สวท.ระนอง AM 783 KHz

สวท.ระนอง AM 783 KHz สื่อสาธารณะ

“ภูมิธรรม” สั่งติดตามพายุ “คาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเตือนภัยอย่างทั่วถึง กู้ภัยอย่างทันการณ์ พายุ “คาจิกิ” ที่อ่อนกำ...
01/09/2025

“ภูมิธรรม” สั่งติดตามพายุ “คาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเตือนภัยอย่างทั่วถึง กู้ภัยอย่างทันการณ์
พายุ “คาจิกิ” ที่อ่อนกำลังเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ได้เคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณภาคเหนือตอนบนแล้ว ทำให้บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่
โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในการประชุมคณะรัฐมนตรี ให้กรมอุตุนิยมวิทยา และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้การแจ้งเตือนภัยทั่วถึงและเหมาะสม รวมถึงการกู้ภัยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทันการณ์
ขณะที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ประกาศปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบริเวณลานสน เป็นการชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ทางด้านกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตาม 6 มาตรการ คือ
1.ให้พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม เปิดศูนย์ปฏิบัติการสาธารณสุข (EOC) ระดับเขตและจังหวัด
2.ตรวจสอบความพร้อมของโรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยง
3.จัดระบบส่งต่อผู้ป่วยในกรณีที่โรงพยาบาลถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถให้บริการได้
4.เตรียมทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข
5.เฝ้าระวังโรคและภัยสุขภาพที่มากับน้ำท่วม
6.สื่อสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารการป้องกันโรคและภัยสุขภาพที่มากับน้ำท่วมถึงประชาชนอย่างต่อเนื่อง
#พายุคาจิกิ #พยากรณ์อากาศ

📌ครม. อนุมัติงบกลาง 2,900 ล้านบาท สนับสนุนกองทุนประชารัฐสวัสดิการ ดูแลผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อเนื่องปี 2568คณะรัฐมน...
01/09/2025

📌ครม. อนุมัติงบกลาง 2,900 ล้านบาท สนับสนุนกองทุนประชารัฐสวัสดิการ ดูแลผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อเนื่องปี 2568

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 2,900 ล้านบาท ให้กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสรรสวัสดิการให้แก่ผู้มีสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ อย่างต่อเนื่องในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ซึ่งผู้มีสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 จำนวน 13.45 ล้านคน โดยสวัสดิการครอบคลุมค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น วงเงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคและวัตถุดิบทางการเกษตร ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม ค่าเดินทางระบบขนส่งสาธารณะ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา และเงินเพิ่มเบี้ยความพิการ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 กองทุนฯ มียอดคงเหลือ 6,556 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน 2568 เฉลี่ยเดือนละ 4,720 ล้านบาท รวมเป็นวงเงิน 9,440 ล้านบาท ทำให้กองทุนฯ มีความจำเป็นต้องขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 2,900 ล้านบาท เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและยกระดับคุณภาพชีวิตคนพิการซึ่งเป็นผู้มีสิทธิฯ ให้มีความต่อเนื่องในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

#ครมอนุมัติงบกลาง2900ล้านบาทดูแลผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อเนื่องปี2568 #คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม #กระทรวงการคลัง #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง

ครม. อนุมัติ 6.1 หมื่นล้าน รักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก และช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง-นาปี ปี 68/69 ไร่ละ 1,000 บ...
24/08/2025

ครม. อนุมัติ 6.1 หมื่นล้าน รักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก และช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง-นาปี ปี 68/69 ไร่ละ 1,000 บาท

