Trang Variety เสนอข้อมูลข่าวสารเรื่องราวต่างๆ

01/10/2025

สองสามีภรรยาวัย 30 ปี ชาวอำเภอเมืองตรัง ทำหมั่นโถวรูปกระต่ายหรือหมั่นโถว DIY รับงานไหว้พระจันทร์ 6 ตุลาคมนี้ ทำฮือฮาเพราะเป็นความน่ารักที่กินได้ หวานน้อยแต่อร่อยมาก และเป็นงานทำมือทุกชิ้น โดยมีชาวไทยเชื้อสายจีนแห่สั่งซื้อไปประดับโต๊ะไหว้พระจันทร์ให้เหมือนกับคำคมที่ว่า “ในพระจันทร์มีกระต่าย”

ที่ร้าน “กิน เป็น สุข” ติดกับร้าน “ฉัน” เลขที่ 18 ถนนไทรงาม ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง สองสามีภรรยาคือนางณัฐธิดาและนายสุวิทย์ ธีระกุลพิศุทธิ์ อายุ 30 ปี กำลังเร่งทำหมั่วโถวรูปกระต่าย หรือหมั่นโถว DIY เพื่อขายในเทศกาลไหว้พระจันทร์ประจำปี 2568 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 6 ตุลาคมโดยปีนี้ทำหมั่นโถวรูปกระต่ายขายมาเป็นปีที่ 3 แล้ว และเป็นงานทำมือทุกชิ้น ขายราคาชิ้นละ 35 บาท ทำผลตอบรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนกรรมวิธีการทำ เริ่มจากการนวดแป้งอเนกประสงค์ผสมกับฟักทองให้เข้ากัน ทิ้งไว้ 30 นาทีจนแป้งนุ่มจึงนำมาชั่งน้ำหนัก แล้วปั้นส่วนต่าง ๆ ให้เป็นรูปกระต่าย ใช้เวลาปั้นชิ้นละ 15-20 นาทีก่อนนำมาพักไว้อีก 3 ชั่วโมง เพื่อให้แป้งฟู นุ่มแล้วนำไปนึ่งด้วยไฟกลางอีก 20-30 นาที จากนั้นจึงนำผงโกโก้มาละลายน้ำอุ่น วาดเป็นตา หู จมูก ปากและหนวด นึ่งต่ออีก 2-3 นาทีจึงนำออกขาย จุดเด่นคือ เน้นหวานน้อย แป้งนุ่มฟู หอมอร่อย เก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 3-4 วันเพราะไม่ใช้สารกันบูด และใช้พืชผักปลอดสารในชุมชน สามารถทานได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในกลุ่มคนรักสุขภาพ

นอกจากนี้ ยังมีหมั่นโถวแฟนซีและซาลาเปาไหว้พระจันทร์ผสมผักต่าง ๆ เช่น ผักโขม แครอท เผือก กะหล่ำม่วงและผักรวม ขายชิ้นละ 12-15 บาท ซึ่งทุกชิ้นเป็นงานทำมือที่สองสามีภรรยาช่วยกันทำวันละ 30-50 ชิ้น โดยวางขายหน้าร้านหลากหลายรูปแบบให้ลูกค้าเลือกทานได้อย่างไม่จำเจ สร้างรายได้กว่า 1,000-1,500 บาทต่อวัน ซึ่งงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ปีนี้ได้รับทำตามออเดอร์วันละไม่เกิน 50-70 ชิ้น เพื่อให้ชาวไทยเชื้อสายจีนที่นับถือพระจันทร์ ได้นำไปเป็นขนมเซ่นไหว้ ประดับตกแต่งโต๊ะบูชาซึ่งจะทำปีละครั้ง ก่อนจะสลับไปทำหมั่นโถวรูปอื่น ๆ หมุนเวียนไปตามเทศกาล ทำยอดสั่งจองทะลุเป้า

สำหรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ เกิดขึ้นในสมัยมองโกลเข้ามาปกครองแผ่นดินจีน เมื่อชาวมองโกลกดขี่ข่มเหงและทำร้ายชาวจีน ทำให้ชาวจีนขุ่นเคืองใจเป็นมาก จึงคิดวิธีนำกระดาษเขียนข้อความ แล้วสอดไส้ไว้ในขนม เรียกร้องให้ชาวจีนทุกคนลงมือสังหารทหารมองโกลที่ประจำอยู่ในบ้านของตนอย่างพร้อมเพรียงกันในวันเพ็ญเดือนแปด ทำให้สามารถโค่นล้มอำนาจการปกครองของมองโกลได้ในที่สุด จึงเกิดการเฉลิมฉลอง และรำลึกการกอบกู้แผ่นดินจีน จนกลายมาเป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ปฎิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน

ส่วนขนมไหว้พระจันทร์ก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันของหนุ่มสาว DIY และเพื่อให้เข้ากับคำคมที่ว่า “บนพระจันทร์มีกระต่าย” จึงมีหมั่วโถวรูปกระต่ายเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าซื้อไปเป็นของฝาก ของเซ่นไหว้ ตามเทศกาล
ส่วนใครสนใจติดต่อได้ทางเพจ/เฟสบุ๊ก “กิน เป็น สุข” และที่หมายเลขโทรศัพท์ ฯ 080-6562765 และ 081-6766666

27/09/2025

เกษตรกรเจ้าของป่าจากชาวอำเภอกันตัง จ.ตรัง ปลูกป่าจากหรือต้นจากไว้ 200 ไร่เพื่อใช้ประโยชน์จากต้นจากตั้งแต่ใบ ก้านและลูกจาก โดยเฉพาะลูกจากถือว่าเป็นอาหารประจำถิ่นที่หากินได้ยาก นำมาขายได้กิโลละ 200 บาท สร้างรายได้เกือบ 2,000 บาทต่อวัน

นางเพ็ญศรี แซ่ฮั่ง อายุ 68 ปี เกษตรกรเจ้าของสวนจากหรือป่าจาก หมู่ที่ 3 บ้านย่านซื่อ ต.ย่านซื่อ อ.กันตัง จ.ตรัง พาครอบครัวเข้าไปตัดลูกจาก นำมาแกะเอาแต่เนื้อข้างในสีขาว ลักษณะคล้ายลูกชิต แต่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ เม็ดใหญ่กว่าลูกชิตและมีสีขาวใส กินเหมือนลูกตาลสด เหนียวหนึบกำลังดี ถือว่าเป็นอาหารประจำถิ่นที่หากินได้ยากในปัจจุบัน ซึ่งลูกจากเกิดมาจากต้นจาก ซึ่งเป็นพืชประจำถิ่นทางภาคใต้ ชอบขึ้นอยู่ในป่าพรุที่มีน้ำทะเลท่วมถึง ใบอ่อนทำใบยาสูบหรือใบจาก ก้านจากใช้ทำภาชนะเครื่องครัว เช่น เสวียนหม้อ ที่ตักน้ำ(ติหมา) กระเป๋าจักสาน ส่วนใบแก่ใช้ทำตับจากมุงหลังคา

โดยในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน-ตุลาคมของทุกปี จะเป็นฤดูกาลของลูกจากที่สุกกำลังดี เกษตรกรเจ้าของสวนจากจึงออกตัดลูกจากในสวนของตัวเองบนเนื้อที่ 200 ไร่ เนื่องจากมีออเดอร์สั่งซื้อลูกจากสดเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทั้งในจ.ตรังและต่างจังหวัด ทำให้เกษตรกรต้องออกตัดลูกจากตั้งแต่เช้าก่อนน้ำทะเลจะท่วมถึง ซึ่งต้องทำงานแข่งกับเวลาวันละ 2 รอบในช่วงน้ำลง ตัดขายได้วันละประมาณ 10 กิโลกรัม ขายผลสดแกะเนื้อแล้วกิโลละ 200 บาท สร้างรายได้ 1,800-2,000 บาทต่อวัน

