Andamantime News - อันดามันไทม์

Andamantime News - อันดามันไทม์ 'อันดามัน ไทม์' เริ่มก่อตั้งครั้งแรก ขึ้นเมื่อ 15 กรกฏาคม พ.ศ. 2547

Andaman Time. แฟนเพจอย่างเป็นทางการของ อันดามัน ไทม์ : ช่องทางข่าวสารของคนเมืองตรัง

นำเสนอข่าวสาร อาชญากรรม อุบัติเหตุ เตือนภัย ปัญหาทุจริต คอรัปชั่น รีวิว ฯลฯ และสาระประโยชน์

แจ้งข่าว-ร้องเรียน-ติดต่อโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ โทร. 093-196-4928

News Update : ตรังเตือนภัยมรสุม! เฝ้าระวังน้ำป่า-น้ำท่วมฉับพลัน สั่งจับตา 'สิเกา-วังวิเศษ' เสี่ยงสูง ชาวเรือห้ามประมาท ค...
09/06/2025

News Update : ตรังเตือนภัยมรสุม! เฝ้าระวังน้ำป่า-น้ำท่วมฉับพลัน สั่งจับตา 'สิเกา-วังวิเศษ' เสี่ยงสูง ชาวเรือห้ามประมาท คลื่นทะเลสูง 2-3 เมตร
#กองบรรณาธิการอันดามันไทม์
วันนี้ 9 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอุดมพร กาญจน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ผู้ว่าราชาการจังหวัดตรัง สั่งการให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง ประสานงานไปยังอำเภอทั้ง 10 อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดตรัง ให้เตรียมพร้อมในการเฝ้าระวังการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดผ่าน ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง ได้ติดตามการพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และการแจ้งเตือนจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในการแจ้งเตือนลักษณะอากาศ หากสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจให้แจ้งเตือนประชาชน
ขณะนี้ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง ได้มีการเตรียมความพร้อมอุปกรณ์ในการช่วยเหลือประชาชนหากประสบภัยธรรมชาติ ก็สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทันที ในขณะที่สถานการณ์น้ำตามลำคลองในพื้นที่จังหวัดรัง ยังสามารถรองรับได้อีกจำนวนมาก อย่างไรก็ตามทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง ยังเฝ้าระวังเนื่องจากได้รับการแจ้งเตือนเกิดฝนตกถึงวันที่ 13 มิถุนายนนี้ ในส่วนของปัญหาน้ำท่วมขังหรือน้ำระบายไม่ทันนั้นสาเหตุก็มาจากการสร้างบ้านเรือนขวางทางน้ำทำให้น้ำระบายได้ช้า
ดังนั้นประชาชนที่ต้องการสร้างบ้านขอให้ตรวจสอบให้ดีก่อนว่าจะสร้างขาวงทางน้ำหรือไม่ หากขวางทางระบายน้ำก็ไม่ควรสร้าง หากก่อสร้างบ้านแล้วขวางทางระบายน้ำ ประชาชนก็จะได้รับความเดือดร้อนเอง เนื่องจากน้ำไม่มีที่ระบายหรือระบายได้ช้า นอกจากนี้ยังขอแจ้งเตือนประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอสิเกา และอำเภอวังวิเศษ เพราะว่ามีฝนตกมากว่าพื้นที่อื่นๆของจังหวัดตรัง ส่วนชาวประมงและผู้ประกอบการการท่องเที่ยวต้องตรวจเช็คสภาพอากาศก่อนออกทะเล เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร.

News Update : อุบัติเหตุสลด! กระบะขับสวนเลนเจอรถสวน หักหลบไม่พ้นชนข้างกระบะ ก่อนหมุนไปฟาดรถ จยย.เคราะห์ร้ายดับ 1 ศพ คนขั...
08/06/2025

News Update : อุบัติเหตุสลด! กระบะขับสวนเลนเจอรถสวน หักหลบไม่พ้นชนข้างกระบะ ก่อนหมุนไปฟาดรถ จยย.เคราะห์ร้ายดับ 1 ศพ คนขับคล้ายเมาสุราเดินหนีหายเข้าป่าข้างทาง
#กองบรรณาธิการอันดามันไทม์
เมื่อเวลา 22.02 น. วันที่ 7 มิ.ย.68 ร.ต.อ.นุศิลป์ ทิมศิลป์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง รับแจ้งอุบัติเหตุรถกระบะชนกัน เสียหลักชนรถจยย.มีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดเหตุบนถนนสายแยกบ้านควน-แยกควนปริง ต.ควนปริง อ.เมือง จ.ตรัง หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่พร้อมด้วย แพทย์เวร รพ.ศูนย์ตรัง หน่วยกู้ชีพ อบต.ควนปริง และอาสากู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง (บ้วนเต็กเซี่ยงตึ๊ง)
ที่เกิดเหตุบนถนนเป็นถนน 2 เลน อยู่ระหว่างการก่อสร้างขยายถนน พบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมค์ตี้เอ็กซ์ สีแดง ทะเบียน ตรัง จอดขวางถนนอยู่ สภาพรถด้านหน้าฝั่งซ้ายยุบ ล้อรถซ้ายหลุดอยู่กลางถนน ส่วนคนขับหลังเกิดเหตุได้หลบหนีไป
ห่างไปเล็กน้อยในคูข้างถนน พบรถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ สีบรอนเงิน ทะเบียน ตรัง สภาพรถมีรอยถูกชนยุบที่กระบะรถข้างซ้าย ส่วนด้านขวามีรอยบุบ เจ้าหน้าที่ต้องนำรถลากมาลากขึ้นบนถนน โดยคนขับยืนรอให้การกับพนักงานสอบสวน
ข้างกันพบรถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 สีน้ำเงิน ทะเบียน ขนก 788 ตรัง สภาพรถพังยับเยิน มีถุงอวนใส่ปลาและกุ้งแม่น้ำ ตกอยู่ข้างรถจยย. เจ้าหน้าที่กู้ชีพพยายามให้การช่วยเหลือ นายสุวิทย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี คนขับขี่ แต่ไม่เป็นผล เสียชีวิต หลังจากครอบครัวทราบข่าวได้เดินทางเข้าที่เกิดเหตุต่างร่ำไห้เสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมค์ตี้เอ็กซ์ สีแดง ได้ขับขี่มาจากแยกควนปริงมุ่งหน้าไปแยกบ้านควน ระหว่างนั้นเองขับมาด้วยความเร็วและขับสวนเลนฝั่งมุ่งหน้าแยกควนปริง เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุรถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า ได้ขับมาตามเลนตัวเอง และเมื่อเจอรถกระบะสีแดง ทั้งสองฝ่ายได้หักหลบ แต่รถกระบะสีแดงก็ชนตรงกระบะข้างรถอีซูซุจนทำให้หมุนไปฟาดเข้ากับรถจักรยานยนต์ที่ขี่ผ่านมาพอดี เป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียอย่างน่าสลดใจ
ส่วนคนขับรถกระบะสีแดงหลังเกิดเหตุมีพยานเห็นว่าเดินลงจากรถลักษณะคล้ายคนเมาสุรา ได้เดินหนีหายเข้าไปในสวนป่าข้างทาง ทางพนักงานสอบสวนจะได้ประสานฝ่ายสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดีในภายหลัง เบื้องต้นได้นำศพส่ง รพ.ศูนย์ตรังเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต ก่อนให้ญาติมารับร่างไปประกอบพิธีตามศาสนาต่อไป.