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2568/69 วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 61,697 ล้านบาท จากเงินทุนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และงบประมาณรายปี แบ่งเป็น 1.โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวนาปี 45,399 ล้านบาท เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางเกษตรกร/สถาบันการเกษตร 3 ล้านตัน พร้อมจ่ายค่าฝาก–เก็บรักษา 1,500 บาทต่อตัน 2.โครงการสินเชื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่ม 15,656 ล้านบาท สนับสนุนสถาบันเกษตรกรแปรรูป/จำหน่ายข้าว 1.5 ล้านตัน และ 3.โครงการชดเชยดอกเบี้ยผู้ค้าข้าว 642 ล้านบาท สำหรับเก็บสต๊อกข้าว 4 ล้านตัน เพื่อดูดซับในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก พร้อมกันนี้ ครม. ยังอนุมัติ โครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว วงเงินรวม 45,204 ล้านบาท ได้แก่ ช่วยเหลือข้าวนาปรัง ปี 2568 วงเงิน 7,287 ล้านบาท ช่วยเหลือข้าวนาปี 2568/69 วงเงิน 37,917 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ ลดค่าใช้จ่ายในการเพาะปลูกข้าว โดยเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนจะได้รับเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท ผ่านการโอนตรงเข้าบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

#ครมอนุมัติ6.1หมื่นล้านรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก #โครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังนาปีไร่ละ1000บาท #กระทรวงพาณิชย์ #กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง

ครม. อนุมัติโครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้า น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ รับซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว เสริมความมั่นคงด้านพลังงาน         (19 ...
24/08/2025

ครม. อนุมัติโครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้า น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ รับซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว
เสริมความมั่นคงด้านพลังงาน

(19 ส.ค. 68) คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เดินหน้าโครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าบริเวณจังหวัดน่าน แพร่ และอุตรดิตถ์ วงเงินลงทุนรวม 26,220 ล้านบาท เพื่อรองรับการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (NPUP) ได้แก่ โครงการหลวงพระบางและปากแบง ตามนโยบายรัฐที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และสอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP2018 Rev.1)

โครงการแบ่งดำเนินการ 2 ระยะ ครอบคลุมการก่อสร้างและขยายสถานีไฟฟ้าแรงสูง รวมถึงสายส่ง 500 กิโลโวลต์เชื่อมโยงชายแดนไทย–ลาว น่าน เด่นชัย ร้องกวาง และท่าวังผา มีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2574 เพื่อเสริมความมั่นคงพลังงานและลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในระยะยาว
ด้านเงินทุน กฟผ. จะจัดหาโดยใช้รายได้ขององค์กรและเงินกู้จากสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการออกพันธบัตร โดยกำหนดสัดส่วนรายได้ กฟผ. 25% และแหล่งเงินทุนอื่น 75%

แม้การลงทุนจะทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าขายส่งเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (0.51 สตางค์/หน่วย) แต่ยืนยันว่าจะ ไม่กระทบต่อค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องจ่าย เนื่องจากขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้อง

ผลการประเมินชี้ว่าโครงการนี้คุ้มค่า มีอัตราผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) ร้อยละ 17.89 และอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) ร้อยละ 19.15 โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ กฟผ. สภาพัฒน์ฯ และการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้วเรียบร้อย ✅

#ครมอนุมัติโครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าน่านแพร่อุตรดิตถ์ #รับซื้อไฟฟ้าจากลาวเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน #การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย #กระทรวงพลังงาน #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานสายรัดห้ามเลือด (Tourniquet) จำนวน ๙๐๐...
17/08/2025

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานสายรัดห้ามเลือด (Tourniquet) จำนวน ๙๐๐ ชุด อย่างเร่งด่วนแก่ทหารแนวหน้า เพื่อใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินในสนามรบ

ในฐานะที่ทรงเป็นทั้งพระอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทความรู้แก่เหล่าทหาร และทรงดำรงพระยศเป็น “พลเอก” แห่งกองทัพบกไทย พระองค์จึงทรงตระหนักถึงภารกิจอันหนักหน่วงของทหารกล้า และทรงมีพระราชหฤทัยห่วงใยในสวัสดิภาพของกำลังพลทุกนายอยู่เสมอ
แม้คลื่นลมเบื้องหน้าดูสงบ แต่ใต้ท้องมหาสมุทรยังคงปั่นป่วน การเตรียมความพร้อมจึงต้องดำเนินไปอย่างเข้มข้น เพราะเป้าหมายสำคัญยิ่งกว่าชัยชนะ คือ การที่ทหารทุกนายจะต้องมีชีวิตรอดกลับบ้านอย่างปลอดภัย 🏠🇹🇭

