The Structure (2025)

16/07/2025

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาประกาศผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ของตนว่า เขาจบดีลกับทางอินโดนีเซียได้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งสหรัฐฯ ยอมลดกำแพงภาษีให้อินโดนีเซียจาก 32% เหลือ 19% โดยที่อินโดนีเซียต้องทำตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้

1. ซื้อพลังงานจากสหรัฐฯ 15,000 ล้านดอลลาร์ (487,650 ล้านบาท)

2. ซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ 4,500 ล้านดอลลาร์ (162,550 ล้านบาท)

3. ซื้อเครื่องบินเจ็ตจากบริษัท Boeing 50 ลำ ซึ่งรวมถึงเครื่อง Boeing777

4. เปิดเสรีทางการค้าให้สินค้าเกษตรและประมงของสหรัฐฯ เข้าสู่ตลาดอินโดเซียโดยไม่มีกำแพงภาษี หรือ ภาษี 0%

5. สินค้าจากประเทศอื่นที่ถูกคิดภาษีสูงกว่าอินโดนีเซีย หากถูกส่งผ่านอินโดนีเซีย อินโดนีเซียจะต้องเป็นผู้จ่ายภาษีส่วนต่างเหล่านั้นแทน

โดยทรัมป์ได้กล่าวว่านี่เป็นการเจรจาครั้งประวัติศาสตร์ ที่ทำให้สินค้าจากชาวอเมริกันเข้าสู่ตลาดอินโดนีเซียด้อย่างไม่มีอะไรมาขวางกั้น โดยทั้งหมดนี้เป็นการทำเพื่อสร้างความสมดุลทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศต่างๆ

#ทรัมป์ #ภาษีทรัมป์ #อินโดนีเซีย

15/07/2025

แม่ทัพภาคที่ 2 รับมอบหลุมหลบภัย ‘Blue Bunker’ จากนักศึกษาอุเทนถวาย เสริมความปลอดภัยให้ทหารและชุมชนชายแดน

พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางเข้าร่วมพิธีรับมอบ "บลูบังเกอร์" สุดยอดนวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องทหารและชุมชนชายแดน จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เขตพื้นที่อุเทนถวาย โดยศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันได้ร่วมกันสร้างขึ้นไว้สำหรับรองรับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดน เพิ่มความปลอดภัยให้ทหารแนวหน้า และโรงเรียน ชุมชนตามแนวชายแดน

สําหรับ "บลูบังเกอร์" หรือ Blue Bunker Army คือนวัตกรรมใหม่แห่งหลุมหลบภัยและฐานปฏิบัติงานเคลื่อนที่ ผลิตจากวัสดุท่อโปร์ไปป์ (PROPIPE) ที่สามารถกันกระสุนได้ แข็งแรงทนทานสูง น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก และยังสามารถยกระดับใส่เทคโนโลยี เครื่องมือสื่อสาร เพื่อเป็นฐานบัญชาการได้อีกด้วย

--

ท่อโปร์ไปป์ (PROPIPE) เป็นชื่อทางการค้าของ ท่อลอนพอลิเอทิลีนเสริมเหล็ก (Steel Reinforced Polyethylene Corrugated Pipe) และเป็นท่อระบายน้ำผนังเบาชนิดลอนที่ผลิตจากพลาสติกชนิดความหนาแน่นสูง HDPE (High Density Polyethylene) โดยมีการเสริมแผ่นเหล็กเข้าไปที่ลอนของท่อ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและช่วยรับแรงกดทับจากภายนอก

มีน้ำหนักเบากว่าท่อระบายน้ำชนิดอื่น ๆ ทำให้ขนส่งและติดตั้งได้ง่าย แต่ทนทานต่อแรงกดทับ แรงกระแทก และไม่เปราะแตกง่าย ทนทานต่อการกัดกร่อนจากสารเคมี กรด และด่างได้ดี มีความทนทาน ไม่เป็นสนิม และไม่ผุกร่อน ทำให้มีอายุการใช้งานยาวนาน สามารถโค้งงอได้ในระดับหนึ่ง ทำให้เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่มีข้อจำกัด หรือต้องปรับแนวท่อ

#ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพบก
#อุเทนถวาย

15/07/2025

“คุณจะไม่มีทางผิดหวังกับสหรัฐอเมริกา”คำพูดนี้ถูกกล่าวโดยชายผู้เขียนจดหมายสองหน้า แต่สามารถเขย่าเศรษฐกิจจานข้าวของคนไทยหลายสิบล้านคนได้ทั้งประเทศ

ในโลกของการทูตเศรษฐกิจ ไม่มีคำว่า "ฟรี" หรือ "มิตรแท้" มีเพียงสิทธิในการต่อรอง และต้นทุนที่ประเทศเล็กต้องจ่ายเพื่อให้ได้สิทธิ์ในการพูด

