03/06/2025
อินฟลูเอนเซอร์ กับ ข้อกังวลเรื่องพฤติกรรมเลียนแบบ ...
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเกิดประเด็นร้อนแรงทางสื่อสังคมออนไลน์ มีผู้แสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับอินฟลูเอนเซอร์คนหนึ่งที่ทำขนมเค้กในรูปแบบที่สร้างสรรค์ เริ่มต้นความน่าสนใจจากที่เธอรังสรรค์เค้กในงานแต่งงานและงานอีเว้นต์ต่าง ๆ ได้อย่างแปลกใหม่ ทั้งเค้กวุ้นใส เค้กขนาดใหญ่สูงถึงชั้นสองของบ้าน การแต่งตัวแบบติดแกลม เสื้อผ้าหน้าผมขณะประกอบเค้ก ทำเค้กคือเป๊ะปัง วิธีการตัดเค้กด้วยการใช้แก้วไวน์ตักเค้กมากิน ... เธอจึงได้รับความนิยมมากขึ้นมากในโลกออนไลน์
ความคิดสร้างสรรค์และการสนับสนุนจากแบรนด์ต่าง ๆ ผลักดันให้ฝีมือการสร้างเค้กที่เก่งมากอยู่แล้วกับความคิดสร้างสรรค์ที่แปลกใหม่ไปไกลขึ้นกว่าเดิม
จากเค้กที่ติดแกลม ขนาดใหญ่และสวยงามที่ทำเพื่องานอีเว้นต์และงานแต่งงานต่าง ๆ กลายเป็นการทำเค้กที่แปลกใหม่กว่าเดิม เธอเริ่มสร้างเค้กที่เหมือนจริงมากขึ้น เค้กที่เป็นสิ่งของต่าง ๆ ใครที่เคยดูรายการ "Is it cake ?" ทางเน็ตฟลิกซ์คงเข้าใจสิ่งนี้ดี ... เค้กถูกรังสรรค์ออกมาให้เหมือนจริงมาก เป็นกระเป๋า เป็นโทรศัพท์ แล้วก็กินให้ดู ... มันว้าวมาก ... ในรายการเกมโชว์นั้นว้าวมาก ต้องมาทายกันว่า อันไหนคือเค้ก ... และอินฟลูฯ ท่านนี้ก็ทำให้ว้าวมากเช่นกัน ... เธอกัดโทรศัพท์ที่ทำจากเค้กดังกร๊อบ กัดกระเป๋ากินให้ดู
แล้วคอนเท้นต์ก็ถูกยกระดับขึ้นไปอีก ด้วยการทำเค้กเป็นหลอดโฟมล้างหน้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม ขวดน้ำดื่ม ไปจนถึง เสาบ้าน ! ถังแก้สหุงต้ม ! แม่เจ้า หยิบเอาวาล์วแก้สมากัดดังกร๊อบ 555 แม่เจ้า ฉันก็ทึ่งในความสามารถในการทำเค้กเป็นถังแก้สและวาล์วแก้สได้ วาล์วสีทองเลย ... กรรมการอึ้ง ผู้ปกครองอึ้ง ทุกคนอึ้ง ... ยิ่งมีประโยคเปิดคลิปหนึ่งที่บอกว่า "ครั้งแรกของโลกที่น้ำยาปรับผ้านุ่มกินได้” อึ้งหนักกว่าเดิม
