ทั่วไทย Report

ทั่วไทย Report เผยแพร่ ข่าวสาร ทั่วทุก ภูมิภาค

"มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง" จับมือ "กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย" ลงนามบันทึกความเข้าใจ ยกระดับ MOU ร่วมให้ความรู้ พร้อมหนุนงบป...
31/07/2025

"มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง" จับมือ "กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย" ลงนามบันทึกความเข้าใจ ยกระดับ MOU
ร่วมให้ความรู้ พร้อมหนุนงบประมาณด้านการฝึกอบรม และทีมบรรเทาสาธารณภัย อุปกรณ์ เครือข่ายการสื่อสาร รวมทั้งเตรียมพร้อมปฏิบัติการ บูรณาการการช่วยเหลือผู้ประสบภัยควบคู่กับการพัฒนาขีดความสามารถในระดับสากล ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ
(วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2568)
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ ในนามของผู้แทนประธานกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมด้วย ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ รองประธานกรรมการ ร่วมกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดย นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงนามบันทึกความเข้าใจ [MOU] ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผนึกกำลังทั้งทางด้านวิชาการ และการปฏิบัติการอันเป็นการบูรณาการการจัดการเพื่อเสริมสร้างศักยภาพขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครมูลนิธิฯ และเตรียมความพร้อมรับมือสาธารณภัยให้สามารถบริหารจัดการและปฏิบัติการตอบโต้เหตุฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมยกระดับขอบเขตหน้าที่ของมูลนิธิฯ อาทิ การร่วมกับทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการฝึกอบรมให้ความรู้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมสนับสนุนงบประมาณเครื่องมืออุปกรณ์ที่จำเป็นเพื่อรองรับการฝึกอบรม โดยมี นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เป็นผู้กล่าววัตถุประสงค์ พร้อมด้วยคณะกรรมการ และผู้บริหารของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ร่วมในพิธี ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ
นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ เปิดเผยว่า ในนามของมูลนิธิฮั่วเคี้ยวป่อเต็กเซี่ยงตึ๊ง หรือ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รู้สึกเป็นเกียรติและซาบซึ้งในความร่วมมืออันทรงคุณค่ายิ่ง ระหว่างมูลนิธิฯ กับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ตลอดระยะเวลา 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ดำเนินงานภายใต้ปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” โดยยึดมั่นในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที โดยไม่เลือกชนชั้น เชื้อชาติ วรรณะ และศาสนา ความร่วมมือในวันนี้จึงไม่เป็นเพียงพันธสัญญาเชิงรูปธรรม แต่ คือการสานต่อเจตนารมณ์ของมูลนิธิฯ ด้วยการยกระดับการบูรณาการภารกิจด้านบรรเทาสาธารณภัยไปสู่การช่วยเหลือระดับประเทศร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อพี่น้องประชาชนและสังคมส่วนรวม ซึ่งเชื่อมั่นว่า จะส่งผลต่อความรวดเร็ว ที่มีประสิทธิผล และความปลอดภัยในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของทั้งสองฝ่าย และเป็นไปเพื่อประโยชน์ด้านสาธารณะอันสูงสุด
นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์หลักของบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ คือการยืนยันว่า ทั้งสองฝ่ายจะให้ความร่วมมือกันในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งยินดีที่จะสนับสนุนและร่วมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยตามที่ได้รับแจ้งจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และในขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยก็ยินดีที่จะสนับสนุนองค์ความรู้ด้านวิชาการสาธารณภัย เพื่อเสริมสมรรถนะของเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตามบันทึกความเข้าใจนี้ ซึ่งถือเป็นการให้บริการสาธารณะ เพื่อประโยชน์ของผู้ประสบภัยและทางราชการร่วมกัน โดยขอบเขตหน้าที่ของมูลนิธิฯ ดิฉันได้กล่าวมาข้างต้นว่าฉบับนี้จะเป็นการยกระดับความร่วมมือ คือ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ด้านการฝึกอบรมเพื่อให้ความรู้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสนับสนุนบุคลากร พร้อมเครื่องมือ อุปกรณ์ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย
สำหรับความร่วมมือระหว่าง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้มีการประสานร่วมกันอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนาน ทั้งใน “ด้านสังคมสงเคราะห์” มีแผนกสาธารณภัย ประสานเพื่อเยียวยาผู้ประสบสาธารณภัยต่าง หรือ “ด้านบรรเทาสาธารณภัย” ซึ่งมูลนิธิฯ มีบุคลากรทั้งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร นำกำลังพร้อมอุปกรณ์ด้าน กู้ชีพ กู้ภัย ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยและได้มีการประสานงานกับปภ.ในพื้นที่ และยังมี “แผนกฝึกอบรม” ประสานจัดการ “ด้านการฝึกอบรม” เพื่อจัดอบรม เพิ่ม และพัฒนาองค์ความรู้แก่เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครซึ่งได้มีการประสานงานกันเรื่อยมาจวบจนปี พ.ศ. 2564 มูลนิธิฯ ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อการบูรณาการการดำเนินงานด้านบรรเทาสาธารณภัยอย่างเป็นทางการครั้งแรก และได้มีการผนึกกำลังพัฒนาบุคลากรมูลนิธิฯ เรื่อยมา อาทิ หลักสูตรการกู้ภัยเบื้องต้น (BRC) หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการสำหรับเจ้าหน้าที่เผชิญเหตุ หลักสูตรการกู้ภัยในกระแสน้ำไหลเชี่ยวเบื้องต้น (Basic Swiftwater Rescue) และหลักสูตรการค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง ( USAR ) เป็นต้น
ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา ทีมบรรเทาสาธารณภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ไม่เพียงแต่ร่วมมือกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบเหตุ ประสบภัยต่างๆ เท่านั้น แต่ยังร่วมกับหน่วยงานระดับประเทศในด้านต่างๆ ในการพัฒนาองค์ความรู้ให้ครอบคลุมทั้งด้านกู้ชีพ กู้ภัย และสนับสนุนงานด้านนิติเวช เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศล บรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยทั้งทางตรงและทางอ้อมได้อย่างมีประสิทธิผลอย่างเป็นที่ประจักษ์ และร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆ ให้กับภาครัฐ เอกชน และประชาชน
ติดต่อสอบถาม และติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สามารถดูรายละเอียดช่องทางที่สะดวกได้ที่ https://linktr.ee/pohtecktung
“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

