เว็บไซต์คืออะไร?

http://www.starpicsmagazine.com/

ดาราภาพ Starpics, Phra Nakhon (2025)

09/08/2025

แซลลี ฮอว์กินส์เผย การแสดงใน Paddington 3 คง “ทำให้เธอใจสลาย”

นักแสดง Paddington แซลลี ฮอว์กินส์ เปิดเผยว่าการรับบทในภาคสาม Paddington in Peru คงจะ “ทำให้เธอใจสลาย” เนื่องจากไม่มีพอล คิง อดีตผู้กำกับของแฟรนไชส์ร่วมงานด้วย นักแสดงวัย 49 ปีผู้นี้เคยรับบทมิสซิสบราวน์ในภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันคอมเมดี้ Paddington (2014) และ Paddington 2 (2017) ประกบฮิวจ์ บอนเนวิลล์ วัย 61 ปี ในบทมิสเตอร์บราวน์

เมื่อคิงตัดสินใจไม่รับกำกับภาคสาม ฮอว์กินส์จึงโบกมือลาโครงการนี้ และตามไปทำงานกับเขาใน Wonka ซึ่งเธอรับบทเป็นแม่ของทิโมธี ชาลาเมต์ ผู้รับบทช็อกโกแลตเชียร์วัยหนุ่ม เธอให้สัมภาษณ์กับ The Times ว่ารู้สึก “แย่มาก” ที่ถอนตัวออกจาก Paddington in Peru แต่ก็กล่าวติดตลกว่า บอนเนวิลล์ “ได้อัปเกรด” จากการที่เอมิลี มอร์ติเมอร์ มารับบทแทน

ฮอว์กินส์อธิบายถึงการตัดสินใจครั้งนี้ว่า “เพราะฉันรักพอลมาก และรักวิธีการทำงานของเขา การเล่นในภาคนี้คงทำให้ฉันใจสลาย” โดยภาคสามนี้ได้ดูกัล วิลสัน มารับหน้าที่กำกับแทน เธอยังเล่าว่าพบกับคิงครั้งแรกเมื่อ 20 ปีก่อน ระหว่างเวิร์กช็อปการแสดงที่สตูดิโออีลิง ก่อนที่ทั้งคู่จะมาร่วมงานกันใน Paddington ภาคแรก

แม้เธอจะบอกว่าประสบการณ์การทำงานใน Paddington เป็น “ของขวัญ” แต่ฮอว์กินส์ยอมรับว่าเธอมักรู้สึก “เขิน” เมื่อต้องเจอกับแฟนหนังที่เข้ามาทักบนท้องถนน “มันทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ เพราะคุณไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงยิ้มให้ จ้องมอง หรือมีท่าทีแปลก ๆ กับคุณ… คุณก็แค่อยากใช้ชีวิต แต่มันสามารถทำให้คุณรู้สึกอึดอัดได้” Paddington in Peru ออกฉายในเดือนพฤศจิกายน 2024 ห่างจากภาคสองที่ได้รับคำชมอย่างมากถึงเจ็ดปี

A.J.Style

https://www.independent.co.uk/arts-entertainment/films/news/sally-hawkins-paddington-3-cast-peru-paul-king-b2802676.html

09/08/2025

‘War of the Worlds’ เวอร์ชัน Ice Cube: นักวิจารณ์ว่าอย่างไร

ภาพยนตร์ War of the Worlds ของ Amazon Prime Video กำลังเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ แต่กระแสส่วนใหญ่เป็นการวิจารณ์เชิงลบอย่างหนัก เวอร์ชันปี 2025 นี้ดัดแปลงจากนวนิยายปี 1898 ของ H. G. Wells โดยเล่าเรื่องวิล แรดฟอร์ด เจ้าหน้าที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (รับบทโดยไอซ์ คิวบ์) ที่ต้องรับมือกับแฮ็กเกอร์ชื่อกระฉ่อน ขณะเดียวกันโลกก็กำลังถูกเอเลียนรุกราน ผลงานดัดแปลงเรื่องนี้เคยปรากฏหลายครั้ง ตั้งแต่การออกอากาศทางวิทยุอันลือลั่นของออร์สัน เวลส์ในปี 1938 จนถึงภาพยนตร์ของสตีเวน สปีลเบิร์กในปี 2005 และซีรีส์หรือหนังอีกหลายเวอร์ชัน