💣 ภัยจากทุ่นระเบิดที่ถูกฝังอย่างไร้มนุษยธรรมในพื้นที่ฝั่งไทยโดยฝ่ายตรงข้าม อาจทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บเสียเลือดอย่างรุนแรง และอาจเสียชีวิตได้ภายในเวลาเพียง ๒-๓ นาที ก่อนที่จะสามารถนำส่งไปยังหน่วยพยาบาล

🩸 สายรัดห้ามเลือด (Tourniquet) คือ อุปกรณ์ที่ใช้รัดรอบแขนหรือขาเพื่อหยุดการไหลเวียนของเลือดไปยังบริเวณนั้น โดยทั่วไปแล้วจะใช้ในกรณีฉุกเฉินเมื่อมีการบาดเจ็บรุนแรงและเสียเลือดมาก การใช้สายรัดห้ามเลือดควรทำโดยผู้ที่มีความรู้และได้รับการฝึกฝนมาเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอันตรายเพิ่มเติม

🩺 ชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์ในภาวะสงครามพระราชทานนี้ จะติดตัวทหารทุกนาย เป็นทั้งกำลังใจและเครื่องมือช่วยชีวิตในภาวะวิกฤติ เพื่อให้พ้นจากอันตรายและได้กลับสู่ครอบครัวอย่างปลอดภัย

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพ : Promedic Thailand
#ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด
#กรมสมเด็จพระเทพฯ
#พระราชทานสายรัดห้ามเลือด

แถลงการณ์สำนักพระราชวังเรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรรา...
17/08/2025

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง
เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดาทรงพระประชวร ฉบับที่ ๔

********************************************

ตามที่สำนักพระราชวัง ได้มีแถลงการณ์ เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา
นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงพระประชวรหมดพระสติ
ด้วยพระอาการทางพระหทัย และทรงเข้ารับการรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มาตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ความทราบทั่วกันแล้วนั้น
คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา ฯ ได้รายงานเพิ่มเติมว่า คณะแพทย์ได้ถวายพระโอสถและเครื่องมือเพื่อช่วยการทำงานของพระปัปผาสะ (ปอด) และพระวักกะ (ไต) มาโดยตลอด คณะแพทย์ตรวจพบการติดเชื้อเป็นครั้งคราว ซึ่งได้ถวายพระโอสถปฏิชีวนะเพื่อรักษาพระอาการติดเชื้อดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ ๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เป็นต้นมา คณะแพทย์ตรวจพบว่าทรงมีการติดเชื้อที่รุนแรงและเข้าในกระแสพระโลหิต ทำให้ต้องถวายพระโอสถปฏิชีวนะหลายขนานร่วมกัน รวมทั้งถวายพระโอสถกระตุ้นความดันพระโลหิต เพื่อรักษาความดันพระโลหิตให้คงที่ คณะแพทย์ยังคงถวายการรักษาอย่างเต็มที่ และติดตามพระอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป

จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
สำนักพระราชวัง
๑๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

💂🏻องค์จอมทัพไทยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามและติดตามเหตุการณ์กับแม่ทัพภาคที่ ๒ ...
17/08/2025

💂🏻องค์จอมทัพไทย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามและติดตามเหตุการณ์กับแม่ทัพภาคที่ ๒ ทุกวัน ทั้งทรงเป็นกำลังใจให้เหล่าทหารแนวหน้าทุกนาย

#ทรงพระเจริญ
#สืบสานรักษาต่อยอด
#องค์จอมทัพไทย

Cr. เพจพระลาน

อบจ.ระนอง ร่วมคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดระนอง เปิดโครงการส่งเสริมด้านการศาสนาอิสลาม ประจำปี 2568(15 สิงหาคม 2568) นายห...
17/08/2025

อบจ.ระนอง ร่วมคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดระนอง เปิดโครงการส่งเสริมด้านการศาสนาอิสลาม ประจำปี 2568

