แม่เอ๋หนูเอวา

หน้าหลัก
ประเทศไทย
Ubon Ratchathani
แม่เอ๋หนูเอวา

แม่ฟูลไทม์ที่อยากแชร์เพื่อแม่และลูก สินค้าแบรนด์ออนไลน์

06/06/2024

เลี้ยงลูกแบบไม่ให้ดูจอ เหนื่อยมากกก😫แต่เชื่อเถอะค่ะว่าผลของความพยายามที่เกิดขึ้นซ้ำๆในทุกๆวัน มันสวยงามเสมอ

04/06/2024

#สอนให้เด็กอดทนได้_รอคอยเป็น
(The Importance of Delay-Gratification)

คุณแม่คนหนึ่งส่งคำถามมาว่า

"จะทำยังไง เวลาที่ลูกขออะไรเราสักอย่าง บางเรื่องเรารู้ว่าไม่ควร แต่เค้าทำตาแดงๆจะร้องไห้ เราไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง ก็ต้องยอมตาม เพราะว่าใจไม่แข็งพอ"

เป็นธรรมดาที่พ่อแม่ก็อยากให้ลูกมีความสุข ทนไม่ได้ที่เห็นลูกไม่พอใจ ไม่อยากให้ลูกไม่ชอบ คิดว่าถ้าเราอยากเป็นพ่อแม่ที่ดีต้องตามใจตอบสนองความต้องการของลูกเสมอ อยากได้อะไรหามาให้ถึงที่เดี๋ยวนั้น ได้เห็นลูกยิ้มหัวเราะมีความสุขก็รู้สึกดีไปด้วย

เด็กก็คงจะไม่มีตาแดงๆ ให้เห็น ไม่มีน้ำตาบนแก้ม แต่เด็กก็จะไม่รู้จักความผิดหวัง ไม่รู้จักรอคอย เพราะได้มาตลอด

แต่การเลี้ยงดูแบบนี้มีผลเสียก็คือ ทำให้เด็กกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ คิดถึงแต่ตัวเองเป็นศูนย์กลาง มีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวหากถูกขัดใจ

ถ้าเป็นเด็กเล็กๆ ก็อาจจะมีโวยวายและอาละวาด ร้องไห้เวลาถูกขัดใจ

จนเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ก็อาจจะเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นลำบาก ถ้าตัวเองไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการก็จะหงุดหงิด เครียดง่าย ทนต่อความผิดหวังได้ต่ำ ไม่รู้จักการรอคอย จะเอาอะไรต้องได้เดี๋ยวนั้นตอนนั้น เหตุก็เพราะว่าไม่เคยรู้จักความผิดหวัง เพราะพอยิ่งโตขึ้นๆ สิ่งที่พ่อแม่หามาให้ก็ยิ่งยากขึ้น

ถ้าเป็นเด็กๆอยากได้ของเล่น ถ้ามีเงินพ่อแม่ก็ซื้อมาได้

แต่พอโตแล้วบางอย่างเงินแลกมาไม่ได้ สมมติว่าอยากมีแฟนเป็นคนนี้แต่เค้าไม่รักตัว แต่อยากได้อยากครอบครอง ตรงนี้พ่อแม่คงซื้อมาให้ไม่ได้

ก็กลายเป็นผิดหวังช้ำใจ บางคนถึงกับทำร้ายตัวเอง หรือทำร้ายคนอื่นที่ขัดใจตัว

พยายามสอนให้เด็กเรียนรู้ที่จะรอคอย ภาษาอังกฤษเรียกว่า Delay Gratification เพื่อที่เด็กจะได้รู้จักการรอ อดทนที่จะได้มา

เช่น พ่อแม่ไม่จำเป็นต้องให้ในสิ่งที่เด็กต้องการทุกอย่างหากไม่มีเหตุผลสมควร เช่น เด็กบางคนอยากได้ของเล่น เกือบทุกๆ วัน พ่อแม่ควรสอนให้เด็กรู้จักเหตุผลว่า เราจะได้เมื่อไหร่ เช่น วันเกิด โอกาสพิเศษ ไม่ใช่ว่าได้เมื่ออยากได้ ถ้าขอแล้วได้ตลอดตรงนั้นเด็กจะไม่รู้จักเรียนรู้ที่จะรอคอย และจะกลายเป็นคนไม่มีเหตุผล อยากได้อะไรก็ต้องร้องเอาให้ได้

