นสพ.อิสเทิร์นอุดร

17/09/2025

วิรชน ประดับศรี ผอ.การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดอุดรธานี ควงแขน จิณณ์ ชัยรัตน์ นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดอุดรธานี …ร่วมประชุม.ของบอุดหนุนจาก อปท..
……………………………………………………………………..
เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 ที่ห้องประชุมอุดรดุษฎี โรงแรมเจริญโฮเต็ล นายราชัน ซุ้นฮั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นปรธานการประชุม เพิ่มประสิทธิภาพการบรหารงานขององค์กรปกครองท้องถิ่น ครั้งที่ 1/2568 โดยมี นายสาจิต จันทร์ศิริท้องถิ่นจังหวัดอุดรธานีพร้อมผู้เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ สำหรับประเด็นที่สำคัญในวันนี้ นอกจากพืชสวนโลกแล้ว คือการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 50 “อุดรธานีเกมส์" ตามที่จังหวัดอุดรธานีได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 50 “อุดรธานีเกมส์" ระหว่างวันที่ 9 - 19 ธันวาคม ปี 2569 และการแข่งขันกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 40 ภูพระบาทเกมส์" ระหว่างวันที่ 20 -26 มกราคม ปี 2570 และจังหวัดอุดรธานีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 50 “อุดรธานีเกมส์" และการแข่งขันกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 40 ภูพระบาทเกมส์" เพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาทั้ง 2 มหกรรม ทางด้าน วิรชน ประดับศรี ผอ.การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดอุดรธานี ควงแขน จิณณ์ ชัยรัตน์ นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดอุดรธานี …ร่วมประชุม.ชี้แจงอธิบายความจำเป็นการของบอุดหนุนจาก อปท..ในพื้นที่อุดรฯ เพื่อจัดโครงการปรับปรุง/ซ่อมแซมสนามกีฬาและสถานที่พักนักกีฬา ที่สำคัญเพื่อพัฒนาความเป็นเมืองกีฬา ของอุดรฯให้ไปสู่สากลต่อไปโดยเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สำหรับผลพวงที่คาดว่าจะได้รับจากการจัดการแข่งขัน "อุดรธานีเกมส์" ครั้งที่ 50 ในปี 2569 คือ การเสริมสร้างความสามัคคีและความภาคภูมิใจ: การแข่งขันกีฬาจะช่วยเสริมสร้างความสามัคคีและความภาคภูมิใจในจังหวัดอุดรธานีและประเทศไทย การพัฒนาวงการกีฬา: การแข่งขันจะช่วยกระตุ้นและพัฒนาวงการกีฬาในประเทศไทย โดยการสนับสนุนและส่งเสริมนักกีฬาหน้าใหม่และเก่า การสร้างโอกาสและประสบการณ์: การแข่งขันจะช่วยสร้างโอกาสและประสบการณ์ให้กับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง การประชาสัมพันธ์และสร้างภาพลักษณ์: การแข่งขันจะช่วยประชาสัมพันธ์และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับจังหวัดอุดรธานีและประเทศไทย การกระตุ้นเศรษฐกิจ: การแข่งขันจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดอุดรธานีและบริเวณใกล้เคียง โดยการเพิ่มการบริโภคและการลงทุน โดยรวมแล้ว การแข่งขัน "อุดรธานีเกมส์" ครั้งที่ 50 ในปี 2569 คาดว่าจะเป็นงานกีฬาที่สำคัญและยิ่งใหญ่ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความสามัคคี พัฒนาวงการกีฬา และสร้างโอกาสและประสบการณ์ให้กับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
……………………………………………………………………………………
บก.น้ำ นสพ.อิสเทิร์นอุดร

