18/08/2025
มมส. ดัน AI สู่ทุกคน! ปีงบประมาณ 2569 เตรียมเปิดใช้ Generative AI ระดับโลก ฟรี!
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) เตรียมขยับนโยบายเปิดให้ใช้งาน Generative AI แบบเสรีในระดับสถาบันการศึกษา เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2569 (1 ตุลาคม 2568) โดยมหาวิทยาลัยจะจัดซื้อระบบ AI ระดับโปร เพื่อให้บริการนิสิต อาจารย์ และบุคลากรอย่างทั่วถึงทั้งมหาวิทยาลัย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โครงการอยู่ระหว่างขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้าง คาดแล้วเสร็จภายใน 2–3 เดือนหลังงบประมาณผ่านความเห็นชอบ โดยมีแผนจัดหาแพลตฟอร์ม AI ระดับโปร เพื่อสนับสนุนทั้งงานวิชาการและงานบริหารภายในองค์กร
ดร.สมหมาย ขันทอง ผู้อำนวยการสำนักคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) เผยว่า มมส.กำลังผลักดันนโยบายด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสนับสนุนการเรียนการสอน เนื่องจาก AI กำลังมีบทบาทสำคัญทั้งในชีวิตประจำวันและแวดวงการศึกษา AI จะทำหน้าที่เป็น “ผู้ช่วยสอน” ของนิสิต ช่วยตอบคำถาม ทบทวนบทเรียน และให้คำแนะนำเนื้อหาตามรายวิชาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังช่วยให้อาจารย์สื่อสารและเสริมการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ล่าสุด โครงการได้รับอนุมัติงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ 2569 (เริ่ม 1 ตุลาคมนี้) ขั้นตอนถัดไปคือการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบพัสดุ หากดำเนินการอย่างเร่งรัดอาจใช้เวลาราว 2 เดือน แต่เนื่องจากมีหลายโครงการดำเนินควบคู่กัน จึงอาจใช้เวลารวมประมาณ 2–3 เดือนจึงจะแล้วเสร็จ
เมื่อถามถึงลักษณะของ Generative AI ที่จะนำมาใช้ ดร.สมหมาย เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยจะพัฒนาแพลตฟอร์ม AI สำหรับใช้งานภายใน โดยใช้ระบบฐานข้อมูลปิด (Knowledge Base) อาจารย์สามารถอัปโหลดเนื้อหาวิชาและเอกสารประกอบการสอน เพื่อให้นิสิตทบทวนบทเรียนหรือสอบถามเนื้อหาวิชาได้ตลอดเวลา พร้อมให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัยของข้อมูล และจะไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ นอกจากนี้ ยังมี AI สำหรับบุคลากรและอาจารย์ ออกแบบให้รองรับการจัดทำเอกสารราชการ การค้นหาระเบียบสิทธิประโยชน์ และตอบข้อสงสัยด้านงานบุคคลอย่างรวดเร็ว มหาวิทยาลัยจะคัดเลือกแพลตฟอร์มชั้นนำ เช่น ChatGPT, Gemini และบริการอื่น ๆ ที่เหมาะสม ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ได้หลายระบบตามความต้องการ
ด้านผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์พงษ์ศักดิ์ สังฆมณี อาจารย์ประจำสาขาการสร้างสรรค์คอนเทนต์และนวัตกรรมสื่อดิจิทัล มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เห็นว่า การนำ Generative AI มาใช้ในภาคการศึกษาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในทุกภาคส่วนแล้ว ทั้งธุรกิจ การศึกษา และงานวิจัย AI ช่วยให้การสืบค้นและประมวลข้อมูลรวดเร็วขึ้น ลดเวลาทำงานวิจัยจากเดิมที่ใช้เป็นเดือน เหลือเพียงไม่กี่วัน