“TILOG – LOGISTIX 2025” เสริมแกร่งซัพพลายเชนโลจิสติกส์ยกระดับการขนส่งสินค้าและการส่งออกให้ธุรกิจไทยนนทบุรี, 30 กรกฎาคม 2...
30/07/2025

“TILOG – LOGISTIX 2025” เสริมแกร่งซัพพลายเชนโลจิสติกส์
ยกระดับการขนส่งสินค้าและการส่งออกให้ธุรกิจไทย

นนทบุรี, 30 กรกฎาคม 2568 – กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ร่วมกับ อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์ (RX Tradex) เตรียมจัดงาน TILOG – LOGISTIX 2025 งานแสดงสินค้าด้านเทคโนโลยีการจัดการคลังสินค้าและโหลดสินค้า การบรรจุและลำเลียงสินค้า โลจิสติกส์ไอที, IoT, หุ่นยนต์, AI, อี-โลจิสติกส์ และการให้บริการด้าน
โลจิสติกส์ที่ครบวงจรที่สุดแห่งปี ระหว่างวันที่ 20 - 22 สิงหาคม 2568 ณ ฮอลล์ 98 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค จัดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก “Resilient Supply Chain: Overcoming Global Challenges” หรือ “พิชิตทุกสิ่งท้าทายด้วยความแกร่งแห่งซัพพลายเชน” เพื่อตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน ยกระดับการขนส่งสินค้าและการส่งออกของไทยให้แกร่งพร้อมรับมือความท้าทายจากทั้งในและนอกประเทศได้อย่างยั่งยืน โดยดึงผู้ประกอบการกว่า 150 บริษัท นำเสนอสินค้าและบริการกว่า 415 แบรนด์ จาก 25 ประเทศ เข้าจัดแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยีและบริการด้านโลจิสติกส์ พร้อมกิจกรรมเสริมองค์ความรู้ สัมมนาวิชาการ คาดผู้เข้าชมงาน 7,500 ราย
นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า “อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการค้าและเพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัล พฤติกรรมผู้บริโภค และห่วงโซ่อุปทานโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในปี 2024 ที่ผ่านมาตลาดโลจิสติกส์ของไทยมีมูลค่าสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย ร้อยละ 3.97 ต่อปี ในช่วงปี 2025–2033 โดยมีแรงหนุนหลักจากการขยายตัวของ e-Commerce การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน
การเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศ และการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะในระบบโลจิสติกส์ (ข้อมูลจาก International Market Analysis Research and Consulting Group) DITP ตระหนักถึงบทบาทของโลจิสติกส์ในการสร้างความได้เปรียบทางการค้า จึงได้จัดงานแสดงสินค้าโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงศักยภาพของผู้ประกอบการไทยต่อสายตานานาชาติ และผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของอาเซียน ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ในรูปแบบนิติบุคคลกว่า 36,608 ราย (ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ณ เดือนมิถุนายน 2568)
และจากรายงานดัชนีประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ (LPI) ปี 2566 โดยธนาคารโลก ไทยอยู่ในอันดับที่ 34 ของโลก และอันดับที่ 3 ในอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย สะท้อนถึงศักยภาพในการแข่งขันบนเวทีการค้าโลกที่เติบโตอย่างมั่นคง”
นายณัฐภูมิ เปาวรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น กล่าวถึงทิศทางของนวัตกรรมด้าน
โลจิสติกส์ว่า “เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ โดยแนวโน้มชัดเจนคือ การเข้าสู่ระบบ Smart Logistics ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและระบบอัตโนมัติ เช่น การใช้ IoT เพื่อติดตามสินค้าแบบเรียลไทม์ ควบคุมอุณหภูมิในคลังหรือรถขนส่ง การใช้ Big Data และ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล วางแผนเส้นทาง บริหารพื้นที่จัดเก็บ และพยากรณ์ความต้องการได้แม่นยำยิ่งขึ้น รวมถึงการใช้หุ่นยนต์และระบบคลังสินค้าอัตโนมัติที่ช่วยเพิ่มความเร็ว ลดข้อผิดพลาด และประหยัดพื้นที่ ขณะเดียวกัน Blockchain ยังช่วยเพิ่มความโปร่งใส และลดความซับซ้อนในซัพพลายเชน ทั้งหมดนี้คือนวัตกรรมที่จะช่วยผู้ประกอบการไทยลดต้นทุน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และตอบสนองลูกค้าได้ดีขึ้นในยุคดิจิทัล”
นายคงฤทธิ์ จันทริก ผู้อำนวยการบริหาร สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (TNSC) กล่าวถึง ภูมิทัศน์ทางการค้าระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัลว่า “ในฐานะตัวแทนของผู้ส่งออก ผมเห็นความเปลี่ยนแปลงของตลาดโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ทั้งจากแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อม
ภาษีการค้า ความคาดหวังของผู้บริโภค และกฎระเบียบใหม่ๆ ที่ประเทศคู่ค้ากำหนดขึ้น ซึ่งผู้ส่งออกไทยต้องปรับตัวอย่างมากและเร่งด่วน โดยเฉพาะในด้านโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นทุนหลักของการส่งออก ผมอยากเน้นว่า ความยั่งยืนคือการสร้างระบบที่สามารถอยู่รอดและเติบโตได้ในระยะยาว งาน TILOG – LOGISTIX จะทำให้ผู้ประกอบการได้เห็นทั้งเทคโนโลยีใหม่ในการจัดการคลังสินค้าและขนส่งสินค้า และทั้งได้พบผู้ให้บริการที่จะกลายเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีในการช่วยสร้างอนาคตร่วมกัน”
นางวราภรณ์ ธรรมจรีย์ กรรมการผู้จัดการ อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์ กล่าวว่า TILOG – LOGISTIX 2025 เป็นเวทีสำคัญประจำปีของผู้ประกอบการโลจิสติกส์ไทย จัดภายใต้แนวคิด “Resilient Supply Chain: Overcoming Global Challenges” เพื่อยกระดับซัพพลายเชนไทยให้แข็งแกร่งด้วยเทคโนโลยี และความร่วมมือระดับภูมิภาคและโลก ปีนี้มีผู้แสดงกว่า 150 บริษัท จาก 25 ประเทศ ครอบคลุม 450 แบรนด์ ใน 5 สาขาหลัก: การขนส่งและผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์, การลำเลียงสินค้า, คลังสินค้า, การบรรจุสินค้า และโลจิสติกส์ IT คาดผู้เข้าร่วมงานกว่า 7,500 ราย พร้อมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจด้วยระบบ AI ที่สร้างมูลค่าการเจรจากว่า 1,000 ล้านบาท ภายในงานยังมีนิทรรศการภาพรวมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทย, งานสัมมนา Trade Logistics Symposium, World Transport & Logistics Forum ที่ร่วมจัดกับ World Bank Group, โซน Innovation Showcase และสัมมนาโดยหน่วยงานชั้นนำ เพื่อมอบองค์ความรู้ให้ทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการโลจิสติกส์ได้นำไปองค์กรของตน
งาน TILOG – LOGISTIX 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20–22 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00–18.00 น.
ที่ ฮอลล์ 98 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ผู้เข้าชมงานโปรดแต่งกายสุภาพ งดกางเกงขาสั้นและรองเท้าแตะ และ นักเรียน/นักศึกษาเข้าชมได้เฉพาะวันที่ 22 สิงหาคม เท่านั้น ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าพร้อมลุ้นรับบัตรของขวัญเซ็นทรัลมูลค่า 200 บาทได้ที่ www.tilog-logistix.com หรือทาง LINE: -logistix