ซึ่งลูกจากจะมีผลย่อยอยู่รวมกันเป็นช่อ ไม่มีหนาม เมื่อผ่าออกมาจะเห็นเนื้อสีขาวเป็นรูปไข่ กินสดได้ ให้รสหวานเล็กน้อย แต่หอม ละมุน และเหมาะสำหรับนำไปทำขนมหวาน ต้มกับน้ำตาล ใส่กาแฟ เครื่องดื่ม ทำขนมเค้ก ขนมจาก กินสดราดด้วยน้ำผึ้งป่า หรือโรยน้ำตาลทราย ก็อร่อย โดยมีชาวบ้านมาซื้อสดเป็นกิโล เพื่อนำไปทำลูกจากเชื่อม วางขายถุงละ 10 บาท สร้างรายได้อีกทาง ซึ่งลูกจากจะมีให้กินเกือบตลอดทั้งปี แต่จะมีมากในช่วงฤดูฝนไปจนถึงเดือนสิบของทุกปี หลังจากฤดูกาลนี้ไปแล้ว ลูกจากจะลดลงทำให้มีราคาแพงขึ้นเกือบ 2 เท่า

สำหรับนางเพ็ญศรีฯ ยึดอาชีพขายลูกจากมานานหลายปีแล้ว จนสามารถส่งลูกทั้งสามคนเรียนปริญญาตรีได้ โดยมีเกษตรกรจากหลายจังหวัด เดินทางมาศึกษาดูงานกันอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งป่าจากไม่ต้องใส่ปุ๋ย ไม่ต้องรดน้ำ แต่ปล่อยให้ขึ้นเองตามธรรมชาติ เพราะมีแร่ธาตุในดินและน้ำที่สมบูรณ์จากซากพืช ซากสัตว์ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลาอยู่แล้ว แค่ตกแต่งกิ่งให้โล่ง โปร่ง เพื่อระบายอากาศ และเดินได้อย่างสะดวกเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นแนวกันลมพายุให้กับชาวบ้านได้อีกทางหนึ่งด้วย

ส่วนใครสนใจลูกจากสด สามารถติดต่อได้ทางหมายเลขโทรศัพท์ 098-0102793

25/09/2025

สวนลุงเวศน์ อ.นาโยง จ.ตรัง เปิดทุ่งดอกทานตะวันสายพันธุ์ต่างประเทศที่บานพร้อมกันนับหมื่นต้น โดยมีไม้ดอกเมืองหนาวสีสันสดใส บานรับนักท่องเที่ยวรวมกว่าแสนต้น นับเป็นแหล่งปลูกไม้ดอกแห่งแรกและแห่งเดียวในจ.ตรัง ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้เป็นมาก

ที่สวนลุงเวศน์ เลขที่ 212 หมู่ที่ 8 ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสวนไม้ดอกเมืองหนาวและสวนไม้ดอกสวยงามแห่งแรกและแห่งเดียวในจ.ตรัง โดยมีพันธุ์ไม้ดอกต่างประเทศ สีสันแปลกตาให้เข้าชมกว่า 20 ชนิดหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไปตามฤดูกาล ซึ่งนายประเวศน์ ภุ่สุวรรณ อายุ 65 ปีหรือคุณลุงเวศน์ ตั้งใจปลูกไว้เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจ.ตรังตั้งแต่ปี 2564 และในช่วงนี้ลุงเวศน์ฯ ได้ปลูกดอกทานตะวันพันธุ์ “วินเซนต์ ช้อยส์” (Vincent’s Choice) ซึ่งเป็นดอกทานตะวันสายพันธุ์จากต่างประเทศ ใช้เวลาปลูก 55 วัน ดอกทานตะวันจึงเริ่มบานพร้อมกันนับหมื่นต้น

ซึ่งจุดเด่นของทานตะวันสายพันธุ์นี้คือ ใน 1 ต้นจะออกดอกตามข้อตาเกือบทุกข้อ หรือประมาณ 7-10 ดอกต่อต้น ซึ่งดอกบนสุดจะเป็นดอกที่ใหญ่ที่สุด รองลงมาก็จะเป็นดอกขนาดกลางและขนาดเล็ก กลีบดอกสีเหลืองทองซ้อนกันหลายชั้น ตรงกลางดอกมีสีน้ำตาลเข้ม ก้านดอกตั้งตรง ลำต้นสูงใหญ่ ทนทานต่อโรคและแมลง บานนานเกือบ 1 เดือนจึงจะค่อย ๆ ร่วงโรย เป็นโซนที่สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวมาเลเซีย เดินทางมาเที่ยวชมกันเป็นประจำทุกปี

นอกจากนี้ ยังมีทุ่งดอกบลูซันเวียร์หรือดอกสร้อยไก่ ดอกผักเสี้ยนฝรั่ง ดอกหงอนไก่อินเดีย,ดอกดราก้อนแบด รวม 4 แปลง ๆ ละไม่ต่ำกว่า 10,000-30,000 ต้น หรือกว่า 100,000 ต้นซึ่งบานพร้อมกันบนเนื้อที่ 10 ไร่ และมีไม้ดอกเมืองหนาวที่ปลูกได้เป็นแห่งแรกในจ.ตรังอีกหลากหลายชนิด ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ตลอดทั้งปี โดยมีนักท่องเที่ยว บัณฑิตรับปริญญา คู่บ่าวสาวและนักเรียนนักศึกษา เดินทางเข้าชมเป็นจำนวนมาก โดยคิดอัตราค่าบริการเด็กคนละ 20 บาท ผู้ใหญ่ 50 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ถูกสุดในภาคใต้ พร้อมมีต้นกล้าไม้ดอกไม้ประดับจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวในราคากระถางละ 20-100 บาท เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่สนใจ สามารถซื้อกลับไปปลูกได้ พร้อมรับทำน้ำตกจำลองทุกขนาดทั่วไทยในราคามิตรภาพด้วย
แต่สำหรับลูกค้าที่ต้องการจะสร้างจุดเช็คอิน สร้างน้ำตกไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็ก ขนาดใหญ่หรือทำสวนดอกไม้ สามารถติดต่อได้ทางเพจ “สวนลุงเวศน์” หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 083-3990785

23/09/2025

จังหวัดตรัง แถลงข่าวการจัดกิจกรรม “เทศกาลไหว้พระจันทร์จังหวัดตรัง” ภายใต้โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประเพณีจังหวัดตรัง

(23 ก.ย. 68) ที่บริเวณลานห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ตรัง นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมด้วย นายบุ้นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง พลตำรวจตรี ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง นายอดุลย์ หมื่นลึก นายอำเภอปะเหลียน และนายนนทวัฒน์ ชัยเกษตรสิน นายกเทศมนตรีตำบลทุ่งยาว ร่วมแถลงข่าวการจัดกิจกรรม “เทศกาลไหว้พระจันทร์จังหวัดตรัง” ภายใต้โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประเพณีจังหวัดตรัง โดยมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน สื่อมวลชน และประชาชน ร่วมงานแถลงข่าว