(15 สิงหาคม 2568) นายหมาดสะ หมานหนำ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดระนอง เป็นประธานในพิธีเปิด โดยมี นายสีหราช สรรพกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง กล่าวรายงาน นายอิศมาแอล หาญจิตร นายกเทศมนตรีตำบลกำพวน เป็นผู้กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง นายกษิดิ์เดช ทองชู นายอำเภอสุขสำราญ หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลกำพวน คณะกรรมการอิสลามจังหวัดระนอง แขกผู้มีเกียรติ พี่น้องชาวมุสลิมเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ณ โรงเรียนบ้านกำพวน ตำบลกำพวน อำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง

นายสีหราช สรรพกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเทิดพระเกียรติ สดุดี และการเผยแพร่จริยวัตรของพระศาสดาฯ และทำให้ประชาชนได้ร่วมมือกับทางราชการในการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ซึ่งภารกิจดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง ที่จะต้องดำเนินการเกี่ยวกับการส่งเสริมจารีต ประเพณี วัฒนธรรมของท้องถิ่นให้คงอยู่ตลอดไปให้เป็นที่รู้จักแก่บุคคลทั่วไปอย่างแพร่หลายขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้

1. เพื่อเทิดพระเกียรติ สดุดี และเผยแพร่จริยวัตรของท่านศาสดานบีมูฮำหมัดศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวซัลลัม ในเชิงวิชาการในรูปแบบต่าง ๆ ให้ประชาชนได้รับทราบ
2. เพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างทางราชการกับผู้นำระดับท้องถิ่นของศาสนาอิสลามได้ปฏิบัติภารกิจร่วมกันและเกิดผลดีต่อชุมชนและประเทศชาติตามวิถีทางของศาสนาอิสลาม
3. เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่กิจกรรมทางศาสนาอิสลาม และกิจกรรมขององค์กรมุสลิมให้เป็นที่รับรู้ของพี่น้องร่วมชาติ อันจะทำให้เป็นความเข้าใจอันดีระหว่างผู้ที่นับถือศาสนาต่างกัน
4. เพื่อให้ผู้นับถือศาสนาอิสลามมีความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับชีวประวัติของท่านศาสดานบีมูฮำหมัดศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวซัลลัม

การดำเนินโครงการส่งเสริมด้านการศาสนาอิสลาม ประจำปี 2568 ได้จัดขึ้นเป็นปีที่สี่ สำหรับปีนี้ได้กำหนดจัดขึ้น ในระหว่างวันที่ 15 – 16 สิงหาคม 2568 ณ โรงเรียนบ้านกำพวน ตำบลกำพวน อำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง โดยมีเป้าหมายให้ผู้เข้าร่วมโครงการส่งเสริมด้านการศาสนาอิสลาม ได้ร่วมกันส่งเสริมและเผยแพร่กิจกรรมทางศาสนาอิสลาม และกิจกรรมขององค์กรมุสลิมให้เป็นที่รับรู้ของพี่น้องร่วมชาติ อันจะทำให้เป็นความเข้าใจอันดีระหว่างผู้ที่นับถือศาสนาต่างกันในส่วนของจังหวัด ทั้งนี้ภายในงานได้จัดให้มีกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ

1. การจัดนิทรรศการให้ความรู้ด้านการศาสนาอิสลาม
2. การแข่งขันตอบปัญหาภาคศาสนา
3. การแข่งขันขับร้องอาซาน
4. การแข่งขันอ่านพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน

เทศบาลเมืองระนองร่วมสร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัวนำสมาชิกครอบครัวพื้นที่ตำบลเขานิเวศน์ จำนวน 70 คน จาก 20 ครอบครัว เข...
17/08/2025

เทศบาลเมืองระนองร่วมสร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัวนำสมาชิกครอบครัวพื้นที่ตำบลเขานิเวศน์ จำนวน 70 คน จาก 20 ครอบครัว เข้าร่วมกิจกรรมค่ายครอบครัวสัมพันธ์ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในครอบครัว

