Trang Variety เสนอข้อมูลข่าวสารเรื่องราวต่างๆ

04/03/2025

ตรัง รวบ ป้อม นาโยง เอเย่นต์ค้ายานรก ปล่อยยาให้รายย่อยขายก่อน ค่อยจ่ายทีหลัง ใครบิดโดนคิดดอก
ตรัง กองปราบรวบป้อม นาโยง เอเย่นต์ค้ายาบ้า ปล่อยยาให้ผู้ค้ารายย่อยขายก่อนค่อยจ่าย รายไหนบิดคิดดอกแบบแก๊งเงินกู้

เมื่อวันที่ 4 มี.ค.68 พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ท.ศรายุทธ จันซิว สว.กก.6 บก.ป. สนธิกำลังตำรวจ สภ.นาโยง ร่วมกันจับกุม นายพิศาล หรือป้อม นาโยง (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 10,000 เม็ด อาวุธปืนลูกโม่ขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนจำนวน 17 นัด สามารถจับกุมได้ บริเวณถนนแห่งหนึ่ง ม.3 ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากตำรวจ กก.6 บก.ป. ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติด ลักลอบขนยาบ้าเข้ามาในพื้นที่ อ.นาโยง โดยใช้เส้นทางสายนาโยง-บ้านน้ำผุด ขับรถกระบะยี่ห้ออีซูซุสีขาว ตำรวจจึงได้กระจายกำลังกันไปเฝ้าสังเกตการณ์ก่อนพบรถกระบะตรงตามที่ได้รับแจ้งจึงได้ประสาน สภ.นาโยงตั้งจุดตรวจสกัด

ก่อนที่รถขับเข้ามาด่านตรวจ จึงทำการขอตรวจค้นรถพบยาบ้าจำนวนมากใส่อยู่ในถุงพลาสติกสีดำซุกซ่อนอยู่บริเวณกันชนด้านหน้าล้อข้างขวาของรถ และสมุดจดรายการซื้อขายยาเสพติดจึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐานและจับกุมนำตัวมาสืบสวนขยายผล นอกจากนี้จากการตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหาสามารถยึดปืนลูกโม่ได้อีก 1 กระบอก

สอบสวนเบื้องต้นนายพิศาลให้การรับสารภาพ ว่า รับยาเสพติดต่อมาจากเอเยนต์รายใหญ่ เพื่อนำมาจำหน่ายต่อให้กับรายย่อยอีกต่อหนึ่ง ส่วนที่ต้องจดรายชื่อลูกค้าไว้ เนื่องจากจะใช้รูปแบบปล่อยเครดิตให้ลูกค้านำยาไปขายก่อน เมื่อขายได้แล้วค่อยนำเงินมาจ่ายทีหลัง โดยจะกำหนดวันนัดหมายเอาไว้ ถ้าผิดนัดก็จะคิดดอกเบี้ยแบบเงินกู้นอกระบบ

เบื้องต้นแจ้งข้อหา มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) , เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีนโดยผิดกฎหมาย และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน (ของผู้อื่น) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่ง สภ.นาโยงดำเนินคดีต่อไป

04/03/2025

เกษตรกรวัย 68 ปีชาวอำเภอย่านตาขาว จ.ตรัง ท้าพิสูจน์มะนาวสายพันธุ์ใหม่ที่ตั้งชื่อว่า “มะนาวศรีทองดำ” เป็นมะนาวอินทรีย์ที่กินได้ทั้งเปลือก ขมน้อย เปลือกบาง เปรี้ยวละมุน ได้รับมาตรฐาน GAP แถมขายราคาเดียวคือกิโลละ 50 บาทตลอดทั้งปี ปลูกแค่ 8 เดือนติดดอกออกผลเก็บกิน-เก็บขายได้ทันใจ สร้างรายได้กว่า 300,000 บาทต่อปีและขายไกลถึงต่างแดน

ที่บ้านลำขนุน หมู่ที่ 8 ต.นาชุมเห็ด อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง นายประสิทธิ์ จิตรสุวรรณ อายุ 68 ปีเกษตรกรผู้ปลูกมะนาวศรีทองดำ ซึ่งเป็นการนำมะนาวพันธุ์ตาฮิติ มาเสียบกิ่งเข้ากับส้มโอพันธุ์ปัตตาเวีย จนได้เป็นมะนาวอินทรีย์ สายพันธุ์ใหม่และตั้งชื่อว่า “มะนาวศรีทองดำ” หนึ่งเดียวในจ.ตรัง โดยปลูกขายมานานเกือบ 10 ปีแล้ว บนเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่หรือมากกว่า 2,000 ต้น ซึ่งแต่ละปีจะเก็บมะนาวได้ไม่ต่ำกว่า 7 ตันและขายราคาเดียวตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะหน้าแล้งหรือฝน คือราคากิโลกรัมละ 50 บาท และได้รับมาตรฐาน GAP ทำให้เป็นที่ต้องการของกลุ่มคนรักสุขภาพ โดยส่งขายในจ.ตรัง ภูเก็ต กรุงเทพ ส่วนหนึ่งอีกส่วนหนึ่งขายไกลถึงประเทศเวียดนามและไต้หวันด้วย

ซึ่งลักษณะเด่นของมะนาวศรีทองดำ คือสามารถกินได้ทั้งเปลือก หรือที่ชาวบ้านบางคนเรียกว่า “มะนาวแก้ขัด” เพราะรสชาติไม่เปรี้ยวโดดเหมือนมะนาวทั่วไป แต่ให้ความเปรี้ยว ความหอมมันแบบละมุนลิ้น เปลือกบาง น้ำเยอะ มีรสขมเล็กน้อย หั่นบาง ๆ จิ้มเกลือหรือน้ำผึ้ง กินเพลิน แปรรูปเป็นน้ำอัญชันมะนาวและอื่น ๆ ได้วิตามินซีสูง บำรุงสายตา บำรุงหัวใจและผิวพรรณให้สดใส ซึ่งเกษตรกรท้าให้มาพิสูจน์ความมหัศจรรย์ของมะนาวที่กินได้ทั้งเปลือก แกงได้ทั้งเปลือก หนึ่งเดียวในตรัง ซึ่งหลายคนเดินทางมาพิสูจน์ จนต้องติดใจและสั่งซื้อเป็นขาประจำมาแล้วนับร้อยราย

ซึ่งเอกลักษณ์อีกอย่างคือใช้เวลาปลูกแค่ 8 เดือนก็ติดดอกออกผล ต่อต้นต่อปีไม่ต่ำกว่า 20 กิโลกรัม เรียกว่ามีลูกดก ได้น้ำหนักดี ประมาณ 15 ลูกต่อกิโล ซึ่งเกษตรกรจะเก็บมะนาวขายได้ประมาณ 150 กิโลกรัม สร้างรายได้ 7,500 บาทต่อสัปดาห์ หรือกว่า 300,000 บาทต่อปี ไม่นับรวมขายกิ่งตอนกิ่งละ 70 บาท ที่มีลูกค้าทั้งในและต่างจังหวัดสั่งซื้อเข้ามาจนผลผลิตมีไม่พอขาย ส่วนปุ๋ยที่ใช้เป็นปุ๋ยหมักจุลินทรีย์และปุ๋ยคอก โดยเก็บเศษกิ่งไม้ ใบไม้และลูกมะนาวที่ร่วงหล่นโคนต้น มาทำปุ๋ยหมักเพื่อลดต้นทุนการผลิตและปลอดภัยต่อผู้บริโภค ทำให้เป็นที่ถูกใจกลุ่มคนรักสุขภาพ และร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ เช่น ร้านน้ำปั่น ร้านเบเกอรี่ ร้านเค้ก ร้านชากาแฟและโรงแรมต่าง ๆ สั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ก็ยังมีกลุ่มนักศึกษาและเกษตรกรจากทั่วทุกภาคของประเทศเดินทางมาศึกษาดูงานทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า 30 คน แต่ เกษตรกรไม่ขายส่งให้กับพ่อค้าคนกลาง เพื่อป้องกันการเอาเปรียบผู้บริโภค โดยจะเลือกขายให้กับกลุ่มคนรักสุขภาพที่นำไปใช้เองเท่านั้น จึงมีการเลือกลูกค้าอยู่บ้าง แต่มะนาวก็ยังมีไม่พอขาย
ส่วนใครสนใจติดต่อได้ทางฟสบุ๊ก “มะนาวศรีทองดำ ตรัง” และที่หมายเลขโทรศัพท์ 089-2969753