16/09/2025

แบบอย่างที่ดี.ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศชาติ
…………………………………………………………………………………
ภาพการทำงานเดือนสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการของแม่ทัพภาคที่ 2 โดยพลโทบุญสิน พาดกลาง เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมมีผลงานที่เด่นชัดสัมผัสได้จริง ที่มาจากคนๆเพียงคนเดียว ในหลายๆด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างความเข้าใจและความสามัคคีในหมู่เยาวชนและประชาชนเกี่ยวกับเรื่องราวของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ นี่คือบางส่วนของผลงานที่ยอดเยี่ยม..การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน - แม่ทัพภาคที่ 2 ได้บรรยายพิเศษเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และการรักษาอธิปไตยของชาติ ทำให้นักเรียนและนักศึกษาเข้าใจถึงความสำคัญของเรื่องนี้ และสามารถนำความรู้ไปถ่ายทอดต่อได้ การเสริมสร้างความรักชาติและศาสนา การบรรยายของแม่ทัพภาคที่ 2 มุ่งเน้นไปที่การสร้างความรักชาติและศาสนาในหมู่เยาวชน โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของสถาบันหลักของชาติ และบทบาทของทหารในการปกป้องประเทศการสร้างแรงจูงใจและปลุกจิตสำนึกเกิดขึ้นครั้งใหญ่อีกครั้ง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ใช้ประสบการณ์และความรู้ของท่านในการสร้างแรงจูงใจและปลุกจิตสำนึกในหมู่เยาวชน ประชาชน ทำให้นักเรียนและนักศึกษามีความมุ่งมั่นในการศึกษาและการทำงานเพื่อประเทศชาติที่มากขึ้น การสร้างความสามัคคีและความเข้าใจระหว่างทหารและประชาชน การเดินสายบรรยายของแม่ทัพภาคที่ 2 ช่วยสร้างความสามัคคีและความเข้าใจระหว่างทหารและประชาชน ทำให้นักเรียนและนักศึกษามีความเข้าใจและความไว้วางใจต่อทหารมากขึ้น ในภาพรวมแล้ว การเดินสายบรรยายของแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมที่ช่วยสร้างความเข้าใจ ความสามัคคี และความรักชาติในหมู่เยาวชนและประชาชน และเป็นแบบอย่างที่ดีในการสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศชาติ..............................................................................................................
บก.น้ำ นสพ.อิสเทิร์นอุดร

16/09/2025

วิเคราะห์แล้ว น่าสนใจครับ
https://www.facebook.com/share/p/1Vo1EKAqcr/

'เช็ค สุทธิพงษ์'ชี้ปรากฏการณ์ 'แม่ทัพภาค2' กลายเป็นไอดอลคนรุ่นใหม่ เป็นความหวังต่างจาก'ส้มเน่า'

อ่านข่าวในคอมเมนต์

14/09/2025

ทาสที่สมเด็จพ่อ ร.5 ทรงยกเลิกไปแล้ว ...............................................................................................................
ในอดีต ระบบทาสของไทยแบ่งออกเป็น
7 ประเภท ตามพระไอยการทาส ได้แก่ -- ทาสสินไถ่, -- ทาสในเรือนเบี้ย, -- ทาสที่ได้รับเป็นมรดก, -- ทาสที่ได้รับมาจากผู้อื่น, -- ทาสที่ช่วยเหลือจากทัณฑ์โทษ, -- ทาสที่รับเลี้ยงในยามทุพภิกขภัย และทาสเชลยศึก
ประเภทของทาสในสังคมไทยโบราณ

