
02/08/2025
สิ่งที่เราถูกกระทำ โลกต้องรู้
ภาพที่ทรงพลัง…เมื่อครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวดถล่มเขตชุมชนใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ยืนเรียงแถวชูรูปผู้เสียชีวิตต่อหน้าคณะทูตนานาชาติและสื่อต่างประเทศ โดยด้านหลังคือร้าน 7-11 ที่กลายเป็นซากปรักหักพังเพราะจรวดของกัมพูชา
1- ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 โรงเรียนประกาศเลิกเรียนก่อนเวลา “คมสันต์” กับ “รุ่งรัศ” สองสามีภรรยาจึงขับรถไปรับลูก ๆ ที่โรงเรียน
2- พวกเขามีลูก 2 คน ลูกสาวคนโตชื่อ “น้องผักบุ้ง” อายุ 14 ปี ส่วนลูกชายคนเล็ก ”น้องฟรีคิก“ อายุ 9 ขวบ เรียนอยู่ ป.3
3- เมื่อทั้งสองขับรถไปรับลูก ญาติจึงฝากรับ “น้องซีเกมส์” อายุ 9 ขวบ ซึ่งเรียนอยู่ที่เดียวกันมาด้วยอีกคน
4- หลังรับเด็ก ๆ แล้ว คมสันต์ก็แวะปั๊ม PTT เพื่อเติมน้ำมันรถเตรียมไว้ เพราะหลายพื้นที่ประกาศอพยพเนื่องจากการปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา แต่พื้นที่นี้ยังไม่ใช่พื้นที่สีแดง เพราะอยู่ห่างจากชายแดนพอสมควร
5- ส่วนรุ่งรัศพาเด็ก ๆ ทั้ง 3 คนเข้าไปซื้อขนมในร้าน 7-11 ที่ตั้งอยู่ในปั๊ม ระหว่างนั้นเธอโทรหาแม่ เพื่อบอกแม่ว่าอยู่เซเว่นแล้ว อีกประเดี๋ยวก็ถึงบ้าน จะได้เก็บเสื้อผ้าพากันอพยพ
6- ทันทีที่แม่วางหู ก็ได้ยินเสียงตู้มดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น เสียงชาวบ้านบอกกันปากต่อปากว่าระเบิดลงที่เซเว่น แม่ถึงกับเข่าทรุด นั่นคือครั้งสุดท้ายที่แม่ได้คุยกับรุ่งรัศ
7- ส่วนคมสันต์ซึ่งรอลูกเมียอยู่ในรถ นี่คือฝันร้ายที่สุดในชีวิต เพราะทุกคนไม่มีวันได้กลับออกมาอีก เขาสูญเสียทั้งเมียทั้งลูก และยิ่งเจ็บปวดเมื่อเจ้าหน้าที่เก็บกู้บอกว่าพบศพแม่กอดลูกชายกับหลานไว้แน่น
8- “เราสองคนไม่เคยห่างกันเลย ไปไหนไปด้วยกัน เหมือนเป็นชีวิตเดียวกันก็ว่าได้ แต่แค่วินาทีเดียวก็ไปกันหมดเลย เขาไม่เหลือใครไว้ให้ผมเลย ผมเหลือตัวคนเดียวแล้ว …เธออยู่ทางนั้นดูแลลูก ๆ ด้วยนะ“
9- ผู้เสียชีวิตอีกรายคือ “น้องพิงค์ สาวิตรี” อายุ 18 ปี พนักงานร้าน 7-11 น้องเพิ่งเรียนจบ ม.6 และเริ่มทำงานที่นี่ได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น
10- น้องพิงค์เป็นลูกคนโต มีน้องอีก 2 คน พ่อแม่แยกทางกัน พิงค์กับน้อง ๆ จึงเติบโตมากับปู่ย่า ย่าซึ่งเลี้ยงน้องพิงค์มาแต่เล็ก จนถึงตอนนี้ก็ยังทำใจไม่ได้
11- ”มันโหดร้ายมากเลย เด็กมันไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลย มันจุกอยู่ในอกย่า พูดไม่ออก ตั้งแต่หลานตายย่าก็นอนไม่หลับอีกเลย“
12- ตัดภาพมาที่อีกชีวิตหนึ่ง “อรุณรัตน์” อายุ 60 ปี เช้าวันนั้นเธอแวะไปหาลูกสาวที่บ้าน เพราะเป็นวันเกิดลูก
13- อรุณรัตน์อวยพรวันเกิดให้ลูกอายุมั่นขวัญยืน แล้วก็ขับรถเข้าสวน โดยเธอรับจ้างทำงานในสวนยางพาราซึ่งอยู่หลังร้าน 7-11 ที่เกิดเหตุ
14- เมื่อทราบข่าวจรวดตกใส่เซเว่น ลูกสาวจึงรีบขับรถไปหาแม่ที่สวน แต่ระหว่างทางเธอได้รับสายแจ้งข่าวร้ายว่าแม่เสียชีวิตแล้ว
15- “แม่ทำงานจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต ในมือยังถืออุปกรณ์ทำสวนอยู่เลย และจนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่อาจลืมภาพแม่ที่โดนระเบิดแหลกเหลวจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมได้เลย”
16- ส่วนผู้เสียชีวิตอีกรายคือ “นายสมศรี” อายุ 59 ปี ด้วยความห่วงใยชุมชนของตน สมศรีจึงตัดสินใจเป็นประชาชนจิตอาสา ทำหน้าที่เฝ้าระวังหมู่บ้านในช่วงสถานการณ์ไม่สงบ
17- วันที่ 27 กรกฎาคม กระสุนปืนใหญ่จากกัมพูชาตกใส่บ้านเรือนประชาชนในกันทรลักษ์อีกครั้ง สมศรีเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนเพื่อนของเขาซึ่งเป็นจิตอาสาเช่นกันได้รับบาดเจ็บ
18- ภาพครอบครัวผู้เสียชีวิตยืนชูรูปผู้เป็นที่รักหน้าซากร้าน 7-11 คือสัญลักษณ์ของความสูญเสีย พวกเขากำลังทวงถามความยุติธรรม ท่ามกลางสายตาทูตและสื่อจากนานาชาติ เพื่อให้โลกมองเห็นความเจ็บปวดของประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเรียกร้องสันติภาพเพื่อไม่ให้ใครต้องสูญเสียเช่นพวกเขาอีก
# TruthFromThailand