03/03/2025

ตรัง คุม ‘ไอ้เคี่ยม’ ลูกทรพีฆ่าแม่ เกาะลูกกรงตีมุนไม่ตอบคำถามญาติ ‘ฆ่าแม่ทำไม’ แจ้งข้อหาฆ่าบุพการี
คุมตัว ‘ไอ้เคี่ยม’ ลูกทรพี-ทาสยานรก ฆ่าแม่บังเกิดเกล้าถึงตรัง สภาพเหนื่อยล้า ไม่ปริปากพูดจา เข้าห้องขังรีบอาบน้ำ-กินข้าวทันที ตีมึนเกาะลูกกรงไม่ตอบคำถามญาติ ‘ฆ่าแม่ทำไม’ เตรียมสอบปากคำอย่างละเอียด เบื้องต้นไม่พบฉี่ม่วง แจ้งข้อหาหนัก ‘ฆ่าบุพการี’

เมื่อเวลา 12.40 น. วันที่ 3 มี.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.ย่านตาขาว พ.ต.ท.เชษฐ์ เพชรชู สว.สส.สภ.ย่านตาขาว พร้อมด้วยกำลังตำรวจชุดสืบสวน ประมาณ 5 นาย ได้ควบคุมตัว นายณัฐพล ทองตรีพันธุ์ หรือเคี่ยม อายุ 28 ปี ชาว ต.เกาะเปียะ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง อดีตนักมวยอนาคตรุ่ง และตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จ.ตรัง ก่อเหตุฆ่าบุพการี คือ นางสุดารัตน์ นาเลื่อน หรือป้าติ๋ม อายุ 46 ปี อาชีพค้าขาย ผู้เป็นแม่ เสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 130 หมู่ 3 บ้านเกาะแต้ว ต.เกาะเปียะ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง เมื่อวันที่ 28 ก.พ.68 ที่ผ่านมา

ภายหลังเกิดเหตุได้หลบหนีไป จ.สมุทรปราการ และ ถูกจับกุมได้ท้องที่ สภ.เมืองนครปฐม ขณะที่ผู้ต้องหากำลังขับรถ จยย.โดยไม่สวมหมวกกันน็อก จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเรียกตรวจ แต่พบข้อสังเกตและพบพิรุธ เนื่องจากเป็นป้ายทะเบียน จ.ตรัง และผู้ต้องหามีอาการเหม่อลอย ก่อนจะทราบว่าเป็นผู้ต้องหาที่หลบหนีจากคดีฆ่าผู้เป็นแม่จาก จ.ตรัง

ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม จะประสาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ย่านตาขาว ขึ้นไปรับตัวกลับมายังท้องที่เกิดเหตุ ซึ่งผู้ต้องหาได้ถูกควบคุมตัวและเดินทางออกมายัง สภ.เมืองนครปฐม ช่วงเที่ยงคืนวันนี้ที่ผ่านมา โดยในระหว่างทางเจ้าหน้าที่ได้ซื้อขนมปังและน้ำดื่มให้กินภายในรถ ก่อนจะมาถึง สภ.ย่านตาขาว ในเวลาประมาณ 12.40 น. พร้อมด้วยรถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 สีขาว-แดง ทะเบียน 1 กล 8512 ตรัง ซึ่งเป็นรถของผู้เป็นแม่ที่เสียชีวิต ที่ใช้เป็นยานพาหนะในการหลบหนี

เมื่อมาถึงผู้ต้องหาได้ถูกควบคุมตัวลงมาจากรถโดยทันที โดยยังสวมเสื้อคอปกสีฟ้า กางเกงขาสั้น ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะพาเดินเข้าห้องขัง โดยในระหว่างทาง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงสาเหตุ และอยากจะขอโทษแม่ พ่อ หรือครอบครัว กับการกระทำไปหรือไม่ แต่ผู้ต้องหาไม่ปริปากพูดอะไรออกมาแต่อย่างใด โดยมีสีหน้าเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากใช้ระยะในการเดินทางกลับยาวนาน 800 กว่ากิโลเมตร

ก่อนจะควบคุมตัวเข้าห้องขัง ผู้ต้องหาได้ถอดเสื้อผ้าอาบน้ำในทันที โดยพยามพูดตอบโต้ออกมาแต่ไม่สามารถจับใจความได้ สามารถจับได้เพียงคำเดียวคือ “ตามสถานภาพ” และ “รักพระบิดา” พูดเพ้ออยู่ตลอดเวลา โดยเจ้าหน้าที่ได้นำข้าวหมูแดงไปให้กิน รวมทั้งผู้สื่อข่าวให้น้ำชาเขียวไปดื่ม 1 แก้ว ก่อนจะนั่งกินอยู่ภายในห้องขังจนหมดเกลี้ยง

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบกระเป๋าสะพายหลังสีดำของผู้ต้องหา พบภายในมีชุดนักมวย มงคลสวมหัวนักมวย สมุดจดคาถา สมุดที่ผู้ต้องหาเขียนและขีดเขียด หนังสือรัฐธรรมนูญ หนังสือไวยากรณ์อังกฤษ พระเครื่อง โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าตัง เศษเหรียญ

ต่อมามีน้องชาย น้องสาว อา ของผู้ต้องหาเดินทางมาหาถึงหน้าห้องขัง ก่อนจะเข้าไปหายังจุดที่อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยม มีการพูดถามถึงสาเหตุว่าลงมือฆ่าแม่ตัวเองทำไม จดจำได้ไม่ว่าทำอะไรลงไป จดจำญาติที่มาเยี่ยมได้หรือไม่ โดยที่ผู้ต้องหาได้เพียงแค่เกาะลูกกรงยืนมองเพียงอย่างเดียว โดยไม่พูดตอบโต้อะไรกลับมา

ขณะที่ น.ส.สุธาทิพย์ ทองตรีพันธุ์ อายุ 23 ปี ลูกสาวคนสุดท้อง ให้สัมภาษณ์ว่า ตนคิดว่าพี่ชายรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป เพราะไม่มีใครจะทำอะไรลงไปโดยที่ไม่รู้ตัว ตอนที่เคยอยู่กับพี่ชายที่บ้านขณะที่พี่ชายต้องการจะให้ช่วยเหลืออะไรก็พูดคุยกันรู้เรื่องเหมือนคนปกติทั่วไป จะกินจะนอนทำตัวปกติ แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะผลจากยาเสพติดที่พี่ชายพูดจาอยู่คนเดียว ที่เป็นอยู่นี้ตอนนี้และไม่พูดอะไรพี่ชายอาจจะทำตีมึน และเหลี่ยมเยอะ ซึ่งก่อนหน้านี้พี่ชายเป็นคนที่รักพ่อมาก ซึ่งเวลาตนทะเลาะกับพ่อ พี่ชายมักจะออกมาปกป้องออกตัวแทนพ่อ แต่เวลาพูดกับแม่จะชอบเรียกชื่อแม่อย่างเดียว เรียกอีบ้าง และจะพูดไม่ดีกับแม่อยู่บ่อยครั้ง

