23/08/2025
นาทีชีวิต! สืบนครบาลบุกช่วยสาว PR ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขังตัวเอง หลงเชื่อถูกขู่ทำร้ายครอบครัว โอนเงินเกลี้ยงบัญชีกว่า 2.9 ล้าน
สืบนครบาลบุกช่วยสาว PR วัย 24 ปี หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้กักตัวเองและเรียกค่าไถ่จากครอบครัว สูญเงินไปกว่า 2.9 ล้านบาท โดยพบผู้เสียหายอยู่ในสภาพหวาดกลัวและยังถือโทรศัพท์คาสายวิดีโอคอลกับคนร้าย
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ตำรวจสืบสวนนครบาลได้เข้าช่วยเหลือ น.ส.โม (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ซึ่งถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้กักตัวเองอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ขณะเข้าช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่พบ น.ส.โม อยู่ในสภาพหวาดกลัวอย่างรุนแรง และยังคงถือโทรศัพท์คาสายวิดีโอคอลกับแก๊งคนร้ายอยู่ เมื่อคนร้ายเห็นเจ้าหน้าที่จึงรีบตัดสายไปทันที
ในตอนแรก น.ส.โม ยังไม่เชื่อว่าตัวเองตกเป็นเหยื่อ จนกระทั่งได้พูดคุยกับครอบครัวและยืนยันว่าทุกคนปลอดภัยดี จึงเริ่มมีสติและคลายความกังวล เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวเธอพร้อมครอบครัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล
ถูกหลอกด้วยความสงสารและถูกข่มขู่ด้วยความกลัว
น.ส.โม เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา เธอได้รับโทรศัพท์จากเบอร์แปลก อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลใน จ.เชียงใหม่ และแจ้งว่าเธอเป็นผู้ปกครองของเด็กวัย 3 ขวบที่ถูกแก๊งค้ามนุษย์ทำร้ายและต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วน แม้เธอจะยืนยันว่าไม่เคยมีลูก แต่ปลายสายก็ยังคงพูดจาข่มขู่และกดดันให้โอนเงินช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
หลังจากนั้น คนร้ายได้โอนสายให้เธอคุยกับคนที่อ้างว่าเป็นตำรวจ และแนะนำให้แอดไลน์ของ สภ.ช้างเผือก เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ แต่สุดท้ายกลับถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งค้ามนุษย์ และมีบัญชีธนาคารใช้รับเงินส่วนแบ่งถึง 800,000 บาท
คนร้ายได้บีบบังคับให้น.ส.โม โอนเงิน 200,000 บาทเพื่อตรวจสอบ และต้องหาเงินเพิ่มอีก 800,000 บาทเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ โดยข่มขู่ว่าหากไม่ทำตาม ตัวเธอและครอบครัวจะถูกจับกุมและดำเนินคดี น.ส.โม จึงจำใจหลอกครอบครัวและคนใกล้ชิดว่าต้องการเงินไปทำวีซ่าเพื่อดูงานต่างประเทศ
นอกจากนี้ แก๊งมิจฉาชีพยังบังคับให้น.ส.โม รายงานตัวตลอด 24 ชั่วโมงผ่านวิดีโอคอล และสั่งให้ปิดระบบ GPS รวมถึงย้ายที่พักไปเรื่อยๆ โดยอ้างว่าจะทำให้คดีเสียหายหากมีคนตามหาเจอ ด้วยความหวาดกลัวว่าครอบครัวจะถูกทำร้าย น.ส.โม จึงยอมทำตามคำสั่งและโอนเงินทั้งหมดที่หลอกมาจากครอบครัวและคนใกล้ชิด รวมเป็นเงินกว่า 2.9 ล้านบาท ไปยังบัญชีของมิจฉาชีพ
เตือนภัย! มิจฉาชีพเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวง
พล.ต.ต. โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จากการสืบสวนเบื้องต้นเชื่อว่าคนร้ายเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีรูปแบบการหลอกลวงที่หลากหลายและเล่นกับความรู้สึก รวมถึงความหวาดกลัวของเหยื่อเป็นหลัก ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมตัวผู้กระทำผิดและติดตามผู้ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้าชาวไทยอีก 2 บัญชี มาดำเนินคดีต่อไป....
เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์