จากเสียงชื่นชม เริ่มมีเสียงแสดงความวิตกว่า เด็กและเยาวชนจะเลียนแบบพฤติกรรม กินเสาบ้าน ยกถุงน้ำยาปรับผ้านุ่มมากิน เพราะมันอันตรายมากสำหรับเด็ก ๆ และเสียงนั้นดังมากขึ้นเรื่อย ๆ ... และแน่นอน สถานที่ที่เกิดคือโลกออนไลน์ โลกออนไลน์ก็เห็นต่างกัน ... บ้างบอกว่า เด็กมันไม่โง่ขนาดไปกินเสาบ้านหรือถังแก้วไหมคะ หรือกินแค่เสาจะเป็นไรไป กินบ้านกินเมืองยังไม่เห็นเป็นอันตรายต่อสุขภาพเลย ว่าซั่น 555 เอาสิ โยงได้อีก
ทีนี้ในแง่ของพัฒนาการเด็กว่าอย่างไร
กราบเรียนว่า "พฤติกรรมเลียนแบบมีจริง" และมีมนุษย์ที่พร้อมทำเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ อีกมาก ขอแค่มีคนจุดประกายและสร้างความรับรู้ว่ามันทำได้ ไม่เห็นตาย ในต่างประเทศมีคนกินน้ำยาปรับผ้านุ่มแข่งกัน ! ลองเสิร์จคำว่า Tide Pod Challenge ดูครับ จะพบว่ามีคนกล้าเสี่ยงตายจริงอยู่ ... โดยอยากขอแยกออกเป็น 2 กลุ่มอายุก็แล้วกัน
กลุ่มแรก ... #เด็กเล็ก ... วัยเด็กเล็ก เป็นวัยที่มีพฤติกรรมเลียนแบบ (Imitation) เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการตามวัย และนี่คือพฤติกรรมที่จำเป็นมากด้วย นี่คือการเรียนรู้ เป็นการสร้าง Cognitive Function ให้สมองเติบโต เป็นการสร้างตัวตน
แม่เป็ดเดิน ลูกเป็ดตาม แม่เอาเท้ากดเปิดพัดลมฉันใด ลูกก็จะเอาหัวแม่เท้ากดพัดลมฉันนั้น รวมถึงคำพูดคำจาและอื่น ๆ ... อันนี้คือ พื้นฐาน ...
ต่อมาเมื่อเริ่มโตขึ้น สมองจะทำงานซับซ้อนมากขึ้น สิ่งที่เด็กพบเห็นจะถูกเอามาเชื่อมโยงกับความรู้และตรรกะขั้นพื้นฐาน ... เช่น เด็กเข้าใจว่าเค้กนั้นเป็นของกินที่กินได้ พอเห็นคลิปคนที่ซัดถุงน้ำยาปรับผ้านุ่ม แล้วกินได้ เด็กก็จะคิดว่า น้ำยาปรับผ้านุ่มนั้นกินได้เช่นเดียวกับเค้ก ... หรือซับซ้อนขึ้นไปอีกขั้นคือ ... เข้าใจว่าของบางอย่างที่หน้าตาไม่เหมือนของกินก็กินได้นะ น้ำยาปรับผ้านุ่ม ถังแก้สก็อาจกินได้ โต๊ะ เก้าอี้ เสาไฟก็อาจกินได้ ศัพท์ทางจิตวิทยาเรียกว่า Assimilation และ Generalization (ตามความเข้าใจของพ่อหมอนะ ถ้าคลาดเคลื่อนไปนักจิตวิทยามาคอมเม้นต์ชี้แนะได้ครับ)
ความบรรลัยจึงอาจบังเกิด หากพ่อแม่เปิดคลิปเหล่านี้ให้เด็กเล็กดูจนคุ้นตา ... นี่ถึงบอกเสมอว่า #อย่าให้เด็กดูหน้าจอ ! เพราะสมองเขาแปลความต่างจากเรา เกิดไปกินของแปลก ๆ ตามคลิปขึ้นมาหรือคิดแบบสุดโต่งไปเลย เกิดน้ำยาฆ่าหญ้าจ้างอินฟลูขึ้นมาล่ะก็ ความบรรลัยบังเกิดหนักแน่ ... (ซึ่งคงไม่มีหรอก) ...