นายกเทศมนตรีตำบลทุ่งยาว กล่าวว่า การจัดงานโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประเพณีจังหวัดตรัง กิจกรรม เทศกาลไหว้พระจันทร์จังหวัดตรัง ประจำปี 2568 กำหนดการการจัดงาน ทั้งหมด 7 วัน ระหว่างวันที่ 30 กันยายน - 6 ตุลาคม 2568 โดยเริ่มตั้งแต่ เวลา 17.00 - 23.30 น. ณ ตลาดสดเทศบาลตำบลทุ่งยาว อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง กิจกรรมภายในงาน ประกอบไปด้วย การออกบูธร้านค้าจำหน่ายอาหาร พื้นถิ่น โดยมีร้านค้ามากกว่า 60 ร้านค้า ยังมีการสาธิตทำอาหารเมนูตามประเพณีท้องถิ่น มีการจัดประกวดโต๊ะไหว้พระจันทร์ พร้อมชมนิทรรศการ ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของประเพณีไหว้พระจันทร์ และนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) แห่งราชวงศ์จักรี ทั้งนี้ ในปีนี้ เราได้มีการจัดแสดง แสง เสียง ประวัติความเป็นมาเทศกาลประเพณีไหว้พระจันทร์ ในชื่อชุด เทพจันทรา ธิดาฉางเอ๋อ สู่ดวงจันทร์ อย่างยิ่งใหญ่จำนวน 5 วัน โดยจัดแสดงในวันที่ 2 - 6 ตุลาคม 2568 เพราะมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยจีน ของเยาวชนในพื้นที่ ทั้งหมด 7 วัน มีดนตรี ฟังร่วมสมัย ทุกวัน เรายังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ จำนวนถึง 2 จุด มีซุ้มทางเข้างาน ซึ่งเป็นซุ้มที่ทำขึ้นเพื่อแสดงอัตลักษณ์ของชาวทุ่งยาวอย่างสวยงาน ทั้งนี้ขอเรียนเชิญพี่น้องสื่อมวลชน และแขกผู้มีเกียรติมาเข้าร่วมพิธีเปิดด้วยกันในวันที่ 6 ตุลาคม 2568 และช่วยกันประชาสัมพันธ์ กระจายข่าวงานครั้งนี้ ให้ทั่วประเทศ ทั่วโลกรู้ว่าจังหวัดตรังเรามีของดี “คิดถึงการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ มีทะเลสวยงาม มีประเพณีวัฒนธรรม อันยาวนาน อาหารหลากหลายอร่อยทุกเมนู แถมถูกและประหยัด ให้คิดถึงจังหวัดตรัง”

ทางด้าน ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า กิจกรรมเทศกาลไหว้พระจันทร์จังหวัดตรัง ประจำปี 2568 ถือว่าหนึ่งในกิจกรรมสำคัญของจังหวัดตรัง เพราะเป็นงานเทศกาลอันเก่าแก่ที่ชาวทุ่งยาว อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นชาวไทยเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว ได้ถือปฏิบัติสืบทอดกันมายาวนานกว่า 100 ปีแล้ว โดยเฉพาะการที่ชาวทุ่งยาวจะพร้อมใจกันจัดโต๊ะไหว้พระจันทร์ ไว้หน้าบ้านเรือนของตนเอง หรือเรียงรายตลอดสองข้างถนน รอบตลาดเทศบาลตำบลทุ่งยาว อันถือเป็นภาพที่สวยงามและมีมนต์เสน่ห์ยิ่งนัก จนถือได้ว่าเป็นชุมชนเพียงแห่งเดียวของประเทศไทยในขณะนี้ที่ยังคงยึดถือธรรมเนียมดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นงานที่อยากจะเชิญชวนทุกท่านให้มาร่วมชม เป็นงานที่สะท้อนถึงภาพลักษณ์ของจังหวัดตรัง และเป็นการเผยแพร่ สืบสาน รวมไปถึงการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมที่สืบสานมายาวนาน ดังนั้นการจัดกิจกรรม ในครั้งนี้ จังหวัดตรังจึงเตรียมความพร้อมของพื้นที่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มาร่วม ชมงาน อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในทุกๆ ด้าน อีกด้วย

สำหรับงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ เป็นประเพณีของชาวจีน ซึ่งได้ถือปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นเวลายาวนาน ซึ่งกระทำกันในช่วงเวลาใกล้ค่ำ ของวันเพ็ญเดือนแปด ซึ่งเป็นวันพระจันทร์เต็มดวง โดยมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมา จากบรรพบุรุษให้บุตรหลานรับทราบถึงที่มาของประเพณีการไหว้พระจันทร์ ว่าเป็นเรื่องจริงที่มีบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์ชนชาติจีน ที่คนจีนริเริ่มเทศกาลนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นอุบาย ในการปฏิวัติออกจากการปกครองของชาวมองโกล โดยตั้งใจออกแบบขนมเปี๊ยะให้ก้อนใหญ่และไส้หนาเป็นพิเศษ เพื่อใช้ซ่อนเอกสารในการติดต่อสื่อสาร และกำหนดให้เที่ยงคืนของวันเพ็ญเดือนแปด เป็นวันกู้เอกราช โดยทุกครอบครัวพร้อมใจกันรุมฆ่าชาวมองโกล เมื่อได้เอกราชคืนมาชาวจีนจึงยึดถือเอาวันเพ็ญเดือนแปด เป็นวันไหว้พระจันทร์สืบต่อมา เพื่อรำลึกถึงการกู้ชาติ อย่างไรก็ตาม พิธีดังกล่าวแสดงถึงความผูกพันความรัก ความสามัคคี และความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ทั้งยังนำมาซึ่งความสุขทางด้านจิตใจ และมีกำลังใจในการที่จะต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในการดำรงชีวิตประจำวัน เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของตนเองและครอบครัวต่อไป

22/09/2025

ส่งตายายด้วยเอฟ 16 และรถถัง

ชาวบ้านในชุมชนบ้านนาเหนือ อ.กันตัง จ.ตรัง ระดมช่างฝีมือด้านต่าง ๆ ทำเครื่องบินรบ F 16 และรถถัง ด้วยงบหลักพัน เพื่อร่วมในพิธีส่งตายายหรืองานบุญเดือนสิบ(วันสารทไทย) ซึ่งเป็นงานบุญใหญ่ของชาวภาคใต้ในวันพรุ่งนี้ และเพื่อแสดงออกถึงความรักชาติ ความหวงแหนแผ่นดินไทย

ที่โรงเรียนบ้านนาเหนือ หมู่ที่ 5 ต.คลองลุ อ.กันตัง จ.ตรัง ชาวบ้านในชุมชนบ้านนาเหนือกว่า 50 คน ที่มีฝีมือด้านช่างไม้ ช่างไฟ ช่างเหล็ก ช่างสี ช่างปูน และช่างต่าง ๆ ๆ ร่วมใจกันทำเครื่องบินรบ F 16 และรถถังทหารไทยขึ้น เพื่อสร้างสีสันในพิธีส่งตายายในงานบุญเดือนสิบหรือวันสารทไทย หรือวันชิงเปรตในวันพรุ่งนี้(22 ก.ย) ซึ่งตรงกับวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 ถือเป็นประเพณีงานบุญใหญ่ของพี่น้องชาวภาคใต้ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว

ซึ่งปีนี้ชาวบ้านได้ไอเดียมาจากการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา จึงคิดทำเครื่องบิน F 16 (กริฟเฟ่น)และรถถังให้เสมือนจริงขึ้น โดยใช้เวลาประดิษฐ์เครื่องบิน F 16 ประมาณ 15 วัน ด้วยงบ 1,500 บาทและสร้างรถถังในเวลา 3 วันด้วยงบไม่ถึง 1,000 บาท เนื่องจากเป็นวัสุดที่อยู่ในพื้นที่ ทั้งเศษไม้ ไม้ไผ่ โครงเหล็ก ปูน ลวดและอุปกรณ์เหลือใช้ต่าง ๆ และเป็นงบของชาวชุมชนบ้านนาเหนือที่ได้จากการจัดกิจกรรมในพื้นที่

ซึ่งทุกปีชาวชุมชนบ้านนาเหนือ มักจะทำสิ่งประดิษฐ์ล้อการเมืองเพื่อสร้างสีสันในงานวันสารทบุญเดือนสิบ แต่ปีนี้พิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากจะสร้างความฮือฮาให้กับผู้พบเห็นได้แล้ว ยังเป็นการแสดงออกถึงความรักชาติ ความหวงแหนแผ่นดินไทยของชาวบ้านในชุมชนได้อีกทางหนึ่งด้วย โดยในวันพรุ่งนี้(22 ก.ย) ทั้งเครื่องบิน F 16 และรถถังจะร่วมในขบวนแห่ส่งตายายที่วัดโคกยาง ต.โคกยาง อ.กันตัง จ.ตรังในเวลา 08.30 น.