ในวันที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่เคยลังเลจะเป็นพระเจ้าในระบบเศรษฐกิจโลก ลงดาบภาษีสินค้าจากไทย 36% ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2025 สิ่งที่ตามมาไม่ใช่แค่ภาษี แต่มันคือการประกาศจุดยืน "ระหว่างเรากับเขา ใครกันแน่ที่ควรเป็นฝ่ายขอเจรจา"

เมื่อภาษี 36% ไม่ได้ตีเข้าที่ตัวเลข GDP แต่เข้าตรงกระเพาะของคนหาเช้ากินค่ำ

หลายคนอาจคิดว่า "ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันไม่ได้ส่งออกอะไรไปอเมริกา" แต่ในโลกที่ supply chain คือเครือข่ายเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจ ไม่มีใครอยู่นอกระบบนี้ได้

เพราะเมื่อภาษีเพิ่ม ต้นทุนส่งออกพุ่ง ผู้ประกอบการ "หั่น" กำลังผลิตโรงงาน "หยุด" OTร้านย่อย "ลดคำสั่งซื้อ"ลูกจ้าง "หลุดจากงานชั่วคราว"และคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง...ไม่มีคนจ้างขับไปส่งข้าวเที่ยง

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ทฤษฎี แต่มันคือเศรษฐศาสตร์จุลภาคที่พังตั้งแต่ปลายนิ้วมือของผู้เซ็นชื่อใน จม. ฉบับนั้น

จากภาษีมหภาค สู่ผลลัพธ์ที่ซึมลึกลงไปในจุลภาค

"ภาษี 36% คือบทลงโทษเชิงโครงสร้าง แต่ผู้รับโทษคือคนที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะรู้ว่ามีโต๊ะเจรจาอยู่ที่ไหนในโลกนี้"

ลองนึกถึงผู้หญิงที่รับจ้างเย็บผ้าให้โรงงานในสมุทรสาคร ได้ค่าแรงวันละ 320 บาท โดยไม่รู้เลยว่าเสื้อผ้าที่เธอเย็บถูกส่งไปอเมริกา เธอรู้แค่ว่า "ออเดอร์หาย" โรงงานลดวันทำงานจาก 6 เหลือ 4 ไม่มีโอที ไม่มีเบี้ยขยัน

ผลกระทบเช่นนี้สะท้อน "Marginal Utility" ของเงินทุกบาทที่คนตัวเล็กใช้: จากข้าวแกงกล่องละ 35 บาท วันนี้ต้องใช้เป็นค่าเดินทางไปหางานใหม่ในอำเภอถัดไป

แม้ราคาข้าวเหนียวไม่ได้ขึ้นทันที แต่เมื่อราคาพลาสติก โลหะ เคมีภัณฑ์ขึ้น ระบบ domino ก็เริ่มทำงาน กระทบคนขับรถบรรทุก พนักงานแพ็คของ และแม่ค้าที่ตลาดนัด

ทำไมอเมริกาถึงลงดาบภาษีไทย?

ในทางเศรษฐศาสตร์การเมือง การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ต่อประเทศไทยในครั้งนี้ ไม่อาจแยกออกจากบริบทเชิงยุทธศาสตร์ที่ซับซ้อน ทั้งในมิติการค้า การทูต และภูมิรัฐศาสตร์

หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือดุลการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐที่มีความไม่สมดุลอย่างชัดเจน โดยสหรัฐ ฯ ขาดดุลกับไทยสูงกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจัดอยู่ในลำดับต้น ๆ ของประเทศคู่ค้าที่สหรัฐต้องการ ‘รีบาลานซ์’ ความสัมพันธ์ทางการค้า การตั้งกำแพงภาษีจึงกลายเป็นเครื่องมือบีบให้ประเทศคู่ค้า "เปิดโต๊ะเจรจา" ด้วยเงื่อนไขใหม่ที่สหรัฐเป็นฝ่ายกำหนด

นอกจากนี้ ไทยยังไม่แสดงบทบาทชัดเจนในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเป็นสนามที่สหรัฐต้องการเสียงสนับสนุนในระดับองค์การสหประชาชาติ

แต่ไทยเลือกยืนอยู่ในจุดกึ่งกลางอย่างระมัดระวัง จุดยืนนี้แม้ดูเป็นกลางในเชิงนโยบาย แต่ในสายตาของคนจากวอชิงตัน มันสะท้อน "ความไม่แน่นอนในการเลือกข้าง"

ประเด็นที่สร้างความไม่พอใจที่สุด คือข้อกล่าวหาว่าไทยอาจมีบทบาทในห่วงโซ่อุปทานที่เอื้อให้สินค้าจีนเลี่ยงภาษีสหรัฐผ่านการ relabeling เป็น "Made in Thailand"

