สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปราจีนบุรี

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปราจีนบุรี องค์กรสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมในการประชาสัมพันธ์ "สื่อสร้างสรรค์ รู้เท่าทันดิจิทัล"

✍️ จังหวัดปราจีนบุรี เตรียมพร้อมจัดกิจกรรม “แสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 11 เฉลิมพระเกียรติ”...
22/09/2025

✍️ จังหวัดปราจีนบุรี เตรียมพร้อมจัดกิจกรรม “แสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 11 เฉลิมพระเกียรติ”📌

👉 วันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2568 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมเพ็ญนภาฯ ชั้น 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี นายชนาธิป โคกมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมและรายงานความก้าวหน้าโครงการ “แสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 11 เฉลิมพระเกียรติ” ได้รับมอบจาก นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี

👉 การประชุมครั้งนี้มี พ.ญ.อรรัตน์ จันทร์เพ็ญ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และภาคีเครือข่าย ร่วมติดตามการดำเนินงาน โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นต่อเนื่องทั่วประเทศเป็นปีที่ 11 ภายใต้แนวคิด “ออกกำลังเป็นนิสัย ห่างสโตรก (No Stop No STROKE)” เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมอง และรณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง

👉 สำหรับจังหวัดปราจีนบุรี กำหนดจัดกิจกรรมพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน 2568 ณ ป่านันทนาการน้ำตกเขาอีโต้ ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี โดยจะมีทั้งกิจกรรมเดิน วิ่ง และปั่นจักรยาน เพื่อส่งเสริมการมีสุขภาพกายและสุขภาพสมองที่แข็งแรงของประชาชนในพื้นที่.

#จังหวัดปราจีนบุรี #เดินวิ่งปั่น #ป้องกันอัมพาต

📰 รองผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี นำทีมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมบ้านพักเด็กฯ พร้อมมอบสิ่งของช่วยเหลือเพื่อการดูแลเด็กและครอบครัว📌วันที่ ...
22/09/2025

📰 รองผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี นำทีมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมบ้านพักเด็กฯ พร้อมมอบสิ่งของช่วยเหลือเพื่อการดูแลเด็กและครอบครัว

📌วันที่ 22 กันยายน 2568 เวลา 16.00 น. นางจารุณี กาวิล รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมด้วยคณะจาก เหล่ากาชาดจังหวัดปราจีนบุรี และ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปราจีนบุรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ตลอดจนเยาวชนและครอบครัวที่อยู่ในความดูแล

👉ในการนี้ คณะฯ ได้ร่วมกัน มอบสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องใช้ในครัวเรือน และของใช้ส่วนตัว เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของบ้านพักฯ และบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้รับบริการ

👉การตรวจเยี่ยมครั้งนี้เป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายด้านสังคมของจังหวัดปราจีนบุรี โดยเน้นการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเด็กและครอบครัวในพื้นที่

#จังหวัดปราจีนบุรี
#บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดปราจีนบุรี
#เหล่ากาชาดจังหวัดปราจีนบุรี
#สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปราจีนบุรี

📰 รองผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี ลงพื้นที่ติดตามนักเรียนทุน ม.ท.ศ. รุ่นที่ 17 เยี่ยมบ้าน-ดูแลใกล้ชิด📌วันที่ 22 กันยายน 2568 เวลา ...
22/09/2025

📰 รองผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี ลงพื้นที่ติดตามนักเรียนทุน ม.ท.ศ. รุ่นที่ 17 เยี่ยมบ้าน-ดูแลใกล้ชิด

📌วันที่ 22 กันยายน 2568 เวลา 13.30 น. นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี มอบหมายให้ นางจารุณี กาวิล รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมด้วยคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกฯ ลงพื้นที่ ติดตามและตรวจเยี่ยมนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาพระราชทาน ม.ท.ศ. รุ่นที่ 17 ประจำปี 2568 เพื่อประเมินด้านการเรียน ความประพฤติ และการใช้ชีวิตประจำวันของนักเรียนทุน

👉การลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้เยี่ยมชมทั้ง วิทยาลัยเทคนิคปราจีนบุรี และ โรงเรียนปราจีนกัลยาณี รวมถึง บ้านพักของนักเรียนผู้ได้รับทุน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และติดตามการดำเนินชีวิตของนักเรียนอย่างใกล้ชิด

👉สำหรับปีนี้ จังหวัดปราจีนบุรีได้รับการคัดเลือกให้นักเรียนรับทุนพระราชทานฯ จำนวน 2 ราย ได้แก่
▪ นายธนกร มิศิลา นักศึกษาชั้น ปวช.1 จากวิทยาลัยเทคนิคปราจีนบุรี
▪ นางสาวศดานันท์ นามมะหนอง นักเรียนชั้น ม.4 จากโรงเรียนปราจีนกัลยาณี

👉ทั้งนี้ เหล่ากาชาดจังหวัดปราจีนบุรี และ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปราจีนบุรี ได้ร่วมสนับสนุน โดยมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคและเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่นักเรียนทุนทั้งสองราย เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระ และส่งเสริมให้นักเรียนสามารถศึกษาต่อได้อย่างเต็มศักยภาพ