ทาสสินไถ่: คือทาสที่ขายตัวเองหรือถูกขายโดยบิดามารดา เพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวหรือใช้หนี้สิน สามารถไถ่ถอนตนเองให้เป็นอิสระได้หากมีผู้ไถ่ถอน
ทาสในเรือนเบี้ย: ทาสที่เกิดจากบิดามารดาที่เป็นทาสอยู่แล้ว ก็จะกลายเป็นทาสของนายทันที ไม่สามารถไถ่ถอนตนเองได้
ทาสมรดก: คือทาสที่ตกเป็นมรดกจากนายทาสคนเดิมไปยังทายาท
ทาสท่านให้: ทาสที่นายทาสยกให้ผู้อื่น เหมือนการมอบทรัพย์สินทั่วไป
ทาสที่ช่วยเหลือจากทัณฑ์โทษ: คือผู้ที่ถูกลงโทษทางกฎหมายและไม่สามารถชำระค่าปรับได้ หากมีผู้มาช่วยชำระค่าปรับให้ ก็จะต้องเป็นทาสของผู้ช่วยเหลือ
ทาสที่เลี้ยงในยามทุพภิกขภัย (ทาสไถ่): คือคนที่ยอมขายตัวเองเป็นทาสในยามที่ข้าวยากหมากแพง เพื่อให้มีนายเลี้ยงดูและช่วยเหลือให้รอดพ้นจากความอดอยาก
ทาสเชลย: คือผู้ที่ถูกกวาดต้อนมาจากฝ่ายที่แพ้สงคราม เพื่อนำไปเป็นทาสรับใช้ในฝ่ายที่ชนะ -- การเลิกทาสในสยามเกิดขึ้นตามพระราชบัญญัติทาสในรัชกาลที่ 5 ซึ่งได้ทรงยกเลิกการมีทาสและให้ความเป็นอิสระแก่คนไทยในที่สุด และ ในสมัยรัชกาลที่ 5 สถาบันทาสได้รับการยกเลิกโดยพระราชบัญญัติทาส ร.ศ. 124 เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2448 โดยทรงดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปตลอดระยะเวลา 30 ปี เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง ทาสในเรือนเบี้ยถูกปล่อยเป็นไททั้งหมด และทาสประเภทอื่น ๆ ถูกลดค่าตัวเดือนละ 4 บาท จนกว่าจะพ้นจากการเป็นทาส นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายห้ามซื้อขายทาสใหม่ และห้ามการขึ้นค่าตัวทาส การเลิกทาสครั้งนี้ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ทำให้เกิดการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจในประเทศไทย

13/09/2025

สมาคมชาวใต้.จ.อุดรฯ จัดสืบสานประเพณีบุญเดือนสิบ................................................................................................................................................
เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2568 ที่วัดมัชฌิมาวาส พระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ 5 ถนนอุดรดุษฎี ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี พ.ต.อ.รักษ์พงศ์ รัตนพงศ์ รอง ผบก.(สอบสวน) กค.ภ.4 ในฐานะนายกสมาคมชาวใต้จังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยกรรมการบริหารสมาคมฯ และสมาชิกชาวใต้จังหวัดอุดรธานีร่วมกันจัดสืบสานประเพณีดังกล่าว ในการนี้ได้รับเกียรติจาก พล.ต.ต.สรรธาน อินทรจักร รอง ผบช.ภ.4 ร่มกิจกรรมด้วย สำหรับจุดประสงค์หลักของประเพณีบุญสารทเดือนสิบคือ การแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ โดยเชื่อว่าในวันดังกล่าวบรรพบุรุษที่ตกนรกจะได้รับอนุญาตให้กลับมายังโลกมนุษย์เพื่อรับส่วนบุญกุศลที่ลูกหลานจัดเตรียมไว้ผ่านการทำบุญถวายพระสงฆ์และจัดสำรับอาหาร นอกจากนี้ ประเพณีดังกล่าวนี้ ยังเป็นการ ฉลองผลผลิตทางการเกษตร ที่เก็บเกี่ยวได้ และเป็นการ สร้างความสามัคคีในครอบครัวและชุมชน กิจกรรมภายในงาน มีการทำบุญอุทิศส่วนกุศล: ลูกหลานจะจัดเตรียมอาหารและสิ่งของต่าง ๆ ที่เรียกว่า "หมฺรับ" เพื่อถวายพระสงฆ์และอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับ ประเพณีบุญเดือนสิบนี้เป็นการเสริมสร้างความสามัคคี: การร่วมกันจัดเตรียม “หมฺรับ” และการกลับมารวมตัวกันของครอบครัวในโอกาสนี้ เป็นการส่งเสริมความผูกพันในครอบครัวและสร้างบรรยากาศแห่งความรักและความสามัคคีในเครือญาติ ที่สำคัญเป็นการสืบสานวัฒนธรรม: เป็นการรักษาและสืบทอดประเพณีอันดีงามของภาคใต้ให้คงอยู่สืบไป เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้และเห็นคุณค่า
…………………………………………………………………………………………
บก.น้ำ นสพ.อิสเทิร์นอุดร

