22/01/2025
[ ] “อาชีพผมไม่มั่นคง เลยต้องใช้เงินระวัง” 4 เทคนิคจัดการเงินให้ชีวิตไม่ลำบากโดย คุณโอม Cocktail
หลายคนคุ้นเคยกับคุณโอม หรือปัณฑพล ประสารราชกิจ ในฐานะนักร้องชื่อดังวง Cocktail หรือผู้บริหารค่ายเพลงอย่าง Gene Lab ในเครือ GMM Grammy แต่จริงๆ แล้วเขายังมีอีกบทบาทในการเป็นผู้ช่วยวางแผนการเงินให้เพื่อนๆ ในวงอีกด้วย ซึ่ง aomMONEY เห็นว่าแนวคิดและเทคนิคของคุณโอมน่าสนใจมากๆ ลองมาดูกันครับว่ามีอะไรบ้าง แอบบอกว่าเรานำมาปรับใช้ได้ทุกข้อแน่นอน
✅1. จงซื้อของเพื่อใช้งาน ไม่ใช่เพื่ออวดคนอื่น
คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า การซื้อของปรนเปรอตัวเอง เป็นการซื้อความสุขเพื่อดับความทุกข์ที่เกิดขึ้น แต่จริงๆ แล้วนั่นเป็นเพียงการ “บรรเทาทุกข์” เพราะสาเหตุที่แท้จริงของปัญหานั้นยังอยู่ หนำซ้ำการใช้เงินปรนเปรอตัวเองมากเกินตัว จะทำให้เกิดปัญหาทางการเงินเพิ่มขึ้นด้วย
คุณโอมให้แง่คิดเรื่องนี้ไว้ว่า การดับทุกข์ที่แท้จริง คือการรู้เท่าทันใน “สิ่งสมมติ” ของที่มีราคาไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นของที่มีค่าเสมอไป และของที่ราคาแพง ก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นของดี สุดท้ายแล้วมนุษย์ควรซื้อของมาเพื่อใช้งาน ไม่ใช่เพื่อประดับฐานะ หรือเพื่ออวดคนอื่น แนวคิดนี้จะทำให้แผนการเงินของเราไม่ถูกรบกวน และไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้นครับ
“ผมเชื่อว่าการใช้เงินเป็นเรื่องส่วนตัวครับ ใครชอบใช้อย่างไหนย่อมเป็นอิสระของเขาที่จะเลือกใช้กัน หากใช้ด้วยความชอบในสิ่งที่เลือก มีความสุขในสิ่งที่ตนเองเลือกโดยไม่ต้องเดือดร้อนหรือเป็นทุกข์ ก็ใช้ไปเถอะครับ แต่ถ้าใช้แล้วลำบากไม่ดีแน่ๆครับ ดังนั้นจึงเห็นว่าอะไรที่จำเป็นคงต้องมาก่อนจริงๆ ครับ อาชีพผมไม่มั่นคง เลยต้องใช้เงินระวัง แต่ก็ไม่ได้ตึงจนเครียดครับ” คุณโอมกล่าวให้ความเห็นเพิ่มเติม
✅2. ซื้อบ้านไว้เป็นสินทรัพย์ มีประโยชน์ยามฉุกเฉิน
ข้อนี้น่าสนใจมากครับ สมาชิกทุกคนในวง Cocktail ต่างก็มีบ้านเป็นของตัวเอง เพราะคำแนะนำของคุณโอม เขามองว่าเมื่อเราทำงานหาเงินมาได้ ก็ควรซื้อบ้านเพื่อเป็นสินทรัพย์ติดตัว นั่นเพราะว่าถ้าในอนาคตเกิดเหตุไม่คาดฝัน อย่างน้อยบ้านที่เราเป็นเจ้าของอยู่ ก็จะช่วยให้ผ่านวิกฤติไปได้
เช่น หากธุรกิจมีปัญหา ก็สามารถใช้บ้านเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ขอเงินทุนหมุนเวียน หรือถ้ามีหนี้สินเยอะ ก็รวมหนี้ไว้ที่เดียวกันได้ โดยนำบ้านไปแลกสินเชื่อ แล้วนำเงินก้อนมาปิดหนี้ทั้งหมด หรืออาจจะปล่อยเช่า/ขายบ้าน เพื่อให้ได้เงินมาใช้จ่ายต่อไป