News Update : ผู้ประกอบการรถทัวร์ 2 ชั้น ประท้วงและเรียกร้องให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ทบทวนคำสั่งห้ามรถโดยสารสองชั้นวิ่ง...
04/06/2025

News Update : ผู้ประกอบการรถทัวร์ 2 ชั้น ประท้วงและเรียกร้องให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ทบทวนคำสั่งห้ามรถโดยสารสองชั้นวิ่งผ่านเส้นทางถนนเพชรเกษม
#กองบรรณาธิการอันดามันไทม์
วันนี้ 4 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณจุดพักรถอันดามันเกตเวย์ บนถนนสายเพชรเกษม เส้นทางเขาพับผ้า ช่วงพัทลุง-ตรัง ซึ่งเป็นที่รอยต่อระหว่าง ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง กับพื้นที่ ต.ช่อง อ.นางโยง จ.ตรัง เส้นทางเขาพับผ้า ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง จ.ตรัง และ จ.พัทลุง ประกอบการรถโดยสาร 2 ชั้น จากหลายจังหวัดภาคใต้ ภายใต้การนำของ ดร.สุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสาร 2 ชั้นไทย และตัวแทนผู้ประกอบการร้านค้าในพื้นที่ จ.ตรัง ได้รวมตัวกันจำนวนหลายคัน
เพื่อประท้วงและเรียกร้องให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ทบทวนคำสั่งห้ามรถโดยสารสองชั้นวิ่งผ่านเส้นทางดังกล่าว ซึ่งคำสั่งห้ามดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการความปลอดภัยที่กรมการขนส่งได้ออกประกาศห้ามรถโดยสารสาธารณะ สองชั้น ทั้งประจำทางและไม่ประจำทาง วิ่งผ่าน 7 เส้นทางที่มีความลาดชันทั่วประเทศ รวมถึงเส้นทางหลวงหมายเลข 4 ช่วงเขาพับผ้า ตรัง-พัทลุง ในขณะเดียวกันในการชุมนุมประท้วงในวันนี้(ที 4) ได้มีกลุ่มรถโดยสารเล็ก(รถตุ๊กๆ)จาก จ.ตรัง มารวมในการชุมนุมประท้วงด้วย
อย่างไรก็ตามคำสั่งห้ามดังกล่าวนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ประกอบการรถสองชั้น เนื่องจากต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินรถไปยังเส้นทางอื่นที่มีระยะทางไกลขึ้นถึง 100 กิโลเมตร ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากวันละประมาณ 12,000 บาท เป็น 15,000-16,000 บาท ส่งผลให้ลูกค้าลดลงและบางรายต้องยกเลิกการเดินทาง .สำหรับการชุมนุมประท้วงดังกล่าวนี้ได้มีนายอนันต์ บุญสำราญ รอง ผวจ.ตรัง และนายปรีชา นวลน้อย รอง ผวจ.พัทลุง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้เข้าร่วมในการแก้ปัญหาด้วย
สำหรับการประท้วงในครั้งนี้มีการเปิดเวทีเสวนาเพื่อสะท้อนผลกระทบที่เกิดขึ้น และเสนอแนวทางแก้ไขต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยผู้ประกอบการเรียกร้องให้กรมการขนส่งได้ทบทวนคำสั่งห้ามดังกล่าว และพิจารณามาตรการอื่นๆ ที่สามารถเพิ่มความปลอดภัยในการเดินรถโดยไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจและเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยทาง ผู้ประกอบการยังชี้ว่า เส้นทางเขาพับผ้าไม่เคยเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงกับรถโดยสารสองชั้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จึงเห็นว่าคำสั่งห้ามดังกล่าวจึงไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างมาก
เบื้องต้นพื้นที่ลาดชันที่จะส่งผลกระทบและจะเกิดอันตรายต่อการสัญจรไปมาบนถนนเพชรเกษมนั้นพื้นที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง แต่ความเดือดร้อนของคำสั่งดังกล่าวจะเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการในพื้นที่ จ.ตรัง และจังหวัดต่างๆ โดยในวันนี้ทางตน รอง ผวจ.ตรัง ขนส่งจังหวัดตรัง และขนส่งจังหวัดพัทลุง ได้เข้ารับหนังสือร้องเรียนจากผู้ประกอบการแล้ว หลังจากนี้ทั้ง 2 จังหวัด ก็จะส่งหนังสือร้องเรียนไปยังกระทรวงคมนาคมตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งการชุมนุมประท้วงดังกล่าวนี้ไม่ได้มีการปิดกั้นเส้นทางคมนาคมแต่อย่างใด
โดยล่าสุดมีรายงานข่าวระบุว่า ในวันพรุ่งนี้ (5 มิ.ย.) เวลา 13.00 น. ทางกรทรวงคมนาคม ได้ให้ทางตัวแทนสมาคมฯ เข้าพบรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อพูดคุยและพิจารณาตามข้อเรียกร้องต่อไป.

News Update : พบคุณทวดวัย 105 ปี แห่งบ้านหนองเกียบ จ.ตรัง อายุยืนยาว 5 แผ่นดิน ยังแข็งแรง เดินอย่างคล่องแคล่ว วันละ 2 กิ...
04/06/2025