(16 ส.ค. 68) เวลา เวลา 10.00 น. เทศบาลเมืองะนอง จัดโครงการเสริมสร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัว ด้วยกิจกรรมค่ายครอบครัวสัมพันธ์ ประจำปี 2568 ในกิจกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุ โดย นายสมชาย สายบัว รองนายกเทศมนตรีเมืองระนอง เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย สมาชิกสภา หัวหน้าส่วนราชการ และสมาชิกชุมชนในเขตเทศบาลเมืองระนองเข้าร่วม ณ ห้องประชุมภูธารารีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดระนอง

นายสมชาย สายบัว รองนายกเทศมนตรีเมืองระนอง กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในครอบครัว สร้างความรักความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสมาชิกในครอบครัว เพื่อปลูกฝังวิถีดำเนินชีวิตที่ดีของครอบครัว

กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วยสมาชิกครอบครัวในตำบลเขานิเวศน์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-17 ส.ค. 68 โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 20 ครอบครัว รวม 70 คน/////

เทศบาลเมืองระนองพัฒนาศักยภาพชุมชนยุคใหม่  ด้วยการประชุมพัฒนาศักยภาพของผู้นำชุมชนให้มีบทบาทการเป็นผู้นำ ให้เกิดความรู้ ทั...
17/08/2025

เทศบาลเมืองระนองพัฒนาศักยภาพชุมชนยุคใหม่ ด้วยการประชุมพัฒนาศักยภาพของผู้นำชุมชนให้มีบทบาทการเป็นผู้นำ ให้เกิดความรู้ ทักษะ ร่วมกันแก้ไขปัญหาชุมชนของตนเองและท้องถิ่น

นายพินิจ ตันกุล นายกเทศมนตรีเมืองระนอง เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสัมมนาเพื่อพัฒนาศักยภาพชุมชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ที่ ห้องประชุมชาราวดี เฮอริเทจแกรนคอนแวนชั่น อำเภอเมือง จังหวัดระนอง มีประธานชุมชน คณะกรรมการชุมชน 20 ชุมชน พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วม

นายพินิจ ตันกุล นายกเทศมนตรีเมืองระนอง ประธานในพิธีกล่าวว่า เทศบาลเมืองระนองในฐานะที่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีความใกล้ชิดกับประชาชน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในบทบาท หน้าที่ของคณะกรรมการชุมชน จึงได้จัดทำโครงการประชุมสัมมนาเพื่อพัฒนาศักยภาพชุมชน กิจกรรม “พัฒนาศักยภาพชุมชนยุคใหม่”

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพของผู้นำชุมชนให้เกิดความรู้ เสริมสร้างภาวะผู้นำทักษะ ทัศนคติที่ดีในการพัฒนา ร่วมกันแก้ไขปัญหาชุมชนของตนเองและท้องถิ่น รวมถึงเป็นการสร้างความสัมพันธ์ ความเข้าใจที่ดีต่อกันระหว่างหน่วยงานเทศบาลกับชุมชน โดยได้เชิญวิทยากรจากคลังนันทนาการมาให้ความรู้/////

ครม. ไฟเขียวงบ 1.84 หมื่นล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 2 เสริมแกร่ง SMEs ไทย-หนุนการศึกษา(5 ส.ค. 68) คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กร...
11/08/2025

ครม. ไฟเขียวงบ 1.84 หมื่นล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 2 เสริมแกร่ง SMEs ไทย-หนุนการศึกษา
(5 ส.ค. 68) คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลัง ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เสนอ ดังนี้

1. รับทราบมติคณะกรรมการฯ ในคราวการประชุมครั้งที่ 4/2568 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 โดยรายงานความคืบหน้าการขอรับจัดสรรและผลการอนุมัติจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท (โครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 และการมอบหมายคณะอนุกรรมการกำกับและติดตามผลการดำเนินงานตามแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ระยะที่ 2