นอกจากนี้ตนยังเคยพาพี่ชายไปรักษาอาการทางจิตเวชที่ รพ.ย่านตาขาว ผลพวงจากการใช้ยาเสพติด และตนเป็นคนจัดยาให้กินทั้งเช้าเย็น แต่ช่วงหลังพี่ชายเข้าไปขโมยยา และนำยาทั้งหมดไปต้มรวมกับต้มใบมะกรูด โดยอ้างว่าเป็นการชำระล้างร่างกาย หลังจากนั้นแม่ก็คุยกับตนว่าให้ตนหยุดรับยารักษามาตั้งแต่กลางปี 2567 ที่ผ่านมา

ทางด้านนายเจคอป ทองตรีพันธุ์ อายุ 26 ปี น้องชาย กล่าวว่า ภายหลังจากที่พี่ชายเริ่มเข้ารักษาอาการทางจิต ผลพวงจากการใช้สารเสพติด ช่วงนั้นแม่ได้เลิกรากับสามี ก็เลยขอให้กลับมาอยู่บ้านที่เกิดเหตุ เพื่อช่วยดูแลพี่ชาย โดยมีตนและพี่ชายอีกคนส่งเงินมาให้แม่เพื่อไว้ดูแลแม่และพี่ชาย เพราะก่อนหน้านี้พี่ชายที่ก่อเหตุมักจะเข้าบ้านคนอื่นๆ และลักขโมยของคนอื่น และเดินทั้งวัน โดยไม่มีเป้าหมาย จนสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ตนคิดว่าพี่ชายคิดวางแผนมาก่อนแล้วที่จะลงมือฆ่าแม่ตัวเอง เนื่องจากก่อหน้าเคยเผาเตียงของผู้เป็นย่าที่นอนเป็นผู้ป่วยติดเตียงมาแล้ว โชคดีมีคนมาเห็นและช่วยไว้ได้ทัน โดยคิดว่าพี่ชายมีความคิดที่เริ่มต้นจากการทำร้ายคนในครอบครัว

“การที่แม่กลับมาดูแลพี่ชาย เพราะความรักลูก ส่วนเราก็รักพี่ชายที่ก่อเหตุเหมือนกัน เพราะอยากให้เขาหายและเลิกยาเสพติดได้ ตอนนี้ตนไม่อยากจะบอกอะไรก็พี่ชายแล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามขบวนการกฎหมาย” นายเจคอป กล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำตาคลอเบ้า

เบื้องต้นจากการตรวจปัสสาวะ เพื่อตรวจหาสารเสพติด ไม่พบมีการเสพยาเสพติด และทางผู้ต้องหายังไม่สามารถให้การอะไรที่เป็นประโยชน์กับทางคดีได้ และยังไม่รับสารภาพ รวมทั้งยังพูดจากวกวน ไม่ยอมพูดคุยอะไรใดๆ ภายหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวผู้ต้องหาออกมาสอบปากคำอย่างละเอียด และจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ ฐานความผิด “ฆ่าพุพการี” และจำนำตัวส่งฝากขังศาล จ.ตรัง ต่อไป

03/03/2025

หนุ่มนักศึกษาเอแบควัย 20 ปีพลิกดินเค็มหน้าบ้านเนื้อที่ 17 ไร่เป็นทุ่งหญ้าเทียมหลากสี มีหิมะจำลอง พายเรือคายัคคาเฟ่และชกมวยทะเล จนกลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ใหญ่สุดในอำเภอปะเหลียน จ.ตรัง เปิดมาได้แค่ 2 เดือนโกยรายได้หลักหมื่นต่อวัน

ที่บ้านไร่หยงสตาร์ หมู่ที่ 2 ต.ท่าข้าม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง นายเพชรแท้ เหลือแดง (น้องเพชร) อายุ 20 ปีนักศึกษาปี 2 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) พลิกฟื้นดินเค็มหน้าบ้านเนื้อที่ 17 ไร่ ที่หลายคนมองว่าไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากสร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัยและทำนากุ้ง แต่น้องเพชรกลับมีไอเดียเนรมิตพื้นที่ดังกล่าว ให้เป็นเป็นทุ่งหญ้าเทียมหลากสีสัน มีการขุดคันคลองโดยรอบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้พายเรือคายัคชมสวน พร้อมบริการจุดเช็คอินต่าง ๆ มากกกว่า 20 จุดในราคาค่าเข้าชมคนละ 20 บาท

โดยมีการทำหิมะเทียมให้เด็กๆ และนักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพฟรีที่ไม่ต้องไปไกลถึงต่างประเทศ มีเวทีให้เด็กและผู้ใหญ่ ชกมวยทะเลในน้ำทะเลที่ระดับความลึกประมาณ 60-80 เซนติเมตร เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ฝึกมวย ฝึกสมาธิ เสริมสร้างความรักความสามัคคีและความสนุกสนาน ซึ่งเด็กบางคนไม่พอใจเพื่อนคนไหนก็ชวนกันมาชกมวยทะเลที่บ้านไร่ หยงสตาร์ สุดท้ายก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนเดิม

นอกจากนี้ ยังมีโซนคาเฟ่ อาหารและเครื่องดื่มแนวสุขภาพ โดยดึงเอาผักและผลไม้หลากสี เช่น อะโวคาโด สับปะรด มะนาว บีตรูต เสาวรส แครอท มะม่วง แตงโมเกาะสุกร น้ำผึ้ง อัญชัน และอื่น ๆ มาทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หรือ Special Drink โดยตั้งชื่อตามเกาะต่าง ๆ ที่อยู่ติดกับแหลมหยงสตาร์ คือเกาะนก เกาะค้างคาว เกาะสุกรและเกาะหยงสตาร์ เหมือนได้ไปเที่ยว 4 เกาะในวันเดียวกัน ซึ่งสาย Healthy ไม่ควรพลาด

โดยบ้านไร่ หยงสตาร์ เริ่มเปิดมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วหรือประมาณเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ด้วยเงินลงทุนกว่า 9 ล้านบาท ท่ามกลางการสนับสนุนของพ่อแม่ที่อยากให้ลูกเป็นวัยรุ่นสร้างตัว มีสำนึกรักษ์บ้านเกิดและได้กลับมาพัฒนาชุมชนให้เจริญมากขึ้น เพราะแต่เดิมบ้านหยงสตาร์ ไม่ค่อยมีแหล่งท่องเที่ยว และอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองตรังเกือบ 50 กิโลเมตร ถนนวนได้รอบเกาะไม่มีเส้นทางเชื่อมต่อไปที่ไหน จนกลายเป็นเมืองปิด ชาวบ้านใน 2 อำเภอคืออำเภอย่านตาขาวและอำเภอปะเหลียน จึงต้องพาลูกหลานเดินทางเข้าตัวเมืองตรัง เพื่อจะไปท่องเที่ยว

แต่เมื่อมีบ้านไร่หยงสตาร์ ทำให้ประชาชนทั้งในจ.ตรังและจังหวัดใกล้เคียง แห่มาเที่ยวชมวันละ 300-400 คน โดยแต่ละถ่ายรูปลงโซเชียลกันกระหึ่ม สร้างรายได้หลักหมื่นต่อวันเลยทีเดียว และกลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอปะเหลียน จ.ตรัง โดยมีผู้บริหารที่อายุน้อยที่สุดในจ.ตรังด้วย