ให้ลูกผิดหวังบ้างในเรื่องที่มีเหตุผลและเหมาะสม เพื่อที่คราวหน้าโตไปเมื่อเขาต้องผิดหวังในเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาจะได้เข้าใจและยอมรับ มีเหตุผล เป็นคนที่อดทนรอคอยได้ในเรื่องที่จำเป็น

นั่นน่าจะดีกว่า เด็กที่ไม่เคยร้องไห้ ไม่เคยผิดหวัง มีแต่คนตามใจ แล้วเมื่อโตขึ้น กลายเป็น ผู้ใหญ่ที่ไม่อดทน รอคอยไม่ได้ ผิดหวังไม่เป็น และกลายเป็นผู้ใหญ่ที่เอาแต่ใจและความต้องการของตัวเองค่ะ

#หมอมินบานเย็น

02/06/2024

เรียนไม่เก่งไม่เห็นเป็นไร✅
❌ไม่เอาความอยากความคาดหวังของตัวเองไปถมไว้ที่ลูก
รักลูกแต่พอดี รักให้ถูกทาง เพื่อสุขภาพจิตใจที่ดีของลูกและตัวเราเอง

23/05/2024

โดยเฉพาะแผนในอนาคต

10/05/2024

ข้อคิดวันศุกร์🙂

07/05/2024

คุณพ่อท่านหนึ่งถามคำถามข้างต้นมา หมอคิดว่านำมาตอบในเพจน่าจะมีประโยชน์ดี

คุณสมบัติที่จะยืนหยัดในความรู้สึกและความต้องการของตัวเองอย่างเหมาะสม กล้าที่จะพูดหรือทำอย่างที่ใจคิด โดยที่ไม่รุนแรงก้าวร้าว หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Assertive มีความสำคัญพอสมควร

เพราะในการอยู่กับคนอื่น ถ้าเราเก็บงำความรู้สึก ก็อาจจะทำให้มีปัญหาสุขภาพจิต เก็บกด หรือคนอื่นไม่เข้าใจหรือเข้าใจเราผิดไป และจริงๆลงท้ายก็ทำให้มีปัญหาความสัมพันธ์ได้ แต่ถ้าก้าวร้าวรุนแรงเกินไป ก็จะกลายเป็น Aggressive ก็ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่เช่นกัน

แล้วพ่อแม่จะปลูกฝังให้ลูกเติบโตเป็นคนที่มีความ Assertive กล้าที่จะแสดงออกอย่างที่ตัวเองรู้สึกอย่างเหมาะสม โกรธได้ ไม่พอใจได้ และสื่อสารกับคนรอบข้างได้และมีสุขภาพจิตที่ดีได้ยังไงบ้าง

1.เริ่มต้นด้วยการให้ความรักและเอาใจใส่ คุยกับเด็กบ่อยๆ เด็กจะมีความมั่นคงทางใจ กลายเป็นความกล้าที่เป็นพื้นฐาน มีกำลังใจเวลาที่เจอปัญหาในชีวิต

2.รับฟังเด็ก เวลาที่เด็กและพ่อแม่มีความเห็นต่างกัน ให้รับฟังเด็กให้มาก ไม่ได้หมายความว่าตามใจทุกเรื่อง แต่ฟังเขาให้มากก่อน แล้วค่อยๆคุยกันด้วยเหตุผล เด็กจะรู้สึกว่าความเห็นเขามีคุณค่าพอที่จะมีคนรับฟัง และทำให้เขากล้าจะแสดงออกกับคนอื่นๆด้วย

3.ยอมรับอารมณ์ของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกดีหรือไม่ดี สอนให้เด็กรู้จักอารมณ์ต่างๆ ทั้งลบและบวก ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์โกรธ เสียใจ บอกเด็กว่ามันเป็นปกติที่เราจะมีความรู้สึกต่างๆ ไม่ได้เป็นเรื่องผิด ไม่ต้องฝืนหรือเก็บกด แต่ที่สำคัญสอนและเป็นตัวอย่างให้เขาจัดการอารมณ์ตัวเองอย่างเหมาะสม เช่น ถ้าหงุดหงิดลูกสามารถไปชกกระสอบทราย หรือหมอนหรือที่นอนได้ แต่ต้องไม่ชกคนอื่นหรือตีตัวเอง ไม่ทำของเสียหาย