แถลงข่าวงานแสดงสินค้าโลจิสติกส์ประจำปี 2568 (TILOG-LOGISTIX 2025)"โลจิสติกส์ไทย"พิชิตทุกสิ่งท้าทายด้วยความแกร่งแห่งซัพพล...
30/07/2025

แถลงข่าวงานแสดงสินค้าโลจิสติกส์ประจำปี 2568 (TILOG-LOGISTIX 2025)
"โลจิสติกส์ไทย"พิชิตทุกสิ่งท้าทายด้วยความแกร่งแห่งซัพพลายเชน

20/07/2025

อีตั้น อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด (Eaton) เปิดตัวเครื่องสำรองไฟ Eaton 9PX และ 9SX Gen2 รุ่นใหม่ มุ่งยกระดับการสำรองไฟด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ

อีตั้น อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด (Eaton) เปิดตัวเครื่องสำรองไฟ Eaton 9PX และ 9SX Gen2 รุ่นใหม่ มุ่งยกระดับการสำรองไฟด...
18/07/2025

อีตั้น อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด (Eaton) เปิดตัวเครื่องสำรองไฟ Eaton 9PX และ 9SX Gen2 รุ่นใหม่ มุ่งยกระดับการสำรองไฟด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ
กรุงเทพมหานคร – บริษัท อีตั้น อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำระดับโลกด้านการบริหารจัดการพลังงาน ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องสำรองไฟฟ้า (UPS) รุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ Eaton 9PX และ 9SX Gen2 ที่ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งานยุคใหม่ โดยมุ่งเน้นทั้งประสิทธิภาพทางพลังงาน เทคโนโลยีขั้นสูง และความชาญฉลาดในการดูแลระบบ
สำหรับเครื่องสำรองไฟรุ่น Eaton 9PX และ 9SX Gen2 นั้นโดดเด่นด้วยประสิทธิภาพการแปลงพลังงานสูงสุดถึง 97.2% ซึ่งนับว่าเป็นระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ทั้งยังสามารถจ่ายพลังงานได้มากขึ้นถึง 11% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และใช้พื้นที่ติดตั้งน้อยกว่าคู่แข่งถึง 33% สำหรับรุ่น 11kW ซึ่งมีขนาดเพียง 4U เท่านั้น
นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมกับ เทคโนโลยี ABM+ อันล้ำสมัยที่พัฒนาโดยอีตั้น โดยใช้ Machine Learning ในการวิเคราะห์และคาดการณ์อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้อย่างแม่นยำ พร้อมระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าเมื่อต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ เพิ่มความมั่นใจและความน่าเชื่อถือในการดำเนินงานของระบบสำรองไฟในองค์กรเครื่องสำรองไฟ Eaton 9PX และ 9SX Gen2 ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ อาทิ:
• ศูนย์ข้อมูล (Data Centers)
• ระบบ IT แบบกระจายสาขา (Distributed IT)
• เครือข่าย Edge (Edge Networks)
• ตู้เครือข่าย (Network Closets)
• ห้องเซิร์ฟเวอร์ (Server Rooms)
นางสาวสุภัทรา รามสูต ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อีตั้น อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าวว่า "เราภูมิใจที่ได้เปิดตัวเครื่องสำรองไฟรุ่น Eaton 9PX และ 9SX Gen2 ในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเทียบกับในตลาด แต่ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับองค์กรผู้ใช้งาน เราเชื่อว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับองค์กรที่ต้องการความเชื่อมั่นและประสิทธิภาพในการสำรองไฟสำหรับอุปกณ์ที่สำคัญของคุณ"
การเปิดตัวในครั้งนี้สะท้อนถึงพันธกิจของอีตั้นในการส่งมอบโซลูชันด้านการสำรองไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง ชาญฉลาด และยั่งยืน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรในยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ สำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งสองรุ่นสามารถติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายของอีตั้น ทั่วประเทศ” คุณสุภัทรากล่าวทิ้งท้าย
