เว็บไซต์คืออะไร?

Nextwider

nextwider.com เว็บไซต์บทความข่าวสารด้านเทคโนโลยี

11/07/2025

09/07/2025

05/07/2025

05/07/2025

โปแลนด์ประกาศจัดซื้อรถถังหลัก (Main Battle Tank: MBT) ฮุนได เค ทู แบล็ก แพนเธอร์ (Hyundai K2 Black Panther) จากเกาหลีใต้เพิ่มเติมในงบประมาณ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 2 แสนล้านบาท ซึ่งสื่อคาดว่างบที่ตั้งไว้สำหรับการจัดซื้อรถถังรุ่นดังกล่าว 180 คัน

ข้อมูลรถถังเกาหลีใต้ K2 Black Panther

K2 Black Panther เป็นรถถังยุคล่าสุด (Fourth Generation) ที่เกาหลีใต้พัฒนาขึ้นมาเองในประเทศตั้งแต่ปี 1995 - 2008 เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของกองทัพเกาหลีใต้ ตัวรถมีหน้ากว้าง 3.6 เมตร สูง 2.4 เมตร ความยาว (รวมระยะถึงปากลำกล้องปืนใหญ่) 10.8 เมตร น้ำหนักรวม 55 ตัน

รถถังรุ่นนี้ใช้ทหารประจำรถ 3 นาย ได้แก่ ผู้บัญชาการประจำรถ พลขับ และพลปืนใหญ่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล Hyundai Infracore กำลัง 1,500 แรงม้า ความเร็วสูงสุดบนทางราบ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมถังน้ำมันขนาด 1,296 ลิตร วิ่งได้ไกลสุด 450 กิโลเมตร

พื้นผิวด้านนอกตัวรถถังติดตั้งเกราะวัสดุผสม (Composite armor) ที่มีส่วนผสมของเซรามิกปนอยู่ มาพร้อมปืนใหญ่ลำกล้องเรียบ Hyundai WIA CN08 ขนาด 120 มิลลิเมตร ยิงได้สูงสุด 40 นัด ปืนรองเป็น ปืนกลหนัก ขนาด .50 BMG รุ่น K6 บรรจุ 3,200 นัด และปืนกล 7.62×51 มม. มาตรฐาน NATO จำนวน 12,000 ลำ

โปแลนด์กับรถถัง K2 Black Panther ของเกาหลีใต้

โดยดีเฟนซ์บล็อก (Defence Blog) สื่อด้านการทหารชื่อดัง ระบุว่า ในข้อตกลงมูลค่าประมาณ 194,000 ล้านบาท เกาหลีใต้จะให้รถถัง K2 จำนวน 63 คัน จากทั้งหมด 180 ประกอบขึ้นภายในประเทศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตรถถังให้กับโปแลนด์ ผ่านบริษัทร่วมทุนระหว่าง PGZ กลุ่มรัฐวิสาหกิจของโปแลนด์ กับฮุนได โรเท็ม (Hyundai Rotem) พร้อมกับแพ็กเกจบำรุงรักษาต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ในปี 2022 โปแลนด์ได้บรรลุข้อตกลงในการสั่งซื้ออาวุธต่าง ๆ จากเกาหลีใต้ มูลค่ารวม 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 712,000 ล้านบาท โดยประกอบไปด้วยรถถังหลัก K2 Black Panter จำนวน 180 คัน ปืนใหญ่อัตตาจร (self-propelled howitzer) แบบ K9 212 กระบอก เครื่องบินขับไล่แบบ FA-50 จำนวน 48 ลำ นอกจากนี้ โปแลนด์ยังเป็นประเทศเดียวในโลกที่ไม่รวมผู้ผลิตซึ่งสั่งซื้อรถถัง K2 Black Panther เข้าประจำการอีกด้วย

#รถถัง #เกาหลีใต้ #โปแลนด์ #อาวุธ #กองทัพบก #ทหาร

05/07/2025

นักบินอวกาศนิโคล เอเยอร์ส (Nichole “Vapor” Ayers) บันทึกภาพสไปรต์สีแดงเหนืออเมริกาเหนือ

เมื่อคืนวันที่ 3 กรกฎาคม พันโท นิโคล เอเยอร์ส นักบินอวกาศสังกัดองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NASA) ได้แชร์ภาพปรากฏการณ์สไปรต์สีแดงที่บันทึกไว้จากสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ขณะโคจรเหนือเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา

ภาพความละเอียดสูงเผยให้เห็นแสงสีน้ำเงินอมม่วงเรืองแสงรอบยอดเมฆฝนคะนอง พร้อมเสาสีแดงสดใสพุ่งทะยานขึ้นไปในชั้นมีโซสเฟียร์ ซึ่งนับเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ Transient Luminous Event (TLE) ที่นักวิทยาศาสตร์เฝ้าสังเกตการณ์

ณ ปัจจุบัน เอเยอร์สและลูกเรือคนอื่น ๆ กำลังปฏิบัติภารกิจ ISS Expedition 73 โดยรับผิดชอบการทดลองทางวิทยาศาสตร์หลายด้าน ตั้งแต่การศึกษาปฏิกิริยาของจุลินทรีย์ในสภาพไร้น้ำหนัก ไปจนถึงการตรวจวัดพลังงานไฟฟ้าในชั้นบรรยากาศ

🔵 สไปรต์ (Sprite) คืออะไร?

สไปรต์ (Sprite) คือปรากฏการณ์แสงสว่างชั่วคราวเหนือเมฆฝนฟ้าคะนองที่จัดอยู่ในกลุ่ม Transient Luminous Events (TLE) เกิดขึ้นที่ชั้นมีโซสเฟียร์ (Mesosphere) ของโลก บริเวณความสูงประมาณ 50-90 กิโลเมตรเหนือยอดเมฆคิวมูโลนิมบัส ลักษณะเป็นแสงสีแดงหรือชมพูเรืองแสงเป็นรูปคล้ายร่างแห (Carrot sprite) และเส้นใย (Tendrils) ซึ่งจะปรากฏให้นักวิจัยเห็นเพียงไม่กี่มิลลิวินาทีเท่านั้น

สาเหตุสำคัญมาจากสนามไฟฟ้าเชิงควาซิ-สเตติก (Quasi-electrostatic field) ที่เกิดขึ้นทันทีหลังการปล่อยประจุบวกของฟ้าผ่าลงสู่พื้น สนามไฟฟ้านี้จะเร่งอิเล็กตรอนไปชนกับโมเลกุลไนโตรเจน ทำให้ไนโตรเจนในบรรยากาศปลดปล่อยแสงในช่วงคลื่นสีแดง

การบันทึกสไปรต์ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจสมดุลไฟฟ้าและพลวัตของชั้นบรรยากาศชั้นบน รวมถึงประเมินผลกระทบต่อระบบสื่อสารและการบิน รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในชั้นโอโซนและไอโอโนสเฟียร์ได้ดียิ่งขึ้นโดยไม่มีข้อจำกัดจากสภาพอากาศหรือมลภาวะทางแสงบนพื้นโลก

ภาพล่าสุดของนักบินอวกาศเอเยอร์สได้รับความสนใจอย่างล้นหลามบนโซเชียลมีเดีย มียอดวิวมากกว่า 2.7 ล้านครั้ง ภายในไม่กี่วัน นับเป็นหลักฐานชัดเจนว่าการสังเกตจากอวกาศยังคงมอบความตื่นตาตื่นใจและองค์ความรู้ใหม่ ๆ ให้กับชุมชนนักวิทยาศาสตร์และประชาชนทั่วไปเสมอครับ