News Update : พบคุณทวดวัย 105 ปี แห่งบ้านหนองเกียบ จ.ตรัง อายุยืนยาว 5 แผ่นดิน ยังแข็งแรง เดินอย่างคล่องแคล่ว วันละ 2 กิโลฯ พร้อมกวาดบ้าน กินข้าวด้วยตัวเอง แถมอารมณ์ดี อวยพรผู้มาเยือนด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยเมตตา
#กองบรรณาธิการอันดามันไทม์
วันนี้ 4 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ตรัง ได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 18 หมู่ 3 บ้านหนองเกียบ ต.นาท่ามใต้ อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นบ้านโบราณครึ่งปูนครึ่งไม้ ฝาผนังหล่อด้วยคอนกรีตอายุหลายร้อยปี ซึ่งเป็นของของ คุณทวดจาย เพชรอินทร์ อายุ 105 ปี เกิดในปี พ.ศ.2464 หรือในรัชการที่ 6 ซึ่งถือเป็นคุณทวดอายุยืนยาว 5 แผ่นดิน และยังมีสุขภาพที่แข็งแรงเป็นอย่างมาก โดยบ้านหลังดังกล่าวคุณทวดอาศัยอยู่กับบรรดาลูกๆหลานๆที่ต่างคอยแวะเวียนสลับกันเข้ามาดูแลอยู่ตลอดเวลา
โดยคุณทวดจายมีสามีชื่อนายเกลือม ทองรักษ์ ซึ่งได้เสียชีวิตไปเมื่อ พ.ศ.2561 หรือ 7 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะเสียชีวิตมีอายุ 98 ปี โดยมีบุตรด้วยกันทั้งหมด 7 คน เป็นผู้หญิง 5 คน ผู้ชาย 2 คน แต่เสียชีวิตไปแล้วจำนวน 3 คน โดยเป็นผู้หญิง 2 คน และผู้ชาย 1 คน ส่วนคุณทวดมีหลานทั้งหมดมากถึง 11 คน ซึ่งลูกคนโตของคุณทวดก็มีอายุปัจจุบันนี้ประมาณ 70 ปีแล้ว
โดยผู้สื่อข่าวเดินทางไปพร้อมด้วย นายปิยภัทร สุดศิริ หรืออาจารย์เณรดอย อายุ 37 ปี ฆราวาสไสยเวท และผู้คร่ำหวอดในวงการไสยเวทชื่อดัง ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับคุณทวด และเป็นผู้นำเรื่องราวของคุณทวดมาเผยแพร่ในโซเซียลมีเดีย เมื่อเดินทางไปถึงหน้าบ้านคุณทวดได้ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ เดินออกมาต้อนรับด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มและดีใจ พร้อมกับหอมแก้มทั้งทั้งซ้ายทั้งขวาของนายปิยภัทร และผู้สื่อข่าว ก่อนจะจับมืออวยพรว่า “นึกสิ่งใดขอให้ได้สิ่งนั้น อย่าให้มีอุปสรรคขัดข้อง อยู่ให้สบาย อย่าได้เจ็บได้ไข้” ซึ่งสื่อให้เห็นถึงความเมตตาเป็นอย่างมาก
ก่อนจะนั่งพูดคุยกับคุณทวดด้วยความอบอุ่น แต่เนื่องจากคุณทวดมีปัญหาในการได้ยิน จะต้องพูดเสียงดังถึงจะได้ยิน ซึ่งสามารถพูดโต้ตอบกันได้ แต่มีอาการหลงลืมบางเป็นครั้งคราวตามอายุที่มาก และมีเพียงโรคประจำตัวเพียงความดันโลหิตเท่านั้นตาช่วงวัย ซึ่งเมื่อนายปิยภัทร สอบถามคุณทวดว่าคุณทวดมีอายุกี่แล้ว คุณทวดกลับตอบติดตลกว่าอายุ 70 ปีแล้ว ทั้งๆที่คุณทวดมีอายุมากถึง 105 ปี พร้อมทั้งบอกว่า 70 ปียังไม่แก่ และเมื่อสอบถามว่าสุขภาพเป็นยังไง คุณทวดบอกว่า ไม่เจ็บปวดตรงไหน สบายดี และบรรดาลูกหลานได้นำภาพในอดีตของคุณทวดมาให้ชมอีกดด้วย
ทั้งนี้คุณทวดยังคงโชว์ กวาดขยะภายในบ้านได้อย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะรับประทานข้าวมื้อเที่ยง โดยมีกับข้าวเป็นต้มหมูเปื่อย และพืชผักสวนครัว ซึ่งเป็นเมนูที่คุณทวดชื่นชอบและโปรดปรานเป็นอย่างมาก อีกทั้งคุณทวดยังคงเดินเท้าอยู่ภายในหมู่บ้านในแต่ละวันอย่างคล่องแคล่วไม่ต่ำกว่า 1-2 กิโลเมตรอีกด้วย
นายปิยภัทร สุดศิริ หรืออาจารย์เณรดอย อายุ 37 ปี บอกว่า คุณทวด เกิดจริงๆในรัชกาลที่ 6 ประมาณปี พ.ศ. 2463 โดยประมาณ เท่ากับอายุ 105 ปี แต่ในบัตรประชาชนจะระบุปีเกิดในประมาณ ปีพ.ศ.2465 อายุ 103 ปี เนื่องจากการแจ้งเกิดในสมัยอดีตมักจะแจ้งเกิดช้า อย่างน้อยจะต้องอายุถึง 4-5 ขวบ ถึงจะมีการแจ้งเกิด โดยมาจากหลากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็น ความคิดที่ว่าจะต้องอยู่ให้รอดก่อน ถึงจะแจ้งเกิด หรือจะต้องเข้าโรงเรียนแล้วไปแจ้งเกิด
ซึ่งในทุกเช้าคุณทวดจะต้องเดินไปซื้ออาหารเช้าที่ร้านค้าภายในหมู่บ้านระยะทางไปกลับประมาณ 1-2 กิโลเมตรในทุกๆเช้า รวมทั้งจะเดินเล่นอยู่ภายในหมู่บ้านหรือแวะเยี่ยมบ้านคนนั้นคนนี้ในทุกๆวันอีกด้วย ซึ่งบรรดาลูกหลานก็มีการห้ามปรามเพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุเดินล้มลงหรือเป็นลมเป็นแล้ง แต่คุณยายก็ยังชอบที่จะเดิน บางครั้งผู้คนในหมู่บ้านเห็นคุณทวดเดินอยู่ด้วยความเป็นห่วงก็อยากจะขับรถพามาส่งบ้าน แต่คุณยายก็ไม่ยอมขึ้นรถ ยอมที่จะเดินด้วยตัวเอง และบางวันคุณทวดก็ยังคงใช้จอบถากหญ้าข้างบ้าน หรือกวาดบ้าน อยู่เป็นประจำ
ส่วนตัวตนเป็นคนในหมู่บ้านแห่งนี้เติบโตมาเท่าที่จำความได้ก็พบเห็นคุณทวดอยู่แล้ว ตนเกิดมาก็เห็นคุณทวดแก่ชราอยู่ อุปนิสัยของคุณทวดเป็นคนที่น่ารักมาก อารมณ์ดีร่าเริงเห็นเด็กหรือคนที่มีอายุน้อยกว่าไม่ได้ จะต้องจับแก้มหอมแก้มและอวยพรให้ มีความโชคดีในชีวิตอยู่เสมอ แม้คนอายุ 50-60 ปีแล้ว คุณทวดก็ยังมองว่าเป็นเด็กในสายตาเสมอ ส่วนเรื่องการหลงลืม ก็มีบ้างเป็นเรื่องปกติในช่วงอายุ 105 ปี แต่สายตาดียังคงมองเห็นชัดเจน ยังอ่านหนังสือได้ทำอะไรด้วยตัวเองได้ทั้งหมด จริงๆแล้วหมู่บ้านหนองเกียบ จะมีคนอายุยืนยาวเยอะ ระหว่าง 80-90 ปีค่อนข้างเยอะ
ภายหลังหลังจากที่ตนได้นำเรื่องราวของคุณทวด ไปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียไม่ว่าจะเป็นทาง Facebook หรือ TikTok เพียงแค่คลิปวิดีโอเดียว กลับกลายว่ามีคนติดตามคุณทวดเป็นจำนวนมาก โดยคิดเพียงว่าลงแค่สนุกๆ เนื่องจากพบเห็นคุณทวดเดินอยู่ภายในหมู่บ้านทุกวัน กลับกลายเป็นว่ามีคนอวยพรให้คุณทวดอายุยืนยาวกว่านี้ หลังจากนี้ก็จะลงคลิปของคุณทวด เรื่อยๆ เนื่องจากเป็นคนที่น่ารัก และอยากให้ผู้คนได้รับรู้ว่าคุณทวดซึ่งเป็นคนในยุคโบราณ ใช้ชีวิต หรือกินอาหาร กันแบบไหน แม้แต่การเดินคุณทวดก็ยังไม่สวมรองเท้า เนื่องจากคนสมัยก่อนมักจะไม่ค่อยสวมรองเท้าโดยเชื่อว่า การเดิน เท้าเปล่า เป็นการนวดเท้า เนื่องจากฝ่าเท้ามีเส้นประสาท จะทำให้แข็งแรง
ทางด้าน นายวินัย จิตตรา อายุ 63 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน บอกว่า ตอนนี้ตนอายุ 63 ปีแล้ว มีบ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคุณทวด เห็นคุณทวดมาตั้งแต่เกิด ตั้งแต่จำความได้ ซึ่งตอนนั้นคุณทวดก็อายุมากแล้ว ในแต่ละวันคุณทวดจะเดินหลายกิโลมาก ไม่ว่าจะเดินมาแวะบ้านคนโน้นคนนี้คนนั้น วันนึ่งๆ ก็ 1-2 กิโลเมตร ถ้ามองถึงเรื่องสุขภาพอายุรุ่นนี้แล้ว ยังถือว่าแข็งแรงเป็นอย่างมาก เพียงแค่หูไม่ค่อยได้ยินและหลงลืมบ้างเป็นบางเรื่อง เนื่องจากอายุที่มาก ส่วนนิสัยเป็นคนที่ร่าเริงมาก ยิ้มสนุกหัวเราะทั้งวัน ตนส่วนใหญ่ก็จะชอบหยอกและพูดเล่นกับคุณทวดอยู่บ่อยครั้ง.