Eaton เป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการพลังงานอย่างชาญฉลาด โดยมุ่งมั่นในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก เราผลิตสินค้าสำหรับศูนย์ข้อมูล (Data Center), ระบบสาธารณูปโภค, อุตสาหกรรม, พาณิชยกรรม, การสร้างเครื่องจักร, ที่อยู่อาศัย, อวกาศ และตลาดการขนส่งเราได้รับแรงบันดาลใจจากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง ดำเนินงานอย่างยั่งยืน และช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ด้วยการใช้ประโยชน์จากแนวโน้มการเติบโตระดับโลกด้านการใช้ไฟฟ้าและการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล เรากำลังมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาท้าทายด้านการจัดการพลังงานที่เร่งด่วนที่สุดของโลก และสร้างสังคมที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้คนในวันนี้และคนรุ่นต่อไปก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1911 Eaton ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงและเพิ่มขึ้นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเรา ด้วยรายได้เกือบ 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 บริษัทให้บริการลูกค้าในกว่า 160 ประเทศดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.eaton.com/th และติดตามเราได้ทาง LinkedIn

อีตั้น อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด (Eaton) เปิดตัวเครื่องสำรองไฟ Eaton 9PX และ 9SX Gen2 รุ่นใหม่ มุ่งยกระดับการสำรองไฟด...
18/07/2025

อีตั้น อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด (Eaton) เปิดตัวเครื่องสำรองไฟ Eaton 9PX และ 9SX Gen2 รุ่นใหม่ มุ่งยกระดับการสำรองไฟด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ

https://www.reportto.news/2025/07/eaton-eaton-9px-9sx-gen2.html

ยูดี ทรัคส์ ประเทศไทย ร่วมฉลองครบรอบ 90 ปี ชูแนวคิด “Better Life” พร้อมเปิดรับนักลงทุนขยายเครือข่ายศูนย์บริการครอบคลุมทั...
17/07/2025

ยูดี ทรัคส์ ประเทศไทย ร่วมฉลองครบรอบ 90 ปี ชูแนวคิด “Better Life” พร้อมเปิดรับนักลงทุนขยายเครือข่ายศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ
• พร้อมเปิดเกมรุกตลาดครึ่งปีหลังด้วยกลยุทธ์ครบมิติ
• ผลประกอบการปีที่ผ่านมา ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น สวนทางตลาดที่ซบเซา

กรุงเทพฯ (17 กรกฏาคม 2568) — ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชัน ประเทศไทย ร่วมฉลองวาระ ยูดี ทรัคส์ ครบรอบ 90 ปีขององค์กร พร้อมประกาศวิสัยทัศน์ "Better Life" ที่มุ่งมั่นพัฒนาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้คน และสิ่งแวดล้อม ผ่านโซลูชันภายใต้แนวคิด การขนส่งที่ยั่งยืน โดยมุ่งมั่นพัฒนาเน้นกลยุทธ์หลักด้านผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บริการหลังการขายที่แข็งแกร่ง การขยายเครือข่าย และการสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

นางสาววิลาวัลย์ วิศปาแพ้ว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด
เปิดเผยว่า “ยูดี ทรัคส์ เริ่มต้นในประเทศญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2478 ดำเนินธุรกิจเพื่อการขนส่งมาจนครบรอบ 90 ปีในวันนี้ และเติบโตจนมีฐานการดำเนินธุรกิจกว่า 59 ประเทศทั่วโลก ด้วยนโยบายหลักขององค์กรที่เน้นวิสัยทัศน์ “Better Life” โดยมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้คนและสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “โซลูชันการขนส่งที่ยั่งยืน” ทำให้บริษัทเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่สำคัญ อาทิ การพัฒนาเครื่องยนต์ UD อันโด่งดัง การเปิดตัวเกียร์อัตโนมัติ ESCOT และที่สำคัญคือการเป็นบริษัทแรกของโลกที่ติดตั้งระบบบำบัดไอเสีย SCR (Selective Catalytic Reduction) ในรถบรรทุก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของมาตรฐาน Euro 5 ด้านสิ่งแวดล้อม”