ส่วนใครสนใจติดต่อสอบถามได้ทางเพจ/เฟสบุ๊กบ้านไร่ หยงสตาร์ จ.ตรัง หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-9385909

03/03/2025

เกษตรกรสองสามีภรรยาชาวอำเภอกันตัง จ.ตรัง ทดลองปลูกองุ่นเกือบ 10 สายพันธุ์บนเนื้อที่ 2 ไร่จากความชอบส่วนตัวจนกลายมาเป็นอาชีพ สุดดีใจองุ่นรุ่นแรกมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 1 ตันจึงเปิดสวนให้ลูกค้ามาเลือกชิมและติดชื่อจอง ทำสัปดาห์เดียวยอดจองถึงครึ่งสวนแล้ว
นายคเนตร มินเนตร อายุ 41 ปีกับนางชลาทิพย์ มินเนตร อายุ 37 ปี สองสามีภรรยา ได้ใช้พื้นที่ว่างข้างบ้านจำนวน 2 ไร่ ในหมู่ที่ 2 ต.ย่านซื่อ อ.กันตัง จ.ตรัง ปลูกองุ่นไว้เกือบ 10 สายพันธุ์ เช่น สการ์ลอตต้า นิ้วมือแม่มด เอฟ 48 ไบโคนัวร์ บิวตี้ซีดเลส ลูสเพอร์เลส และแบล็คโอปอลรวม 77 ต้น โดยใช้เวลาปลูกประมาณ 1 ปีเศษ ต้นองุ่นเริ่มให้ผลผลิตมากกว่า 1 ตัน และมีบางสายพันธุ์เริ่มทยอยสุก จนสามารถตัดขายให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปชมถึงสวนได้ ในราคากิโลละ 200-700 บาท แล้วแต่สายพันธุ์และความสมบูรณ์ของช่อ

วันนี้ เกษตรกรสองสามีภรรยาจึงเปิดสวนองุ่นอย่างเป็นทางการ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมและชิมความหอม หวาน กรอบ ก่อนตัดสินใจซื้อหรือสั่งจอง ปรากฏว่าผลตอบรับดีเกินคาด เพราะเป็นสวนองุ่นปลอดสารสวนแรกและสวนเดียวในอำเภอกันตัง ทำลูกค้าแห่เข้าชมและเขียนชื่อติดป้ายจองไว้ถึง 40% `แล้ว บางส่วนมีลูกค้ามาเลือกตัดเองกับมือ เพื่อนำไปเป็นของฝากให้กับพ่อแม่ ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง คาดสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 200,000 บาทในปีแรก และเตรียมขยายพื้นที่ปลูกองุ่นเพิ่มอีก 3 ไร่ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ซึ่งโดยส่วนตัวภรรยากับลูกชายขอบทานองุ่นมาก จึงซื้อมาปลูกไว้ข้างบ้านจำนวน 2-3 ต้น เมื่อได้ผลผลิตดีเกินคาด จึงขยายพื้นที่ปลูกอย่างจริงจังเมื่อปีที่แล้ว และกลายเป็นอาชีพหลักในปีนี้

นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งเช็คอินแห่งใหม่ในอำเภอกันตัง จ.ตรัง ซึ่งนักท่องเที่ยวเดินทางไป-มาสะดวก เพราะอยู่ติดกับวัดย่านซื่อ มีน้ำและดินดี ส่วนหนึ่งเชื่อว่าเป็นเพราะต้นองุ่นได้ฟังเทศน์ฟังธรรมจากวัดทุกวัน จึงทำให้องุ่นติดลูกดก พวงใหญ่ยาว หวาน กรอบ และสีสันสวยงาม น่ากิน

ด้านนายคเนตร มินเนตร เกษตรกรผู้ปลูกองุ่นสวนแรกในอำเภอกันตัง จ.ตรังกล่าวว่า ที่ปลูกในโรงเรือนกว้าง 10 เมตรยาวประมาณ 70 เมตร บนเนื้อที่ 2 ไร่ในอนาคตจะขยายโรงเรือนด้านข้างเพิ่มออกไปอีก แต่ตอนนี้คือทดลองปลูกไปก่อน แต่ให้ผลผลิตค่อนข้างดี อย่างพวงที่เห็นคือสการ์ล็อตต้าที่ค่อนข้างจะทำยาก ตอนสุกจะเป็นสีม่วง รสชาติหวานกรอบ เนื้อเยลลี่ ใช้เวลาประมาณเกือบปีถึงจะได้ผลผลิตขนาดนี้ ตั้งราคาขายสการ์ล็อตต้าอยู่ที่กิโลละ 550-700 บาทแล้วแต่ความสวย ความสมบูรณ์ของลูกและผิวของเขาด้วย

โดยให้ลูกค้ามาติดป้ายจอง มาลองชิมดูก่อนแล้วค่อยซื้อได้ ช่วงนี้ลูกค้าเข้ามาจองค่อนข้างเยอะแล้ว ซึ่งปีแรกค่อนข้างพอใจเพราะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งหัดปลูกได้ขนาดนี้ถือว่าดีใจมากแล้ว ตอนนี้คำนวณไว้จะได้ประมาณ 1 ตันถึงตันกว่า เพราะถ้าเกิดเต็มสวนจริง ๆ หรือค้างมันเต็มกิ่งจะได้ประมาณ 2 ตันถึง 2 ตันกว่า ตอนนี้ยอดจองประมาณ 30-40% แล้ว รายได้แตะประมาณ 2 แสนนิด ๆ ในปีแรก ซึ่งที่อื่นในอำเภอกันตังเห็นขึ้นโรงเรือนกันบ้างแล้ว แต่ส่วนใหญ่ปลูกไว้ทานเอง เป็นโรงเรือนกว้าง 10 เมตรยาว 6 เมตร ที่เห็นเป็นเชิงพาณิชย์ยังไม่เห็น

ส่วนใครสนใจติดต่อทางเฟสบุ๊ก “ไร่องุ่นบ้านสวนคุณดาว” นายคเนตร มินเนตร โทรศัพท์ 098-0102793 หรือจะ Walk-in เข้ามาที่สวนก็ได้ สวนอยู่ติดกับวัดย่านซื่อ อ.กันตัง จ.ตรัง