News Update : เกษตรกรวัย 70 ปีปรับพื้นที่ปลูกยางพาราหันมาปลูก ‘ทุเรียนมูซานคิงส์’หรือ ’มูซังคิงส์‘ แปลงใหญ่ในอำเภอนาโยง ...
03/06/2025

News Update : เกษตรกรวัย 70 ปีปรับพื้นที่ปลูกยางพาราหันมาปลูก ‘ทุเรียนมูซานคิงส์’หรือ ’มูซังคิงส์‘ แปลงใหญ่ในอำเภอนาโยง บนเนื้อที่ 4 ไร่ ใช้เวลาปลูกแค่ 5 ปีตัดขายปีนี้เป็นปีแรก โดยเปิดสวนให้ชมและชิมฟรีก่อนตัดสินใจซื้อ จาก ก.ก.ละ 600-700 บาทขาย 250 บาท ทำยอดขายวันละหมื่น
#กองบรรณาธิการอันดามันไทม์
วันนี้ 3 มิ.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สวนทุเรียนมูซานคิงส์หรือมูซังคิงส์ หมู่ที่ 1 ต.ช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง ซึ่งเป็นของนายวีระศักดิ์ อักษเรศ อายุ 70 ปี อดีตครูพละ โรงเรียนวิเชียรมาตุ อ.เมืองตรัง ที่ผันตัวมาใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุราชการ ด้วยการทำการเกษตรบนเนื้อที่ 4 ไร่ แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ จนกระทั่งเมื่อปี 2563 ได้ตัดสินใจโค่นสวนต้นยางพาราที่มีราคาตกต่ำ หันมาปลูกทุเรียนปลอดสารรวม 6 สายพันธุ์จำนวน 120 ต้น โดยเป็นพันธุ์มูซานคิงส์ จำนวน 105 ต้น ที่เหลือเป็นหมอนทอง 10 ต้น หนามดำ 2 ต้น ก้านยาว 1 ต้น กบชายน้ำ 1 ต้น และเม็ดนายายปราง 1 ต้น
โดยใช้เวลาปลูก 4 ปี ทุเรียนเริ่มให้ผลผลิต แต่ตัดลูกทิ้งทั้งหมดในปีแรก เพื่อบำรุงต้นให้สมบูรณ์แข็งแรง จนกระทั่งในปีนี้ ทุเรียนทั้ง 6 สายพันธุ์ เก็บขายได้แล้ว โดยเฉพาะมูซานคิงส์ที่ปลูกกว่า 100 ต้น เพราะเจ้าของมีความชอบเป็นพิเศษ หลังได้ไปชิมรสชาติถึง อ.เบตง จ.ยะลาแล้วเกิดติดใจ ในกลิ่น สี ความหอม นุ่มละมุนลิ้น เม็ดเล็กลีบ อีกทั้งทนทานต่อโรค เหมาะกับพื้นที่ภาคใต้ ทั้งยังออกลูกเร็ว ลูกดก แต่ได้ราคาดีมาก จึงตัดสินใจปลูกมากกว่าสายพันธุ์อื่น จนกลายเป็นแปลงปลูกทุเรียนมูซานคิงส์ที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอนาโยง จ.ตรัง
โดยผลผลิตทุเรียนมูซานคิงส์ปีแรก เริ่มทยอยสุกตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เกษตรกรจึงเปิดสวนให้ลูกค้าและนักท่องเที่ยวที่ใช้เสนทางสายตรัง-พัทลุงแวะเลือกซื้อถึงสวน โดยตัดสดและผ่าให้ชิมฟรีแบบวันต่อวันก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งขายหน้าสวนกิโลกรัมละ 250 บาท จากราคาเดิมซื้อขายกันที่กิโลละ 500-600 บาท
ส่วนในประเทศมาเลเซียขายกิโลละ 700 บาท ทำให้ลูกค้าที่ได้ชิมและถ่ายรูปกับสวนทุเรียนต่างเลือกซื้อ และสั่งจองล่วงหน้าจนทุเรียนสุกไม่พอขาย สร้างรายได้หลักหมื่นต่อวัน ซึ่งปีนี้เกษตรกรคาดว่าจะได้ผลผลิตทุเรียนประมาณ 2 ตันครึ่งถึง 3 ตัน ได้ตันละ 250,000 บาท สร้างรายได้กว่า 700,000 บาทหรือวันละ 10,000 บาท โดยยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและชิมฟรีจนกว่าทุเรียนจะสุกหมดต้น
ส่วนใครสนใจติดต่อได้ทางเฟสบุ๊ก Wirasak Aksares (วีระศักดิ์ อักษเรศ) และที่หมายเลขโทรศัพท์ 098-0164816 และที่ 099-2091991
ด้านนายวีระศักดิ์ อักษเรศ เจ้าของสวนทุเรียนมูซานคิงส์รายใหญ่ในอำเภอนาโยง จ.ตรัง กล่าวว่า รวมแล้วแปลงนี้มีทั้งหมดประมาณ 120 ต้น ที่ปลูกมูซานคิงส์มากที่สุดอันดับแรกคือราคาดีมาก ตนไปกินที่เบตงราคา 600 มาเลเซีย 700 เนื้ออร่อยเป็นไอศกรีมชั้นดี หอมละมุน กลมกล่อม เป็นทุเรียนที่ทนทานต่อพื้นที่ภาคใต้ เพราะต้นกำเนิดอยู่ในมาเลเซียในรัฐเคดาห์ ลักษณะเด่นคือทนทาน ออกลูกเร็ว ราคาดีขายง่าย ปกติขายเขาขายกันกิโลละ 500-600 บาท แต่ตนเปิดปีแรกจึงอยากให้ทุกคนมาลองชิมทุเรียนที่อร่อย จึงเปิดที่ 250 บาทต่อกิโล ถือว่าราคาไม่แพง
และเป็นทุเรียนที่เปิดสวนปีแรก คาดจะได้ผลผลิตประมาณ 2 ตันครึ่งถึง 3 ตัน ตอนนี้ยังเหลืออีกครึ่งต้นก็น่าจะได้ประมาณ 3 ตัน ซึ่งไม่ได้คาดหวังจะได้มาก แต่ได้โดยธรรมชาติเพราะมีการาดูแลเอาใจใส่ตลอดทั้งปี ได้ 3 ตันราคาตันละ 250,000 ก็โอเค รสชาติอร่อยเพราะตนลองชิมลูกหล่น ยอมรับอร่อย ตัดบ่ม 2 คืนก็อร่อย ความอร่อยใกล้เคียงกับเบตง แต่เราขายถูกกว่าเพราะเราเป็นมือใหม่ ขาย 250 บาท เพื่อให้ทุกคนได้มาชิมกันได้ ราคาไม่แพงเกินไป.

News Update : น้องข้าวหอม! สาวน้อยชาวตรัง วัย 14 ปี รับจ๊อบคุณพ่อ ซึ่งเปิดบ้านเป็นฟาร์มเพาะเลี้ยงนกปรอทหัวโขนหรือนกกรงหั...
01/06/2025

