าน #ขายบ้าน #เช่าบ้าน #ฝากขาย #นายหน้า #บ้าน #คอนโด

ดอกเบี้ยบ้านขึ้น เมื่อมีการปรับดอกเบี้ยนโยบาย ประเด็นนี้ย่อมเป็นข่าวร้ายสำหรับทุกคนที่อยู่ระหว่างผ่อนบ้านหรือกำลังมีแผนจ...
18/09/2024

ดอกเบี้ยบ้านขึ้น เมื่อมีการปรับดอกเบี้ยนโยบาย ประเด็นนี้ย่อมเป็นข่าวร้ายสำหรับทุกคนที่อยู่ระหว่างผ่อนบ้านหรือกำลังมีแผนจะซื้อบ้านด้วยสินเชื่อของธนาคาร เพราะดอกเบี้ยนโยบายทุก ๆ 1% ที่ปรับขึ้นจะทำให้ภาระการผ่อนสินเชื่อบ้านทั้งหมดปรับขึ้นอีกประมาณ 7% ส่งผลให้ผู้ซื้อบ้านต้องส่งเงินงวดสูงขึ้นกว่าเดิมหรือใช้เวลามากขึ้นในการผ่อนชำระ

___________________________________________

ทำไมดอกเบี้ยบ้านจึงปรับขึ้น

ส่วนใหญ่แล้วสถาบันการเงินมักจะเสนอแพ็กเกจการกู้สินเชื่อบ้านในลักษณะให้ปีแรก ๆ มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ เช่น อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก คงที่ 3.5% ต่อปี ขณะที่ปีที่ 4 เป็นต้นไปมักจะเป็นดอกเบี้ยลอยตัว เช่น อัตราดอกเบี้ย MRR-1 เท่ากับว่าอัตราดอกเบี้ยของเราตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไปจะเป็นเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับดอกเบี้ย MRR ในขณะนั้น

แม้แต่ละธนาคารจะกำหนดดอกเบี้ย MRR ไม่เท่ากัน แต่การพิจารณาปรับขึ้นลงของดอกเบี้ย MRR มีผลกระทบจากหลายปัจจัยแบบเดียวกัน เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่กำหนดโดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งหากมีการปรับขึ้นมักจะทำให้อัตราดอกเบี้ย MRR แต่ละธนาคารปรับเพิ่มตาม

อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้น ล่าสุด ณ วันที่ 10 เมษายน 2567 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.50% ต่อปี

___________________________________________

ค่างวดผ่อนบ้านเพิ่มเท่าไหร่เมื่อดอกเบี้ยบ้านขึ้น

อย่างที่เกริ่นไปว่า ดอกเบี้ย MRR จะมีผลกับผู้ผ่อนชำระเมื่อย่างเข้าสู่ปีที่ธนาคารกำหนดเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว แน่นอนว่ายิ่งดอกเบี้ยสูงขึ้นจะทำให้ค่าผ่อนบ้านสูงเป็นเงาตามตัว แต่สูงขึ้นเท่าไหร่ ดูได้จากตัวอย่างดังต่อไปนี้

___________________________________________

ลดดอกเบี้ยบ้านด้วยการรีไฟแนนซ์

ในกรณีที่อยู่ระหว่างผ่อนบ้านแล้วดอกเบี้ยพุ่ง อาจเลือกที่จะรีไฟแนนซ์ก็ได้ (แต่ต้องผ่อนบ้านมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี) เพราะการรีไฟแนนซ์จะช่วยต่อลมหายใจในการลดอัตราดอกเบี้ย (ดูคำนวณเปรียบเทียบรีไฟแนนซ์บ้านดีหรือไม่) โดยส่วนใหญ่แล้วหากเราเป็นลูกหนี้ที่ดีมีการผ่อนชำระสม่ำเสมอ ธนาคารแห่งใหม่หรือแห่งเดิมก็ตามมักจะจูงใจด้วยการให้แพ็คเกจสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยถูกกว่าแพ็คเกจเดิม

แต่ทั้งนี้ต้องศึกษารายละเอียดให้ชัดเจนว่าแพ็คเกจใหม่มีความคุ้มค่ากว่า โดยรวมตลอดระยะเวลาการผ่อนเราต้องจ่ายดอกเบี้ยต่ำกว่า และอย่าลืมคำนวณค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ที่จะเกิดขึ้น เช่น ค่าประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ ค่าธรรมเนียมจดจำนอง 1% ฯลฯ ก่อนจะตัดสินใจ

___________________________________________

🔷 ดูตัวอย่างและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ DD Property : https://bit.ly/4aTLphD