01/03/2025

ตรัง ล่า ไอ้เคี่ยม ลูกทาสยานรก ขอเงินซื้อยาไม่ได้ ฆ่าแม่บังเกิดเกล้าตายคาบ้าน โพสต์เฟสบุ๊กเย้ย
‘ไอ้เคี่ยม’ ลูกทรพีทาสยานรก-อดีตนักมวย ก่อเหตุฆ่าแม่บังเกิดเกล้า นอนตายจมกองเลือดกลางบ้าน หลังขอเงินแม่ไปซื้อยานรกไม่ได้ ไม่สำนึกยังโพสต์เฟสบุ๊กรูปศพแม่คู่ฝ่ามือเย้ยเป็นยมบาล หลบหนีไปตั้งแต่เที่ยงวานนี้ที่ผ่านมา ลูกสาวสุดท้ายเอะใจแม่ไม่รับสาย รีบมาหาพบแม่นอนเป็นศพ เผยพี่ชายติดยาบ้ารุนแรง เคยทำร้ายแม่และคนในครอบครัว คลุ้มคลั่งทำลายข้าวของ จุดไฟเผาบ้าน มาแล้วหลายครั้ง จนท.เร่งติดตามล่าตัว
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 1 มี.ค. 68 ร.ต.อ.สุวิทย์ สุวรรณราช รอง สว. (สอบสวน) สภ.ย่านตาขาว ได้รับแจ้งเหตุพบศพหญิงเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านเลขที่ 130 หมู่ 3 บ้านเกาะแต้ว ต.เกาะเปียะ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย กำลังตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ตรัง และหน่วยกู้ชีพสมาคมกู้ชีพร่วมใจย่านตาขาว
ถึงที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ภายในห้องโถงกลางบ้าน บริเวณหน้าห้องน้ำ พบศพนางสุดารัตน์ นาเลื่อน หรือป้าติ๋ม อายุ 46 ปีอาชีพค้าขาย เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดเสียชีวิต ในสภาพสวมเสื้อยืด ทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ต คาดผ้ากันเปื้อน นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว สวมถุงเท้า โดยถุงเท้าด้านขวาถอดอยู่ครึ่งเท้า ใกล้กันพบแว่นตา ไม้คาดผม และรองเท้าตกอยู่ 1 คู่ ตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน พลิกศพพบมีบาดแผลถูกกระแทกอย่างรุนแรง ทำให้กะโหลกศีรษะซ้ายแตกและยุบ ใต้ตาซ้ายมีบาดแผลแตก คาดอาจจะมาจากการถูกชกต่อยหรือถูกของแข็งกระแทก เบื้องต้นน่าจะเสียชีวิตมาแล้วเป็นระยะเวลาประมาณ 1 วัน
ส่วนผู้ก่อเหตุทราบคือ นายณัฐพล ทองตรีพันธุ์ หรือเคี่ยม อายุ 28 ปี ลูกชายคนโตของผู้ตาย หลังก่อเหตุได้ขับรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 สีขาว-แดง ทะเบียน 1 กล 8512 ตรัง ซึ่งเป็นรถของผู้เสียชีวิตเป็นยานพาหนะในการหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุประสานทุกโรงพักในจังหวัดตรังและจังหวัดข้างเคียงให้สกัดหากพบเห็น
สอบถาม น.ส.สุธาทิพย์ ทองตรีพันธุ์ อายุ 23 ปี ลูกสาวคนสุดท้อง เล่าว่า แม่มีลูกทั้งหมด 4 คน ผู้ก่อเหตุเป็นลูกชายคนโต บ้านหลังนี้แม่อยู่กับพี่ที่ลงมือก่อเหตุ 2 คน ซึ่งพี่ชายเสพยาเสพติด ไม่ประกอบอาชีพ ส่วนแม่อาชีพค้าขายผักผลไม้ตามตลาดนัด เมื่อคืนที่ผ่านมา (28 ก.พ.) ได้โทรมาหาแม่แต่ปรากฏว่าแม่ไม่รับสาย จึงได้โทรหาบรรดาเพื่อนที่ขายของกับแม่ก็ไม่มีใครทราบหรือพบเห็นแม่ ช่วงเที่ยงวันนี้จึงได้รีบกลับมาหาแม่ที่บ้าน ประตูไม่ได้ล็อก เข้าไปถึงก็เห็นว่าแม่นอนเสียชีวิตอยู่แล้ว ก็รู้ได้ทันทีว่าพี่ชายเป็นคนลงมือฆ่าแม่ เพราะที่ผ่านมาพี่ชายหลอนยาเสพติดทำร้ายแม่มาหลายครั้ง และประวัติที่ผ่านมาพี่ชายคลุ้มคลั่ง เคยจุดไฟเผาบ้าน ทำร้ายแม่ ทำร้ายย่า ทำร้ายพ่อ ทำร้ายหนุด้วย จนเคยถูกจับกุมจำคุกในคดียาเสพติดและวางเพลิงเผาทรัพย์ ส่วนพี่ชายอดีตเป็นนักมวย แต่หยุดต่อยไปได้ประมาณ 2-3 ปิ ยืนยันว่าพี่ชายติดยาเสพติด
ส่วนสาเหตุที่พี่ชายลงมือฆ่าแม่อาจจะมาจากที่ของเงินแม่ไปซื้อยาเสพติดแล้วแม่ไม่ให้ เพราะพี่ชายจะขอเงินแม่ทุกวัน ซึ่งแม่มีรายได้จากขายของวันละ 500-1,000 บาท ซึ่งก่อนเกิดเหตุน่าจะเป็นช่วงที่แม่เพิ่งกลับมาจากขายของ โดยแม่รักพี่ชายมากจะจัดหาข้าวน้ำไว้ให้กินทุกวัน ความรู้สึกตอนนี้ พี่ชายใช้สารเสพติดเยอะอาจจะทำลายสมองไปแล้ว ส่วนยาเสพติดตัวเดียวเลยที่ทำลายทุกอย่าง ทำลายคนรอบข้าง ฆ่าได้แม้กระทั่งแม่บังเกิดเกล้า
ทางด้าน นายสมใจ นาเลื่อน อายุ 70 ปี พ่อผู้เสียชีวิต กล่าวพร้อมน้ำตาว่า ปัจจุบันตนอาศัยอยู่ใน อ.วังวิเศษ หลานตนเคยมีประวัติเสพยาเสพติดมานานแล้ว หลายปีก่อนเคยก่อเหตุเผาบ้านที่มีย่าเป็นผู้ป่วยติดเตียงและเคยมีคดีจำคุกในเรือนจำ ตนก็เตือนคนรอบข้างมาตลอดให้ระวังอย่าไปยุ่งคับนายเคี่ยม เพราะสติไม่เหลือแล้ว เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 21.00 น. หลานสาวคนเล็กได้โทรหาผู้ตายแต่ไม่ได้รับโทรศัพท์ ด้วยความเป็นห่วงจึงตามมาดูที่บ้านก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว ตนรู้สึกรับไม่ได้กับเหตุการณ์นี้ อยากให้ตำรวจเร่งจับกุมตัวให้ได้เพราะกลัวว่าจะไปทำอันตรายกับคนอื่น ก่อนหน้านี้นายเคี่ยมเป็นคนดี ต่อยมวยช่วยงานที่บ้าน แต่ช่วงที่พ่อกับแม่เลิกรากันได้เสพยาเสพติดจนมีปัญหาจนถึงทุกวันนี้
แนวทางการสอบสวนเบื้องต้น จากการสอบถามพยาน ทราบว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะลงมือฆ่าแม่ตัวเอง ในช่วงที่ผู้เป็นแม่เดินทางกลับมาถึงบ้านหลังจากขายของเสร็จ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. ของวานนี้ (28 ก.พ.) ที่ผ่านมา จนลูกชายได้ขอเงินแม่เพื่อจะนำไปซื้อยาเสพติดมาเสพ แต่ปรากฏว่าด้วยความเหนื่อยและอดทนมาเป็นระยะเวลานาน ผู้เป็นแม่น่าจะไม่ให้และบ่นสั่งสอน ลูกชายจึงน่าจะใช้หมัดต่อยและทำร้ายผู้เป็นแม่จนถึงแก่ชีวิต และขโมยเงินของผู้เป็นแม่ไปด้วย หลังก่อเหตุเสร็จได้ขับรถ จยย.ของผู้เป็นแม่หลบหนีไป
อย่างไรก็ตามตรวจสอบเฟสบุ๊กผู้ก่อเหตุ ใช้ชื่อว่า “ณัฐพล ทองตรีพันธุ์” ได้โพสต์ภาพร่างของแม่ที่นอนเสียชีวิต และฝ่ามือของตัวเอง พร้อมข้อความระบุว่า “ยมบาล คมหักเหลี่ยมตะวัน + เรียบร้อย เมื่อช่วง 1 วันที่ผ่านมา

เบื้องต้นทางกำลังชุดสืบสวนได้ไล่กล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ รวมทั้งเส้นทางที่คาดว่าน่าจะใช้หลบหนี พร้อมทั้งติดตามไปยังบ้านบุคคลใกล้ชิดเพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุฆ่าแม่รายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย ข่าวคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป.

