
31/01/2022
สาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เมืองไทยประกันชีวิต หรือ MTL กล่าวว่า ปี 2565 นี้ธุรกิจประกันชีวิตยังเจอปัจจัยเสี่ยง และความท้าทายในหลายด้าน แต่ยังตั้งเป้าหมายว่าปีนี้จะมีเบี้ยประกันภัยรับใหม่โตกว่า 10% อัตราใกล้เคียงกับปี 2564 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้กลยุทธ์หลักจะมุ่งขยายฐานผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง (Health & CI) และแบบประกันชีวิตควบการลงทุน (Investment Portion เช่น Unit Link ฯลฯ) ซึ่งปี 2564 ที่ผ่านมาทางบริษัทฯ มีสัดส่วน Health&CI ที่ 31% และมีสัดส่วนการขายประกันฯ แบบคุ้มครองชีวิตและ แบบลงทุนกว่า 77%
อย่างไรก็ตามในส่วนของกำไรบริษัทจากปี 2564 ที่อยู่ราว 7,000 ล้านบาท ยังตั้งเป้าหมายกว่าปี 2565 นี้จะขยายตัวมากกว่าเดิมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งธุรกิจเมืองไทยจะขยายธุรกิจผ่าน 4 บริษัทภายใต้ บริษัท เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด ได้แก่
- ธุรกิจประกันชีวิตผ่าน MTL
- บริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด ภายใต้แบรนด์ Gettgo ที่จะเป็นนายหน้าขายทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัย
- Fuchsia Venture Capital ที่จะลงทุนในธุรกิจด้านอื่นๆ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมธุรกิจประกันฯ เช่น การลงทุนใน Food tech, Health tech ฯลฯ
- aigen หรือ บริษัท ไอเจ็น จำกัด ที่จะให้บริการโซลูชั่นต่างๆ ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) มาใช้
นอกจากนี้ยังเดินหน้าขยายธุรกิจประกันชีวิตในอาเซียนผ่านการร่วมทุนกับบริษัทในท้องถิ่น เช่น กัมพูชา, เมียนมา, สปป.ลาว , เวียนนาม โดยเริ่มต้นเข้าไปขยายธุรกิจในกัมพูชาตั้งแต่ปี 2558 และขยายในหลายประเทศมาถึงปัจจุบัน
(และศึกษาโอกาสจะขยายในประเทศอื่นๆ เพราะเกณฑ์ของ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดกว้างให้แล้ว)
สุดท้ายนี้ในสถานการณ์โควิด-19 และความไม่แน่นอนทางบริษัทฯ ยังมีความเพียงพอของเงินกองทุนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งโดยสะท้อนจากอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนสูงกว่า 300% ณ สิ้นปี 2564 ซึ่งสูงกว่าระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามเกณฑ์ที่ 120%
ติดตามบทความและ VDO ของ Affluent Times
Facebook: https://bit.ly/2VcGqai
YouTube: https://bit.ly/3qMWCMZ