News Update : น้องข้าวหอม! สาวน้อยชาวตรัง วัย 14 ปี รับจ๊อบคุณพ่อ ซึ่งเปิดบ้านเป็นฟาร์มเพาะเลี้ยงนกปรอทหัวโขนหรือนกกรงหัวจุก นกประจำถิ่นใต้ขายเป็นรายแรกในอำเภอหาดสำราญ โดยมีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายมานานกว่า 15 ปีแล้ว สร้างรายได้เดือนละ 1,800 บาท ส่วนคุณพ่อขายได้เดือนละกว่า 20,000 บาท
#กองบรรณาธิการอันดามันไทม์
วันนี้ 1 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 199/4 หมู่ที่ 8 ต.หาดสำราญ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง พบน้องข้าวหอม หรือ เด็กหญิงฉัตรปวี ปราบเสร็จ อายุ 14 ปีนักเรียนชั้นม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองตรัง กำลังป้อนอาหารให้กับลูกนกปรอทหัวโขนหรือนกกรงหัวจุกตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 45 วัน หรือจนกว่านกจะกินอาหารได้เอง โดยรับจ้างเป็นผู้ช่วยให้กับคุณพ่อ ทำหน้าที่ป้อนอาหารให้ลูกนกมาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ป. 5 เพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ห่างหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ห่างเกมและได้ช่วยพ่อแม่แบ่งเบาภาระหน้าที่
โดยป้อนอาหารในช่วงวันหยุดวันละ 6 เวลาหรือ 2 ชั่วโมงต่อครั้ง แต่หากเป็นวันเปิดเรียนจะป้อนเฉพาะช่วงเช้าและหลังเลิกเรียน ส่วนใหญ่เป็นอาหารเปียกโดยมีอาหารลูกไก่ ผสมกับรำข้าวและธัญพืช ซึ่งปีนี้น้องข้าวหอมได้ค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 1,800 บาทต่อเดือน ทำให้น้องข้าวหอมรู้สึกสนุกและมีความสุขทุกครั้งที่ได้เล่นกับลูกนก โดยมีการชักชวนเพื่อน ๆ และคุณครูแวะมาอุดหนุนนกกรงหัวจุกที่ฟาร์มของคุณพ่อด้วย เป็นการสร้างรายได้ให้กับคุณพ่ออีกทางหนึ่ง จนกลายเป็นความรัก ความผูกพัน ทำให้มีสมาธิและใจเย็นขึ้น โดยส่วนตัวชอบนกเผือกสีขาวนวล เพราะสวยดี แต่ในอนาคตยังบอกไม่ได้ว่าจะสานต่ออาชีพของคุณพ่อด้วยหรือไม่
ขณะที่คุณพ่อคือนายวิวัฒน์ ปราบเสร็จ อายุ 47 ปี ได้มีการใช้พื้นที่ว่างข้างบ้านเนื้อที่ประมาณครึ่งไร่ เปิดเป็นฟาร์มเพาะเลี้ยงนกปรอทหัวโขนหรือนกกรงหัวจุก นกประจำถิ่นใต้ชื่อดังขายเป็นรายแรกในอำเภอหาดสำราญ ซึ่งมีการขออนุญาตกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 จ.นครศรีธรรมราชอย่างถูกต้องมานานกว่า 15 ปีแล้ว เริ่มจากการมีใจรักในเสียงร้องและความสวยงามของนกกรงหัวจุกมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเข้าสู่วัยทำงานจึงสะสมนกกรงหัวจุกมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีความรู้ความชำนาญในการเลี้ยงดู จึงยึดเป็นอาชีพและขอขึ้นทะเบียนกับกรมป่าไม้ในปี 2553
แต่ได้ทำการเพาะขยายพันธุ์อย่างจริงจังในปี 2557 ด้วยการผสมข้ามสายพันธุ์ เพื่อให้มีสีสันและลักษณะที่โดดเด่น มีเสียงร้องที่ไพเราะน่าฟังมากขึ้น โดยมีทั้งสีเหลืองหน้านวล สีหน้านวลคอแดง ปรอทก้นแดง ก้นเหลือง นกเผือก และสีอื่นๆ เกือบ 100 ตัว ขายราคาเริ่มต้นที่ตัวละ 2,500-7,500 บาทแล้วแต่สายพันธุ์ สร้างรายได้กว่า 20,000 บาทต่อเดือน และมีลูกนกอายุ 45-60 วันพร้อมขายตลอดทั้งปี ไปจนถึงต้นเดือนมกราคมปีหน้า โดยส่วนหนึ่งได้ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อเพิ่มประชากรนกไม่ให้สูญพันธุ์ ส่วนลูกค้ามาจากทั่วทุกภาคของประเทศ ที่ชื่นชอบความสวยงามและเสียงร้องของนกกรงหัวจุก ซึ่งมีทั้งซื้อไปเลี้ยงเพราะความชอบส่วนตัว เพื่อความสบายตาสบายใจ หรือซื้อไปเพื่อเพาะขยายพันธุ์ต่อเป็นอาชีพเสริม และนำไปแข่งขันประชันเสียงชิงเงินรางวัล ที่มีตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสนบาทต่อนัด
นอกจากนี้ และยังต่อยอดเพาะเลี้ยงนกแก้วสวยงามขายในราคาหลักร้อย พร้อมมีกรงนกขนาดใหญ่เพื่อจำลองสภาพผืนป่าให้นกได้บินอย่างอิสระหลังฟักไข่จนได้ลูกนกแล้ว ทำให้นกไม่เครียด และมีอายุที่ยืนยาวขึ้น ซึ่งในแต่ละเดือนจะเพาะลูกนกกรงหัวจุกได้ไม่ต่ำกว่า 30 ตัว
ด้าน ด.ญ ฉัตรปวี ปราบเสร็จ (น้องข้าวหอม) อายุ 14 ปีกล่าวว่า ป้อนวันละ 6 เวลารู้สึกผูกพันและชอบนกสีเผือก เลี้ยงแล้วสนุก รู้สึกมีความผูกพันกับมัน ซึ่งคุณพ่อให้ค่าเลี้ยง 1,800 บาทต่อเดือน ซึ่งตนแนะนำนกลูกผสมข้ามสายพันธุ์ให้เพื่อนมาซื้อเพราะมีสีสวย เสียงเพราะ
ขณะที่นายวิวัฒน์ ปราบเสร็จ เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงนกปรอทหัวโขนรายแรกในอำเภอหาดสำราญ จ.ตรัง กล่าวว่า เลี้ยงด้วยใจรักโดยเริ่มแรกไปหาซื้อนกมาจาก จ.นครศรีธรรมราชมาคู่แรกประมาณ 20 ปีที่แล้ว แล้วจึงมาเริ่มพัฒนาข้ามสายพันธุ์ในปีแรก และต่อยอดมาเรื่อย ๆ จนได้เพิ่มเติมมา 5-6 สายพันธุ์ ราคาขายลูกนกอายุ 1-2 เดือนตัวละ 2,500-7,500 บาท ลูกค้าซื้อไปพัฒนาต่อ พาไปแข่งบ้าง พาไปแขวนไว้ฟังเสียงบ้าง อนาคตถ้าพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่หยุดยังไปต่อได้ อาจจะไม่หวือหวาเหมือน 2-3 ปีที่ผ่านมาแต่ยังไปได้ แต่ละเดือนขายนกได้ประมาณ 4-5 ตัว ลูกค้าจากทั่วประเทศ หลัก ๆ คือรอบ ๆ นอกของ จ.ตรัง ส่วนใครสนใจติดต่อไดทางเฟสบุ๊ก/ติ๊กต๊อก ชื่อ”วัฒน์ ลูกผสม” และที่หมายเลขโทรศัพท์ 096-0840323.

News Update  : สังคมเสื่อม! พ่อจับลูกชายวัย 11 ขวบแก้ผ้าถ่ายภาพโป๊เปลือย นำโพสต์ขายกลุ่มลับ เรียกเก็บเงินสมาชิกราคาหลักร...
30/05/2025

News Update : สังคมเสื่อม! พ่อจับลูกชายวัย 11 ขวบแก้ผ้าถ่ายภาพโป๊เปลือย นำโพสต์ขายกลุ่มลับ เรียกเก็บเงินสมาชิกราคาหลักร้อย ปคม.บุกรวบคาบ้านพักเมืองตรัง พร้อมคลิปอื้อ
#กองบรรณาธิการอันดามันไทม์
วันที่ 30 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายใต้อำนวยการโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม ผกก.6 บก.ปคม. พ.ต.ท.กรภพ กิจภูริพัฒน์ พ.ต.ท.ชรัส มีล้ำ สว.กก.6 บก.ปคม.พร้อมด้วยกำลังตำรวจ ชป.1 กก. 6 บก.ปคม จับกุมนายสุดรัก (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี
โดยต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น และส่งต่อซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็กแก่ผู้อื่น, เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก" สามารถจับกุมได้ที่บ้านไม่มีเลขที่หมู่ที่ 2 ต.นาชุมเห็ด อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีบัญชีผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ มีพฤติการณ์โพสต์เชิญชวนให้บุคคลทั่วไปเข้าร่วม “กลุ่มลับ” เพื่อแลกกับเงินค่าสมัครสมาชิก เจ้าหน้าที่จึงแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มลับดังกล่าว ภายในกลุ่มมีการจัดเก็บภาพและคลิปวิดีโอลามกอนาจารเด็กไว้ในโน้ตและอัลบั้มให้สมาชิกเข้าถึงได้ นอกจากนี้ยังมีคลิปและภาพของ ด.ช.เอ (นามสมมติ)อายุ 11 ปี บุตรชายของนายสุดรัก ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดตรังและวางแผนการตรวจค้น ต่อมาจึงนำกำลังพร้อมหมายค้นแสดงตัวให้นายสุดรักทราบ ตรวจค้นภายในบ้าน พบของกลางรวม 6 รายการ ประกอบด้วย
โทรศัพท์มือถือจำนวน 5 เครื่อง และเสื้อเด็ก 1 ตัวมีลักษณะตรงกับเสื้อในคลิปวิดีโอลามกอนาจารเด็ก จากการตรวจสอบโทรศัพท์ทั้ง 5 เครื่อง พบว่า มีภาพและคลิปลามกอนาจารเด็กจำนวนมาก ทั้งยังพบการส่งต่อสื่อลามกอนาจารไปยังผู้อื่น รวมถึงพบการเข้าใช้งานกลุ่มไลน์ และมีบทสนทนาเรียกเก็บเงินสมาชิก