28/02/2025

สจป.12 สนธิกำลังรื้อเต้นท์ขายของริมหาดฝรั่ง เกาะมุกด์ ชาวบ้านไม่ยอมเจรจานานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนตกลงด้วยดี
เมื่อวันที่ 27 ก.พ.68 นายวรวิทย์ หยูดำ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ 12 (นครศรีธรรมราช) นายณรงค์ศักดิ์ ธรรมานนท์ หน.ชุดปฏิบัติการพิเศษ สจป.12(นครศรีธรรมราช) คนนายสมนึก กุนหลัด เจ้าหน้าที่ป่าไม้ชำนาญงาน ในฐานะหัวหน้าป่านันทนาการเกาะมุกด์ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ สนธิกำลัง ฝ่ายปกครอง อ.กันตัง อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ตำรวจ สภ.กันตัง ตำรวจกก.สส.ภ.จว.ตรัง ตำรวจ บก.ปทส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กว่า 100 นาย เข้าตรวจสอบที่ป่านันทนาการเกาะมุกด์ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หาดฝรั่ง” ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเกาะมุกด์ หมู่ที่ 2 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง เนื้อที่ 46 ไร่ หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีการบุกรุกของกลุ่มบุคคลเพื่อวางแผงร้านค้าขายสินค้า บริเวณพื้นที่ดังกล่าว
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่าบริเวณหาดทรายซึ่งถูกจัดเป็นเขตการท่องเที่ยวและนันทนาการ มีการต้งเก้าอี้และร่มชายหาดอยู่เต็มบริเวณ ขึ้นมาบนฝั่งเล็กน้อยพบเต้นท์ร้านค้าจำนวน 10 ร้าน ทั้งนี้นายสมนึก กุนหลัด หัวหน้าป่านันทนาการเกาะมุกด์ ได้ทำการชี้แจงให้ผู้ค้าได้ทำการย้ายเต้นท์ร้านค้าจากริมชายหาดเข้ามาในแนวป่า แต่ก็ได้รับเสียงคัดค้านกันเป็นอย่างมาก เพราะชาวบ้านอ้างว่าไม่ได้รับการแจ้งจากเจ้าหน้าที่มาก่อน และมีกปล่อยข่าวว่าเจ้าหน้าที่จะมาทำการรื้อถอนร้านค้า ก่อนที่มีการตั้งโต๊ะเจรจาโดยให้ตัวแทนชาวบ้านพูดคุยทำความเข้าใจ
เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง สถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย ชาวบ้านยังคงคัดค้านและไม่ยอมลงชื่อในข้อตกลง เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังกันผู้ไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่ และลงมือเตรียมตรวจยึดเต้นท์ร้านค้า จากนั้นชาวบ้านได้ขอให้มีการพูดคุยอีกรอบโดยได้ขอสรุป 1.สามารถให้ใช้พื้นที่ได้อีก 2 เดือน มี.ค.-เม.ย.68 (ช่วงหน้าเทศกาลท่องเที่ยว) 2.ขยับร้านค้าขึ้นมาจากแนวชายหาด และตั้งโต๊ะได้แค่ 2 แถว 3.การดำเนินการก่อสร้าง “ป่านันทนาการเกาะมุก“ ต้องมีชาวบ้านในพื้นที่และทุกภาคส่วนรวมประชุม และต้องมีการทำประชามิติ ในเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ และการเก็บค่าบำรุงสถานที่กับนักท่องเที่ยว ชาวบ้านยังไม่ยอมรับในข้อตกลงที่ 3 ซึ่งจะหาทางออกร่วมกันอีกครั้ง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการช่วยย้ายเต้นและโต๊ะให้กับผู้ประกอบการเข้าแนวเขตที่ได้วางไว้
นายสมนึก กุนหลัด หัวหน้าป่านันทนาการเกาะมุกด์ เผยว่า วันนี้ตนและหน้วยงานที่เกี่ยวข้องสนธิกำลังเพื่อที่จะทำการรื้อถอนร้านค้าที่มาขายของตรงบริเวณที่ไม่ได้ตกลงกันไว้จนมีกาาเจรจากันจนฝั่งผู้ค้ายอมที่จะถอยเต้นท์ร้านค้าไปในสถานที่ที่กำหนด ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้มีผ่อนผัน และมีการนัดพบปะพูดคุยทั้งที่ว่าการอำเภอ รวมทั้งลงพื้นที่พูดคุยและปักป้ายแจ้งเตือน เพื่อขอให้ชาวบ้านย้ายข้าวของออกจากบริเวณชายหาด เนื่องจากเป็นการบุกรุกพื้นที่เขตการท่องเที่ยวและนันทนาการที่ประชาชนมีสิทธิ์ใช้ร่วมกัน หลังจากนี้จะมีการก่อสร้างศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อาคารสำนักงาน ป้อมยาม และห้องน้ำเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวต่อไป

28/02/2025

ตรัง กระบะเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าขาดสะบั้น ล้ม 4 ต้น ทำไฟดับสนิทหลายกิโลเมตร
กระบะเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าขาดสะบั้น หักโค่นล้มตามอีกกว่า 4 ต้น ทำไฟฟ้าดับสนิทเป็นระยะทางยาวหลายกิโลเมตร เบื้องต้นคนขับบาดเจ็บรู้สึกตัว รถพังยับเยิน จนท.การไฟฟ้าเร่งเข้ากู้และซ่อมแซม คาดแล้วเสร็จในวันพรุ่งนี้.

เมื่อเวลาประมาณ 00.15 น. วันที่ 28 ก.พ.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตรัง ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์กระบะเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า มีเสาไฟฟ้าล้มจำนวนหลายต้น รวมทั้งมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบนถนนกันตัง ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง (เขตเทศบาลนครตรัง) บริเวณหน้าร้านส้มตำอีสาน 2004 หลังรับแจ้งจึงประสานพนักงานสอบสวน ตำรวจสายตรวจชุดอินทรี สายตรวจรถยนต์ 20 เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.ตรัง เจ้าหน้าที่เทศบาลนครตรัง และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง (บ้วนเต็กเซี่ยงตึ๊ง)

ถึงที่เกิดเหตุ พบว่าไฟฟ้าส่องสว่างข้างถนน บ้านเรือนประชาชน ดับเป็นระยะทางยาวหลายกิโลเมตร ทำให้ชาวบ้านร้านค้าที่ยังเปิดอยู่ได้รับความเดือดร้อน และยังพบอีกว่าจุดบริเวณดังกล่าวกำลังมีการก่อสร้างขุดถนนเพื่อฝังท่อ มีเสาไฟฟ้าจำนวน 4 ต้น ล้มพาดอยู่บนถนน สายไฟฟ้าแรงสูงและสายเคเบิลจำนวนมากห้อยพาดผ่านถนน พบเสาต้นที่ถูกรถยนต์กระบะพุ่งชนหักขาดสะบั้น ในคูพงหญ้า ลักษณะอยู่ลึกลงไปข้างทาง พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน กพ 5856 ตรัง เสียหลักลงไปอยู่ในสภาพตะแคงขวา สภาพรถพังยับเยินทั้งคัน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ ทราบว่าเป็นคนขับ เป็นชายอยู่ในช่วงอายุน่าจะระหว่างวัยรุ่นถึงวัยกลางคน ซึ่งน่าจะโดยสารมาเพียงคนเดียว ได้รับบาดเจ็บ แต่รู้สึกตัวดี ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย นำส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้แล้ว