2. เห็นชอบข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ระยะที่ 2 ของกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (กองทุนเพิ่มขีดความสามารถฯ) และกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) รวมวงเงินไม่เกิน 18,488.3679 ล้านบาท โดยอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) และ กยศ. นำโครงการที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ภายในกรอบวงเงิน 18,488.3679 ล้านบาท เป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยให้พร้อมรับมือการแข่งขันทางเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการขึ้นภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐอเมริกา และเพื่อพัฒนาทุนมนุษย์ในกลุ่มนักเรียนและนักศึกษา ซึ่งจะเป็นการรองรับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยชะลอตัวในปี 2568 และเป็นการวางรากฐานการเติบโตของประเทศในระยะยาว โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

1. โครงการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย
1.1 หน่วยงานดำเนินโครงการ: กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
1.2 วัตถุประสงค์: เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยให้พร้อมรับมือการแข่งขันทางเศรษฐกิจโลก ดึงดูดและรักษาการลงทุนจากผู้ประกอบการรายใหญ่ในอุตสาหกรรมเป้าหมายด้วยการบรรเทาผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา และมาตรการภาษีส่วนเพิ่ม (Global Minimum Tax) และส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สร้างมูลค่าเพิ่ม พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีและพัฒนาบุคลากร โดยเน้นการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลและการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมใหม่ในระยะสั้น และสนับสนุนการวิจัย การพัฒนาทุนมนุษย์ และการลงทุนเพื่อยกระดับขีดความสามารถของประเทศในระยะยาว
1.3 กลุ่มเป้าหมาย: ผู้ประกอบการไทยที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีส่วนเพิ่ม (Global Minimum Tax) และ
ผู้ลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
1.4 งบประมาณ: 10,000 ล้านบาท โดยจัดสรรให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำหรับกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ

2. โครงการการลงทุนพัฒนาทุนมนุษย์ เพื่อรองรับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยอาจชะลอตัวในปี 2568
2.1 หน่วยงานดำเนินโครงการ: กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)
2.2 วัตถุประสงค์: เพื่อให้เงินกู้ยืมที่เป็นค่าครองชีพและค่าเล่าเรียน รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการครองชีพระหว่างศึกษา สำหรับนักเรียนและนักศึกษาที่เป็นผู้กู้ยืมเงินรายใหม่และผู้กู้ยืมเงินรายเก่า ซึ่งจะทำให้นักเรียนและนักศึกษาได้ศึกษาอย่างต่อเนื่อง ไม่พักการศึกษาหรือเลิกการศึกษาในปีการศึกษา 2568
2.3 กลุ่มเป้าหมาย: นักเรียนและนักศึกษาที่เป็นผู้กู้ยืมเงินรายใหม่และผู้กู้ยืมเงินรายเก่า รวมจำนวน 139,481 ราย
2.4 งบประมาณ: 8,488.3679 ล้านบาท

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวด้วยว่า ข้อเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ระยะที่ 2 เป็นไปตามหลักการและแนวทางการทบทวนการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน สำหรับเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของประเทศสหรัฐอเมริกา 3 ด้าน ได้แก่
(1) การรับมือกับผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจเติบโตในอัตราต่ำ
(2) การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ
(3) การพัฒนาทุนมนุษย์

ซึ่งข้อเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ระยะที่ 2 ให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการพัฒนาทุนมนุษย์ ทั้งนี้ ในระยะต่อไปคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจะพิจารณาโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อรองรับสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจต่อไป

#ครมไฟเขียวงบ1.84หมื่นล้านกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส2เสริมแกร่งSMEsไทยหนุนการศึกษา #กระตุ้นเศรษฐกิจเฟส2 #กระทรวงการคลัง #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง

ครม. อนุมัติเงินเยียวยาผู้เสียชีวิต เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ทหาร 10 ล้าน ประชาชน 8 ล้าน สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 สิงห...
11/08/2025

ครม. อนุมัติเงินเยียวยาผู้เสียชีวิต เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ทหาร 10 ล้าน ประชาชน 8 ล้าน