📚 ทุนการศึกษาพระราชทานในโครงการ “ทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” (ม.ท.ศ.) ก่อตั้งขึ้นตามพระราชดำริของ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อมอบโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชนไทยที่มีความประพฤติดี ขาดแคลนทุนทรัพย์ แต่มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการเรียน และประสงค์จะศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือสายอาชีพ ดำเนินงานภายใต้มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานฯ โดยเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2552 และสืบเนื่องต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยใช้ชื่อรุ่นว่า "ม.ท.ศ." ซึ่งย่อมาจากชื่อพระนามาภิไธยของพระองค์ เป้าหมายของโครงการคือ สร้างโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม ส่งเสริมศักยภาพเยาวชน และปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม เพื่อนำไปสู่การเป็นพลเมืองดีของประเทศชาติในอนาคต

#จังหวัดปราจีนบุรี
#ทุนการศึกษาพระราชทาน
#มทศ

🪖ทหาร - ชาวบ้าน ร่วมใจสามัคคีช่วยซ่อมแซมบ้านให้ครอบครัวกำลังพลที่เสียสละปกป้องประเทศ‼️📌(21 ก.ย. 68) พ.ท.ศรายุทธ มาลาสาย ...
22/09/2025

🪖ทหาร - ชาวบ้าน ร่วมใจสามัคคีช่วยซ่อมแซมบ้านให้ครอบครัวกำลังพลที่เสียสละปกป้องประเทศ‼️

📌(21 ก.ย. 68) พ.ท.ศรายุทธ มาลาสาย ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 23 จัดกำลังพลชุดช่าง เข้าให้การสนับสนุนร่วมกับผู้นำชุมชนและชาวบ้าน ร่วมกันช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านให้กับครอบครัว พลทหาร อดิศร ป้อมกลาง กำลังพลของหน่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ “เหยียบทุ่นระเบิด” ในพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ โดยการก่อสร้างในปัจจุบัน เป็นความร่วมมือและพร้อมใจกันระหว่าง ทหาร ส่วนราชการ และผู้นำชุมชน รวมถึงผู้ประกอบการในทุกภาคส่วนที่ได้ให้การสนับสนุนในด้านต่าง ๆ โดยการก่อสร้างจะเร่งดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อที่กำลังพลและครอบครัวจะได้เข้าพักฟื้นร่างกายและจิตใจได้อย่างสะดวกสบายต่อไป ตอบแทนกำลังพลและครอบครัว ที่ได้เสียสละปฏิบัติหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ จนทำให้ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้

📌(21 ก.ย. 68) ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน จังหวัดสุรินทร์ นายแทนชล ชุมเกษียร ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอพนมดงรักที่ 16 กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายบ้านเรือนประชาชน สถานศึกษา และพบปะเยี่ยมเยียน สร้างขวัญกำลังใจให้แก่ครอบครัวผู้ประสบภัย จากเหตุการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ในพื้นที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์

#รวมใจไทยหนึ่งเดียว

📬อุตุฯ เตือน เหนือ กลาง อีสาน ตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ถึง 27 ก.ย.‼️📌กรมอุตุนิยมวิท...
22/09/2025

📬อุตุฯ เตือน เหนือ กลาง อีสาน ตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ถึง 27 ก.ย.‼️

📌กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเตือนในช่วงวันที่ 22 – 27 ก.ย. 68 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 14 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม ฉะเชิงเทรา และอำนาจเจริญ ส่งผลกระทบ 72,032 ครัวเรือน 246,152 คน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย กรมชลประทาน เตรียมเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เป็น 500–650 ลบ.ม./วินาที ทำให้น้ำสูงขึ้น 1.50–1.80 ม. อาจล้นตลิ่งในพื้นที่ต่ำของจังหวัดสระบุรี ลพบุรี และพระนครศรีอยุธยา ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ สำนักงานเจ้าท่าพระนครศรีอยุธยาได้แจ้งให้ผู้ประกอบการขนส่งทางน้ำ ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ คนประจำเรือ เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ และหากมีการเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนตั้งแต่ 2,500 ลบ.ม./วินาทีขึ้นไปจะสั่งให้ผู้ประกอบการเดินเรือหยุดการจราจรทางน้ำงดการขนส่งทางน้ำไปก่อนเพื่อความปลอดภัย ส่วนที่ อ.หล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้เร่งดำเนินการซ่อมแซมพนังกั้นน้ำที่พังเสียหาย คาดเสร็จภายใน 24 ชั่วโมง ขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย โดยได้เตรียมพร้อมบุคลากร เครื่องจักรกลสาธารณภัย รองรับสถานการณ์ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ตลอด 24 ชม. ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