สำหรับงานบุญเดือนสิบหรือวันสารไทยปีนี้ ตรงกับวันที่ 8 กันยายน ถือเป็นวันรับตายายหรือวันทำบุญเล็ก ส่วนวันที่ 22 กันยายน ตรงกับวันส่งตายายหรือวันทำบุญใหญ่ โดยเชื่อว่าช่วงเดือนสิบตามปฎิทินจันทรคติ บรรพบุรุษหรือญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว จะสามารถกลับมารับส่วนบุญจากลูกหลานที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ โดยเฉพาะผู้ที่ตกนรก หรือที่เรียกว่า “เปรต” จะได้รับอนุญาตให้กลับมารับส่วนบุญส่วนกุศลในโลกมนุษย์ได้ และยังถือเป็นวันรวมญาติของครอบครัวที่อยู่ห่างไกลกันให้กลับมาพบกันในอีกเทศกาลหนึ่งด้วย

17/09/2025

คุณตาวัย 67 ปีขอใช้พื้นที่ว่างในสวนปาล์มน้ำมันวัยอ่อนของญาติพี่น้องและเพื่อนบ้าน ปลูกถั่วลิสงเพื่อหารายได้เสริม ขายกิโลละ 40-50 บาท สร้างรายได้ 800-1,000 บาทต่อวัน

นายเจริญ เอียดศรี อายุ 67 ปี เกษตรกรหมู่ที่ 3 ต.ปากแจ่ม อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ขอใช้พื้นที่ว่างในสวนปาล์มน้ำมันวัยอ่อนและสวนยางพาราวัยอ่อนของญาติพี่น้อง ตลอดจนเพื่อนบ้านใกล้เคียง เพื่อปลูกถั่วลิสง(ถั่วใต้ดิน) ขายสร้างรายได้เสริมหลังกรีดยางพารา โดยขอใช้ฟรีและตอบแทนด้วยการให้ถั่วลิสงเป็นค่าเช่า ซี่งคุณตาเจริญฯ หันมาปลูกถั่วลิสงนาน 3-4 ปีแล้ว โดยใช้เวลาปลูกประมาณ 90 วัน ก็เก็บผลผลิตขายได้กิโลกรัมละ 40-50 บาท

ซึ่งแต่ละวันสามารถเก็บถั่วลิสงได้ไม่ต่ำกว่า 20-30 กิโลกรัม สร้างรายได้ 800-1,200 บาทต่อวัน โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ ที่มารับไปขายต่อหรือนำไปต้มขายในงานเทศกาลต่าง ๆ โดยเก็บถั่วลิสงส่วนหนึ่งไว้ทำเมล็ดพันธุ์ในรอบต่อไป ซึ่งปลูกได้ตลอดทั้งปียกเว้นในช่วงหน้าแล้ง ซึ่งปลูกครั้งละประมาณ 2-3 ไร่ได้ผลผลิตไร่ละ 200-250 กิโลกรัม สร้างรายได้กว่า 30,000 บาทต่อรอบหรือกว่า 120,000 บาทต่อปี จนกลายเป็นอาชีพเสริมที่ทำให้คุณตาเจริญฯ มีรายได้ดีกว่าการรับจ้างกรีดยางพาราหลายเท่า

สำหรับถั่วลิสงเป็นถั่วพันธุ์พื้นเมืองเม็ดใหญ่ เนื้อแน่น มันหนึบ เต็มเมล็ด มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยลดในการควบคุมน้ำหนัก ช่วยระบบขับถ่ายช่วยลดคลอเรสเตอรอล ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย มีวิตามินและสารอาหารหลายชนิดที่มีผลดีต่อสุขภาพ ทำให้ถั่วลิสงเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่ง ที่ตลาดมีความต้องการเพิ่มขึ้น ใช้ได้ในทุกงาน ทั้งงานแต่งงาน งานศพ งานเทศกาล งานประเพณีต่าง ๆ ก็จะมีถั่วลิสงในรูปแบบของขนม ถั่วต้ม ถั่วคั่ว และอื่น ๆ

ด้านนายเจริญ เอียดศรี เกษตรกรผู้ปลูกถั่วลิสงกล่าวว่า ขอใช้พื้นที่เขาไม่ต้องเช่า เช่น สวนปาล์ม สวนยาง ใช้เวลาปลุกประมาณ 3 เดือนเก็บเกี่ยวได้ ขายราคา 40-50 บาทแล้วแต่ช่วงเวลา ต่อวันเก็บได้สูงสุดประมาณ 20-30 กิโล การปลูกถั่วให้ได้ผลดีคือเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ฝนลงแล้ว อีกรอบคือช่วงไหนก็ได้แต่ไม่ให้เกินเดือนมกราคม อย่าให้ติดหน้าแล้งเพราะไม่มีน้ำ ถ้ามีน้ำก็ปลูกได้ตลอดปี ส่วนของตนขายหมดทุกรอบ

12/09/2025

มูลนิธิสว่างภักดีตรังธรรมสถาน ประกอบพิธีไล่จับวิญญาณเร่ร่อน ที่เสียชีวิตอยู่ตามท้องถนน ในแม่น้ำลำคลองและตามสามแยก สี่แยกต่าง ๆ เพื่อส่งวิญญาณไปสู่ภพภูมิที่ดีในงานประเพณีทิ้งกระจาดประจำปี 2568 ปีนี้ไล่จับวิญญาณทั้งชาย หญิงและเด็กได้จำนวน 3,421 ดวง ท่ามกลางเสียงสุนัขเห่าขรม

(เมื่อวันที่ 11 ก.ย) เวลา 17.30 น. มูลนิธิมุทิตาจิตธรรมสถาน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งประธานใหญ่ของมูลนิธิในเครือสว่างเขต 10 รวม 14 จังหวัดภาคใต้ ร่วมกับมูลนิธิสว่างภักดีตรังธรรมสถาน จัดงานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2568 เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษและวิญญาณเร่ร่อนที่เสียชีวิตอยู่ตามท้องถนน ในแม่น้ำลำคลอง ตามสามแยก สี่แยกต่าง ๆ โดยเรียกพิธีนี้ว่าพิธี “เตี่ยวโกวฮุ้ง หรือพิธีโปรดดวงวิญญาณ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิดหรือยังไม่ได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี และเป็นการขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้หมดไปในแต่ละปี

ซึ่งที่จ.ตรังจะมีการไล่จับวิญญาณปีละ 1 อำเภอ หรือ 1 คืนเท่านั้น แล้วแต่องค์เทพแปดเซียน หรือองค์โป๊ยเซียนโจวซือจะเลือกไปโปรดวิญญาณในอำเภอไหน โดยปีนี้นับเป็นปีที่ 5 แล้ว และองค์โป๊ยเซียนโจวซือได้เลือกไปที่อำเภอห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเริ่มด้วยพิธีลอยกระทงลงในคลองบางดี ต.บางดี อ.ห้วยยอด เพื่อเป็นการเชิญดวงวิญญาณที่เสียชีวิตทางน้ำ ให้ขึ้นมารับส่วนบุญส่วนกุศล ซึ่งชาวไทยเชื้อสายจีนยังเชื่อว่า เป็นการขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีให้หมดไป