กลุ่มที่สอง คือ #วัยรุ่น ... คุณครับ สมองของวัยรุ่นนั้นทำงานแบบเฉพาะตัว สิ่งเร้าภายนอกมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมเลียนแบบมาก เพราะพฤติกรรมเสี่ยง (Risk-taking Behavior) คือสิ่งที่วัยรุ่นนั้นอยากทดลองอยู่แล้ว ยิ่งอะไรที่บอกว่า "ห้ามลอกเลียนแบบ" หรือ "ห้ามทำที่บ้าน" แต่เป็นไวรัลแล้วนั้นมันช่างน่าทำเหลือเกิน ...
มีพฤติกรรมมากมายที่วัยรุ่นทำแผลง ๆ ตามกันทั่วโลก ไม่ว่าจะกินโรตีดิบ กินน้ำยาปรับผ้านุ่ม การแข่งกันกินพริกที่เผ็ดที่สุดในโลก การกดหน้าอกแรง ๆ จนเป็นลมทั้งยืน (Blackout Challenge) การดื่มนม 1 แกลลอน (เกือบ 4 ลิตร) ให้หมดใน 1 ชม (The Gallon Challenge) และอีกมากมาย ... กระทั่งคอนเท้นต์การเนื้อหมูดิบ หรือกระทั่งการโชว์กินพยาธิก็มีคนทำกันแล้ว แต่ละอย่างก็เสี่ยงตุยไม่น้อย
บางคนบอก คงไม่มีโง่ทำตามหรอก ... คุณอาจประเมินความโง่ของมนุษย์และความหอมหวานของยอดวิวน้อยไป
ดังนั้นหากมองเห็นภาพเช่นนี้แล้ว คุณเองล่ะคิดว่าการสร้างสรรค์เค้กเป็นสิ่งของเหล่านี้ กับผลกระทบต่อผู้คน เป็นสิ่งที่บางคนคิดมากไป หรืออาจเกิดผลกระทบได้จริงกันแน่ ... สำหรับส่วนตัว ยืนยันคำเดิมก็คือ เด็กเล็กไม่ควรเข้าถึงหน้าจอง่ายจนเกินไป และหากทำได้ควรควบคุมตรวจตราเนื้อหาให้ดีจนวันที่คุณคิดว่าลูกพร้อมแล้วต่อเนื้อหาที่ต้องการวิจารณญาณในการรับชม สำหรับผู้ใหญ่อย่างเราที่คิดเป็นแล้วก็คงเข้าใจว่า ของสิ่งใดกินได้บ้าง และที่เราเห็นนั้นเขาทำไปเพื่ออะไรนั่นเอง
#หมอวินเพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ
เป็นพ่อแม่มือใหม่ที่ไม่เครียดด้วยหนังสือ
หนังสือ The Parent's Guide to The First Year
เคล็ด(ไม่)ลับ ฉบับพ่อแม่มือใหม่ สั่งได้ที่
https://tamjaimorbooks.page365.net/products/79401740
สั่งหนังสือเกี่ยวกับสุขภาพเด็กและการเลี้ยงลูกของหมอวินทั้ง 5 เล่ม
รวมถึง นิทานชุด ‘เด็กชายช่างสงสัย’ ได้ที่
อินบอกซ์ http://m.me/tamjaimorbooks
และ https://tamjaimorbooks.page365.net/
A. เลี้ยงลูกให้กินง่าย แก้ไขเด็กกินยาก
(ปลูกฝังพฤติกรรมการกินที่ดี แก้ปัญหากินยาก)
B. อย่าปล่อยให้พ่อแม่รังแกฉัน (การเลี้ยงลูกเชิงบวก)
C. The Parent's Guide to The First Year
เคล็ด(ไม่)ลับ ฉบับพ่อแม่มือใหม่ * New Release
D. สู่วิถีเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ฉบับชีวิตจริง
Survival Guide to Breastfeeding *** เล่มใหม่ 2568
E. เลี้ยงลูกให้ไกลโรค (ความรู้เรื่องสุขภาพ อาการ โรคและยาในเด็ก)
F. นิทานชุด มิน เด็กชายช่างสงสัย (3 เล่ม - เสียงอะไรน่ะ, แปรงฟัน แปรงฟัน, ก็ผมไม่อยากนอนนี่นา)