สอบสวนนายสุดรัก ให้การรับสารภาพว่าโทรศัพท์ดังกล่าวเคยใช้โพสต์เพื่อชักชวนเข้ากลุ่มลับจริง ให้ลูกชายแก้ผ้าถ่ายรูปและคลิปวิดีโอจริง ก่อนโพสต์เชิญชวน ผู้มีรสนิยมชอบดูคลิปโป๊เด็กผู้ชายเข้าไปดูภาพ และคลิปฉบับเต็มแบบไม่ตัดต่อในกลุ่มลับ โดยเรียกเก็บค่าสมัครสมาชิกรายละ 100-200 บาท เพิ่งทำได้ไม่นานก็มาถูกจับกุม จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.6 บก.ปคม. ดำเนินคดีต่อไป.

News Update : ตชด.435 ปฏิบัติการบุกทลายเครือข่าย ยายกแก๊ง ยาบ้า 839 เม็ด ไอซ์-ปืน ครบ โป๊ะแตก 1 ในแก๊งโทรมาทวงค่ายา ตำรว...
30/05/2025

News Update : ตชด.435 ปฏิบัติการบุกทลายเครือข่าย ยายกแก๊ง ยาบ้า 839 เม็ด ไอซ์-ปืน ครบ โป๊ะแตก 1 ในแก๊งโทรมาทวงค่ายา ตำรวจรอในบ้านพบเป็นตำรวจเข่าทรุดเป็นลม เร่งขยายผลทลายเครือข่าย
#กองบรรณาธิการอันดามันไทม์
วันนี้ 30 พ.ค.68 พ.ต.อ.ยงศักดิ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผกก.ตชด.43 สั่งการให้ พ.ต.ท.ภัคพล คุ้มวงศ์ ผบ.ร้อย ตชด.435 พ.ต.ท.วิเชษฐ์ แห้วขุนทด สว.ขว. กก.ตชด.43 สนธิกำลังทหารศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกภาค 4 และฝ่ายปกครอง อ.วังวิเศษ ร่วมกันทลายเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ได้ผู้ต้องหา 4 ราย ของกลางยาบ้าจำนวน 839 เม็ด ไอซ์ 15.57 กรัม อาวุธปืนลูกโม่ จำนวน 1 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุน 24 นัด และอุปกรณ์เสพอีกหลายรายการ
ปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าที่บ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ ม.5 ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นสถานที่มั่วสุมและซื้อขายยาเสพติดกันเป็นประจำในช่วงเวลาตอนเย็น จึงวางแผนสนธิกำลังหลายฝ่ายเข้าตรวจค้นที่บ้านหลังดังกล่าวพบนายธีรยุทธ์ (สงวนนามสกุล) หรือเอก อายุ 44 ปี และนายธนาธร (สงวนนามสกุล) หรือเดี่ยว อายุ 35 ปี แสดงท่าทางมีพิรุธ จึงแสดงตัวขอเข้าตรวจค้นภายในบ้านหลังดังกล่าว พบยาบ้าและอุปกรณ์เสพซุกซ่อนอยู่จึงทำการจับกุม นอกจากนี้ได้ขยายผลจับกุมนายธนพนธ์ (สงวนนามสกุล) หรืออาร์ม อายุ 26 ปี ที่บ้านพักห่างจากจุดแรกประมาณ 2 กิโลเมตร
ในระหว่างที่ตำรวจกำลังตรวจค้นนั้นเอง จู่ๆ ได้มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามาหานายธีรยุทธ์ ก่อนปลายสายบอกว่าเดี๋ยวจะเข้ามาเอาเงินค่ายาเสพติดจำนวน 2,400 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ซุ่มรออยู่ภายในบ้านที่ ก่อนที่ชายดังกล่าวเดินเข้ามาภายในบ้าน ทราบชื่อต่อมานายทรงกรด (สงวนนามสกุล) หรือหรือโจ๊ง อายุ 45 ปี จึงได้แสดงตัวระหว่างนั้นเองนายทรงกลดถึงกับทรุดคล้ายจะเป็นลม ตำรวจต้องนำยาดมมาช่วยปฐมพยาบาลก่อนอาการดีขึ้น ก่อนยอมรับว่ามาเก็บเงินค่ายาเสพติด
สอบถามนายทรงกรดให้การว่า ตนซื้อยาเสพติดมาจาก เจ๊ดุก (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) จำนวน 9 ถุง จำนวน 1,800 เม็ด ในราคา 18,000 บาท และไอซ์ มาจำนวน 30 กรัม ในราคากรัมละ 200 บาท เป็นเงิน 6,000 บาท โดยติดต่อกันผ่านเฟสบุ๊ก ก่อนนำตำรวจไปค้นหาของกลางที่บ้านพัก พบไอซ์และยาบ้าซุกซ่อนภายในบ้าน ได้จำนวนหนึ่ง มีบางส่วนได้ขายไปแล้วก่อนหน้าจึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน
.
ต่อมาที่กองร้อยตำรวจตะเวนชายแดนที่ 435 ต.บ้านควน อ.เมืองตรัง ระหว่างที่ตำรวจทำการสอบสวนกลุ่มผู้ต้องหาและทำบันทึกจับกุม ระหว่างนั้นเองได้มีเพื่อนของผู้ต้องหาได้มาเยี่ยม ทราบชื่อต่อมา นายพรสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ตำรวจได้การนำชื่อไปตรวจสอบพบว่ามีหมายจับของศาลจังหวัดตรัง ที่ 447/2566 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ และพ.ร.บ.จราจรทางบก” จากการสอบถาม นายพรสิทธิ์ ให้การรับว่าตนเป็นบุคคลเดียวกันตามหมายจับข้างต้นจริงไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อน จึงนำตัวส่ง ศาลจังหวัดตรัง โดยเร็วเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
เบื้องต้นตำรวจได้ทำการสอบสวนผู้ต้องหาและตรวจยึดของกลางทั้งหมด ก่อนทำการแจ้งข้อหาและนำตัวส่ง สภ.เขาวิเศษ ดำเนินคดี ขณะเดียวกันเตรียมขยายผลจับกุมเร่งกวาดล้างยาเสพติดต่อไป.