เรื่องย่ออย่างเป็นทางการระบุว่า นี่คือ “การรุกรานครั้งมโหฬารในเวอร์ชันใหม่ของนวนิยายคลาสสิก” พร้อมทีมนักแสดงอย่างอีวา ลองโกเรีย, ไมเคิล โอ’นีล และอิมาน เบนสัน ร่วมผจญภัยในเรื่องราวที่สอดแทรกธีมร่วมสมัย เช่น เทคโนโลยี การสอดส่อง และความเป็นส่วนตัว หลังฉายเมื่อวันพุธที่ผ่านมา หนังกลายเป็นข่าวเพราะได้คะแนนนักวิจารณ์ 0% บน Rotten Tomatoes (ก่อนจะขยับขึ้นเป็น 4% จาก 23 รีวิวในวันถัดมา) ร่วมแสดงยังมีคลาร์ก เกร็ก, เฮนรี ฮันเตอร์ ฮอลล์, เดวอน บอสติก และแอนเดรีย ซาเวจ กำกับโดยริช ลี อำนวยการสร้างโดยแพทริก ไอเอลโล และทิเมอร์ เบ็กมัมเบตอฟ

เสียงวิจารณ์จาก The Daily Telegraph โดย Ed Power ระบุว่าหนัง “เหลวไหล ทำออกมาได้แย่ และเต็มไปด้วยภาพของไอซ์ คิวบ์ที่จ้องจอคอมพิวเตอร์ด้วยสีหน้าเหมือนมีปัญหาระบบย่อยอาหาร” พร้อมเสริมว่ามัน “เป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าเศร้าที่สุดที่ Prime เคยสร้าง” ขณะที่ Ian Freer จาก Empire เห็นว่าหนังมีไอเดียน่าสนใจในการเล่าเรื่องผ่านสื่อยุคใหม่ แต่พังเพราะ “การสร้างที่อ่อนแอ เอฟเฟกต์ราคาถูก พล็อตงี่เง่า บทสนทนาห่วย การแสดงน่าผิดหวัง และไคลแม็กซ์เหลวไหล”

Marshal Shaffer จาก Decider วิจารณ์ว่าหนังเวอร์ชันนี้ “อ่อนแรงและไร้ชีวิต” เหมือนถูกทำขึ้นเพื่อดึงดูดคนจากชื่อเรื่องเท่านั้น ขณะที่ Jordon Searle จาก Loud and Clear ชี้ว่าบทภาพยนตร์ “แย่อย่างยับเยิน” และการแสดงของไอซ์ คิวบ์ยิ่งทำให้หนังหมดความน่าเชื่อถือ แม้ไม่ได้ตั้งใจให้ตลก แต่กลับมีหลายฉากที่ตลกเพราะมันแย่เกินไป โดยเฉพาะฉากที่ตัวละครของเขามีปฏิกิริยามากที่สุดตอนเอเลียนโจมตีเพจเฟซบุ๊กของภรรยาที่เสียชีวิต ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในจังหวะที่ “น่าขบขันที่สุดของปี”

A.J.Style

https://www.hollywoodreporter.com/movies/movie-news/war-of-the-worlds-review-roundup-critics-1236340070/

09/08/2025

‘Highlander’: เดฟ บอทิสตา รับบทตัวร้าย ประชันเฮนรี คาวิลล์ ในรีเมกของ Amazon MGM
เรียบเรียงโดยนักเขียนบันเทิงประสบการณ์กว่า 10 ปี

เดฟ บอทิสตา กำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจาขั้นสุดท้ายเพื่อสวมบทตัวร้ายในภาพยนตร์รีเมก Highlander คลาสสิกคัลท์ยุค 1980 ภายใต้การสร้างของ Amazon MGM โดยจะประชันฝีมือกับเฮนรี คาวิลล์ และรัสเซลล์ โครว์ ในภาพยนตร์แอ็กชันแฟนตาซีที่มีกำหนดฉายในโรงภาพยนตร์ แชด สตาเฮลสกี ผู้กำกับจากแฟรนไชส์ John Wick จะนำทัพสร้างเวอร์ชันใหม่ ที่มีกำหนดเริ่มถ่ายทำหลักช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ ใช้สถานที่ถ่ายทำทั้งในสหราชอาณาจักรและฮ่องกง เพื่อสร้างบรรยากาศทั้งความคลาสสิกและความยิ่งใหญ่สมกับตำนานอมตะ

Highlander ต้นฉบับปี 1986 นำแสดงโดยคริสโตเฟอร์ แลมเบิร์ต ในบทคอนเนอร์ แม็คลีออด ชาวสกอตไฮแลนด์ยุคกลางที่ค้นพบว่าตนเองเป็นนักรบอมตะ ร่วมมือกับนักดาบมากประสบการณ์นามรามิเรซ (ฌอน คอนเนอรี) ต่อสู้กับเหล่าอมตะอื่น ๆ ข้ามศตวรรษ จนถึงการเผชิญหน้าครั้งสำคัญในยุคปัจจุบัน พร้อมทิ้งประโยคอมตะ “มีได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น” ในเวอร์ชันใหม่ คาวิลล์จะรับบทแม็คลีออด โครว์จะรับบทรามิเรซ และมาริซา อาเบลา จาก Industry จะร่วมสมทบในบทนำ