ส่วนสาเหตุคาดว่าคนขับน่าจะเสียหลัก เนื่องจากจุดเกิดเหตุเป็นช่วงโค้ง ก่อนจะพุ่งชนเข้ากับเสาไฟฟ้าข้างทางจนขาดสะบั้น และทำให้เสาไฟฟ้าต้นอื่นๆล้มตามลงมาอีกด้วย ก่อนที่รถจะพลิกคว่ำไปตะแคงอยู่ในคูพงหญ้าข้างทางดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เทศบาลฯ ได้ทำการนำกรวยสะท้อนแสงไปตั้งแจ้งเตือนและปิดกั้นการจราจรเป็นการชั่วคราว เนื่องจากมีเสาไฟฟ้าและสายไฟฟ้าล้มพาดผ่านถนนอยู่ รถไม่สามารถสัญจรผ่านได้ รวมทั้งเพื่อความสะดวกและปลอดภัยกับเจ้าหน้าที่ ขณะที่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดตรัง ได้เร่งตัดกระแสไฟฟ้า เพื่อซ่อมแซมและกู้เสาไฟฟ้าที่หักโค่นลงมาเป็นการเร่งด่วน โดยคาดการณ์ว่าน่าจะแล้วเสร็จในช่วงกลางวันที่จะถึงนี้ ส่วนมูลค่าที่ราชการเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้ โดยทางพนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบปากคำผู้ขับขี่ และหาพยานแวดล้อม พยานหลักฐานอื่นๆต่อไป เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ขับขี่ต่อไป.

27/02/2025

กู้ภัยทีมเบ็นซ์ อสรพิษตรัง จับงูเห่าตัวเขื่องความยาวเกือบ 2 เมตร ที่เลื้อยเข้าไปซุกอยู่ใต้แท่งปูนหน้าบ้าน ก่อนพบมีแมลงป่องช้างซ่อนอยู่อีก 1 ตัว กู้ภัยจับได้ท่ามกลางความโล่งใจของเจ้าของบ้านที่เผย ตั้งแต่สร้างบ้านมายังไม่เคยมีงูเข้าบ้านมาก่อน คาดเป็นฤดูผสมพันธุ์หรือหนีน้ำท่วม
นายสุพัฒน์ เอียดชะตา (น้องเบ็นซ์) อายุ 20 ปีหัวหน้าทีมเบ็นซ์ อสรพิษตรังพร้อมทีมงาน ได้รับแจ้งจากเจ้าของบ้านเลขที่ 95 /2 หมู่ที่ 5 ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรังว่า มีงูเห่าตัวใหญ่เลื้อยเข้ามาซุกอยู่ใต้แท่งปูนขนาดใหญ่หน้าบ้าน หลังเห็นคนเดินผ่านมา ทำให้เกิดความตกใจทั้งคนทั้งงู ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็หาที่หลบซ่อนตัว หลังได้สติเจ้าของบ้านจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ฯ เข้าช่วยเหลือ และเมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึง จึงได้ยกแท่งปูนออกดู พบว่าเป็นงูเห่าสีดำ ขนาดความยาวเกือบ 2 เมตร ไม่ทราบเพศ สภาพสมบูรณ์แข็งแรง อยู่ในช่วงตัวโตเต็มวัยพร้อมผสมพันธุ์ และพบซุกอยู่คู่กับแมลงป่องช้างอีก 1 ตัว
โดยงูเห่ามีท่าทีดุร้าย ส่งเสียงขู่ออกมาตลอดเวลา แต่เจ้าหน้าที่ฯ ที่มากประสบการณ์ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีก็สามารถจับหางงูเห่าตัวดังกล่าวลากออกมาจากแท่งปูน แล้วนำใส่กระสอบได้สำเร็จ พร้อมกับแมลงป่องช้างที่ไม่ตั้งใจมาจับอีก 1 ตัว ท่ามกลางความโล่งใจของเจ้าของบ้านสองผัวเมีย ที่เผยว่า ตั้งแต่สร้างบ้านหลังนี้มานานกว่า 10 ปีแล้ว ยังไม่เคยเจองูเข้าบ้าน คาดน่าจะหนีน้ำท่วมช่วงฝนตกหนัก หรือเป็นช่วงผสมพันธุ์จึงออกหาคู่ ซึ่งจากนี้จะต้องระมัดระวังมากขึ้น และไม่เปิดประตูบ้านทิ้งไว้เป็นอันขาด

นักเรียนตั้งแต่ชั้นป.3-ป.6 จำนวน 150 คนจากโรงเรียนดรุโณทัย อ.เมืองตรัง เดินทางไปยังกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบาติกบ้านโต๊ะเมือง ...
26/02/2025

นักเรียนตั้งแต่ชั้นป.3-ป.6 จำนวน 150 คนจากโรงเรียนดรุโณทัย อ.เมืองตรัง เดินทางไปยังกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบาติกบ้านโต๊ะเมือง หมู่ที่ 4 ต.บางหมาก อ.กันตัง จ.ตรัง เพื่อฝึกการเรียนรู้ทั้งหมดรวม 3 ฐาน

นักเรียนตั้งแต่ชั้นป.3-ป.6 จำนวน 150 คนจากโรงเรียนดรุโณทัย อ.เมืองตรัง เดินทางไปยังกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบาติกบ้า....

ตรัง น้ำป่าหลากเอ่อล้นคลอง ท่วมถนนสายหลักตรัง พัทลุง รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้
25/02/2025

ตรัง น้ำป่าหลากเอ่อล้นคลอง ท่วมถนนสายหลักตรัง พัทลุง รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้

ตรัง น้ำป่าหลากเอ่อล้นคลอง ท่วมถนนสายหลักตรัง พัทลุง รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้ น้ำป่าเทือกเขาบรรทัดหลากเอ....

21/02/2025

อบต.นาพละ จัดโครงการทำบุญรับขวัญข้าวใหม่ตำบลนาพละ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อให้ชาวนานำข้าวใหม่ที่เก็บเกี่ยวแล้วไป ถวายบูชาแด่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

เมื่อวันที่(20 ก.พ. 68) ที่วัดหัวถนน ตำบลนาพละ อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง พันจ่าโท อนันต์ บุญสำราญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป้นประธานเปิดโครงการทำบุญรับขวัญข้าวใหม่ตำบลนาพละ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดยมี นายสำเริง นิลละออ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาพละ หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และพี่น้องประชาชน เข้าร่วมงาน