News Update . เสริฟเมนูสุขภาพ! เจ้าของนาน้าหมูฟาร์มสเตย์ อ.นาโยง จ.ตรัง นอกจากจะขายดอกบัวหลวงสร้างรายได้ทุกวันพระแล้ว ยั...
28/05/2025

News Update . เสริฟเมนูสุขภาพ! เจ้าของนาน้าหมูฟาร์มสเตย์ อ.นาโยง จ.ตรัง นอกจากจะขายดอกบัวหลวงสร้างรายได้ทุกวันพระแล้ว ยังนำกลีบดอกบัวสีชมพูมาทำเมี่ยงคำ ใช้แทนใบชะพลู ซึ่งดีต่อสุขภาพโดยเฉพาะเพศหญิงที่มีปัญหาเรื่องมดลูก ให้ความหอม ความมัน หวานนิด ๆ สีสันสวยงาม เป็นเมนูใหม่ที่เน้นกินเป็นยา เสริฟออเดิรฟ์ละ 80 บาท ผลตอบรับดีเกินคาด
#กองบรรณาธิการอันดามันไทม์
วันนี้ 28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่นาน้าหมูฟาร์มสเตย์ หมู่ที่ 4 ต.นาข้าวเสีย อ.นาโยง จ.ตรัง เจ้าของร้านสองสามีภรรยา พลิกวิกฤตินาข้าวซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ มีน้ำท่วมขังตลอดทั้งปี หันมาปลูกดอกบัวหลวงสีชมพูบนเนื้อที่ 1 ไร่ ซึ่งให้ดอกใหญ่ สีสันสวยงาม นอกจากจะสร้างความเพลิดเพลินให้กับลูกค้าแล้ว ยังตัดดอกบัวขายได้ทุกวันพระ ครั้งละ 100-200 บาท ส่วนกลีบดอกบัว น.ส.สุธดา กฤดไหวพริบ (อ่านว่า กริด-ไหว-พริบ) อายุ 56 ปี หรือคุณส้ม เจ้าของร้านฯ ยังผุดไอเดียทำเมี่ยงคำ ใช้แทนใบชะพลู ทำให้สีออกมาน่ารับประทานมากขึ้น
อีกทั้งกลีบดอกบัวหลวงเป็นสมุนไพรรสหอมเย็น มีสรรพคุณช่วยบำรุงมดลูก บำรุงหัวใจ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยป้องกันภาวะสมองเสื่อม แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้อาการนอนไม่หลับและอื่น ๆ เน้นอาหารกินเป็นยา ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มคนรักสุขภาพเป็นอย่างมาก และกลายเป็นเมนูใหม่ของทางร้าน ซึ่งเปิดตัวได้ไม่ถึง 1 ปี แต่ผลตอบรับดีเกินคาด จนกลายเป็นออเดิร์ฟที่ทุกคนต้องสั่งมาทานเล่น ขายจานละ 80 บาท จานใหญ่ 250 บาท ทานได้ 10 คน
ส่วนน้ำราดเมี่ยงคำกลีบบัว เหมือนน้ำราดเมี่ยงคำทั่วไป แต่มีความเข้มข้นกว่า เพราะปั่นสมุนไพรไทยหลายชนิด ได้แก่ ตะไคร้ ขิง ข่า หอม กระเทียม กะปิ ก่อนจะนำไปเคี่ยวด้วยน้ำตาลอ้อยและน้ำตาลปี๊บนานกว่า 1 ชั่วโมง โดยไม่ตักสมุนไพรทิ้งเอาแต่น้ำเหมือนรายอื่น ๆ ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้น หอมละมุนลิ้น ซึ่งเป็นสูตรเมี่ยงคำโบราณที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน และมีขายเพียงแห่งเดียวในอำเภอนาโยง จ.ตรัง โดยเฉพาะหน้าฝนจะมีดอกบัวให้เก็บกินและขายมากกว่าช่วงหน้าแล้ง ทำให้ช่วงนี้เมนูเมี่ยงคำกลีบดอกบัวขายดีขึ้นสร้างรายได้กว่า 3,000 บาทต่อเดือน ส่วนใครสนใจติดต่อได้ทางเพจ นาน้าหมูฟาร์มสเตย์ และหมายเลขโทรศัพท์ 082-5354023
ด้าน น.ส. สุธดา กฤดไหวพริบ เจ้าของสูตรเมี่ยงคำกลีบบัว “นาน้าหมูฟาร์มสเตย์” อ.นาโยง จ.ตรัง กล่าวว่า เนื่องจากที่นี่มีสระบัวโดยน้าหมูเป็นคนไปลอกคูแล้วเอาดอกบัวมาลง เพื่อให้ลูกค้าดูทัศนียภาพที่สวยงาม พอมีดอกเราก็เลยตัดขายในวันพระด้วย มีคนมารับไปด้วย และเกิดไอเดียว่าเอามาทำเป็นเมี่ยงดอกบัวเพราะเคยเห็นในยูทูปเลยทดลองเอามาทำดู ปรากฏว่ากินแล้วอร่อยด้วย ส่วนสรรพคุณของกลีบบัวจะช่วยได้หลายอย่าง เช่น ช่วยให้นอนหลับง่าย บำรุงหัวใจ แพทย์โบราณให้กินกลีบบัวบำรุงมดลูก
ลูกค้าส่วนใหญ่จะสั่งเป็นออเดิรฟ์ซึ่งทุกคนก็ชอบ สั่งเกือบทุกโต๊ะเลยเพราะทุกคนคุ้นชินกับเมนูเมี่ยงมาตั้งแต่เล็ก ๆ และบางส่วนอยากจะลองด้วย เพราะปกติจะกินกับใบชะพลู ลูกค้าจึงอยากลอง ปรากฏว่ารสชาติออกมัน ๆ หวานนิด ๆ อร่อย ขายชุดละ 80 บาท ซึ่งในช่วงหน้าฝนมีกินตลอดเลย เพราะดอกบัวยังอยู่เต็มสระ

News Update : ตรัง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. นำคณะตรวจเยี่ยม "รอง ผกก.ตชด.44" ผู้เสียสละจากเหตุปะทะในยะลา ปี 2550 #กองบรรณาธิกา...
28/05/2025

News Update : ตรัง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. นำคณะตรวจเยี่ยม "รอง ผกก.ตชด.44" ผู้เสียสละจากเหตุปะทะในยะลา ปี 2550
#กองบรรณาธิการอันดามันไทม์
วันที่ 27 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 3 ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยคุณนภัสนันท์ วุฒิจรัสธำรงค์ อุปนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ และคณะ ได้เดินทางตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ พ.ต.ท.วรรณะ บุญชัย อดีตรองผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 (ตชด.44) ซึ่งเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุปะทะกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดยะลา เมื่อปี 2550
โดยมี พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผบช.ตชด. พล.ต.ท.หญิง อาภา พรรณชลศึกษ์ ประธานชมรมแม่บ้าน ภ.9 พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผบก.ภ.จว.ตรัง พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร รอง ผบก.ภ.จว.ตรัง และคุณเกษร ข่ายม่าน รักษาการประธานแม่บ้านตำรวจ ภ.จว.ตรัง ให้การต้อนรับ
ในการนี้ มีการมอบเงินช่วยเหลือและสิ่งของอุปโภคบริโภคแก่ พ.ต.ท.วรรณะ บุญชัย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ โดยสมาคมแม่บ้านตำรวจมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 5,000 บาท ชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 9 สิ่งของอุปโภคประเภทอาหารแห้ง เช่น ไข่ นม น้ำผลไม้ ชมรมแม่บ้าน บช.ตชด.มอบ เงินช่วยเหลือ 5,000 บาท และกระเช้าผลไม้สด 1 กระเช้า แม่บ้านตำรวจ ภ.จว.ตรัง มอบพัดลม 1 ตัว และกระเช้าผลไม้ (ฝรั่ง) 1 กระเช้า
สำหรับอาการปัจจุบันของ พ.ต.ท.วรรณะ บุญชัย สามารถรับรู้ พูดคุยโต้ตอบ และจดจำได้ดี แขนซ้ายสามารถใช้งานในชีวิตประจำวัน ส่วนแขนขวาและขาทั้งสองข้างสามารถยกขึ้นเองได้ ทั้งนี้ พ.ต.ท.วรรณะ ได้ลาออกจากราชการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 เพื่อพักรักษาตัว โดยดำรงตำแหน่งสุดท้ายคือ รอง ผกก.บก.กฝ.บช.ตชด.
การลงพื้นที่ในครั้งนี้สะท้อนถึงความห่วงใยของผู้บังคับบัญชาและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ในการดูแลข้าราชการตำรวจที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่เพื่อความสงบสุขของประชาชน.