👉กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเตือนช่วงวันที่ 22 – 25 ก.ย. บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ส่วนในช่วงวันที่ 26 – 27 ก.ย. ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เนื่องจากร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง
👉สำหรับพายุไต้ฝุ่น “รากาซา (RAGASA)” ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 185 กม./ชม. กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ในวันที่ 22 ก.ย.จากนั้นจะเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกไปทางเกาะฮ่องกง แล้วเคลื่อนตัวใกล้แนวชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศจีน ผ่านเกาะไหหลำ ลงสู่อ่าวตังเกี๋ยต่อไป โดยพายุนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน ก่อนที่จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน โดยคาดว่าจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่เสริมลงมาปกคลุมในช่วงวันที่ 24–26 ก.ย. 68 แต่ในช่วงที่ศูนย์กลางของพายุอยู่ในทะเลจีนใต้ตอนบน จะทำให้ร่องมรสุม และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น จากอิทธิพลดังกล่าวเป็นอิทธิพลทางอ้อมของพายุ จะทำให้ในช่วงวันที่ 23–26 ก.ย.. 68 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่บริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคอีสาน ภาคกลางตอนบน ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
👉ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มต่ำ น้ำท่วมขังในชุมชนเมือง ต้องเฝ้าระวัง คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง และติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
👉(22 ก.ย. 68) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์อุทกภัย ปัจจุบันมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 14 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม ฉะเชิงเทรา และอำนาจเจริญ จำนวน 56 อำเภอ 348 ตำบล 1,934 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 72,032 ครัวเรือน 246,152 คน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย (จ.เพชรบูรณ์ พิจิตร พระนครศรีอยุธยา)
📌จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายพีรธร นาคสุข ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาอยุธยา เปิดเผย หลังการประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ ในการเดินเรือโดยแจ้งให้ผู้ประกอบการขนส่งทางน้ำ ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ คนประจำเรือ หากมีการเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนตั้งแต่ 2,500 ลบ.ม./วินาทีขึ้นไป (ปัจจุบันระบายน้ำที่ 2,200 ลบ.ม./วินาที) จะสั่งให้ผู้ประกอบการเดินเรือหยุดการจราจรทางน้ำ งดการขนส่งทางน้ำไปก่อนเพื่อความปลอดภัย และกำชับให้เรือลากจูงในแม่น้ำเจ้าพระยา ระมัดระวังในการเดินเรือ เนื่องจากขาขึ้นเป็นเรือหนักวิ่งสวนน้ำ ได้ปรับให้เหลือ 3 พ่วงของล่องเป็นเรือเบาให้วิ่งหลีกกัน ส่วนการควบคุมการจราจรเพิ่มความเข้มงวดให้ติดตามสถานการณ์น้ำทุกวันตามท่าเทียบเรือต่าง ๆ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ประจำคอยดูแลความปลอดภัย โดยเฉพาะเด็กนักเรียนช่วงเช้าและช่วงเลิกเรียน เนื่องจากกระแสน้ำเริ่มแรง
👉ด้านศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ น้ำในเขื่อน 729 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) (76%) น้ำไหลเข้า 673 ลบ.ม./วินาที เพื่อควบคุมระดับน้ำให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์จะทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำจาก 500 - 650 ลบ.ม./วินาที (ปัจจุบันระบายน้ำ 400 ลบ.ม./วินาที เป็น 500 ลบ.ม./วินาที) โดยวันที่ 24 ก.ย. 68 ระบายน้ำ 550 ลบ.ม./วินาที 25 ก.ย. 68 ระบายน้ำ 600 ลบ.ม./วินาที และ 26 ก.ย. 68 ระบายน้ำ 650 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำแม่น้ำป่าสักจะสูงขึ้นราว 1.50–1.80 ม. อาจล้นตลิ่งในพื้นที่ต่ำ เช่น ตลาดน้ำต้นตาล อ.เสาไห้
จ.สระบุรี ต.แสลงพัน อ.วังม่วง จ.สระบุรี ต.แก่งเสือเต้น ต.หินซ้อน อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ชุมชนวัดสะตือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
👉สำหรับการใช้พื้นที่ทุ่งบางระกำ จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นแก้มลิงหน่วงน้ำจากลุ่มน้ำยม ช่วยบรรเทาน้ำหลากในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง กรมชลประทาน รายงานว่าปัจจุบันสามารถกักเก็บน้ำได้แล้ว 397 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 99 ของความจุ (400 ล้าน ลบ.ม.)
👉สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำรวม 59,804 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 78 ของความจุอ่างฯ รวมทั้งหมด ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 16,700 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะในลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกัน 20,548 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 83 ของความจุอ่างฯ และยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 4,300 ล้าน ลบ.ม. นอกจากนี้ ยังให้ติดตามและบริหารจัดการน้ำอย่างใกล้ชิดในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำเกินเกณฑ์ควบคุม (Upper Rule Curve: URC) จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก เขื่อนแม่มอก จ.ลำปาง เขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร เขื่อนน้ำพุง จ.สกลนคร เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น เขื่อนบางพระ จ.ชลบุรี และเขื่อนนฤบดินทรจินดา จ.ปราจีนบุรี
📌จังหวัดเพชรบูรณ์ นายศรัณยู มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้มอบหมายให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพชรบูรณ์ สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเพชรบูรณ์ อ.หล่มสัก และเทศบาลเมืองหล่มสัก เร่งดำเนินการซ่อมแซมพนังกั้นน้ำที่พังเสียหาย ดำเนินการเคลียร์พื้นที่หลังระดับน้ำลดลง โดยวางแนวเสาไฟฟ้าแนวนอน 2 ต้น ระยะทางประมาณ 108 เมตร เสริมด้วยแบริเออร์และถุงทรายบิ๊กแบ็ค คาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 24 ชั่วโมง
👉นายธงชัย เสนาะศรีตระกูล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพชรบูรณ์ รายงานสถานการณ์น้ำท่วม อ.หล่มสัก ภาพรวมเริ่มคลี่คลาย หลังได้รับผลกระทบตั้งแต่ 19 ก.ย. 68 ครอบคลุม 7 ตำบล 1 เทศบาล 51 หมู่บ้าน/ชุมชน 5,858 ครัวเรือน ผู้ประสบภัย 14,267 คน ได้เคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบาง แจกอาหารและน้ำดื่ม อย่างไรก็ตาม ทางอำเภอได้แจ้งกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ได้เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรกลสาธารณภัย รองรับสถานการณ์ เพื่อให้พร้อมเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ตลอด 24 ชม.
👉ขณะที่ กองพันทหารม้าที่ 28 กองพลทหารม้าที่ 1 นำกำลังพลจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” ร่วมบูรณาการกับเทศบาลเมืองหล่มสักและส่วนราชการ เจ้าหน้าที่กู้ภัย เข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ อ.หล่มสัก หลังพนังกั้นน้ำเสียหาย โดยอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่และขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ส่วนราชการในพื้นที่ได้ร่วมกันทำพนังกั้นน้ำชั่วคราว ปัจจุบันระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์วิกฤต (ธงแดง) หากไม่มีฝนตกทำให้น้ำเข้ามาเพิ่มเติมคาดว่า 3-4 วันจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
👉สำหรับประชาชนขอให้ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” และสายด่วนนิรภัย โทร. 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ทุกที่ ทุกเวลา