12/09/2025

กตัญูคนเป็น ระลึกถึงคนตาย แก่นแท้บุญเดือนสิบ
………………………………………………………………………………………..
ลูกหลานคนใต้รำลึกไว้เสมอถึงความกตัญญู รู้คุณ ต่อผู้ที่ล่วงลับ และต้องร่วมกันสำนึกถึงบุญคุณของคนในครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วย การให้ความเคารพผู้มีพระคุณ เป็นผลที่สะท้อนการกระทำ สิ่งนี้จะกลายเป็นสิริมงคล ให้แก่ผู้ปฏิบัติ คือการได้รับพรจากผู้มีพระคุณที่ยังมีชีวิตอยู่..ประเพณีสารทเดือนสิบช่วยสร้างสัมพันธภาพในครอบครัว ขณะเดียวกันหากมองในเชิงงานบุญประเพณี ผู้คนยังได้สืบทอดศิลปะ วัฒนธรรมภาคใต้ ทั้ง มโนราห์ หนังตะลุง สิ่งนี้ไม่เพียงทำให้รู้สึกเพลิดเพลิน เกิดความสุขกาย สบายใจเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความภาคภูมิใจในวัฒนธรรม งานบุญเดือนสิบ และประเพณีชิงเปรต ของคนใต้ทุกปีจัดขึ้นโดยถือเอาวันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 เป็นวัน “รับเปรต” และวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 เป็นวัน “ส่งเปรต” (2568 ตรงกับวันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2568 ซึ่งเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 10) เชื่อกันว่า บรรพบุรุษและญาติพี่น้องที่ล่วงลับ จะกลับมาขอส่วนบุญจากลูกหลาน โดยทุกบ้านเตรียมอาหารคาว หวาน ไปวัด เพื่อนำไปถวายพระ ส่วนหนึ่งถูกแบ่งออกมาจากของทำบุญ เพื่อเตรียมเป็นอีกสำรับเรียกว่า “หมรับ” หลังจากถวายภัตตาหารเพลพระแล้ว “หมรับ” จะถูกนำไปวางไว้บริเวณวัด หรือ ภายนอกวัด หรือตั้งศาลา เพื่อแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ เรียกว่า “ตั้งเปรต” เมื่อพิธีสงฆ์เสร็จสิ้น ก็เริ่มงานบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเปรต ผู้คนก็ต่างก็แย่งอาหาร ของคาว หวานใน “หมรับ” กันอย่างสนุกสนาน เรียกว่า “ชิงเปรต” โดยเชื่อว่าหากกินของที่เหลือจากที่เส้นไหว้บรรพบุรุษจะเป็นสิริมงคล (“หมรับ หมายถึง สำรับบรรจุเสบียงอาหาร ขนม เพื่อนำไปถวายแด่พระสงฆ์เนื่องในประเพณีทำบุญสารท เดือนสิบ คำนี้ตรงกับภาษากลางว่า "สำรับ" ซึ่งแปลว่า ภาชนะที่ใส่กับข้าวคาวหวาน (อันเป็นความหมายที่ แคบกว่าคำ "หมฺรับ” ของภาษาปักษ์ใต้)