#อสังหา #ซื้อบ้าน #ขายบ้าน #เช่าบ้าน #ฝากขาย #นายหน้า #บ้าน #คอนโด

ก่อนแต่งงานกัน คู่รักทั้งสองคนควรตัดสินใจให้เรียบร้อยว่าจะไปอยู่บ้านใครกันแน่ หรือว่าจะปลูกเรือนหอของตัวเองกันดี แต่ไม่ว...
17/09/2024

ก่อนแต่งงานกัน คู่รักทั้งสองคนควรตัดสินใจให้เรียบร้อยว่าจะไปอยู่บ้านใครกันแน่ หรือว่าจะปลูกเรือนหอของตัวเองกันดี แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ล้วนมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันไปทั้งสิ้น ดังนั้นวันนี้เราจะมาช่วยสรุปให้คุณได้ตัดสินใจง่ายขึ้น กับข้อพิจารณาดังต่อไปนี้

___________________________________________

กรณีเลือกย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

สำหรับทางเลือกนี้ จะมีข้อดีที่เห็นได้ชัดคือ ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการผ่อนซื้อบ้านใหม่ ประหยัดเงินส่วนนี้เก็บไว้ลงทุนได้ ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ดูแลพ่อแม่ตัวเองอย่างใกล้ชิด และหากวางแผนมีลูกก็จะมีปู่ย่า-ตายายคอยช่วยดูแลโดยไม่ต้องจ้างพี่เลี้ยงหรือส่งเนอสเซอรี่

แต่ข้อเสียคือ อาจเกิดความเสี่ยงมีปัญหาระหว่างพ่อตา-ลูกเขย หรือแม่สามี-ลูกสะใภ้ขึ้นมาได้ แม้ก่อนแต่งงานจะเข้ากันได้ดีก็ตาม อีกทั้งการต้องออกไปอยู่บ้านคนอื่นก็อาจทำให้รู้สึกเป็นคนนอก การตัดสินใจในบ้านเรื่องต่างๆ ก็จะถูกครอบงำโดยผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าของบ้าน และแม้จะมีคนช่วยดูแลลูก แต่ปู่ย่า-ตายายก็อาจตามใจมากเกินไป ให้ท้ายมากเกินไปจนไม่เชื่อฟังพ่อแม่ได้

___________________________________________

หากเลือกซื้อ-ปลูกบ้านหลังใหม่ของตัวเอง

หากเลือกทางนี้ ข้อดีที่เห็นได้ชัดเลยก็คืออิสระในการสร้างครอบครัวของตัวเอง มีพื้นที่ส่วนตัว ได้เลี้ยงลูกแบบที่ตัวเองต้องการ และการได้ซื้อบ้านก็คือ การได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์ในอนาคต โดยสามารถส่งต่อเป็นมรดกหรือนำไว้เป็นหลักทรัพย์หากต้องการลงทุนได้

แต่ข้อเสียของวิธีนี้คือ การต้องผ่อนบ้านเป็นเวลาหลายสิบปี หากชีวิตเกิดสะดุดเข้าช่วงใดช่วงหนึ่งก็อาจเกิดปัญหาได้ รวมไปถึงหากในระหว่างนี้มีพ่อแม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชราหรือมีปัญหาสุขภาพ ก็ต้องเทียวไปเทียวมาคอยดูแล ทางที่ดีหากอยากปลูกหรือซื้อบ้านก็ควรเลือกใกล้บ้านเดิมเอาไว้จะดีที่สุด

___________________________________________

ต่างคนต่างอยู่บ้านตัวเอง

ผู้ที่ได้รับผลดีที่สุดจากวิธีนี้ก็เห็นจะเป็นพ่อกับแม่ของแต่ละฝ่ายนั่นเอง เพราะจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด แต่สำหรับสามีภรรยาแล้วคงไม่ค่อยดีนัก อาจทำให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์กันได้ เพราะไม่ค่อยมีเวลาได้ใกล้ชิดกัน อีกทั้งหากมีลูกก็คงทำให้เด็กๆ สับสนอยู่ไม่น้อย เพราะเดี๋ยวก็ต้องย้ายไปบ้านปู่กับย่า เดี๋ยวก็ต้องกลับมานอนบ้านตากับยาย อาจทำให้เกิดปัญหาการเลี้ยงดูลูกขึ้นมาได้

จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ต่างมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับคุณทั้งคู่จะรับได้แบบไหน แต่แนะนำว่าควรเปิดใจคุยกันให้รู้เรื่องตั้งแต่ก่อนแต่งงานเลยจะดีที่สุด ชีวิตครอบครัวไม่มีปัญหาในภายหลังนั่นเอง

___________________________________________

🔷 ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก sanook


#อสังหา #ซื้อบ้าน #ขายบ้าน #เช่าบ้าน #ฝากขาย #นายหน้า #บ้าน #คอนโด

ที่อยู่

Phra Nakhon

เบอร์โทรศัพท์

+66648926397

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Alisa Prestige Estatesผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Alisa Prestige Estates:

แชร์