4.เวลาที่เด็กทำผิด ให้พ่อแม่มีสติ ไม่ตำหนิรุนแรง ไม่ใช้คำพูดทำลายคุณค่าหรือความภาคภูมิใจในตัวเองของเด็ก

5.สร้างความภาคภูมิใจในตัวเองให้เด็ก โดยการฝึกให้เด็กได้ทำอะไรเอง โดยไม่ต้องปกป้องเกินไปฝึกให้เขาเรียนรู้ที่จะผิดหวังบ้าง ถ้าเขามีประสบการณ์ชีวิต เวลาเจอสถานการณ์จริงเขาจะมั่นใจขึ้น

6.เป็นตัวอย่างที่ดีในการ Assertive อย่างเหมาะสม เด็กจะซึมซับจากผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิด ตัวอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสั่งสอน

หวังว่าจะช่วยคุณพ่อได้บ้าง และเผื่อคนอื่นๆ ที่กำลังเข็นเด็กขึ้นภูเขา และอาจจะอยากรู้เรื่องใกล้เคียงกันนี้อยู่นะคะ

#หมอมินบานเย็น
#คำถามจากทางบ้าน

04/05/2024

ช่วงขวบแรก ต้องอดทนมากกับคำพูดที่ว่า“จะฝึกจะสอนไปทำไมยังเล็กอยู่รอให้โตแล้วค่อยสอน”แต่แม่ก็สู้และอดทนมากๆจริงๆ

มีคนบอกเอ๋ว่าเอ๋ไม่ได้โชคดีนะที่ลูกพัฒนาการดี มองย้อนกลับไปสิเอ๋ผ่านอะไรมาบ้างต้องเหนื่อยสู้และอดทนแค่ไหนเพื่อลูก....

ขวบปีที่2 จากที่ทำให้ลูกเห็นทุกวัน เริ่มฝึก เริ่มปล่อยจอยๆไม่หวังผลอะไร ไม่คาดหวังว่าต้องดีต้องเรียบร้อย แค่ให้ได้ลองทำด้วยตัวเองแม่มีหน้าที่สอนและคอยระวังความปลอดภัยให้ รกเก็บได้ เปื้อนล้างออกได้ แต่ช่วงวัยผ่านแล้วผ่านเลยย้อนกลับมาแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

เพราะเด็กฝึกได้เรียนรู้เร็วมากมากกว่าที่เราคิด อยู่ที่คนเลี้ยงนี่แหละว่าจะสอนเค้าไปในทิศทางไหน จะยอมอดทนกับเค้ามากแค่ไหน
#ช่วง3ขวบปีแรกคือเวลาทอง

มันไม่มีตำราเล่มไหนบอกนะว่าโตขึ้นค่อยสอนไม่งั้นป่านนี้จะยังหายใจเองเป็นไหมยังไม่แน่ใจ😆

เพราะเลี้ยงลูกอยู่บ้านไม่ได้สบายอย่างที่ใครคิดหรอก

02/05/2024

ถ้ามัวแต่ไปมองคนอื่นแล้วน้อยใจว่า

“ทำไมเค้าเลี้ยงลูกแล้วมีความสุข
ทำไมลูกเค้าอารมณ์ดี พัฒนาการดี
ทำไมลูกเค้านั่นนี่บลาๆๆๆ.......”🙄

เค้าก็แค่มีความสุขให้โซเซียลดู...ในมุมของเค้าที่เค้าแยกแยะได้ #เพราะมันคือวุฒิภาวะของคนเป็นแม่
อันที่เหนื่อย ทุกข์ ท้อ ต้องอดทนเข้มแข็ง มันมีตลอดมีทุกวันแหละ....เค้าแค่ไม่ลง

เค้าฝึกที่จะมีความสุขกับคนที่เค้ารักและรักเค้า
มีความสุขกับเรื่องเล็กน้อยให้เป็น