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เห็นชอบในหลักการให้ปรับเพิ่มเงินเยียวยาให้กับประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การปะทะบริเวณ 7 จังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา โดยได้มอบหมายให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นหน่วยหลักร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำหนดหลักเกณฑ์และอัตราเงินเยียวยาให้แก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวให้มีความเหมาะสมชัดเจน และให้นำผลการพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนในวันที่ 5 สิงหาคม 2568
(5 ส.ค. 68) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีเหตุการณ์สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอ โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้
1. เห็นชอบหลักเกณฑ์ให้เงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีเหตุการณ์สถานการณ์บริเวณชายแดน
ไทย - กัมพูชา นับตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ หากมีผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวเพิ่มเติม ให้หน่วยงานขอรับการจัดสรรงบฯ ตามขั้นตอนต่อไป
2. เห็นชอบกรอบอัตราเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ (ต่อราย) ดังนี้
- เจ้าหน้าที่รัฐ (เช่น ทหาร ทหารพราน ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน) เสียชีวิตและทุพพลภาพ รายละ10,000,000 บาท บาดเจ็บสาหัส (เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลและนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเกิน 20 วัน) รายละ 1,000,000 บาท บาดเจ็บมาก (เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลและนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่ 2 วันแต่ไม่เกิน 20 วัน) รายละ 500,000 บาท
- ประชาชน เสียชีวิตและทุพพลภาพ รายละ 8,000,000 บาท บาดเจ็บสาหัส รายละ 800,000 บาท บาดเจ็บมาก รายละ 400,000 บาท
3. เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีเหตุการณ์สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม - 2 สิงหาคม 2568 จำนวน 404,600,000 บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี และกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับบริจาคและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
สำหรับวงเงินเยียวยาในส่วนของเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวม 239,000,000 บาท แบ่งเป็น
- เสียชีวิตหรือทุพพลภาพ จำนวน 19 ราย คิดเป็นเงิน 190,000,000 บาท
- บาดเจ็บสาหัส จำนวน 19 ราย คิดเป็นเงิน 19,000,000 บาท
- บาดเจ็บมาก จำนวน 60 ราย คิดเป็นเงิน 30,000,000 บาท
วงเงินเยียวยาในส่วนของประชาชน รวม 165,600,000 บาท แบ่งเป็น
- เสียชีวิตหรือทุพพลภาพ จำนวน 17 ราย คิดเป็นเงิน 136,000,000 บาท
- บาดเจ็บสาหัส จำนวน 37 ราย คิดเป็นเงิน 29,600,000บาท
กรณีผู้ได้รับผลกระทบได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ไปส่วนหนึ่งแล้ว ให้นำจำนวนเงินที่ได้รับการเยียวยาไปแล้ว หักออกจากจำนวนเงินเยียวยาตามหลักเกณฑ์นี้
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมาเราเผชิญกับสถานการณ์ความรุนแรงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้อดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุ การนำเสนอข่าวปลอมที่ทำลายความไว้วางใจทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ที่สำคัญรัฐบาลยึดมั่นในการเลือกใช้แนวทางสันติวิธีภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ และตามหลักมนุษยธรรมมาโดยตลอด ขณะนี้เหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนได้สิ้นสุดลงแล้วในเบื้องต้น และได้เริ่มเข้าสู่การเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันผ่านการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee: GBC) ตามหลักสันติวิธี
รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวทุก ๆ ครอบครัว และพี่น้องประชาชนทุกคนในจังหวัดชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ซึ่งแม้ว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจะประเมินเป็นมูลค่าไม่ได้ แต่รัฐบาลจะขอผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อชดเชยความสูญเสียต่อชีวิต ทรัพย์สิน และรายได้ของประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบ คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติอนุมัติเงินเยียวยาดังกล่าว พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอมที่มุ่งหมายจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และความปลอดภัยของประชาชน

#ครมอนุมัติเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตเหตุชายแดนไทยกัมพูชาทหาร10ล้านประชาชน8ล้าน #ชายแดนไทยกัมพูชา
#สภาความมั่นคงแห่งชาติ #สำนักนายกรัฐมนตรี #กระทรวงกลาโหม #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง

ที่อยู่

101
Ranong
85000

เบอร์โทรศัพท์

+6677880883

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สวท.ระนอง AM 783 KHzผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง สวท.ระนอง AM 783 KHz:

แชร์