องค์การบริหารส่วนตำบลนาพละ ได้เล็งเห็นความสำคัญการรับขวัญข้าวจากทุ่งนามาสู่ยุ้งฉาง เพื่อให้ชาวนานำข้าวใหม่ที่เก็บเกี่ยวแล้วไปถวายบูชาแด่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถวายการบูชาแด่พระพุทธสิหิงค์ หลวงพ่อท่านจังโหลน หลวงพ่อแก่บัวเพชร อันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่ฝั่งขวาของลุ่มน้ำคลองนางน้อยตรัง ตามความเชื่อในการช่วยคุ้มครองแปลงนาและพืชผลจากภัยธรรมชาติ และศัตรูพืช ช่วยให้ข้าวเจริญเติบโตและได้ผลผลิตมาก ให้การทำนาประสบผลสำเร็จ เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับชาวนา เปิดโอกาสให้กับชาวนาได้มารวมตัว ร่วมกันประกอบพิธีกรรมและสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เป็นการอนุรักษ์ประเพณี สืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของไทย และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในเชิงวัฒนธรรมที่ยั่งยืน ส่งเสริมและอนุรักษ์ข้าวพันธุ์พื้นเมืองให้ทุกคนได้เห็นคุณค่าประเพณีท้องถิ่น วัฒนธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับวิถีชีวิตและผลผลิตของชาวนาไทย โดยสรุปงานทำบุญรับขวัญข้าวใหม่ เป็นประเพณีที่สืบทอดเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ส่งเสริมวัฒนธรรมอันดี ความเสียสละ การมีส่วนร่วมและความสามัคคีในหมู่ชน เป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนเป็นส่วนรวม และมีสัดส่วนของกลุ่มคนที่มีส่วนร่วมในการสืบทอดประเพณีในพื้นที่ในระดับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นโครงการที่มีทั้งหลักการทางศาสนาและวัฒนธรรม และเหตุผลที่สำคัญต่อการอนุรักษ์ประเพณี ส่งเสริมความสามัคคีและการท่องเที่ยว
และในโอกาสนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้ะมอบเกียรติบัตรพร้อมของรางวัล ให้กับผู้ชนะที่แข่งขัน 5 รายการ ได้แก่ การแข่งขันนวดข้าวเลียง ตำข้าวด้วยครกมือ และฝัดข้าว การแข่งขันรับประทานข้าวต้มเปียก การแข่งขันหาบข้าวเลียงกับแสก การประกวดชาวนาสูงวัยสุขภาพดี อายุ 70 ปีขึ้นไป และการประกวดต้นกล้าชาวนา อายุไม่เกิน 18 ปี

20/02/2025

ตรัง เพลิงไหม้กุฏิเจ้าอาวาสหวิดวอด พบข้าวของกองสูงพะเนินท่วมกุฏิ ดับเพลิงนาน 3 ชม ก่อนเพลิงสงบ
เพลิงลุกไหม้กุฏิเจ้าอาวาสวัดควนขัน หวิดวอด ผงะพบของของเครื่องใช้ถูกกองทับถมเก็บไว้ในกุฏิสูงพะเนินท่วมหัว แทบไม่มีทางเดิน ดับเพลิงใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงเพลิง จึงสามารถควบคุมเพลิงได้ทั้งหมด เจ้าอาวาสเผยสาเหตุ ไฟฟ้าลัดวงจรบริเวณปลั้กไฟ ขณะที่ชาวบ้าน เล่านาทีตามหากลุ่มควันก่อนมาพบ เห็นเจ้าอาวาสยังอยู่ในกุฏิ

เมื่อเวลาประมาณ 00.20 น. วันนี้ 20 ก.พ.68 ศูนย์วิทยุนางฟ้า ดับเพลิงงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครตรัง ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้กุฏิเจ้าอาวาสวัดควนขัน เลขที่ 8 บ้านควนขัน ถนนนางน้อย ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง หลังรับแจ้งจึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยรถดับเพลิงจำนวน 3 คัน ก่อนจะประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิง มูลนิธิกุศลสถานตรัง (บ้วนเต็กเซี่ยงตึ๊ง) พร้อมรถดับเพลิงออกร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุอีก 1 คัน

ถึงที่เกิดเหตุเป็นกุฏิของพระมหานุกูล นารโท เจ้าอาวาสวัดควนขัน มีลักษณะเป็นอาคาร 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ พบมีทางที่สามารถเข้าออกได้เพียงทางเดียวซึ่งถูกล็อกอยู่ ก็จะพบว่าเจ้าอาวาสยังอยู่ภายในกุฏิและกำลังพยายามดับไฟอยู่ จึงได้ขอให้เจ้าอาวาสออกมาเปิดประตูและออกมาด้านนอกเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำงาน เมื่อเปิดประตูเข้าไปพบตั้งแต่ทางเข้าจากชั้นล่างไปจนถึงชั้นบน มีข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ถูกตั้งกองสุมเอาไว้บนพื้นจนเป็นกองสูงพะเนินเลยศีรษะ

ไม่ว่าจะเป็น สังฆทาน หลอดไฟ ผ้า จีวร กระดาษ และของที่ถูกบรรจุไว้ในถุงพลาสติก ฯลฯ เหลือเพียงทางที่สามารถเดินได้เป็นช่องเล็กๆ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงได้ลากสายฉีดน้ำเข้าไปสกัดเพลิงบริเวณต้นเพลิงซึ่งอยู่บริเวณชั้น 2 อยู่เป็นระยะเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง เนื่องจากเพลิงได้ลุกไหม้ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่ถูกกองและทับถมตั้งไว้ ซึ่งยากต่อการสกัดเพลิงได้ในทันที ซึ่งเมื่อไฟดับลง ปรากฏว่าได้ลุกไหม้ขึ้นใหม่อีกหลายครั้ง จนเมื่อเพลิงสงบลงดีแล้ว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจำเป็นต้องรื้อข้าวของต่างๆให้กระจาย เนื่องจากเพลิงอาจจะปะทุซ้ำขึ้นมาได้จากความร้อนที่สะสมอยู่ด้านล่างสิ่งของเหล่านั้น

นายเอกชัย โคกเขา อายุ 47 ปี พลเมืองดี เล่าว่า บ้านตนเปิดเป็นร้านขายของชำอยู่ใกล้กับวัด ช่วงเวลาประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ ได้กลิ่นควันไฟ คิดว่ามีคนเผาขยะ แต่ปรากฏว่าไม่มี จึงขับรถออกไปตามหาที่มาของควันไฟ จึงมาพบว่ากลุ่มควันไฟได้ออกมาจากชั้น 2 ของกุฏิของเจ้าอาวาสวัด จึงได้ตะโกนเรียกเจ้าอาวาสและพระลูกวัดให้ตื่น แต่ปรากฏว่าไม่มีใครตื่นจึงรีบแจ้งดับเพลิงทันที แต่สักพักก็ได้มีเพลิงลุกไหม้ขึ้น ก่อนดับเพลิงจะมาถึงไม่ถึง 5 นาที เมื่อมาถึงก็พบว่าประตูกุฏิถูกปิดล็อกอยู่ทั้งหมด ก่อนที่เจ้าอาวาสซึ่งยังอยู่ภายในกุฏิ กำลังพยายามใช้น้ำดับไฟ ได้เดินลงมาเปิดให้ และพยายามเรียกให้เจ้าอาวาสออกมาข้างในเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการดับเพลิง และยังพบอีกว่าภายในกุฏิมีข้าวของต่างๆ ที่เจ้าอาวาสเก็บไว้เป็นจำนวนมาก เช่น สังฆทาน ซึ่งระบบไฟฟ้าของวัดและภายในกุฏิ มีอายุนานหลายปี ไม่ได้มีการปรับปรุงหรือบูรณะ อาจจะเป็นสาเหตุที่จะมาจากไฟฟ้าลัดวงจรก็เป็นได้

ด้าน พระมหานุกูล นารโท เจ้าอาวาสวัดควนขัน บอกว่า ขณะนั้นอาตมานอนอยู่ในห้องนอนบนชั้น 2 เพียงคนเดียว จู่ๆก็เห็นว่าไฟเกิดช็อตเป็นประกายเพลิงออกมาจากบริเวณปลั้กไฟด้านนอกห้อง เบื้องต้นก็มีข้าวของเครื่องใช้ต่างๆได้รับความเสียหาย โดยของส่วนใหญ่ที่มีการเก็บไว้และเสียหายจะเป็นสังฆทาน ที่อาตมาเก็บไว้ ภายหลังจากนี้ก็จะต้องปรับปรุงระบบไฟใหม่

ที่อยู่

Trang
92000

เบอร์โทรศัพท์

+66864437932

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Trang Varietyผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Trang Variety:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์