อย่างไรก็ตาม อาจารย์พงษ์ศักดิ์ เน้นว่า AI ควรถูกใช้ในฐานะ “ผู้ช่วย” ไม่ใช่ “ตัวแทน” เพื่อให้บุคลากรและนิสิตใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในด้านการเตรียมความพร้อม มหาวิทยาลัยวางแผนประชาสัมพันธ์ พร้อมจัดทำคู่มือการใช้งาน AI และพัฒนาให้เชื่อมต่อกับระบบเรียนการสอนออนไลน์ เช่น Classroom เพื่อสร้างความเข้าใจในบทบาทของ AI ทั้งสำหรับผู้สอนและผู้เรียน โดยเฉพาะรายวิชาที่มีนิสิตจำนวนมาก ซึ่ง AI จะช่วยให้ผู้เรียนได้รับคำแนะนำและคำอธิบายเพิ่มเติมได้อย่างทันท่วงที
ด้านมาตรการควบคุมความเสี่ยงและจริยธรรมการใช้งาน ดร.สมหมาย ย้ำว่า ข้อมูลด้านการเรียน การสอน และงานภายใน จะอยู่ในระบบปิด เพื่อป้องกันการรั่วไหล พร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับจริยธรรมการใช้งาน AI ก่อนเริ่มใช้จริง เพื่อให้เกิดการใช้เทคโนโลยีอย่างมีความรับผิดชอบ
ดร.สมหมาย ขันทอง กล่าวปิดท้ายว่า “AI จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยให้นิสิตเข้าถึงความรู้ได้ง่ายขึ้น และช่วยให้บุคลากรทำงานได้รวดเร็วขึ้น โดยเราจะทำให้ระบบนี้ใช้งานง่ายและปลอดภัย เพื่อประโยชน์สูงสุดของทุกคนในมหาวิทยาลัย”
อาจารย์พงษ์ศักดิ์ สังฆมณี เสนอแนะเชิงนโยบายว่า มหาวิทยาลัยควรพัฒนาแพลตฟอร์ม AI Hub ควบคู่กับระบบ Single Sign-On เพื่อให้ผู้ใช้ล็อกอินด้วยบัญชีมหาวิทยาลัยเพียงครั้งเดียว และเข้าถึงทุกเครื่องมือที่จัดซื้อมา เช่น ChatGPT, Gemini, SciSpace เป็นต้น นอกจากนี้ ควรมีการจัดตั้ง “คลินิก AI” เพื่อให้คำปรึกษา แก้ปัญหาการใช้งาน และสอนการตั้งคำสั่ง (Prompt) ให้ได้ผลลัพธ์ตรงตามเป้าหมาย พร้อมอบรมเรื่องจริยธรรมการใช้ AI ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพามากเกินไป หรือการละเมิดลิขสิทธิ์ทางวิชาการ
ในระยะยาว อาจารย์พงษ์ศักดิ์ เตือนว่า มหาวิทยาลัยควรเตรียมพร้อมสู่ยุค Agentic AI — AI ที่สามารถทำงานหลายขั้นตอนแทนมนุษย์ได้โดยอัตโนมัติ เช่น การสั่งอาหาร ติดต่อบริการ และชำระเงิน ซึ่งความก้าวหน้านี้จะมาพร้อมความท้าทายด้าน Cybersecurity ที่ต้องมีมาตรการป้องกันข้อมูลอย่างรัดกุม
สำหรับผลกระทบต่อทักษะการเรียนรู้ของนิสิต อาจารย์พงษ์ศักดิ์ สังฆมณี เชื่อว่า การมี AI เป็นเครื่องมือ จะกระตุ้นให้อาจารย์แทรกเนื้อหาเกี่ยวกับการใช้งาน AI ลงในรายวิชา เช่น ใช้ SciSpace เพื่อรีวิวงานวิจัย หรือใช้ ChatGPT วิเคราะห์ UX/UI ทำให้นิสิตได้ฝึกใช้ AI ให้เหมาะกับสาขาของตน ไม่ว่าจะเป็นด้านการออกแบบ การเขียนบทความ กฎหมาย หรือวิทยาศาสตร์สุขภาพ
“AI ไม่ใช่ตัวแทนของการคิด แต่เป็นเครื่องมือเสริมให้เราคิดได้เร็วและลึกขึ้น” อาจารย์พงษ์ศักดิ์ทิ้งท้าย
ด้านนิสิต มมส. ให้ความเห็นเชิงบวกต่อการผลักดันนโยบายเปิดใช้ Generative AI โดยระบุว่าเป็นเรื่องดี เพราะช่วยให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะด้านการสืบค้นข้อมูล จากเดิมที่ต้องเปิดหลายเว็บไซต์ แต่เมื่อมี AI มาช่วยวิเคราะห์และคัดกรอง ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็ว ครบถ้วน และสะดวกกว่าเดิม
“ส่วนตัวผมชอบทุกอย่างที่ทำให้การเรียนง่ายขึ้นครับ” นิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคามรายหนึ่งกล่าว
#เสียงไทบ้าน21 #หนังสือพิมพ์เสียงไทบ้าน #มมส #มหาวิทยาลัยมหาสารคาม #ข่าวออนไลน์