จากนั้นในเวลา 19.00 น. องค์เทพแปดเซียน ซึ่งถูกอัญเชิญให้ลงมาประทับร่างคณะทรงผ่านไม้หลิว ได้ออกโปรดดวงวิญญาณ หรือไล่จับดวงวิญญาณเร่ร่อนตามท้องถนน สามแยกและสี่แยกต่าง ๆ ที่ยังลอยวนอยู่ ณ จุดที่ตัวเองเสียชีวิต หาทางไปผุดไปเกิดไม่ได้ ให้ได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมาน โดยหากพบดวงวิญญาณเร่ร่อน ณ จุดไหน ไม้หลิวก็จะนำคณะร่างทรงไปวิ่งไล่จับทีละจุด และใช้ไม้หลิวเขียนเป็นภาษาจีนลงในกระดาน เพื่อให้รู้ว่ามีดวงวิญญาณตรงนั้นกี่ดวง เป็นผู้หญิง ผู้ชายหรือเด็กจำนวนเท่าไหร่ ก่อนจะเผากระดาษยันต์ เพื่อเชิญดวงวิญญาณ
โดยเริ่มตั้งแต่ตำบลบางดี ตำบลนาวง ตำบลห้วยยอด ตำบลลำภูรา อ.ห้วยยอด และตำบลคลองเต็ง อ.เมือง รวมระยะทางกว่า 35 กิโลเมตร คณะร่างทรงฯ ใช้เวลาเดินเท้าไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง หรือจนถึงเวลา 12.45 น.วันนี้(12 ก.ย) โดยพบว่าส่วนใหญ่ จะเป็นวิญญาณที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งปีนี้สามารถไล่จับวิญญาณได้จำนวน 3,421 ดวง เป็นดวงวิญญาณผู้ชาย 1,543 ดวง ผู้หญิง 936 ดวงและเด็ก 942 ดวง ซึ่งในวันนี้(12 ก.ย) จะมีพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศล ให้กับดวงวิญญาณทั้งหมด ไปสู่ภพภูมิที่ดี ซึ่งขณะทำพิธีไล่จับวิญญาณตามท้องถนน มีเสียงสุนัขเห่าหอนกันขรม ทำขนหัวลุกกันเลยทีเดียว
ซึ่งที่มูลนิธิสว่างภักดีตรังธรรมสถาน เป็นมูลนิธิหนึ่งเดียวในจ.ตรังที่มีพิธีไล่จับวิญญาณทั้งทางบกและทางน้ำ ซึ่งเป็นพิธีที่ห่าชมได้ยาก 1 ปีจะมีเพียง 1 ครั้ง โดยหลังเสร็จสิ้นพิธีไล่จับวิญญาณ คณะร่างทรงองค์เทพแปดเซียน ก็ได้ประพรมน้ำมนต์แก่เจ้าหน้าที่ในเครือมูลนิธิสว่างทั้งจากจ.ตรัง นครศรีธรรมราช สงขลา เบตงและสุราษฎร์ธานีที่มาช่วยงานรวมกว่า 100 คน เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจด้วย