บอทิสตาจะรับบท “เดอะ เคอร์เจน” อมตะนักรบเถื่อนผู้ไร้ปรานี ที่สังหารอมตะคนอื่น ๆ ตลอดหลายศตวรรษเพื่อดูดซับพลังของพวกเขา บทนี้เคยสร้างชื่อให้คลานซี บราวน์ ในเวอร์ชันต้นฉบับ และครั้งนี้แฟน ๆ ต่างคาดหวังว่าจะได้เห็นการตีความใหม่ที่ทรงพลังจากบอทิสตาเอง การมารับบทนี้ถือเป็นการหวนคืนสู่โอกาสที่เขาเคยใกล้จะได้สัมผัสเมื่อปี 2015 ในเวอร์ชันที่ไม่เกิดขึ้นจริง และยังเป็นการทำให้แฟนแคสต์ที่อยากเห็นเขาเผชิญหน้ากับคาวิลล์เป็นจริง หลังมีคลิปแฟนเมดเผยแพร่มาหลายปี

ไมเคิล ฟินช์ รับหน้าที่เขียนบท ขณะที่สก็อต สตูเบอร์ และนิค เนสบิตต์ อำนวยการสร้างร่วมกับนีล เอช. มอริตซ์, บริษัท 87Eleven Entertainment ของสตาเฮลสกี, จอช เดวิส จาก Davis Panzer Productions และลุยส์ รอสเนอร์ Highlander เป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ใหญ่ที่ตอกย้ำความสัมพันธ์ของบอทิสตากับ Amazon หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จใน My Spy และภาคต่อ รวมถึงผลงานใหม่อย่าง The Wrecking Crew คู่กับเจสัน โมโมอา และการเจรจาร่วมแสดงในภาคต่อของ The Roadhouse ซึ่งล้วนแสดงให้เห็นถึงเส้นทางอาชีพที่กำลังเติบโตในสายงานภาพยนตร์ของเขา

A.J.Style

https://www.hollywoodreporter.com/movies/movie-news/highlander-dave-bautista-to-play-the-villain-1236338871/

08/08/2025

#ท่าแร่ หลอนแรงรายได้อันดับ 1 ทั่วประเทศ

เรียกคืนศรัทธา จากนรกสิงสู่
โดย “คุ้ย ทวีวัฒน์” ผู้กำกับสายสู้ผี
วันนี้ ออกมาปราบ “มัน” ที่โรงภาพยนตร์

08/08/2025

“Resurrection of the Christ” ของ เมล กิบสัน จะแบ่งออกเป็น 2 ภาค เข้าฉายฤดูใบไม้ผลิ ปี 2027

ไลออนส์เกตประกาศเมื่อวันอังคารว่า ภาพยนตร์ The Resurrection of the Christ ผลงานที่กำกับโดย เมล กิบสัน จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ภาค โดย ภาคแรก มีกำหนดเข้าฉายในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ (Good Friday) 26 มีนาคม 2027 และ ภาคสอง จะเข้าฉายห่างกัน 40 วัน ในวันฉลองเสด็จขึ้นสวรรค์ (Ascension Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 6 พฤษภาคม 2027

ผลงานทั้งสองภาคนี้ถือเป็นภาคต่อของ The Passion of the Christ หนึ่งในภาพยนตร์อิสระที่ทำรายได้สูงที่สุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์ ซึ่งเมล กิบสัน และ บรูซ เดวี พาร์ตเนอร์ของเขาในค่าย Icon Productions รับหน้าที่อำนวยการสร้าง The Passion of the Christ นำแสดงโดย จิม คาวีเซล ในบทพระเยซู และ โมนิกา เบลุชชี ในบทนางมารีย์ มักดาลีน ใช้งบสร้างราว 30 ล้านดอลลาร์ และทำรายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกถึง 83 ล้านดอลลาร์ ทำรายได้ในอเมริกาเหนือรวม 370 ล้านดอลลาร์ และทั่วโลกกว่า 610 ล้านดอลลาร์ ครองสถิติหนังเรต R ทำเงินสูงสุดในสหรัฐฯ และหนังอินดี้ทำเงินสูงสุดตลอดกาล จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว

Resurrection of the Christ ถูกพัฒนามานานเกือบ 10 ปี โดยกิบสันเคยให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งใจให้ จิม คาวีเซล กลับมารับบทเดิมอีกครั้ง คาดว่าจะเริ่มถ่ายทำช่วงปลายฤดูร้อนนี้ในหลายสถานที่ทั่วยุโรป