#อุตุเตือนเหนือกลางอีสานตะวันออกระวังอันตรายจากฝนตกหนัก22-27กันยายน #กรมอุตุนิยมวิทยา #กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย #กระทรวงมหาดไทย #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง

✨จังหวัดปราจีนบุรี จัดโครงการ “ผู้ว่าฯ พาเข้าวัด หิ้วปิ่นโต แต่งผ้าไทย” ส่งเสริมคุณธรรม – อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย👉วันที่ 22 ...
22/09/2025

✨จังหวัดปราจีนบุรี จัดโครงการ “ผู้ว่าฯ พาเข้าวัด หิ้วปิ่นโต แต่งผ้าไทย” ส่งเสริมคุณธรรม – อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย

👉วันที่ 22 กันยายน 2568 เวลา 08.00 น. นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เป็นประธานในโครงการผู้ว่าฯ พาเข้าวัด หิ้วปิ่นโต แต่งผ้าไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 นำพุทธศาสนิกชนร่วมกันทำบุญตักบาตรในวันพระ โดยมีนางจารุณี กาวิล และนายชนาธิป โคกมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่และพุทธศาสนิกชน เข้าร่วมกิจกรรม ณ วัดเกาะเค็ดนอก ตำบลไม้เค็ด อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี

📍โครงการ “ผู้ว่าฯ พาเข้าวัด หิ้วปิ่นโต แต่งผ้าไทย” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมแก่ข้าราชการและประชาชน โดยน้อมนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาพัฒนาจิตใจและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน กิจกรรมประกอบด้วย การแต่งกายด้วยผ้าไทย การหิ้วปิ่นโต เข้าวัดทำบุญตักบาตรในวันพระ มุ่งปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามให้คงอยู่คู่สังคมไทยตลอดไป

#ผู้ว่าฯพาเข้าวัด
#สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปราจีนบุรี
#จังหวัดปราจีนบุรี

📮“อนุทิน” มอบอำนาจกองทัพตัดสินใจ เปิด-ปิดด่าน สร้างรั้ว จะไม่เจรจาหากกัมพูชายังใช้โล่มนุษย์สร้างความวุ่นวาย 🪖‼️📌สถานการณ...
22/09/2025

📮“อนุทิน” มอบอำนาจกองทัพตัดสินใจ เปิด-ปิดด่าน สร้างรั้ว จะไม่เจรจาหากกัมพูชายังใช้โล่มนุษย์สร้างความวุ่นวาย 🪖‼️

📌สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงมีความตึงเครียดโดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ที่ชาวกัมพูชายังนำเด็ก ผู้หญิง พระสงฆ์ รวมตัวก่อความวุ่นวายไม่จบสิ้น โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ได้มอบอำนาจให้กองทัพตัดสินใจเปิด-ปิดด่าน และการสร้างรั้วแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ส่วนรัฐบาลจะดำเนินการด้านการทูตและเงื่อนไขการเจรจาต่าง ๆ พร้อมยืนยันว่า จะไม่มีการเจรจาใด ๆ ทั้งสิ้น หากกัมพูชายังคงใช้การกดดันด้วยการใช้โล่มนุษย์สร้างความวุ่นวายมีการติดอาวุธและด่านชายแดนจะปิดต่อไป นอกจากนี้กรณีที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ประท้วงไทยที่ใช้กฎหมายภายในประเทศกับพลเมืองกัมพูชา พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่าพื้นที่เกิดเหตุอยู่ในเขตประเทศไทย อย่างชัดเจน ไทยจึงมีอำนาจใช้กฎหมายกับผู้รุกล้ำได้และยังเป็นกัมพูชาเองที่ละเมิดข้อตกลงต่าง ๆ ปล่อยให้มีการก่อสร้างอาคาร สถานที่ บ้านเรือนชุมชน ทั้งในเขตพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์และในเขตพื้นที่อธิปไตยไทย แม้ฝ่ายไทยจะประท้วงตามข้อกำหนด MOU 2000 ไปกว่า 500 ครั้ง แต่ฝ่ายกัมพูชากลับเพิกเฉยและไม่ยอมแก้ไขมากว่า 20 ปี อีกทั้งยังยืนยันว่าหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC ที่ทั้งสองฝ่ายลงนาม ฝ่ายไทยยึดหลักการทำงานตามกรอบ JBC และข้อตกลง MOU 2000 เสมอมา ในขณะที่กัมพูชาระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการปักปันเขตแดนในพื้นที่จริง แต่กัมพูชาปล่อยประชาชนของตนเองรุกล้ำดินแดนของประเทศไทย ยิ่งชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลง MOU 2000 มาตลอด พร้อมเรียกร้องกัมพูชาหยุดบิดเบือนความจริง และให้ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเขตแดนไทยย้ายออกนอกพื้นที่