ชูแนวคิด "Better Life" เพื่อคน เพื่อโลก เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ยูดี ทรัคส์ ทั่วโลก พร้อมใจประกาศเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยแนวคิด “Better Life” ครอบคลุม 3 แกนหลัก ได้แก่
1. Better for Growth: ระบบเทคโนโลยีในฟีเจอร์รถบรรทุก และงานบริการ เช่นระบบ UD Connected และ Volvo I-See และอื่น ๆ พร้อมแผนเพิ่มพันธมิตรขยายศูนย์บริการเสริมแกร่งด้านบริการ ดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด
2. Better for the Planet: ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ผ่านมาตรฐาน Euro 5 ทั้งแบรนด์ UD และ Volvo พร้อมใช้พลังงานสะอาด และยังคงเดินหน้าทดสอบรถพลังงานทางเลือกที่ ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น
3. Better for People: จัดกิจกรรม CSR อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการให้ความรู้เรื่องความปลอดภัยในการใช้ถนนร่วมกับรถบรรทุก และโครงการตรวจสุขภาพสายตาสำหรับพนักงานขับรถ และอื่น ๆ

ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) เดินหน้าฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ รักษาส่วนแบ่งตลาด 10%
นางสาววิลาวัลย์ เปิดเผยว่า “แม้ปี 2567 ประเทศไทยจะเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยทางเศรษฐกิจโลกและภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชะลอตัวของ GDP ส่งผลให้ตลาดรวมรถบรรทุกในประเทศไทยหดตัวลงกว่า 30% แต่ยูดี ทรัคส์ ยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มตลาดรถบรรทุกขนาดใหญ่ ได้ถึง 9% และเมื่อรวมกับวอลโว่ ทรัคส์ อีก 1% ทำให้บริษัทสามารถครอง Market Share รวมถึง 10% ของตลาด

ปีที่ผ่านมา ยูดี ทรัคส์เป็นแบรนด์รถบรรทุกแบรนด์แรกในไทยที่พร้อมเปิดตัว Euro 5 ที่มาพร้อมด้วยระบบเทคโนโลยีบำบัดไอเสีย SCR ในทุกรุ่นรถเพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า รวมทั้งยังสามารถส่งมอบรถฟลีทใหญ่ให้แก่ลูกค้ารายสำคัญระดับประเทศ และขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายเพิ่มอีก 3 แห่ง เป็น 25 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ เราปรับตัวอย่างหนัก เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ด้วยการเปิดตัวโปรโมชั่นไฟแนนซ์เจ้าแรกในอุตสาหกรรมรถบรรทุกไทย ที่สามารถผ่อนได้ยาวนานถึง 96 เดือน”

นางสาววิลาวัลย์กล่าวต่ออีกว่า “สำหรับผลประกอบการด้านงานบริการและอะไหล่ เติบโตถึง 5% และสัญญาบริการเติบโต 7% และเพิ่มสัญญาในการใช้ระบบ Telematics อีก 15% ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากความมั่นใจในตัว แบรนด์สินค้าและการบริการที่เพิ่มขึ้น เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถติดตามและจัดการการทำงานของรถบรรทุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับผลสำรวจภายในที่พบว่า คะแนนของแบรนด์ ยูดี ทรัคส์ และวอลโว่ ทรัคส์ ดีขึ้นในปีที่ผ่านมาเช่นกัน”

แผนธุรกิจครึ่งปีหลัง 2568: เดินหน้าเต็มกำลังสู่อนาคตเพื่อสนับสนุนลูกค้าและสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่ง
ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) หวังก้าวสู่ผู้นำด้านความยั่งยืนในตลาดรถบรรทุกของไทย โดยจะมุ่งเน้นการตั้งเป้าเติบโตทั้งยอดขายรถใหม่และบริการหลังการขาย ด้วยการขยายเครือข่ายดีลเลอร์ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ภายใต้แนวนโยบายการขยายเครือข่ายดีลเลอร์ของยูดี ทรัคส์ โดยยูดี ทรัคส์ เปิดกว้างกับนักลงทุนที่สนใจร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับยูดี ทรัคส์ เปิดศูนย์บริการ โดยมีพื้นที่เป้าหมายสำหรับดีลเลอร์ใหม่ในเขตจังหวัดลพบุรี กำแพงเพชร ราชบุรี เพชรบุรี บุรีรัมย์ มหาสารคามและจังหวัดเลย ทั้งนี้เพื่อยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้น

“แม้ว่าตลาดจะเผชิญกับความท้าทายมากมาย แต่เราเชื่อมั่นว่าด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และการบริการที่ครอบคลุม เรามุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งต่อองค์กร ลูกค้า และสังคม ด้วยพันธกิจ Better Life ที่เรายึดมั่น เราเชื่อว่าการขนส่งที่ยั่งยืน คือกุญแจสำคัญของอนาคต และเราพร้อมเดินหน้าไปกับลูกค้า เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อประเทศไทยและภูมิภาค” นางสาววิลาวัลย์กล่าวสรุป

"ยูดี ทรัคส์ ประเทศไทย"ร่วมฉลอง"ครบรอบ 90 ปี"
17/07/2025

"ยูดี ทรัคส์ ประเทศไทย"ร่วมฉลอง"ครบรอบ 90 ปี"