11/09/2025

จี้เทศบาล บ่อขยะไสลาว 9 แสนตัน เหม็น น้ำเน่าเรื้อรัง ขู่ปิดบ่อหากไร้คืบหน้า
ชาวบางรัก พร้อมผู้นำชุมชน ไม่ทนแล้ว ลุกฮือ! รวมตัวประท้วงบ่อขยะไสลาว กองพะเนิน 9 แสนตัน ของเทศบาลนครตรัง หลังเดือดร้อนหนักจากกลิ่นเหม็น–น้ำเน่าเสียต่อเนื่องนานนับ 30 ปี จี้เทศบาลฯ หยุดทิ้งขยะ หลังใบอนุญาตขอใช้พื้นที่จาก อบต.บางรัก หมดอายุแล้วกว่า 4 ปี เตรียมยื่น สตง.–ป.ป.ช. หากไร้ความคืบหน้า พร้อมขู่ปิดบ่อ ด้านเทศบาลฯ แจง ใช้ระบบบำบัดทางชีวภาพด้วยกลไก
วันนี้ 11 ก.ย.68 ที่บ่อกำจัดขยะเทศบาลนครตรัง (ไสลาว) โครงการระบบจัดการขยะและส่งปฏิกูล ตั้งอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 60 ไร่ ภายในพื้นที่สนามกีฬาทุ่งแจ้ง ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง นายวิรัตน์ รักนาย หรือ สจ.จู ส.อบจ.ตรัง นายสุรนอง กิ้มเฉี้ยง หรือกำนันนอง กำนัน ต.บางรัก นายสายัณห์ สุขสวัสดิ์ นายก อบต.บางรัก พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้านทั้ง 6 หมู่บ้านของ ต.บางรัก ตัวแทนชาวบ้าน และนักเรียนโรงเรียนวัดแจ้ง กว่า 50 ชีวิต ได้รวมตัวกันประท้วง ภายหลังจาก ได้รับผลกระทบจากปัญหากลิ่นเหม็นจากบ่อขยะ และลำคลองตลอดแนวริมบ่อขยะมีน้ำเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง
ในระหว่างนั้นมี นายกิตติพงษ์ ทวนดำ หัวหน้าฝ่ายช่างสุขาภิบาลเทศบาลนครตรัง และตัวแทนจากผู้รับจ้างบำบัดขยะ ออกมาต้อนรับกลุ่มผู้ประท้วง ก่อนนำเข้าไปดูภายในบ่อขยะ และอธิบายถึงกระบวนการกำจัดขยะ และการบำบัดน้ำเสีย ปัจจุบันบ่อกำจัดขยะเทศบาลนครตรัง (ไสลาว) มีรถขนขยะจาก อปท. 26 แห่งใน จ.ตรัง นำขยะมาทิ้งวันละ 120 ตัน ในกระบวนการ ใช้วิธีการบำบัดทางชีวภาพด้วยกลไก (MBT) เพื่อลดปัญหาการฝังกลบ ใช้กลไกการคัดแยกด้วยโม่ผสม หลังจากนั้นขยะจะถูกนำไปหมักไว้ บนแผ่นไม้พาเลทและมีระบบระบายอากาศในกองหมักเพื่อช่วยย่อยสลายอินทรียวัตถุ
ซึ่งหลังจากขยะผ่านการบำบัดแล้วจะถูกนำไปใช้เป็นวัสดุเชื้อเพลิงพลังงาน (RDF) โดยจากวิธีการนี้มีขยะที่ผ่านการบำบัดแล้ว 231,560.75 ตัน เป็นวัสดุเชื้อเพลิง 27.600 ตัน ส่งออกไปแล้ว 13,398.89 ตัน อย่างไรก็ตามชาวบ้านและชุมชนข้างเคียงยังได้รับผลกระทบเรื่องกลิ่นขยะเหม็นและน้ำเน่าเสีย บางรายต้องทนมานานกว่า 30 ปี ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลานาน มีการนำเสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงไม่มีการแก้ไขปรับปรุงอย่างเป็นรูปธรรม
เบื้องต้น ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบโดยตรง มีหมู่ 5 จำนวน 500-600 ครัวเรือน หมู่ 1 จำนวน 200 กว่าครัวเรือน และหมู่ 3 จำนวน 100 กว่าครัวเรือน ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่รอบข้างบ่อขยะแห่งนี้ ส่วน ต.บางรัก มี 6 หมู่บ้าน ทิศทางลมที่นำกลิ่นนี้ออกไปมากกว่า 5-10 กิโลเมตร รวมทั้งน้ำเน่าก็เป็นปัญหาใหญ่ เพราะจะลงไปสู่แม่น้ำตรัง
นายวิรัตน์ รักนาย ส.อบจ.ตรัง กล่าวว่า ขอยืนยันว่าตนไม่ได้มีความขัดแย้งส่วนตัวกับใครทั้งสิ้น และไม่มีผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งกับใคร มาวันนี้เพื่อแสดงพลังว่าชาวบ้านเดือดร้อนจากบ่อขยะแห่งนี้มาเป็นระยะเวลานาน จึงได้หารือกับผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และชาวบ้านว่าเรื่องนี้จะต้องจบได้แล้ว ตนทวงถามไปถึงเทศบาลฯ ว่าพื้นที่ดังกล่าวนี้เป็นของ อบต.บางรัก เทศบาลฯ ได้ขออนุญาตใช้ขึ้นเมื่อ พ.ศ.2539 โดยขออนุญาตใช้ไว้เป็นระยะเวลา 25 ปี แต่การอนุญาตได้ขาดและสิ้นสุดไปเมื่อ 2564 ที่ผ่านมา หรือกว่า 4 ปีมาแล้ว ตนจึงสงสัยว่าในเมื่อใบอนุญาตขอใช้พื้นที่หมดอายุแล้ว มีการทำประชาคมถึง 2 ครั้ง ซึ่งไม่ผ่าน แต่เทศบาลฯยังจัดสรรงบประมาณมาดำเนินการอยู่อีก อีกทั้งจำนวนของขยะก็ไม่ได้ลดลงเลย ไม่ได้มีการแก้ไขใดๆทั้งสิ้น และยังให้ อปท.อื่นๆเข้ามาทิ้งขยะในพื้นที่นี้อีกด้วย
โดยตอนนี้ตนได้ทำเอกสาร เพื่อที่จะไปยื่นกับทาง สตง. และ ป.ป.ช.พร้อมทั้งจะนัดพูดคุยกัน เพื่อจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ จะไม่ให้แย่ลงไปกว่านี้อีก วันนี้เป็นวันแรกที่ชาวบ้านออกมาแสดงจุดยืน ก่อนหน้านี้ตนก็ได้ยื่นหนังสือไปถึง ผวจ.ตรังแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีการตอบรับใดๆกลับมา ทาง อบต.บางรัก ก็ได้ทำหนังสือไปถึงเทศบาลฯ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆทั้งสิ้น หลังจากนี้หากยื่นหนังสือถึง ป.ป.ช. และ สตง.แล้ว จะมีการนัดประชุดและพูดคุยกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบ แต่หากยังไม่มีผลและความคืบหน้าใดๆ สุดท้ายชาวบ้านและผู้นำทั้งหมดจะเข้ามาปิดบ่อขยะแห่งนี้ หากไม่มีทางออกยังอยู่กันแบบนี้ชาวบ้านเหม็นและเดือดร้อนจริงๆ ลมพัดไปทางไหนก็เหม็นไปทางนั้น
อีกอย่างนอกจากบ่อขยะแล้ว บ่อน้ำเสียก็ไม่เคยบำบัด บ่อปฏิกูลก็อยู่ในพื้นที่ ต.บางรัก หากน้ำท่วม น้ำหลาก ฝนตกหนัก สิ่งเหล่านี้ก็จะไหลไปตามน้ำเข้าพื้นที่ ต.บางรักอีก แล้วชาวบ้านบางรักจะอยู่กันยังไงในอนาคตข้างหน้า เมื่อตอนนี้เป็นอยู่เช่นนี้ หากไม่จบที่พวกเรา มันก็ไม่จบแล้ว เทศบาลฯเข้ามาจัดการบริหาร หากชาวบ้านไม่กระตือรือร้น ก็ไม่เคยให้ความสำคัญใดๆ ไม่เคยออกมาจัดการเป็นจริงเป็นจังสักที ตนเชื่อว่าผลประโยชน์มีเยอะมหาศาล แต่ตนไม่ขอล่วงล้ำ คุยไปคุยมาก็ไร้สาระ เสียเวลา ต้องแก้ที่ต้นเหตุ ชาวบ้านเดือดร้อนเรื้อรัง ก็ไม่รู้จะพึ่งใคร ตน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็ต้องคอยรับฟังความเดือดร้อนของชาวบ้าน ถ้าคิดจะแก้จริงๆตอนนี้มันต้องดีกว่านี้
ทางด้าน นายสุรนอง กิ้มเฉี้ยง กำนัน ต.บางรัก กล่าวว่า ความเดือดร้อนชาวบ้านมากมายมหาศาล เพราะไม่มีใครอยากอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ คือความเป็นจริงที่อยู่กันทุกวันนี้ นโยบายภาครัฐต้องให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข แต่ความสุขของชาวบ้านไม่มีเลย หาที่พึ่งยากมาก ตนก็คุยกับผู้นำท้องที่ท้องถิ่น เพื่ออยากแก้ปัญหาให้กับชาวบ้านในสมัยที่พวกเรายังทำงานอยู่ ทำยังไงก็ได้ไม่ให้กระทบกับชาวบ้าน เพราะชาวบ้านทนทุกข์ทรมานมากว่า 30 ปีแล้ว หวังว่าในการขอใช้พื้นที่ หลังจากหมดระยะเวลาของใบอนุญาตแล้ว ชาวบ้านอยากเห็นสภาพพื้นที่นี้เป็นที่ใช้ในการออกกำลังกาย หรืออื่นๆ โยไม่ต้องการกองขยะนี้แล้ว เชื่อเหลือเกินว่าไม่มีใครต้องการสิ่งเน่าเหม็นเช่นนี้ เพราะพื้นที่ตอนนี้เป็นพื้นที่ชุมชน พื้นที่เมือง ไม่ใช่พื้นที่ป่า ถ้าหากโยกย้ายได้ก็ให้โยกย้ายออกจากพื้นที่ ต.บางรัก วิงวอนหน่วยงานที่จะช่วยเหลือได้ ช่วยแก้ปัญหาให้ถูกที่ถูกทางในระยะยาว ไม่ใช่แก้ปัญหาเบื้องต้น ที่นำดินมากลบ ขยะเพิ่มเหมือนภูเขาแล้ว ตอนนี้ขยะที่กองหมักหมดอยู่คล้ายกับเป็นระเบิด น้องแต่นิวเคลียร์
ขณะที่ นายอานนท์ วุ่ยสิ้น อายุ 39 ปี ชาวบ้าน หมู่ 5 กล่าวว่า กลิ่นขยะจะมีอยู่ตลอดเวลา แต่ช่วงฝนตก และในช่วงที่มีการรื้อขยะ จะมีกลิ่นเหม็นมาก เพราะตนอยู่ใกล้กับบ่อขยะมากที่สุด เพราะบ้านอยู่ห่างไปเพียง 30-40 เมตรเท่านั้น ปัญหาน้ำเน่าเสียก็ได้รับผลกระทบ การทำมาหากิน หาสัตว์น้ำก็จะทำไม่ได้เลย เพราะน้ำในลำคลองก็มีกลิ่น ที่ผ่านมาทางเทศบาลฯ ก็ไม่ได้เข้ามาพูดคุยหรือมาถามความเดือดร้อน ส่วนมากตนก็จะสะท้อนปัญหาความเดือดร้อนผ่าน ผู้ใหญ่บ้าน และ อบต.
ส่วน นายกิตติพงษ์ ทวนดำ หัวหน้าฝ่ายช่างสุขาภิบาลเทศบาลนครตรัง กล่าวว่า ในคลัสเตอร์ของเทศบาลฯ ที่รับผิดชอบดูแล มี อปท.ที่เข้ามาทิ้ง ประมาณ 26 แห่ง มีขยะที่เข้ามาเฉพาะของเทศบาลนครตรังเอง 60 ตันต่อวัน จากคลัสเตอร์ อปท.ข้างเคียงจำนวน 60 ตันต่อวัน รวมเป็นขยะ 120 ตันต่อวัน ส่วนขยะที่มีการสะสมอยู่ในบ่อ เนื่องจากบ่อสร้างมาเป็นระยะเวลานาน ตั้งแต่เริ่มปี 2541 สร้างเสร็จปี 2543 และเริ่มฝังกรบขยะมา 25 ปี ทำให้ขยะภายในบ่อที่มีการประมาณการ 8-9 แสนตัน ซึ่งเป็นขยะเก่าที่อยู่ในบ่อ และขยะใหม่ที่เข้ามารายวัน 120 ตันต่อวัน เฉลี่ยหนึ่งปีก็ประมาณ 3-4 หมื่นตัน ที่เพิ่มขึ้นมา ระบบการจัดการตอนนี้ ใช้ระบบ MBT หมายความว่า ถุงขยะมีการฉีกออก ตั้งกองหมัก หมักได้ที่ขยะเสถียร ขยะเหล่านี้ก็จะไม่มีกลิ่น ก็จะกลายเป็นปุ๋ย จะได้ออกมา 2 อย่าง คือ RDF ซึ่งเป็นเชื้อเพลิง และเป็นอินทรีย์ เมื่อเราบำบัดเสร็จ ขยะ RDF ก็จะส่งออก ส่วนขยะอินทรีย์ก็สามารถนำไปใช้เป็นปุ๋ย เพิ่มใช้เป็นสารปลูกพืชของเทศบาลฯได้ โดยตามที่นำเรียนเรามีขยะใหม่ 120 ตันต่อวัน เราบำบัดขยะเก่าต่อวัน 180 ตันต่อวันเป็นอย่างน้อย ก็คือวันละ 300 ตันต่อวันในการจัดการ ระยะเวลาเราบำบัดมาตั้งแต่ปี 2565 มาจนถึงปัจจุบัน เราบำบัดขยะออกไปแล้ว 230,000 ตัน ในสัญญาของผู้รับจ้างก็เหลือ 3 หมื่นตัน
ส่วนเรื่องน้ำบ่อขยะของเราได้งบจาก กระทรวงวิทยาศาสตร์ในสมัยนั้น ข้างล่างเรามีพื้นที่ 60 ไร่ ปูด้วยแผ่น HDP ทั้งหมดเพื่อที่จะกันน้ำไม่ให้ออกจากบ่อ แต่ก็อาจจะไม่แน่ใจในเรื่องของการรั่วซึม ก็อาจจะมีประเด็น ส่วนเรื่องน้ำเสียจากในบ่อทั้งหมดมีการเก็บรวบรวมแล้วนำไปบำบัด ที่ระบบบำบัดน้ำเสียของเทศบาลฯ ซึ่งอยู่เลยจากบ่อขยะไปประมาณ 1 กิโลเมตร ส่วนเรื่องกลิ่นจะมาแล้วแต่ทิศทางลม แต่ปัจจุบันหลังจากที่เรามีการบำบัดโดยวิธี MBT กลิ่นก็เบาลง แต่บางช่วง ฝนตก ฟ้าปิด ก็จะมีกลิ่น ออกไปไกลได้ แล้วแต่ช่วง ซึ่งการแก้ปัญหาระยะยาวอาจจะต้องปรึกษาทางผู้บริหาร ในเบื้องต้นฝ่ายปฎิบัติดำเนินการอยู่ประมาณนี้.