📌(21 ก.ย. 68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ระบุว่า ได้มอบอำนาจให้กองทัพตัดสินใจเรื่องการเปิด-ปิดด่าน และการสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เคารพการตัดสินใจของฝ่ายการทหาร ส่วนรัฐบาลจะดำเนินการทางการทูต และเงื่อนไขที่ต้องเจรจาต่าง ๆ ขอย้ำว่าเราไม่ยอมรับเงื่อนไข แต่กัมพูชาต้องยอมรับเงื่อนไขเราเท่านั้น จึงจะดำเนินการเรื่องอื่นต่อไปได้ ซึ่งอยากให้มีความชัดเจนเรื่องนี้ ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่มีใครสามารถมาล็อบบี้ตนเองได้ จะทำเพื่อประโยชน์ของคนไทยและประเทศไทยเท่านั้น ดังนั้นจะไม่มีการต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น จนกว่าเขาจะรับเงื่อนไขที่เราตั้งไว้
👉ส่วนการจัดการของรัฐบาล เนื่องจากยังมีอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินวนอยู่รอบภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นเรื่องการทหารขอให้ทหารตัดสินใจ อยากปักธงไทยตรงไหน ขอให้ไปปักให้คนไทยได้ชื่นใจ ในที่ที่เป็นของคนไทย ขอให้ทหารนำแผ่นดินทุกตารางนิ้วที่กัมพูชารุกล้ำกลับมาเป็นของคนไทย จะสนับสนุนเต็มที่ ส่วนบริเวณพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ที่ยังคงมีเหตุก่อกวน ใช้โล่มนุษย์ของกัมพูชา นั้น ก่อนจะมีการเจรจากัน สิ่งเหล่านี้ต้องถอนตัวออกไปให้หมดเสียก่อน จะไม่มีการเจรจาในระหว่างที่มีการกดดัน มีการติดอาวุธ มีโล่มนุษย์ ด่านชายแดนจะปิดต่อไป นอกจากนี้อาจจะเพิ่มมาตรการควบคุมหากสามารถทำได้
👉จากที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2568 ระบุว่า กัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงและคัดค้านอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลไทย เกี่ยวกับเจตนาที่จะใช้กฎหมายภายในประเทศของไทยกับพลเมืองกัมพูชาในหมู่บ้านโจกเจย และหมู่บ้านไปรจัน ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย โดยมีรายละเอียดกล่าวหาฝ่ายไทยว่า ฝ่ายไทยอ้างสิทธิ์ใช้กฎหมายภายในประเทศกับพลเมืองกัมพูชาในพื้นที่พิพาท โดยการอ้างสิทธิดังกล่าวของไทยละเมิดพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ (มาตรา 2 (3) และ 2 (4)) เป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 ว่าด้วยการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ขัดต่ออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ขอเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรมที่บ่อนทำลายความพยายามลดความตึงเครียด ตามข้อตกลงหยุดยิง
👉พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า ฝ่ายไทยมีสิทธิและหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศกับบุคคลที่อยู่ในเขตดินแดนของไทย ซึ่งเป็นหลักการสากลที่ทุกประเทศยอมรับ และขอยืนยันว่าพื้นที่ที่ฝ่ายไทยอาจจำเป็นต้องดำเนินการก่อนนั้น ไม่ได้อยู่ในเขตของพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ อย่างที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือน แต่อยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทยอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักอธิปไตยของรัฐ
👉ส่วนเรื่องพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ ในมาตรา 2(3) ที่ได้ระบุไว้ว่า “รัฐสมาชิกต้องระงับ
ข้อพิพาทระหว่างประเทศด้วยวิธีสันติ เพื่อไม่ให้สันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศตกอยู่ในอันตราย” นั้น ในความเป็นจริงกลับพบว่าฝ่ายกัมพูชามักจะเป็นผู้ละเมิด อย่างกรณีการปลุกปั่น จัดฉาก ใช้ประชาชนมาเป็นผู้สร้างสถานการณ์ความรุนแรง
👉ส่วนในมาตรา 2(4) ที่ระบุว่า “รัฐสมาชิกต้องละเว้นจากการคุกคามหรือการใช้กำลังต่อบูรณภาพแห่งดินแดน” กลับเป็นฝ่ายกัมพูชาอีกเช่นกันที่เป็นผู้ละเมิด อย่างกรณีการรุกรานรุกล้ำอธิปไตยไทย ด้วยการนำกำลังทหารพร้อมอาวุธมาวางกำลังในดินแดนอธิปไตยไทย และการแอบลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ในดินแดนอธิปไตยไทย แม้ว่าจะมีข้อตกลงหยุดยิงแล้วก็ตาม