อดัม โฟเกลสัน ประธานกลุ่มภาพยนตร์ของ Lionsgate กล่าวเมื่อเดือนพฤษภาคมว่า “สำหรับผู้คนทั่วโลกจำนวนมาก The Resurrection of the Christ คือเหตุการณ์บนจอภาพยนตร์ที่รอคอยกันมานานนับรุ่น และยังเป็นภาพยนตร์มหากาพย์สุดตระการตาที่จะทำให้ผู้ชมทั่วโลกต้องทึ่ง เมลคือหนึ่งในผู้กำกับที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งยุค และโปรเจกต์นี้ทั้งมีความหมายส่วนตัวต่อเขาอย่างลึกซึ้งและเป็นเวทีอันสมบูรณ์แบบที่จะแสดงศักยภาพในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์ ผมมีความสัมพันธ์กับเมลและบรูซมายาวนานกว่า 30 ปี และรู้สึกยินดีที่ได้ร่วมงานกันอีกครั้งในผลงานครั้งสำคัญนี้”

A.J.Style

https://www.hollywoodreporter.com/movies/movie-news/mel-gibson-resurrection-of-the-christ-broken-into-two-films-1236337980/

08/08/2025

เจมส์ คาเมรอน เผยเหตุผลที่ทุ่มทำ “Avatar” ตลอด 20 ปี เพราะเชื่อว่าหนังสามารถสร้างประโยชน์ต่อโลก ไม่ใช่แค่โกยเงิน

เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับระดับตำนาน เจ้าของผลงาน Avatar ให้สัมภาษณ์กับ Rolling Stone ว่า ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา เขามอบทั้งชีวิตการทำงานให้กับแฟรนไชส์นี้ ไม่ใช่เพียงเพราะความสำเร็จด้านรายได้ แต่เพราะเชื่อว่าหนังสามารถ “สร้างคุณูปการ” ต่อโลกได้ คาเมรอนกล่าวอย่างชัดเจนว่า การทำ Avatar ไม่ได้วัดความคุ้มค่าจากตัวเลขบ็อกซ์ออฟฟิศ แต่จากความหวังว่ามันจะช่วย “เชื่อมโยงผู้คนกับด้านที่หลงลืมของตัวเองและด้านที่ผูกพันและเคารพธรรมชาติ”

แม้เจ้าตัวจะยอมรับว่าภาพยนตร์ไม่ใช่คำตอบของปัญหามนุษยชาติทั้งหมด เพราะคนดูจำนวนมากเพียงต้องการความบันเทิง แต่เขามองว่า Avatar ใช้กลยุทธ์ “ม้าโทรจัน” ดึงคนดูเข้ามาสนุกกับความบันเทิง ก่อนจะค่อย ๆ ส่งสารและกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางความคิดและความรู้สึก ผลลัพธ์ก็พิสูจน์แล้วว่าทั้งสองภาคประสบความสำเร็จอย่างสูง—ภาคแรก (2009) ครองตำแหน่งหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาล (ไม่ปรับเงินเฟ้อ) ด้วยรายได้กว่า 2.9 พันล้านดอลลาร์ ส่วนภาค The Way of Water (2022) อยู่อันดับ 3 ของโลกที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์

ปัจจุบัน คาเมรอนอยู่ระหว่างโพสต์โปรดักชัน Avatar: Fire and Ash ภาคที่ 3 ซึ่งมีกำหนดฉาย 19 ธันวาคมนี้ พร้อมยืนยันว่าร่างกายยังแข็งแรงพอจะกำกับต่อทั้งภาค 4 และ 5 ด้วยตัวเอง “ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ทำ ผมยังแข็งแรงและพร้อมลุย แต่ต้องทำให้ได้อย่างกระฉับกระเฉงพอจะรับมือกับปริมาณและพลังงานงานสร้างไปอีก 6–7 ปี” เขากล่าว ก่อนจะย้ำว่าหากทำได้ เขาก็จะเดินหน้าต่อ

นับตั้งแต่ Titanic (1997) คาเมรอนก็ไม่ได้สร้างหนังนอกเหนือจากจักรวาล Pandora เลย แม้แฟนหนังบางส่วนเสียดายผลงานแนวอื่น แต่เจ้าตัวยืนยันว่า Avatar มีขอบเขตและความหลากหลายมากพอให้เขาเล่าเรื่องและทดลองเทคนิคใหม่ ๆ ได้ไม่จำกัด พร้อมเปรียบเทียบกับ จอร์จ ลูคัส (Star Wars) และ ยีน ร็อดเดนเบอร์รี (Star Trek) ว่า “เมื่อคุณเชื่อมโยงกับผู้ชมได้แล้ว ทำไมต้องทิ้งสิ่งนั้นไปเริ่มใหม่กับสิ่งที่อาจไม่เข้าถึงคนดูเหมือนเดิม”

A.J.Style

https://variety.com/2025/film/news/james-cameron-defends-directing-avatar-movies-1236480869/

08/08/2025

ไมเคิล เบย์ ถอนตัวจากโปรเจกต์ "Fast and Loose" ของ Netflix เหตุขัดแย้งด้านความคิดสร้างสรรค์กับ วิล สมิธ