11/09/2025

จ.อุดรฯโครงการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน” อำเภอน้ำโสม..................................................................................................................................
เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 ที่สนามโรงเรียนน้ำโสมพิทยาคม อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี นายพิสิษฐ์ชัย อภัยปิยกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นโครงการจังหวัดเคลื่อนที่ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข โดยมีนายปิยะชาย ศรีบุรินทร์ นายอำเภอน้ำโสม พร้อมส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำองค์กรปกครองท้องถิ่นทุกแห่ง ประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ สำหรับโครงการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน จัดโดยหน่วยงานภาครัฐเป็นนโยบายกระทรวงมหาดไทย โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ การนำหน่วยบริการต่าง ๆ ของภาครัฐ ไปให้บริการประชาชนในพื้นที่ห่างไกล มีการออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองราคาถูก โดยเฉพาะในท้องถิ่นที่เข้าถึงบริการได้ยาก เพื่อให้ประชาชน เข้าถึงข้อมูลข่าวสารและบริการต่างๆ ได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน ลดภาระค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง.
……………………………………………………………………..
บก.น้ำ นสพ.อิสเทิร์นอุดร

10/09/2025

นายกบ้านแดงจัดโครงการ เสริมสุขภาพแก่ผู้สูงวัย.................................................................................................................................................
ดร.ปิยวรรณ มีชัยมาตร์ (นายกอ้อม) นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแดง อ.พิบูลย์รักษ์ จังหวัดอุดรานี เป็นประธานเปิดงานโครงการ เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ ชือโครงการว่า “หนองผักแว่น เข่าแข็งแร็ง แซงทุกวัย” ซึ่งเป็นโครงการที่ดีมากๆต่อผู้สูงอายุในชุมชน โดยมี กลุ่มผู้ใหญ่บ้าน อสม.ในพื้นที่ และอาจารย์ นักศึกษา.วิทยาลัยพยาบาล บรมราชชนนีจังหวัดอุดรธานีร่วมกิจกรรมให้ความรู้แก่ชุมชน -- ผักแว่นคืออะไร? ผักแว่น เป็นพืชผักธรรมชาติ เป็นวัชพืชในนาข้าว คนนิยมกินเป็นผักมานานแล้ว มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยเฉพาะเป็นพืชเย็น ช่วยบรรเทาความร้อนในร่างกาย ช่วยให้ข้อเข่าแข็งแรงขึ้นได้ เนื่องจากมีสารประกอบไฟโตเอสโตรเจน (phytoestrogen) ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพกระดูก โดยงานวิจัยบางส่วนชี้ว่าสารสกัดจากพืชตระกูลเดียวกับผักแว่นอาจส่งเสริมการสร้างกระดูกใหม่ที่แข็งแรงได้
ประโยชน์ของผักแว่นต่อสุขภาพกระดูก: ไฟโตเอสโตรเจน: ผักแว่นอุดมไปด้วยสารประกอบที่เรียกว่าไฟโตเอสโตรเจน ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายมนุษย์ การสร้างกระดูก: ไฟโตเอสโตรเจนมีความสำคัญต่อการสร้างและบำรุงรักษากระดูกให้แข็งแรง การตอบสนองของเซลล์: งานวิจัยบางชิ้นพบว่าสารสกัดจากพืชในตระกูลผักแว่นอาจช่วยให้เซลล์ตอบสนองต่อฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ดีขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อการสร้างกระดูกใหม่