👉กรณีที่กล่าวหาว่าเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 ว่าด้วยการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ขัดต่ออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมนั้น ต่อกรณีนี้เป็นฝ่ายกัมพูชาอีกเช่นกันที่เป็นผู้ละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 ด้วยการละเลย ไม่จริงใจ ปล่อยให้มีการก่อสร้างอาคาร สถานที่ บ้านเรือนชุมชน ทั้งในเขตพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ และในเขตพื้นที่อธิปไตยของไทย ฝ่ายไทยได้ทำการประท้วงตามข้อกำหนด MOU 2000 จำนวนกว่า 500 ครั้งตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา แต่ฝ่ายกัมพูชาเพิกเฉยและไม่ยอมแก้ไขมากว่า 20 ปี
👉จึงขอยืนยันว่าฝ่ายไทยมีเจตนาที่จะแก้ไขปัญหาชายแดนโดยสันติวิธี โดยจะไม่ใช้กำลังรุกรานใคร การดำเนินการในสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นนั้น อยู่ภายใต้กรอบกติกาสากลและกฎหมายไทย เพื่อรักษาอธิปไตย และปกป้องตนเองจากการคุกคามของฝ่ายกัมพูชา
👉นอกจากนี้ กองทัพบกยังได้ชี้แจงข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42–43 เป็นไปตามกรอบ JBC พร้อมเรียกร้องกัมพูชาหยุดบิดเบือนความจริง และให้ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเขตไทยย้ายออกนอกพื้นที่
👉กรณีสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการชายแดนกัมพูชา แถลงการณ์วันที่ 21 กันยายน 2568 ว่า พบการเผยแพร่ข้อมูลผ่านบัญชี page ชื่อ “Royal Thai Army: Update” เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 โดยใช้แผนผังที่แสดงลักษณะภูมิศาสตร์และตำแหน่งหลักเขตแดน ซึ่งเป็นบันทึกการประชุมลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2017 (พ.ศ. 2560) และภาคผนวกของบันทึกการประชุมลงวันที่ 28 ธันวาคม 2016 (พ.ศ. 2559) ของคณะกรรมการรังวัดร่วมกัมพูชา–ไทย ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจหาตำแหน่งที่แท้จริงของหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข 43 ในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน โดยมีการบิดเบือนให้เข้าใจผิดไปว่า คณะผู้บริหารของสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการพรมแดน ได้ลงนามยอมรับเส้นเขตแดนอย่างเป็นทางการในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน ซึ่งอยู่ระหว่างหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข 43
👉โดยกล่าวว่า เอกสารดังกล่าวที่เป็นเพียงแบบร่างแสดงลักษณะภูมิศาสตร์และตำแหน่งพิกัดหลักเขตแดนของบันทึกฯ และภาคผนวกจากการประชุมในอดีต เพื่อสำรวจหาตำแหน่งที่แท้จริงของหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข 43 ที่ปักไว้ในสมัยฝรั่งเศสเท่านั้น ไม่ใช่แผนที่หรือเอกสารที่ใช้ยืนยันเส้นเขตแดนแต่อย่างใด โดยการนำแบบร่างฯ ในข้างต้นมาวาดเส้นปลอมแปลงเป็นเส้นเขตแดนบนแผนที่ เพื่อจงใจบิดเบือนสร้างความเข้าใจผิดว่าเป็นเส้นเขตแดนจริง อีกทั้งที่กล่าวถึงพื้นที่บ้านไปรจัน ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างหลักเขตแดน 42 และ 43 เป็นพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงกันเกี่ยวกับการปักปันเขตแดนในพื้นที่จริง และจะต้องได้รับการแก้ไขโดยคณะกรรมการปักปันเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission : JBC) กัมพูชา-ไทย
👉กรณีดังกล่าว พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวพบว่า เป็นข้อมูลจากเอกสารบันทึกผลการสำรวจร่วมไทย-กัมพูชา ในการค้นหาสภาพและที่ตั้งของหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 เอกสารลงนามโดย พันเอก ชาคร บุญภักดี ผู้อำนวยการกองแผนและโครงการ กรมแผนที่ทหาร (ฝ่ายไทย) และ นายลาย เซียงลี ผู้อำนวยการกองเทคนิคและการสำรวจฯ (ฝ่ายกัมพูชา) โดยบันทึกฉบับนี้จัดทำขึ้น ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 มีบันทึกขั้นตอนการค้นหาที่ตั้งที่ถูกต้องของหลักเขตแดนในภูมิประเทศ