ไมเคิล เบย์ ผู้กำกับแอ็กชันชื่อดังได้ตัดสินใจถอนตัวออกจากโปรเจกต์ภาพยนตร์เรื่อง "Fast and Loose" ของ Netflix แล้ว หลังจากมีรายงานว่ามีความเห็นไม่ตรงกันด้านความคิดสร้างสรรค์กับนักแสดงนำและผู้อำนวยการสร้างอย่าง วิล สมิธ

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ เล่าเรื่องราวของเจ้าพ่ออาชญากรรมที่สูญเสียความทรงจำจากการถูกลอบทำร้าย และค่อย ๆ ค้นพบความจริงว่าตนเองเคยใช้ชีวิตอีกด้านในฐานะสายลับ CIA ซึ่งบทภาพยนตร์เดิมถูกเขียนโดย จอน และ อีริช โฮเบอร์ ก่อนที่ Netflix จะซื้อมาและให้ทีมเขียนบทร่วมพัฒนาต่อ

โปรเจกต์นี้ได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์ที่สมิธตบหน้า คริส ร็อก บนเวทีออสการ์ในปี 2022 โดยเดิมที เดวิด ลีตช์ ถูกวางตัวให้เป็นผู้กำกับ แต่เขาได้ถอนตัวไปทำภาพยนตร์เรื่อง "The Fall Guy" ซึ่งนำแสดงโดย ไรอัน กอสลิง และเอมิลี บลันต์ ในปัจจุบัน Netflix ตั้งเป้าจะเริ่มถ่ายทำในปี 2026 และกำลังเร่งหาผู้กำกับคนใหม่เข้ามาแทนที่ โดยวิล สมิธ ยังคงมีบทบาทในฐานะผู้อำนวยการสร้างร่วมกับลีตช์และเคลลี่ แม็คคอร์มิค จากค่าย 87North

เบย์และสมิธเคยร่วมงานกันอย่างประสบความสำเร็จในแฟรนไชส์ "Bad Boys" (1995 และ 2003) และเพิ่งกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในภาพยนตร์ล่าสุด "Bad Boys: Ride or Die" ที่ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 400 ล้านดอลลาร์ สำหรับผลงานล่าสุดของเบย์คือ "Ambulance" (2022) และเคยกำกับภาพยนตร์ให้ Netflix มาแล้วในเรื่อง "6 Underground" (2019) ส่วนโปรเจกต์ในอนาคตของเขามีแผนจะดัดแปลงวิดีโอเกมคลาสสิกอย่าง "OutRun" ขึ้นจอภาพยนตร์ โดยมี ซิดนีย์ สวีนีย์ ร่วมแสดง

A.J.Style

https://www.hollywoodreporter.com/movies/movie-news/michael-bay-exits-netflix-will-smith-fast-and-loose-1236339520/

08/08/2025

Neon คว้าสิทธิ์จัดจำหน่าย ‘Exit 8’ หนังญี่ปุ่นดัดแปลงจากวิดีโอเกม เตรียมฉายต้นปี 2026

ค่ายหนังอินดี้ชื่อดังอย่าง Neon ได้สิทธิ์จัดจำหน่ายภาพยนตร์ Exit 8 ผลงานระทึกขวัญจากผู้กำกับชาวญี่ปุ่น Genki Kawamura ซึ่งดัดแปลงจากวิดีโอเกมอินดี้สุดลึกลับ และเพิ่งเปิดตัวรอบปฐมทัศน์โลกในสาย Midnight Section ของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ก่อนจะเตรียมเดินทางไปเปิดตัวในทวีปอเมริกาเหนือที่งาน Toronto International Film Festival (TIFF) ในหมวด Centerpiece

Exit 8 เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากเกมอินดี้ปี 2023 ที่ชื่อเดียวกัน โดยทีมพัฒนา Kotake Create ซึ่งตัวเกมมีรูปแบบเป็น walking simulator ที่ผู้เล่นต้องพยายามหาทางออกจากทางเดินใต้ดินญี่ปุ่นที่เหมือนจะไม่มีจุดสิ้นสุด Neon วางแผนเปิดตัวหนังในโรงภาพยนตร์อเมริกาเหนือช่วงต้นปี 2026 ในฐานะหนังอินดี้สายอาร์ตที่ผสมผสานความลึกลับกับความสยองขวัญ

นักแสดงนำในเรื่องประกอบด้วย: Kazunari Ninomiya, Yamato Kochi, Naru Asanuma, Kotone Hanase และ Nana Komatsu โดย Genki Kawamura รับหน้าที่กำกับจากบทภาพยนตร์ที่เขาร่วมเขียนกับ Kentaro Hirase

เรื่องย่อจากโปรดิวเซอร์เผยว่า:

“ชายคนหนึ่งติดอยู่ในอุโมงค์รถไฟใต้ดินที่สะอาด ไร้ชีวิต และดูไม่มีที่สิ้นสุด เขาต้องหาทางออกหมายเลข 8 กฎมีเพียงไม่กี่ข้อ: ห้ามมองข้ามสิ่งผิดปกติ หากพบความผิดแปลกใด ๆ ให้ย้อนกลับทันที หากไม่พบ ให้เดินหน้าต่อ แล้วออกทาง Exit 8 แต่ถ้าพลาดแม้เพียงจุดเดียว...เขาจะกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เขาจะหลุดพ้นจากทางเดินไร้สิ้นสุดนี้ได้หรือไม่?”