08/09/2025

ประเพณีงานเดือนสิบ.อ.ทุ่งสง.จ.นครศรีฯ

06/09/2025

คนไทยร่วมมือกัน เพื่อค้นหาคนดี..ทุกคนต้องช่วยกัน
……………………………………………………………………………………………………………
ประเทศชาติ ประเทศไทยของคนไทยทุกคน ที่ผ่านๆมาแม้ว่าเราจะเจริญรุ่งเรื่องในระดับหนึ่ง.แต่ยังไม่พ้น.ประเทศที่กำลังพัฒนา เวลานี้ประชาชนกำลังตื่นตัวมากขึ้น เห็นได้จากที่เขมรที่กำลังคิดเล่นงานคนไทย ทั้งที่เป็นรองเกือบทุกด้าน คนไทยตาสว่างมากขึ้นตามลำดับ เวลานี้สังคมกำลังต้องการ "คนดี" ที่คนไทยต้องค้นหาพวกเขา คนดีที่นิ่งเฉยมานาน เข้ามาช่วยบริหารบ้านเมือง คนที่มีความคิดดี พูดดี ปฏิบัติดี มีคุณธรรมจริยธรรม มีวินัย มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และเสียสละเพื่อส่วนรวม เป็นบุคคลที่สร้างสรรค์สิ่งดีงาม ไม่สร้างปัญหาให้ประชาชน และมีความสามารถในการปรับปรุงตนเองเมื่อทำผิดพลาด เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศ ให้น่าอยู่เจริญยิ่งขึ้น สังคมที่เข้มแข็งและน่าอยู่ต้องอาศัยคนดีเป็นแกนหลัก คนดีไม่เพียงแต่เป็นผู้มีความรู้ความสามารถเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรม มีจิตใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และพร้อมที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีงามเพื่อส่วนรวม คนดีเป็นอย่างไร มีการศึกษาที่ดูสูงส่ง อาจไม่ใช่เป็นคนดีเสมอไปก็เป็นได้ ราษฎรธรรมดา ชาวบ้าน มีการศึกษาแบบบ้านๆ ก็เป็นคนดีได้ ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น .. สังคมกำลังต้องการ "คนดี" เพราะคนดีมีคุณสมบัติสำคัญ ที่ทำให้สังคมสงบสุข มั่นคง และก้าวหน้า เช่น มีความซื่อสัตย์ ความเสียสละ การเคารพผู้อื่น และความร่วมมือ คนดีจะช่วยสร้างวงจรแห่งความดี สร้างความไว้วางใจ และความสัมพันธ์ที่ดีในสังคม ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ และส่งเสริมการพัฒนาทางด้านจิตใจและพฤติกรรมให้ดีขึ้น ........................................................................................................
บก.น้ำ นสพ.อิสเทิร์นอุดร

04/09/2025

อดีต สส.ภูมิใจไทย.พัทลุง..ฉลอง เทอดวีระพงศ์ “จัดงานแต่ง ลูกชาย ปลัดอำเภองาน ยิ่งใหญ่คนร่วมงานจำนวนมาก”
………………………………………………………………………………………………….
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2568 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ อดีต รมว.แรงงาน พร้อมด้วย นางนาที รัชกิจประการ เป็นประธานงานฉลองมงคลสมรส ระหว่าง นางสาว วริษฐา สุกดุกแก้ว และ นายวรท เทอดวีระพงศ์ โดยมีนาย ฉลอง เทอดวีระพงศ์ พร้อมครอบครัวและแขกผู้ใหญ่ให้การต้อนรับ สำหรับงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ มีแขกเข้าร่วมแสดงความยินดี ร่วมงานถึงประมาณ 3,000 คน โดยมีแขกระดับผู้ใหญ่มากมายมาแสดงความยินดี ทั้งนี้ฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวมีการเตรียมการใว้อย่างดีเพื่อให้งานออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ มีอาหารอร่อย และมีการแสดงที่สนุกสนาน มีคนมาร่วมแสดงความยินดีกับบ่าวสาวมากมาย น่าจะเป็นงานแต่งงาน ที่น่าจดจำจริงๆอีกงานหนึ่ง โดยรวมแล้ว งานแต่งงานที่จัดได้ยิ่งใหญ่สมเกียรติต้องมีการวางแผนและเตรียมการอย่างดีเพื่อให้งานออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ อนึ่งสำหรับเจ้าบ่าวนั้น ปัจจุบันรับราชการสายงาน ปกครองเป็นปลัดอำเภอ ฝ่ายเจ้าสาวเป็นครอบครัวนักธุกิจ.. งานฉลองมงคลสมรสในวันดังกล่าวนี้จึงไปด้วยความยินดีและชื่นมื่นจากคุณ คุณแม่ทั้งสองฝ่าย

30/08/2025

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2561 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีงานมงคลสมรส ระหว่าง นายวรท เทอดวีระพงษ์ ลูกชายอดีตสส นายฉลอง เทิอดวีระพงศ์ โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจการ นาย อดีตรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในงานมงคลสมรสดังกล่าว มีผู้ร่วมงานประมาณ 3,000 คน