09/09/2025

ปูก้ามดาบหลากสี พากันออกมาอวดโฉมเพื่อหากินบริเวณเขตป่าชายเลนหลังน้ำลด สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก โดยพบเห็นได้บ่อยเพราะป่ายังมีความอุดมสมบูรณ์ ไร้มลพิษ อีกทั้งชาวบ้านยังร่วมกันอนุรักษ์ทำให้ปูก้ามดาบมีปริมาณมากขึ้น หลากสีขึ้น

ชาวบ้านในหมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 8 ตำบลท่าข้าม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง พาไปชมความน่ารักและความสวยงามของกองทัพปูก้ามดาบหลากสี ที่ออกมาหากินในเขตป่าชายเลน ติดกับบ้านเรือนของชาวบ้าน โดยชาวบ้านในพื้นที่ช่วยกันอนุรักษ์ไว้ด้วยการไม่ถมดิน หรือขุดทำลายร่องน้ำ หรือปล่อยของเสียลงสู่ทะเล เพื่อให้ฝูงปูก้ามดาบเพิ่มปริมาณมากขึ้น จนกลายเป็นจุดเช็คอินที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด และหาชมได้ทั้งเวลาน้ำขึ้นหรือน้ำลง แต่จะพบปูก้ามดาบมากที่สุดในช่วงน้ำทะเลลดลงต่ำสุด เพราะจะมีปริมาณอาหาร เช่น เศษซากพืช ซากสัตว์ขนาดเล็กมากกว่าช่วงน้ำขึ้น

ซึ่งปูก้ามดาบที่พบมีทั้งกระดองสีฟ้าก้ามสีเหลือง กระดองสีส้ม สีเหลือง สีขาว สีแดง และบางตัวมี 2-3 สี แต่จุดเด่นคือตัวผู้จะมีก้ามใหญ่เพียง 1 ข้างหรือ 1 ก้าม เพื่อเอาไว้ต่อสู้กับศัตรู หรือเรียกร้องความสนใจจากตัวเมีย ขณะที่ตัวเมียจะมีก้ามเล็กขนาดเท่ากันทั้งสองข้าง และมีหลากสี ชาวบ้านไม่นิยมนำไปรับประทาน เพราะเป็นปูที่มีขนาดเล็ก เนื้อน้อย

โดยปูก้ามดาบได้ชื่อว่าเป็น “นาฬิกาชีวภาพ” เพราะสามารถรู้กำหนดเวลาน้ำขึ้น-น้ำลงได้เป็นอย่างดี โดยก่อนที่น้ำจะขึ้นราว 1 – 2 ชั่วโมง ปูก้ามดาบจะนำดินมาปิดปากรู เพื่อป้องกันน้ำทะเลไหลลงไปในรู หากเราเห็นปูก้ามดาบนำดินมาปิดปากรูเมื่อไร ก็แสดงว่าอีกประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง จะมีน้ำทะเลหนุนขึ้นมาสูงท่วมพื้นที่บริเวณนั้น

ซึ่งในปีนี้ชาวบ้านพบปริมาณปูก้ามดาบหลากสีเพิ่มมากขึ้น และกระจายอยู่ทั่วทั้งผืนป่าเป็นบริเวณกว้าง เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนที่ไร้มลพิษ หรือการคุกคามทำลายของชาวบ้าน ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มนักอนุรักษ์ ทยอยเดินทางไปถ่ายภาพฝูงปูก้ามดาบกันอย่างต่อเนื่อง เพราะมีสีสันที่สวยงาม แปลกกว่า และพบได้มากกว่าที่อื่น หรือพบได้แทบทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00 น.-18.00 น. หากไม่มีฝนตกลงมา

04/09/2025

หอการค้าจังหวัดตรัง จัดงานหอการค้าแฟร์@ตรัง ครั้งที่ 5 ประจำปี 2568 ส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวและบริการ

(พฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2568) นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานเปิดงาน “หอการค้าแฟร์@ตรัง ครั้งที่ 5 ณ ลานหน้าศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ตรัง โดยมีนายสุธรรม เศรษฐพิศาล ประธานหอการค้าจังหวัดตรัง กล่าวรายงาน

หอการค้าจังหวัดตรังกำหนดจัดกิจกรรม หอการค้าแฟร์@ตรัง ครั้งที่ 5 ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 3-7 กันยายน 2568 บริเวณลานหน้าศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ตรัง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวและบริการ ตลอดจนเพื่อเสริมสร้างช่องทางการตลาดของผู้ประกอบการให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

ในงานได้จัดให้มีการจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าชุมชน สินค้า OTOP ข้าวของเครื่องใช้จากผู้ประกอบการในจังหวัดตรังและจังหวัดใกล้เคียง นอกจากนี้ยังมีการแสดงยานยนต์รุ่นใหม่จากบริษัท ผู้จำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวมร้านค้าทั้งสิ้นจำนวน 150 บูธ โดยในงานได้ให้ความสำคัญในเรื่องความสะอาด อาหารปลอดภัย ถูกสุขอนามัย ตลอดจนคำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้ที่มาเที่ยวงาน จึงได้จัดพื้นที่ให้เป็นระเบียบและกว้างขวาง มีโต๊ะรับประทานอาหารสามารถรองรับผู้ที่นั่งรับประทานอาหารได้เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้บนเวทีได้เปิดโอกาสให้เด็ก เยาวชน และประชาชนได้แสดงความสามารถด้านต่างๆ เป็นประจำทุกวัน

ด้วยพันธกิจหลักของหอการค้าคือการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการให้มีความเข้มแข็ง และมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน หอการค้าจังหวัดตรังจึงมีความมุ่งหวังว่าการจัดกิจกรรม หอการค้าแฟร์@ตรัง ในครั้งนี้ จะเป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปในการเพิ่มโอกาสในการค้าขาย ส่งผลให้เศรษฐกิจของจังหวัดตรังมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ดังภารกิจของหอการค้าที่มีว่า ส่งเสริมการค้า พัฒนาเศรษฐกิจ สร้างคุณค่าชีวิต คือภารกิจหอการค้า

ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า งานหอการค้าแฟร์@ตรัง ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้นับเป็นปีที่ 5 แล้ว ได้แสดงถึงเจตนารมน์อันดีของคณะกรรมการจัดงานหอการค้าแฟร์@ตรัง ครั้งที่ 5 ที่ต้องการสนับสนุนผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ให้มีการเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับสินค้า ผลผลิตทางการเกษตร อาหาร ผลิตภัณฑ์ชุมชน และสินค้าอื่นๆ หอการค้าเกิดขึ้นจากการรวมกลุ่มของนักธุรกิจเพื่อดำเนินงานด้านส่งเสริมการค้าและพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหอการค้าจังหวัดตรังนั้นสามารถรวมตัวกันได้อย่างเข้มแข็ง ซึ่งผมขอแสดงความชื่นชมที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หอการค้าจังหวัดตรังได้จัดกิจกรรมทำให้จังหวัดตรังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง การจัดงานหอการค้าแฟร์@ตรัง ครั้งที่ 5 เป็นกิจกรรมจะที่ส่งผลให้มีการกระจายรายได้ไปยังผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ตลอดจนเป็นการสร้างการเรียนรู้ และยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวและบริการของจังหวัดตรังอย่างต่อเนื่อง

03/09/2025

ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุม CMGF ระดับมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด ครั้งที่ 22 ณ จังหวัดตรัง ผลักดันความร่วมมือ IMT-GT สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
วันที่ 3 กันยายน 2568 ประเทศไทยในฐานะสมาชิกความร่วมมือแผนงาน IMT-GT (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle (IMT-GT)) ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด ครั้งที่ 22 (The Chief Ministers and Governors Forum 22ND ) ณ โรงแรมเรือรัษฎา จังหวัดตรัง โดยมี นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ทำหน้าที่หัวหน้าคณะฝ่ายไทย นำคณะผู้แทนจาก 14 จังหวัดภาคใต้เข้าร่วมการประชุมร่วมกับประเทศสมาชิกอินโดนีเซียและมาเลเซีย เพื่อหารือและขับเคลื่อนความร่วมมือในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ IMT-GT
โดยในที่ประชุมมีการรายงานใน 2 ส่วนหลัก คือ การรายงานความคืบหน้าแผนงานโครงการที่มีศักยภาพของประเทศไทยที่ต้องการขับเคลื่อนต่อภายใต้แผนงาน IMT-GT และสามารถเชื่อมโยงกับประเทศสมาชิก IMT-GT จำนวน 25 โครงการ โดยเป็นโครงการที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาพื้นที่ เช่น ด้านโครงสร้างพื้นฐาน การท่องเที่ยว และเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร สำหรับจังหวัดตรังมีโครงการที่สำคัญ คือ โครงการพัฒนาท่าอากาศยานตรัง ที่คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือจากประเทศสมาชิกในการเปิดเส้นทางบิน หรือ Direct Flight ระหว่างประเทศร่วมกัน เพื่อรองรับการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง การรายงานโครงการใหม่ ที่ผ่านมติเห็นชอบจากเวทีการระดมความเห็นจาก 14 จังหวัดภาคใต้ในฐานะประเทศสมาชิก และประชุมมีมติเห็นชอบและสรุปร่วมกันว่ามีโครงการเสนอใหม่ จำนวน 19 โครงการ ซึ่งโครงการเหล่านี้ก่อให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาและขับเคลื่อนหลากหลายมิติ อาทิ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน การท่องเที่ยว การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการค้าการลงทุน ฯลฯ สำหรับจังหวัดตรังมีโครงการที่สำคัญ จำนวน 3 โครงการ คือ 1) โครงการมาริน่าชุมชนกันตัง จังหวัดตรัง ที่ช่วยส่งเสริมและพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมขนส่ง 2) โครงการส่งเสริมการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าตรัง ที่จะช่วยส่งเสริมและโปรโมทการท่องเที่ยว และ 3) โครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ อนุรักษ์ ฟื้นฟู พะยูน และสัตว์ทะเลหายาก ที่จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและสถานที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิก แผนงาน IMT-GT
และท้ายสุด คือ ข้อเสนอขอความร่วมมือกับประเทศสมาชิก แผนงาน IMT-GT ได้แก่ ประเด็นทำแผนพัฒนายุทธศาสตร์ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจ ทั้ง 6 แนวระเบียง โดยอาจจะนำร่องศึกษาแนวระเบียงเศรษฐกิจที่ 1 ก่อน การจัดทำเส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงทางด้าน วัฒนธรรมชุมชนในพื้นที่ 3 ประเทศ การเสนอให้พิจารณาการจัดสรรงบประมาณเฉพาะพื้นที่ (Targeted Budget Allocation) สำหรับโครงการที่มีความสำคัญในระดับภูมิภาค โดยเน้นโครงการที่เชื่อมโยงและสร้างประโยชน์ร่วมกันระหว่าง 3 ประเทศสมาชิกของ IMT-GT และจังหวัดตรังมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ปัจจุบันสนามบินตรังได้ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่เสร็จแล้ว แต่ยังขาดเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศ จึงเสนอให้ส่งเสริมการเปิด Direct Flight จากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย หรือตลาดระดับภูมิภาค เช่น จีน สิงคโปร์ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงและกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาค

ที่อยู่

Trang
92000

เบอร์โทรศัพท์

+66864437932

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Trang Varietyผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Trang Variety:

แชร์