👉ซึ่งหากดูจากเอกสารบันทึกประชุมฯ ดังกล่าวพบว่า โดยเนื้อหาหลัก ๆ จะเป็นเพียงการนำพิกัดหลักเขตแดนที่ได้ในเอกสาร ไปทำภาพจำลองเส้นเขตแดนบนแผนที่แบบไม่เป็นทางการ เพื่อความเข้าใจในเบื้องต้น ด้วยการลากเส้นเชื่อมโยงระหว่างจุดพิกัดต่าง ๆ ที่ได้มา ให้ปรากฏเห็นเป็นเส้นจำลองให้เห็นเป็นภาพคร่าว ๆ ซึ่งโดยทั่วไปเมื่อทราบพิกัดตำแหน่งทางภูมิศาสตร์แล้ว ก็จะสามารถพล็อตพิกัดลงบนแผนที่ที่มีในท้องตลาดทั่วไปได้ จึงไม่ใช่เรื่องบิดเบือนอย่างที่กล่าวหา
👉อีกทั้งข้อมูลในเพจไม่ได้ระบุยืนยันเป็นเส้นเขตแดน เพราะในระบบที่เป็นทางการ เรื่องเส้นเขตแดนนั้นจะอยู่ในกลไกของคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทย-กัมพูชา (JBC) แต่สิ่งสำคัญที่ได้จากการดำเนินการสำรวจหลักเขตในอดีตที่กล่าวมานั้น เป็นสิ่งที่แสดงได้อย่างชัดเจนว่าฝ่ายไทยยึดหลักการทำงานตามกรอบของ JBC และข้อตกลง MOU 2000 เสมอมา แม้ว่าขั้นตอนในการสำรวจหลักเขตตาม TOR ปี พ.ศ. 2546 ของ JBC จะยังไม่สมบูรณ์ทุกขั้นตอน แต่พิกัดหลักเขตที่ 42 และ 43 รวมถึงหลักเขตอื่น ๆ ตามบันทึกที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับนั้น สามารถใช้เฉพาะพิกัดตำแหน่งที่ได้ไปอ้างอิงใช้ประกอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ในเบื้องต้น
👉จากที่กัมพูชากล่าวว่า พื้นที่บ้านไปรจัน ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างหลักเขตแดนเลขที่ 42 และ 43 เป็นพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงกันเกี่ยวกับการปักปันเขตแดนในพื้นที่จริง นั้น คำถามคือ แล้วประชาชนกัมพูชาเข้าไปรุกล้ำดินแดนของประเทศไทยไปไกลลึกขนาดนั้นได้อย่างไร จึงยิ่งชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลง MOU 2000 มาตลอดที่ผ่านมา และรุกล้ำขยายจนออกนอกพื้นที่อ้างสิทธิ์เข้ามาในเขตไทย ตามที่ฝ่ายไทยได้ประท้วงและเรียกร้องมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสามารถตรวจสอบจากภาพถ่ายทางอากาศได้อย่างชัดเจน
👉ยืนยันว่า ฝ่ายไทยปฏิบัติตามกลไก JBC และ MOU 2000 มาโดยตลอด จึงไม่จำเป็นที่ฝ่ายกัมพูชาจะออกมาเรียกร้องให้ไทยดำเนินการในเรื่องนี้ สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาควรแก้ไขคือ หยุดขยายชุมชนรุกล้ำดินแดนไทยซึ่งถือเป็นการละเมิด MOU 2000 และแจ้งให้ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเขตไทยย้ายออกนอกพื้นที่ ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วได้ประกาศไว้ เหมาะสมกว่าที่จะมาสร้างเรื่องบิดเบือนความจริง
👉ซึ่งในวันที่ 21 ก.ย. 68 ยังได้เกิดเหตุความตึงเครียดที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 12 กองกำลังบูรพา ยืนยันว่าเมื่อเวลา 16.30 น. ประชาชนชาวกัมพูชาประมาณ 100 - 200 คน ที่เดินทางมารวมตัวกันที่เพิงพักใกล้หลักเขตแดน 46 บ้านโจกเจย อำเภอโอโจลโร จังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ทั้งทหารและตำรวจฝ่ายปกครองเตรียมความพร้อมอย่างเข้มงวด โดยล่าสุดชาวกัมพูชาได้ล่าถอยเดินทางกลับที่พักอาศัยคงเหลืออยู่ภายในเพิงพักดังกล่าวเพียงเล็กน้อย
👉เช่นเดียวกันกับที่บ้านเปยจัน อำเภอโอโจลโร จังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านหนองหญ้าแก้ว ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ชาวกัมพูชาอยู่ที่ลวดหนามป้องกันความปลอดภัยบริเวณที่เกิดเหตุการณ์ตึงเครียดเมื่อหลายวันที่ผ่านมา ช่วงเวลา 16.00 น. มีประมาณ 80-100 คน รวมตัวกันอยู่ในเพิงพักใกล้ลวดหนามที่ฝ่ายไทยวางไว้แต่ไม่มีการเคลื่อนไหว โดยสถานการณ์ยังคงตึงเครียดเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา ซึ่งจากการสังเกตการณ์ของเจ้าหน้าที่ทหารที่ประจำอยู่ตามลวดหนามป้องกันความปลอดภัยตลอดทั้งวันมีชาวกัมพูชาเข้ามาในพื้นที่ทั้งบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้วหลายร้อยคน แต่ไม่ได้แสดงท่าทีรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยแต่อย่างใด ที่น่าสังเกตมีเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชา และข้าราชการมาคอยสังเกตการณ์อยู่เบื้องหลังตลอดเวลา ส่วนทางฝั่งไทยนั้นเตรียมกำลังพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง

#อนุทินมอบกองทัพตัดสินใจเปิดปิดด่านสร้างรั้ว #อนุทินย้ำไม่เจรจาหากกัมพูชายังใช้โล่มนุษย์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #กระทรวงกลาโหม #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง

พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า (22 ก.ย. 68):  ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก บึงกา...
22/09/2025

พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า (22 ก.ย. 68): ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก บึงกาฬ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง

สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” (RAGASA) บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ในวันนี้ (22 ก.ย. 68) คาดว่า ในช่วงวันที่ 25 – 26 ก.ย. 68 จะเคลื่อนตัวลงสู่อ่าวตังเกี๋ยและขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังตามลำดับ อิทธิพลชองพายุนี้จะทำให้ร่องมรสุมและมรสุมที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้นในช่วงดังกล่าว

พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า: ในช่วงวันที่ 22 – 25 ก.ย. บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น

ส่วนในช่วงวันที่ 26 – 28 ก.ย. ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เนื่องจากร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง

ในช่วงวันที่ 22 – 23 ก.ย. และ 26 – 28 ก.ย. คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 24 – 25 ก.ย. คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ข้อควรระวัง: ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ตลอดช่วง
ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 24 – 25 ก.ย.

สถานการณ์แผ่นดินไหว(ช่วงวันที่ 21 - 22 ก.ย. 68): ตรวจพบเหตุการณ์แผ่นดินไหว
ขนาด 3.1 มีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศเมียนมา ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทยแต่อย่างใด

📬กองทัพบกชี้แจงปมกัมพูชาประท้วงไทย ย้ำพื้นที่อยู่ในเขตไทย ไม่ใช่พื้นที่พิพาท📌กรณีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาออกแถลงการณ์...
21/09/2025

📬กองทัพบกชี้แจงปมกัมพูชาประท้วงไทย ย้ำพื้นที่อยู่ในเขตไทย ไม่ใช่พื้นที่พิพาท

📌กรณีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาออกแถลงการณ์ เมื่อ 20 ก.ย. 68 ระบุว่า “กัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงและคัดค้านอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลไทย เกี่ยวกับเจตนาที่จะใช้กฎหมายภายในประเทศของไทยกับพลเมืองกัมพูชาในหมู่บ้านโจกเจย และหมู่บ้านไปรจัน ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย โดยมีรายละเอียดกล่าวหาฝ่ายไทยว่า

👉ฝ่ายไทยอ้างสิทธิ์ใช้กฎหมายภายในประเทศกับพลเมืองกัมพูชาในพื้นที่พิพาท โดยการอ้างสิทธิดังกล่าวของไทยละเมิดพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ (มาตรา 2(3) และ 2(4)) เป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 ว่าด้วยการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ขัดต่ออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ขอเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรมที่บ่อนทำลายความพยายามลดความตึงเครียด ตามข้อตกลงหยุดยิง

👉พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงต่อกรณีนี้ว่า ฝ่ายไทยมีสิทธิและหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศกับบุคคลที่อยู่ในเขตดินแดนของไทย ซึ่งเป็นหลักการสากลที่ทุกประเทศยอมรับ และขอยืนยันว่าพื้นที่ที่ฝ่ายไทยอาจจำเป็นต้องดำเนินการก่อนนั้น ไม่ได้อยู่ในเขตของพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ อย่างที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือน แต่อยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทยอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักอธิปไตยของรัฐ

👉ส่วนเรื่องพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ ในมาตรา 2(3) ที่ได้ระบุไว้ว่า “รัฐสมาชิกต้องระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศด้วยวิธีสันติ เพื่อไม่ให้สันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศตกอยู่ในอันตราย” นั้น ในความเป็นจริงกลับพบว่าฝ่ายกัมพูชามักจะเป็นผู้ละเมิด อย่างกรณีการปลุกปั่น จัดฉาก ใช้ประชาชนมาเป็นผู้สร้างสถานการณ์ความรุนแรง

👉ส่วนในมาตรา 2(4) ที่ระบุว่า “รัฐสมาชิกต้องละเว้นจากการคุกคามหรือการใช้กำลังต่อบูรณภาพแห่งดินแดน” กลับเป็นฝ่ายกัมพูชาอีกเช่นกันที่เป็นผู้ละเมิด อย่างกรณีการรุกรานรุกล้ำอธิปไตยไทย ด้วยการนำกำลังทหารพร้อมอาวุธมาวางกำลังในดินแดนอธิปไตยไทย และการแอบลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ในดินแดนอธิปไตยไทย แม้ว่าจะมีข้อตกลงหยุดยิงแล้วก็ตาม

👉สำหรับกรณีที่กล่าวหาว่าเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 ว่าด้วยการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ขัดต่ออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมนั้น ต่อกรณีนี้เป็นฝ่ายกัมพูชาอีกเช่นกันที่เป็นผู้ละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 ด้วยการละเลย ไม่จริงใจ ปล่อยให้มีการก่อสร้างอาคาร สถานที่ บ้านเรือนชุมชน ทั้งในเขตพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ และในเขตพื้นที่อธิปไตยของไทย ฝ่ายไทยได้ทำการประท้วงตามข้อกำหนด MOU 2000 จำนวนกว่า 500 ครั้งตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา แต่ฝ่ายกัมพูชาเพิกเฉยและไม่ยอมแก้ไขมากว่า 20 ปี

👉สำหรับกรณีที่กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรมที่บ่อนทำลายความพยายามลดความตึงเครียด ตามข้อตกลงหยุดยิงนั้น ต่อกรณีนี้อีกเช่นกันที่เป็นฝ่ายกัมพูชาเองที่เป็นผู้สนับสนุนและดำเนินการแบบไม่เปิดเผย เพื่อให้มีกิจกรรมการชุมนุมของประชาชนในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ด้วยท่าทีที่ก้าวร้าว และมีการใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยในเขตอธิปไตยของไทย จนมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย

👉จึงขอยืนยันว่าฝ่ายไทยมีเจตนาที่จะแก้ไขปัญหาชายแดนโดยสันติวิธี โดยจะไม่ใช้กำลังรุกรานใคร การดำเนินการในสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นนั้น อยู่ภายใต้กรอบกติกาสากลและกฎหมายไทย เพื่อรักษาอธิปไตย และปกป้องตนเองจากการคุกคามของฝ่ายกัมพูชา

………………………………..

ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก โดยทีมโฆษกกองทัพบก, 21 กันยายน 2568

#กองทัพบก

ที่อยู่

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปราจีนบุรี ถนนสุวินทวงศ์ ตำบลไม้เค็ด
Prachin Buri
25230

เวลาทำการ

จันทร์ 08:30 - 16:30
อังคาร 08:30 - 16:30
พุธ 08:30 - 16:30
พฤหัสบดี 08:30 - 16:30
ศุกร์ 08:30 - 16:30

เบอร์โทรศัพท์

+6637454058

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปราจีนบุรีผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปราจีนบุรี:

แชร์