บิ๊กอีเวนต์กลางกรุง! “บุรีรัมย์ มาราธอน 2026” แถลงใหญ่ฉลองทศวรรษแห่งความสำเร็จ คิกออฟแคมเปญสุดอลังการ พร้อมรางวัลจัดเต็ม...
15/07/2025

บิ๊กอีเวนต์กลางกรุง! “บุรีรัมย์ มาราธอน 2026” แถลงใหญ่ฉลองทศวรรษแห่งความสำเร็จ คิกออฟแคมเปญสุดอลังการ พร้อมรางวัลจัดเต็ม 10 ล้าน

กรุงเทพฯ – 15 กรกฎาคม 2568 : การแถลงข่าว "บุรีรัมย์ มาราธอน 2026 พรีเซนเต็ด บาย น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง" ภายใต้แนวคิด “สวรรค์ของนักวิ่ง” สร้างตำนานอีกครั้ง กับอีเวนต์พิเศษฉลองทศวรรษแห่งความสำเร็จสุดอลังการ กับการเปิดรับสมัคร On site ที่ One Bangkok ใจกลางกรุงเทพเป็นครั้งแรก และของรางวัลจัดเต็มมากกว่าทุกปี นับเป็นรายการวิ่งที่มีมูลค่ารางวัลรวมสูงที่สุดในประเทศไทย รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

ทั้งนี้ “บุรีรัมย์มาราธอน 2026 พรีเซนเต็ด บาย น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง" จะจัดขึ้นในช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 24 มกราคม 2569 ภายใต้แนวคิด Your Ultimate Destination สวรรค์ของนักวิ่ง ออกสตาร์ทจากสนามแข่งรถระดับโลก “ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต” และเข้าเส้นชัยที่สนามฟุตบอล ”ช้างอารีนา” แข่งขันทั้งสิ้น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะมาราธอน (42.195 กม.), ระยะฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.), ระยะมินิมาราธอน (10 กม.), ระยะฟันรัน (4.554 กม.) หนึ่งในงานวิ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีนักวิ่งร่วมงานมากกว่า 3 หมื่นคน ต่อปี ได้รับการรับรองจากสหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ (World Athletics) และมีการจัดงานเอ็กซ์โป เวลา 10.00-20.00 น. ขนทัพสินค้ากีฬาและสุขภาพเอาใจนักวิ่งปอดเหล็กจากทั่วโลกอีกด้วย

นางนิตยา เกิดจันทึก ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬาอาชีพ การกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา “บุรีรัมย์มาราธอน” คือตัวอย่างความสำเร็จของการพัฒนากีฬาวิ่งอย่างเป็นรูปธรรม น่าประทับใจในทุกมิติ ทั้งด้านคุณภาพของการแข่งขัน การบริหารจัดการมาตรฐานระดับโลก รวมทั้งเป็นต้นแบบการมีส่วนร่วมของชุมชน ที่กล่าวได้ว่า เป็นหนึ่งในจังหวัดที่ประชาชน มีส่วนร่วมในการจัดมหกรรมกีฬามากที่สุด โดยการจัดงานยังช่วยยกระดับศักยภาพของเมืองบุรีรัมย์อย่างรอบด้าน กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมสุขภาพ สร้างแรงบันดาลใจในการใช้ ‘กีฬา’ เป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาในระดับจังหวัดและระดับประเทศได้อย่างแท้จริง

พล.ต.ต.สุรพงษ์ อาริยะมงคล อุปนายกอาวุโสและเลขาธิการสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ระบุว่า บุรีรัมย์มาราธอนเป็นตัวอย่างความสำเร็จของการจัดการแข่งขันวิ่งบนถนนที่มีมาตรฐานระดับสากลในประเทศไทย ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อทั้งวงการกีฬาและการท่องเที่ยว พร้อมแนะนำแนวทางการพัฒนางานวิ่งที่อยากให้ผู้จัดงานวิ่งในประเทศไทยตระหนัก เพื่อให้การจัดการแข่งขันวิ่งบนถนนในประเทศไทยมีมาตรฐานที่ดีอย่างต่อเนื่องและได้รับการยอมรับในระดับสากล อาทิ การขอรับรองมาตรฐานจากสมาคมกรีฑาฯ และขอการรับรองเส้นทางจาก World Athletics, การจัดระบบความปลอดภัยที่เข้มข้น, พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ด้านการจัดการแข่งขันอย่างมืออาชีพ สร้างมาตรฐานเดียวกันสำหรับงานวิ่งทุกรายการในประเทศ และส่งเสริมการวิ่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Running Event)

นายปิยะ ปิจนำ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า เมื่อสิบปีก่อน ไม่มีใครคาดคิดว่าเมืองเล็ก ๆ ในภาคอีสาน จะก้าวขึ้นมาเป็น Sport Destination ระดับโลกได้ กลายเป็นสถานที่จัดงานมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลก โมโตจีพี และงานวิ่งมาตรฐานระดับโลกอย่างบุรีรัมย์มาราธอน ทุกปีจังหวัดได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก สร้างเงินหมุนเวียนเศรษฐกิจหลายพันล้านบาท งานวิ่งบุรีรัมย์มาราธอนได้กลายเป็นแรงผลักสำคัญในการเปลี่ยนโฉมเมือง ทั้งในด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เกิดจากความร่วมมือทั้งภาครัฐเอกชนและประชาชน โดยเฉพาะกองเชียร์และอาสาสมัครนับหมื่นคน ที่ดูแลและส่งกำลังใจนักวิ่งตลอดเส้นทาง จนได้รับการยกย่องว่าเป็นเทศกาลดนตรีที่ยาว 42.195 กิโลเมตร ถือเป็น Soft Power ที่ไม่มีที่ใดเหมือน

นายโชติชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการการแข่งขัน กล่าวถึงแนวคิดการพัฒนางานตลอด 10 ปี ว่า ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากแค่การจัดงานปีละครั้ง แต่เกิดจากการทำงานหนักตลอด 365 วันของทุกปี โดยเราให้ความสำคัญกับเสียงของนักวิ่งทุกคน นำมาปรับปรุงให้ทุกครั้งดีขึ้นกว่าเดิม คำว่า “สวรรค์ของนักวิ่ง” ไม่ได้เป็นเพียงสโลแกน แต่เป็นแนวคิดหลักในการทำงานทุกขั้นตอน เราเคยนำบุรีรัมย์มาราธอนไปสู่จุดสูงสุดด้วยมาตรฐานสากลในระดับ Gold Label ในปี 2024 ทั้งหมดเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีที่สุดของนักวิ่งที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลก ปัจจุบันนักวิ่งสามารถนำเวลาของรายการเราไป ต่อยอดสมัครรายการวิ่งระดับเมเจอร์ในโลกนี้ได้ทุกเรซ ส่วนการสนับสนุนนักวิ่งต่อยอดไปยังเมเจอร์ระดับโลกรายการโตเกียวมาราธอนที่จะเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 15 – 29 สิงหาคมนี้ เมื่อสมัครแล้วให้มารายงานตัวทางเพจบุรีรัมย์มาราธอนตามเวลาที่กำหนด ชาย 10 คน และหญิง 10 คนที่ทำเวลาดีที่สุดในระยะฟูลมาราธอน ซึ่งไม่ใช่ทีมชาติ ฝ่ายจัดฯ จะสนับสนุน ค่าสมัคร ค่าที่พักและค่าเดินทางเพื่อเป็นรางวัลพิเศษให้กับนักวิ่งได้สัมผัสงานวิ่งมาตรฐานระดับ Platinum Label

นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวถึงการเดินทางตลอด 10 ปี ของงานว่า ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมายหลายสิ่ง ทั้งจากวิ่งตอนเช้าเป็น Night Run, การเผชิญสถานการณ์โควิด-19, การพัฒนางานยกระดับจนได้รับการรับรองระดับเหรียญ Bronze, Sliver และ Gold ในปี 2024 รวมทั้งการตัดสินใจไม่ไปต่อในระดับ Platinum ในปี 2025 แต่หันมุ่งเน้นการตอบแทนและดูแลนักวิ่งเป็นหัวใจสำคัญเหนือทุกสิ่ง

“สวรรค์ของนักวิ่ง” ยังคงเป็นแนวทางในการรังสรรค์งาน โดยได้รับความร่วมมือจากพี่น้องชาวบุรีรัมย์ที่แสดงให้เห็นว่าเมืองเล็กๆ สามารถสร้างมาตรฐานโลกได้ด้วยหัวใจที่ยิ่งใหญ่ และในโอกาสแห่งการเฉลิมฉลองในวาระ 1 ทศวรรษ นอกเหนือจากเงินรางวัล 1.65 ล้านบาท บุรีรัมย์มาราธอนปีนี้ จัดเต็มมอบของขวัญพิเศษและเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

ความพิเศษฉลอง10 ปี ได้แก่ 1.นักวิ่งที่สมัคร On site ด้วยตนเองทุกคนจะได้รับถุงเท้าวิ่งรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น เวอร์ชันฉลอง 10 ปี มูลค่า 420 บาท และสิทธิ์ลุ้นทองคำ 1 สลึง 10 เส้น 2.นักวิ่งที่วิ่งต่อเนื่องครบ 10 ปีจะได้รับเหรียญ BRM Superfan 3.มอบ “หมวก BRM Sub 3 ลิมิเต็ด” สำหรับนักวิ่งระยะ Marathon Sub 3 ที่วิ่งภายในเวลาต่ำกว่า 3:00:00 ชม. 4. มอบ “ไอเท็มลับ ฉลอง 10 ปี” ให้กับนักวิ่งทุกคน (จัดส่งไปกับ Race pack)

นอกจากนี้บุรีรัมย์มาราธอนยังมอบเงินรางวัลพิเศษแบบจัดเต็มเช่นเคย มูลค่ารวม 1,300,000 บาท โดยจะสุ่มแจกให้กับนักวิ่งในทุกระยะ จำนวน 50 รางวัลต่อระยะ รวมทั้งหมด 200 รางวัล และบริการ “ภาพนักวิ่งฟรี” ในรูปแบบเรียลไทม์ ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ โดยปีนี้ยกระดับคุณภาพ และเพิ่มจำนวนของช่างภาพมากขึ้น , รางวัลพิเศษสำหรับนักวิ่งที่ทำ NEW PB จะได้รับคูปองหมูกระทะ 1 ชุด มูลค่า 250 บาท และยังมีของรางวัลจากผู้สนับสนุนอีกกว่า 100 รายการ