Kawamura เป็นที่รู้จักจากผลงานกำกับเรื่องแรก A Hundred Flowers (2022) ซึ่งพาเขาคว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์ San Sebastian

ในงานคานส์ปีเดียวกันนี้ Neon ยังคว้าผลงานอีกหลายเรื่อง อาทิ It Was Just an Accident ของ Jafar Panahi (เจ้าของรางวัล Palme d’Or), Sirât จาก Oliver Laxe (เจ้าของรางวัล Jury Prize), The Secret Agent โดย Kleber Mendonça Filho และ Arco แอนิเมชันผจญภัยโดย Ugo Bienvenu ที่อำนวยการสร้างโดย Natalie Portman

การเจรจาซื้อขายลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายในอเมริกาเหนือนั้น ดำเนินการโดย Sarah Colvin รองประธานฝ่ายจัดซื้อของ Neon ร่วมกับ CAA Media Finance, Goodfellas, TOHO และ Story ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้สร้างภาพยนตร์

A.J.Style

https://www.hollywoodreporter.com/movies/movie-news/neon-japanese-adaptation-exit-8-1236338506/

07/08/2025

Liam Neeson เดินหน้าสายคอมเมดี้ใน “Cold Storage” หนังใหม่แนวซอมบี้สุดแสบ เตรียมฉายปี 2026

Liam Neeson กลับมารับบทบู๊ปนฮาอีกครั้งในตัวอย่างแรกของ Cold Storage ภาพยนตร์ตลกร้ายที่อัดแน่นไปด้วยฉากซอมบี้ระเบิดกระจาย พร้อมกำหนดฉายปี 2026 โดย Samuel Goldwyn Films

นักแสดงเจ้าบทบาทจาก Taken และ The Naked Gun เวอร์ชันรีบูตของ Paramount ยังคงอยู่ในเส้นทางสายคอมเมดี้สายแสบ โดยในเรื่องนี้เขารับบทเป็นตัวละครที่ต้องควบคุมสถานการณ์สุดเลวร้าย เมื่อมีการแพร่ระบาดของเชื้อราปรสิตลึกลับในคลังเก็บของใต้ดินของฐานทัพทหารเก่า

Cold Storage กำกับโดย Jonny Campbell (จาก Dracula และ Westworld) ผลงานร่วมสร้างของ StudioCanal และยังได้นักแสดงร่วมชื่อดังอย่าง Joe Keery (Stranger Things), Georgina Campbell (Barbarian), Sosie Bacon, Vanessa Redgrave และ Lesley Manville

เนื้อเรื่องเล่าถึง Teacake (รับบทโดย Keery) และ Naomi (Campbell) พนักงานคลังเก็บของเอกชนในพื้นที่ฐานทัพเก่าของกองทัพสหรัฐฯ ที่บังเอิญพบว่าเชื้อราปรสิตอันตรายได้เล็ดลอดออกมาจากส่วนลึกของอาคาร และไม่นานนัก มันก็เริ่มแพร่เชื้ออย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างของผู้ติดเชื้อ ระเบิดออกอย่างสยดสยอง

ในตัวอย่างภาพยนตร์ Keery พูดถึงสถานที่ว่า

“ที่นี่เคยเป็นคลังทหารมาก่อนนะ”
ก่อนจะมีฉากประหลาด ๆ ตามมา เช่น
“กวางตัวนั้นเพิ่งขึ้นลิฟต์ไปว่ะ!”

ขณะที่ท้ายตัวอย่าง Neeson ดูเหมือนจะหมดความอดทนกับความโวยวายของ Keery และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า:

“ช่วยบอกหมอนั่นให้หุบปากทีได้มั้ย?”

ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงจากนิยาย Cold Storage ที่เขียนโดย David Koepp (ผู้เขียนบท Jurassic Park, Mission: Impossible) ซึ่งรับหน้าที่เขียนบทหนังด้วยตัวเอง โดยมี Gavin Polone ร่วมอำนวยการสร้าง

Peter Goldwyn ประธาน Samuel Goldwyn Films และ Ben Feingold CEO ของบริษัท กล่าวว่า:

“เรารู้สึกดีใจที่ได้ร่วมงานกับ StudioCanal อีกครั้ง และตื่นเต้นที่ได้ดูแลการจัดจำหน่ายหนังระทึกขวัญเรื่องใหม่จาก David Koepp, Jonny Campbell และ Gavin Polone เรื่องนี้”

A.J.Style

https://www.hollywoodreporter.com/movies/movie-news/cold-storage-trailer-liam-neeson-1236338226/