✅3. รู้จักรายได้ที่แท้จริงของตัวเอง และเวลาในการหาเงินที่ยังเหลืออยู่
ถ้าอายุที่เริ่มต้นทำงาน คิดเป็นตัวเลขกลมๆ คือ 20 ปี แล้วเกษียณตอน 60 ปี
ข้าราชการมีเงินเดือนเฉลี่ย 20,000 บาท
ถ้าทำงาน 40 ปี มีรายได้ 9,600,000 บาท
นักดนตรี ทำงานได้เงินเดือนละ 200,000 บาท
ถ้าทำงาน 10 ปี มีเงิน 24,000,000 บาท
ดูเหมือนว่านักดนตรีจะมีรายได้เยอะ แต่อย่าลืมว่าอาชีพนี้มีขาขึ้น-ขาลง ซึ่งคุณโอมมองว่านักดนตรีจะสามารถทำเงินในวงการได้แค่ราว 10 ปี เท่านั้น (ขณะที่อาชีพอื่นๆ มีช่วงเวลาทำงานหาเงินราว 40 ปี)
ดังนั้น คนที่ประกอบอาชีพอิสระ จึงต้องเอารายได้ต่อเดือนมาหารด้วย 40 เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นรายได้ที่แท้จริง
24,000,000 ÷ 40 = 600,000 บาทต่อปี หรือ 50,000 บาทต่อเดือน
*เมื่อวางแผนการเงินในเรื่องใดก็ตาม ควรใช้ตัวเลขนี้เป็นที่ตั้ง
เพราะตัวเลขรายได้ 200,000 บาทต่อเดือนนั้น เป็นเพียง “ภาพลวงตา” ว่าเรามีรายได้เยอะ
นอกจากนี้ ทั้งอาชีพอิสระและมนุษย์เงินเดือน ต่างก็ไม่มีเงินบำนาญเหมือนกับข้าราชการ จึงต้องคิดวางแผนออมเพื่อเกษียณตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้มีเงินใช้ในตอนแก่นั่นเอง
✅4. สร้างกองทุนเกษียณของตัวเอง
คนส่วนใหญ่เมื่อมีเงินอยู่ในกระเป๋าแล้ว ก็มักจะจ่ายเพื่อสิ่งของที่อยากได้อย่างง่ายดาย แต่ในทางกลับกัน ถ้าบอกให้ออมเงิน ก็จะเป็นเรื่องยาก ดังนั้นคุณโอมมองว่าเราจึงควรแบ่งออมตั้งแต่แรก โดยหักออมอัตโนมัติตั้งแต่ยังเป็นตัวเลขที่เพิ่งเข้าบัญชี เพราะจะง่ายกว่าการหักออมจากเงินสดในกระเป๋า
คุณโอมจึงสร้าง “กองทุนเกษียณของวง” ขึ้นมา โดยทุกครั้งที่วง Cocktail มีรายได้จากงานจ้าง ก็จะหักเงินส่วนหนึ่งจากทุกคน เก็บออมไว้ในบัญชีร่วมกัน ถ้าวงนี้ยังไม่ยุบ เงินก้อนนี้ก็จะไม่มีการถอนออกมา หรือหากต้องการนำมาลงทุนทำธุรกิจ ก็จะต้องมีลายเซ็นยินยอมจากสมาชิกวง
aomMONEY มองว่า ข้อนี้ทุกคนสามารถนำมาปรับใช้ได้ คือทุกอาชีพจะมีกองทุนเกษียณของตัวเองอยู่แล้ว เช่น ประกันสังคม, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ซึ่งเราควรจะใช้สิทธิ์ตรงนี้ให้เต็มเพดาน
แต่ก็อาจจะยังไม่เพียงพอสำหรับเป้าหมายเงินก้อนหลังเกษียณ เราจึงต้องเสริมด้วยการลงทุนรูปแบบอื่นๆ เช่น กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF), ประกันชีวิตแบบบำนาญ, ลงทุนในอสังหาฯ แล้วเก็บค่าเช่าระยะยาว ฯลฯ
[ อ้างอิงในคอมเมนต์ ]
#วางแผนการเงิน #ออมเงิน