นายสุรพล อุทินทุ ผู้บริหารน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง พันธมิตรหลักในฐานะไตเติ้ลสปอนเซอร์กล่าวว่า เพื่อตอกย้ำ ความมุ่งมั่นในการสนับสนุนมหกรรมการวิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทยมาอย่างยาวนาน ในปี 2026 นี้ ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี จะมีทั้งกิจกรรมและของรางวัลพิเศษสำหรับนักวิ่งเพิ่มขึ้นไม่แพ้ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีการเสริมกิจกรรม “เก็บ-กลับ-รีไซเคิล” โดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ รีไซเคิล จำกัด หรือ TBR ร่วมกันคัดแยกขวดน้ำดื่มหลังการบริโภค ทิ้งลงถังที่จัดไว้ทั่วบริเวณงาน เพื่อนำกลับเข้าสู่กระบวนรีไซเคิลอย่างถูกวิธี เพื่อนำไปแปรรูปเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุด เพื่อสร้างงานวิ่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ภายในงานแถลงข่าว ยังมีการจัดนิทรรศการ 10 ปี บุรีรัมย์มาราธอน พร้อมกิจกรรมพิเศษมากมายได้แก่ เปิดรับสมัครแบบ On-Site ซึ่งได้รับความสนใจจากนักวิ่งขาแรงจากทั่วประเทศนับพันคน ร่วมสมัครและรับของที่ระลึกเป็นถุงเท้าวิ่งรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น เวอร์ชันฉลอง 10 ปี มูลค่า 420 บาท และสิทธิ์ลุ้นทองคำ 1 สลึง 10 เส้น

ทั้งนี้ ฝ่ายจัดการแข่งขัน กำหนดการเปิดรับสมัครแบบออนไลน์ ในวันที่ 19 กรกฎาคม สำหรับนักวิ่งเก่าและวันที่ 20 กรกฎาคม สำหรับนักวิ่งใหม่ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครได้ที่ แฟนเพจ Buriram Marathon

แรลลี่การกุศล สมาคมผู้อาสาสมัครช่วยการศึกษาและคัดเลือกพ่อตัวอย่างแห่งชาติ เส้นทางประวัติศาสตร์สู่กาญจนบุรีในวันเสาร์ที่ ...
15/07/2025

แรลลี่การกุศล สมาคมผู้อาสาสมัครช่วยการศึกษาและคัดเลือกพ่อตัวอย่างแห่งชาติ เส้นทางประวัติศาสตร์สู่กาญจนบุรี
ในวันเสาร์ที่ ๑- ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๘
- จุดเริ่มต้นที่วัดบางไผ่พระอารามหลวง บางบัวทอง นนทบุรี
- จุดสิ้นสุดที่ผึ้งหวานรีสอร์ทแอนด์ สปา กาญจนบุรี
- การแข่งขันเป็นแบบ TC (Time Control) และ RC (Route Check)
- มีเกมส์ระหว่างทาง และ ก่อนเข้างานเลี้ยงมอบรางวัล
ค่าลงทะเบียน VIP คันละ ๑๒,๐๐๐ บาท (ประมาณ ๑๐ คัน) ทั่วไปคันละ ๖,๐๐๐ บาท (ประมาณ ๕๐ คัน)
หมายเหตุ
ชำระเงินโดยโอนเงินเข้าบัญชี
โดยโอนเงินเข้าบัญชี "วันพ่อแห่งชาติ" ธนาคารออมสิน สาขาเซ็นทรัล พลาซาปิ่นเกล้า บัญชีเลขที่ 020-341560629 และกรุณาแนบใบโอนเงิน หรือเอกสารอื่นๆ ให้กับสมาคมผู้อาสาสมัครช่วยการศึกษา และ คัดเลือกพ่อตัวอย่างแห่งชาติ
Line: 085-8865909
หรือติดต่อ นายอนุชา ใจเปี่ยม โทร 087-5523225
หรือ E-mail : [email protected]
** ใบเสร็จของสมาคมฯยังไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ เพราะอยู่ใน ขั้นตอนการขออนุญาตต่อทางราชการอยู่ในขณะนี้ **
- รางวัลการแข่งขันมีรางวัลชนะเลิศ, รองอันดับ ๑ - ๓ และรางวัลบู๊บี้ แยกเป็น ดังนี้
- รางวัลชนะเลิศ ถ้วยรางวัล พลเอก จรัล กุลละวณิชย์ นายกสมาคมฯ
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ ถ้วยรางวัล พลเรือเอก เชษฐา ใจเปี่ยม กรรมการสมาคมฯ
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ ถ้วยรางวัล คุณแรมรุ้ง วรวัช ที่ปรึกษาสมาคมฯ
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๓ ถ้วยรางวัล คุณภูมิพัฒน์ ฉัตรศรัณรัตน์ กรรมการสมาคมฯ
- รางวัลรองสุดท้าย (บู๊บี้) ถ้วยรางวัล ดร.ณิชาภา สิงห์ณรงค์ กรรมการสมาคมฯ
รถเข้าแข่งขันทุกคันรับรางวัลพิเศษทุกคัน รวมถึงการจับรางวัลใหญ่พิเศษมากมาย
#แรลลี่เพื่อพ่อ
#สมาคมผู้อาสาสมัครช่วยการศึกษาและคัดเลือกพ่อตัวอย่างแห่งชาติ
#สื่อมวลชนคนทำข่าว
#คอความเร็ว




ู่ถนนสายเดียวกัน

13/07/2025

Thailand fishing expo 2025 Mid year july 10-13
เหยื่อยางฝีมือคนไทย

13/07/2025

เหยื่อยางฝีมือคนไทย #เหยื่อยาง

ที่อยู่

ศรีนครินทร์
Samut Prakan
10270

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ทั่วไทย Reportผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง ทั่วไทย Report:

แชร์