07/08/2025

เจมส์ คาเมรอน เตือน: "มีความเสี่ยงจริง" ที่โลกอาจเข้าสู่หายนะแบบ Terminator หากนำ AI มาใช้กับระบบอาวุธ

แม้ผู้กำกับระดับตำนานอย่าง James Cameron จะสนใจใช้ AI เพื่อช่วยในกระบวนการสร้างภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แต่เขาก็ยอมรับว่า แนวคิดหายนะจาก AI แบบในภาพยนตร์ Terminator ที่เขาสร้างเองนั้น "อาจกลายเป็นจริง" ได้หากเทคโนโลยีนี้ตกอยู่ในมือของผู้ที่ไม่ควร

ในการให้สัมภาษณ์กับ Rolling Stone เพื่อโปรโมตหนังสือ Ghosts of Hiroshima (ที่เขาวางแผนจะดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ในอนาคต) คาเมรอนกล่าวว่า การแข่งขันด้านอาวุธที่พึ่งพา AI คือเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อถูกนำไปรวมกับระบบอาวุธนิวเคลียร์หรือระบบโจมตีอัตโนมัติ

“ผมคิดว่ามันยังมีความเสี่ยงอยู่จริง ๆ กับหายนะแบบ Terminator ถ้าเราเอา AI ไปจับคู่กับระบบอาวุธ โดยเฉพาะพวกที่เกี่ยวกับนิวเคลียร์ ระบบตอบโต้ การตัดสินใจในสนามรบที่เกิดขึ้นรวดเร็วมาก จนมนุษย์ไม่สามารถตัดสินใจได้ทัน ต้องใช้สิ่งที่เป็นซูเปอร์อินเทลลิเจนซ์ แต่ถึงอย่างนั้น มนุษย์ก็ยังมีโอกาสทำพลาด และประวัติศาสตร์ก็เคยมีเหตุการณ์ผิดพลาดที่เกือบทำให้เกิดสงครามนิวเคลียร์มาแล้ว” คาเมรอนกล่าว

เขายังกล่าวต่อว่า มนุษยชาติกำลังอยู่บน “จุดเปลี่ยน” ที่ต้องเผชิญกับ 3 ภัยคุกคามระดับอารยธรรม ได้แก่ ภาวะโลกร้อนและการทำลายสิ่งแวดล้อม, อาวุธนิวเคลียร์ และปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง (Super-intelligence) ซึ่งทั้งหมดนี้กำลัง “แสดงตัวและพุ่งถึงจุดสูงสุดในเวลาเดียวกัน”

“บางที AI ระดับสูงอาจจะเป็นคำตอบก็ได้… ผมไม่รู้หรอก ผมไม่ได้ทำนายว่าจะเกิดแบบนั้น แต่มันอาจจะใช่ก็ได้”

แฟรนไชส์ The Terminator เริ่มต้นในปี 1984 โดยมี Arnold Schwarzenegger แสดงนำ ซึ่งเล่าเรื่องโลกอนาคตที่เครือข่ายปัญญาประดิษฐ์ชื่อ Skynet ได้ตื่นรู้และก่อกบฏต่อมนุษย์ จนนำไปสู่สงครามวันสิ้นโลก

สำหรับบทบาทของ AI ในวงการฮอลลีวูด คาเมรอนเคยกล่าวไว้ในปี 2023 กับ CTV News ว่า เขา ไม่เชื่อว่า AI จะสามารถเขียนบทหนังที่ดีพอจะมาแทนที่นักเขียนจริงได้

“ผมไม่เชื่อเลยว่าจิตใจที่ไม่มีร่างกาย แค่เอาคำพูดของมนุษย์คนอื่นมายำรวมกัน แล้วคายออกมาเป็นคำสลัด จะสามารถสร้างอะไรที่กระทบใจผู้ชมได้… คุณต้องเป็นมนุษย์ถึงจะเขียนอะไรแบบนั้นได้” คาเมรอนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

ถึงอย่างนั้น คาเมรอนก็ไม่ได้ปิดกั้นการใช้ AI โดยเฉพาะในแง่ของ การลดต้นทุนงานสร้าง เขาประกาศในเดือนกันยายน 2024 ว่าได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของ Stability AI บริษัทที่อยู่เบื้องหลังโมเดลสร้างภาพด้วยข้อความอย่าง Stable Diffusion ซึ่งเขาเชื่อว่า AI อาจช่วยลดต้นทุนของงาน VFX ได้ถึงครึ่งหนึ่ง

“ถ้าเราอยากเห็นหนังแบบ Dune, Dune: Part Two, หรือหนังของผมเองที่ใช้ CG หนัก ๆ ต่อไป เราต้องหาทางลดต้นทุนให้ได้ครึ่งหนึ่ง… ไม่ใช่การไล่คนออกครึ่งบริษัทนะ แต่คือการเร่งความเร็วในการทำงาน ทำให้จบไวขึ้น ทำให้ศิลปินมีเวลาทำอย่างอื่นต่อได้มากขึ้น — นั่นคือภาพที่ผมมองไว้”