News Update : ‘ป้าสายหยุด’ เกษตรกรผู้ปลูกลำไยคริสตัล อ.นาโยง จ.ตรัง เปิดสวนให้ชิมฟรีไม่อั้น แถมลดราคาขายจากเดิม กก.ละ 50...
27/05/2025

News Update : ‘ป้าสายหยุด’ เกษตรกรผู้ปลูกลำไยคริสตัล อ.นาโยง จ.ตรัง เปิดสวนให้ชิมฟรีไม่อั้น แถมลดราคาขายจากเดิม กก.ละ 500-600 บาทเหลือเพียง 250 บาท เพราะตั้งใจให้ทุกคนสามารถทานได้ในยุคฝืดเคือง ทำคนแห่ชิมคึกคักไม่เว้นแต่ละวัน
#กองบรรณาธิการอันดามันไทม์
วันนี้ 27 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สวนลำไยคริสตัน หมู่ที่ 1 ต.นาข้าวเสีย อ.นาโยง จ.ตรัง นางสายหยุด จันทร์สว่าง หรือคุณป้าสายหยุด อายุ 63 ปี เกษตรกรที่ใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุราชการ หันมาปลูกลำไยคริสตัลผสมผสานกับพืชชนิดอื่นเพื่อให้ร่มเงาแก่กัน โดยปลูกมาตั้งแต่ปี 2564 รวมทั้งหมด 4 สายพันธุ์ได้แก่ ม่วงจัมโบ้ เขียวแอปเปิ้ล ม่วงไข่ไก่และแดงบอร์เนียว รวมทั้งหมด 700 ต้น โดยใช้เวลาปลูกประมาณ 2 ปีก็เริ่มเก็บผลผลิตได้ สร้างรายได้นับล้านบาทต่อปี แต่ปีนี้ลำไยคริสตัลออกลูกก่อนกำหนดกว่า 400 ต้น เนื่องจากสภาพอากาศ ดินและน้ำดี ตกเฉลี่ยต้นละไม่ต่ำกว่า 20-30 กิโลกรัม รายได้ต้นละไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท
ปีนี้ป้าสายหยุด ได้ผุดไอเดียเปิดสวนลำไยคริสตัลให้กินฟรีไม่อั้น ทุกวันไม่มีวันหยุด เพื่อให้นักท่องเที่ยวและเกษตรกรที่ไม่เคยลองทานได้มาทานดู ซึ่งหากใครติดใจในรสชาติที่ลูกเดียวให้ทั้งกลิ่นลิ้นจี่ ทุเรียน ลำไยและเงาะ รวม 4 รสชาติ ป้าสายหยุดก็จะแบ่งขายให้แบบหั่นราคาครึ่งต่อครึ่งของตลาด คือจากกิโลละ 500-600 บาทขายเพียงกิโลละ 250 บาทเท่านั้น เพื่อให้เป็นราคาที่จับต้องได้ สามารถหาทานได้ทุกกลุ่มอายุ ส่วนต้นพันธุ์ขายราคาหลักสิบ ต้นใหญ่ไม่เกินต้นละ 100 บาท
โดยหลังประกาศว่าจะมีการเปิดให้กินฟรีตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ ทำให้ลูกค้าและนักท่องเที่ยวจากหลายจังหวัด แห่ไปชมสวนและชิมสดจากต้นกันอย่างคึกคัก ซึ่งลูกค้าบางคนเพิ่งเคยทานเป็นครั้งแรก ก็รู้สึกติดใจและซื้อกลับไปฝากครอบครัวหรือญาติพี่น้องคนละ 1-5 กิโล โดยหลังเดือนพฤษภาคมนี้ไปแล้ว ผลผลิตลำไยคริสตัลจากสวนป้าสายหยุดจะถูกส่งไปขายในห้างขนาดใหญ่ที่กรุงเทพฯ และในห้างค้าปลีกรายใหญ่ใน จ.ตรังด้วย เนื่องจากเป็นผลไม้ที่ปลอดสารเคมี 100% และปลูกด้วยดินภูเขาไฟผสมปุ๋ยคอก ทำให้ได้ลูกใหญ่ กลิ่นหอม หวาน ตกช่อละ 1-1.5 กิโล ป้าสายหยุดจึงอยากคืนกำไรให้สังคมด้วยการให้ทานฟรีและขายถูกกว่าครึ่ง เพราะรายได้หลักล้านหลังส่งห้างขนาดใหญ่รออยู่ในเดือนมิถุนายนนี้
โดยป้าสายหยุด จันทร์สว่าง เกษตรกรเจ้าของสวนลำไยคริสตัลกล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่ลำไยคริสตัลที่สวนป้าสายหยุดกำลังตัดลูก มีทั้งหมด 700 ต้นแต่ที่ออกลูกอยู่ประมาณ 400-500 ต้น เลยกำหนดเป็นกิจกรรมเด่นของสวนคือเปิดให้กินฟรีตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม ถ้าใครมาก็จะได้กินฟรีทุกคน แล้วแต่จะกินเท่าไหร่ก็ได้ ส่วนราคาขายถ้าจะติดไม้ติดมือไปฝากคนที่บ้าน โดยทั่วไปในตลาดออนไลน์จะขาย 500-600 บาท แต่ของเราขายครึ่งหนึ่งของราคาที่เขาขายทั่วไป
เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระ คนที่มีเงินน้อยก็สามารถซื้อกินได้ในราคาย่อมเยา มาถึงก็ได้กินฟรีในเทศกาลกินฟรีลำไยคริสตัลสวนป้าสายหยุด มาได้ทุกวันไม่มีวันหยุด ซึ่งผลผลิตทั่วไปใช้เวลาประมาณ 3 ปีแต่ที่นี่เราดูแลด้วยสารอินทรีย์คือปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักและแร่ภูเขาไฟ ทำให้ 2 ปีออกลูก แรก ๆ ตั้งเป้าหมายได้ทานก่อนแต่ปีที่แล้วมีได้ขายบ้างและเปิดให้กินฟรีด้วย ส่วนปีนี้ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 20-30 กก.ต่อต้น ราคาขายอยู่ที่กก.ละ 250 บาท ต่อต้นตั้งเป้าว่าประมาณ 3,000 บาทที่เราได้ บางปีเป็นลูก 2 ครั้ง บางปีเป็นครั้งเดียว แต่ปีนี้ออกลูกตั้งแต่เมษายนถึงมิถุนายนและกำลังออกดอกรุ่นใหม่มาอีก อยู่ที่การดูแลเป็นหลักและยืนยันว่าไม่ใช้สารเคมีใด ๆ นอกจากปุ๋ยอินทรีย์ ทำให้ช่อหนึ่งน้ำหนักตั้งแต่ 1 ถึงกิโลกว่า ๆ ก็มี ส่วนใครสนใจติดตามได้ทาง FB สายหยุด จันทร์สว่าง และที่หมายเลขโทรศัพท์ 086-4763349
ด้านนางฐาระนันทน์ เยาว์ดำ นักท่องเที่ยวรายหนึ่ง กล่าวว่า ได้ทดสอบกินลำไยคริสตัลครั้งแรกในชีวิต ซึ่งตนเป็นคน จ.ตรังโดยกำเนิดแต่ไปทำงานอยู่ข้างนอก และเคยได้ยินว่าสวนป้าสายหยุดมีชื่อเสียงเรื่องลำไยคริสตัลและเป็นผู้นำของบ้านเราจึงอยากรู้จักและอยากมาชิมเป็นครั้งแรกในชีวิต กินแล้วไม่ผิดหวังทั้ง 3 สายพันธุ์ รสชาติจะแตกต่างกันไป หอมกลิ่นทุเรียน และรสชาติของลิ้นจี่โดดเด่นขึ้นมา ละมุนลิ้นแตกต่างกันไป ใครไม่ชอบรสชาติหวานก็จะมีเหลืองไข่ไก่ ใครชอบหวานก็จะเป็นม่วงจัมโบ้ และแดงบอร์เนียว ส่วนราคาขายเคยได้ยินมาว่าขายสูงถึงกิโลละ 600 บาท แต่วันนี้ดีใจได้มากินฟรีเป็นครั้งแรกในชีวิต

ที่อยู่

Trang
92000

เบอร์โทรศัพท์

+66931964928

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Andamantime News - อันดามันไทม์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์