A.J.Style

https://variety.com/2025/film/news/james-cameron-terminator-apocalypse-ai-weapons-1236480849/

07/08/2025

จงเดินอย่าได้หยุด จนกว่าจะรอด เป็นคนสุดท้าย
ดูตัวอย่างล่าสุด #เกมเดินมรณะ

สร้างจากนิยายสยองขวัญของ ‘สตีเวน คิง’
ต่อยอดจินตนาการความระทึกโดยผู้กำกับ
‘ฟรานซิส ลอว์เรนซ์’ จากแฟรนไชส์
The Hunger Games

เมื่อวัยรุ่น 100 คนจากทั่วประเทศ ถูกเกณฑ์ให้เข้าร่วม
การแข่งขันประจำปีในชื่อ ‘เกมเดินมรณะ’
โดยมีกติกาง่ายๆ คือ ‘อย่าเดินช้ากว่าสามไมล์ต่อชั่วโมง’
ทุกก้าวเดิมพันด้วยชีวิต และผู้ชนะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

https://youtu.be/rK9vOCmxS-I

THE LONG WALK | เกมเดินมรณะ
18 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

04/08/2025

Tom Holland พูดถึงกระแสข่าวลือบทบาท James Bond:
“มันคือจุดสูงสุดของอาชีพในวงการนี้”
Tom Holland นักแสดงหนุ่มผู้รับบท Spider-Man ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวลือที่ว่าเขาอาจจะได้รับบทเป็น James Bond คนต่อไป

แม้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าใครจะรับบท 007 ในภาพยนตร์ Bond ภาคใหม่ของ Amazon MGM Studios ซึ่งจะกำกับโดย Denis Villeneuve (ผู้กำกับ Dune) และเขียนบทโดย Steven Knight (Peaky Blinders) แต่มีรายชื่อนักแสดงหลายคนที่ถูกคาดการณ์ว่าจะได้รับบทนี้ — หนึ่งในนั้นก็คือ Holland

ล่าสุดขณะที่ Holland ให้สัมภาษณ์กับ Gordon Ramsay เชฟชื่อดัง ก็ถูกถามตรง ๆ เกี่ยวกับข่าวลือเรื่อง James Bond
เขาตอบด้วยรอยยิ้มว่า:

“ตอนนี้ยังเป็นแค่กระแสนะครับ เก็บไว้เป็นเรื่องเล็ก ๆ ก่อน เราคงไปถึงจุดนั้นสักวันแหละ”
Ramsay ถามต่อแบบจริงจังว่า “ลองนึกภาพดูสิว่าชีวิตคุณจะเปลี่ยนแค่ไหนถ้าได้เล่นบทนี้... คุณคงอยากได้โอกาสนั้นใช่ไหม?”
นักแสดงจาก The Devil All the Time ก็ตอบว่า:

“ผมคิดว่านักแสดงชาวอังกฤษทุกคนก็คงคิดเหมือนกัน เพราะมันคือจุดสูงสุดของอาชีพในวงการนี้ ผมรู้สึกโชคดีมากที่ได้มาอยู่จุดนี้ ผมไม่เคยฝันเลยว่าจะได้มีอาชีพแบบที่ผมมีทุกวันนี้”
นักแสดงคนอื่นที่ถูกคาดการณ์ว่าจะได้เป็น Bond คนใหม่เช่นกัน ได้แก่ Aaron Taylor-Johnson และ Tom Hardy โดย Pierce Brosnan อดีต James Bond เคยบอกกับ The Hollywood Reporter เมื่อเดือนมิถุนายนว่าเขาคิดว่า Tom Hardy เหมาะจะเป็น 007 และก่อนหน้านี้ในปีนี้ เขายังแสดงความเห็นสนับสนุน Taylor-Johnson ด้วย
สำหรับโปรเจกต์ที่ยืนยันแล้วของ Holland คือภาพยนตร์ Spider-Man ภาคที่ 4 ในชื่อ Spider-Man: Brand New Day ซึ่งจะเริ่มถ่ายทำในอังกฤษภายในเดือนนี้ โดย The Hollywood Reporter รายงานว่า Mark Ruffalo จะกลับมารับบท Bruce Banner / The Hulk ในภาคนี้ด้วย โดยมีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 31 กรกฎาคม 2026

A.J.Style

https://www.hollywoodreporter.com/movies/movie-news/tom-holland-james-bond-speculation-1236336138/

ดาราภาพ Starpics

09/08/2025

09/08/2025

09/08/2025

08/08/2025

08/08/2025

08/08/2025

08/08/2025

08/08/2025

07/08/2025

07/08/2025

07/08/2025

04/08/2025

ที่อยู่

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ทางลัด

แชร์

ประเภท