ซึ่งหากเป็นจริง ย่อมถูกตีความว่าไทยกำลังเป็นช่องทางให้จีนหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรทางการค้า

นี่ไม่ใช่แค่เรื่องภาษี แต่เป็นการตั้งคำถามถึงจุดยืนเชิงยุทธศาสตร์

ขณะเดียวกัน ประเทศอื่นในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม ใช้กลยุทธ์เชิงรุกด้วยการลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐแบบ Zero Tariff เพื่อรักษาสัมพันธภาพทางการค้าและลดแรงกดดันด้านภาษี ในเชิงเศรษฐศาสตร์การเมือง นี่คือตัวอย่างของการ "ยอมแลกบางอย่างเพื่อรักษาสถานะบนโต๊ะเจรจา"

และล่าสุด สหรัฐประกาศอย่างเปิดเผยว่าจะพิจารณาขึ้นภาษีต่อประเทศที่เข้าข้างกลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นพันธมิตรใหม่ที่จีนและรัสเซียสนับสนุน เพราะสหรัฐมองว่ากลุ่มนี้มีเป้าหมายเพื่อลดบทบาทของดอลลาร์สหรัฐในระบบเศรษฐกิจโลก

ในมุมมองของสหรัฐ การใช้ภาษีเป็นเครื่องมือกดดันจึงไม่ใช่เพียงกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจ แต่คือการ "จัดระเบียบพันธมิตร" ใหม่ในโลกที่เต็มไปด้วยการแบ่งขั้วทางอำนาจทางการเงินและการเมือง

ประเทศที่จะโดนขึ้นภาษี เพราะอาจกำลังเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่พยายามลดบทบาทของดอลลาร์สหรัฐในเวทีโลก

ข้อเสนอเชิงนโยบาย : ถ้าไม่อยากให้นโยบายจากวอชิงตันมากำหนดมื้อเที่ยงของคนไทย

1. ตั้งโต๊ะเอง ก่อนจะถูกเชิญออกจากห้อง
* ตั้งคณะเจรจาเชิงรุก (Offensive Trade Diplomacy Unit) ที่ไม่ใช่แค่รอคำเชิญจากมหาอำนาจ แต่ต้องเสนอเกมใหม่ของเราเอง พร้อมข้อมูล ความกล้า และของที่จะใช้ต่อรอง
* ใช้ Soft Power ที่ไทยมี เช่น ความร่วมมือด้านพลังงานสะอาด ตลาดดิจิทัล ไปสร้างดีลใหม่

2. ป้องกันแรงกระแทก ด้วยนโยบายจุลภาคเฉพาะกิจ

* ตั้งกองทุนประกันแรงงานจุลภาค สำหรับภาค SME ที่ได้รับผลกระทบจากการค้าโลก
* ออกแบบประกันภัยแรงงานเฉพาะกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มสิ่งทอ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์

3. อัดมาตรการ Targeted Stimulus แบบเจาะจง ไม่ใช่หว่านแบบสาธารณะ

* เชื่อมโยงตลาดใหม่ในเอเชีย แอฟริกา หรือตลาดออนไลน์ด้วยแพลตฟอร์มรัฐ-เอกชน
* ทำ "Soft-FTA" ภายใน ให้ SME เข้าถึงผู้บริโภคได้ โดยไม่ติดทุนผูกขาด

4. ปฏิรูปสิ่งที่ใช้ต่อรอง

* เปิดตลาดการเงินเขียว ดิจิทัล เทคโนโลยีพลังงานสะอาด เพื่อใช้เป็นเงื่อนไขเชิงยุทธศาสตร์
* ปรับกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน เช่น ภาษีดิจิทัล และระบบใบอนุญาตซ้อนทับ

5. ทำให้การค้ามีประชาธิปไตย

* จัดเวทีรับฟังผู้ประกอบการฐานรากให้เป็นระบบ ไม่ใช่เวทีถ่ายรูปลงข่าว
* ทำ Trade Impact Dashboard ที่สะท้อนผลกระทบของการค้าระหว่างประเทศต่อระดับจุลภาค

สรุป : รู้ว่าเสียเปรียบ ไม่ใช่ปัญหา แต่ไม่รู้ว่ากำลังถูกใช้เป็นหมาก นั่นแหละ...น่าเศร้า

ถ้าเรายังคิดว่าภาษี 36% เป็นแค่ปัญหาทางบัญชี เรากำลังหลอกตัวเอง

เพราะมันคือข้อความที่สหรัฐ ฯ ส่งมาให้รู้ว่า “This is not the best deal yet but it's the one you get when you don't play."

คำถาม คือ ครั้งหน้าถ้าเรายังไม่รู้จะเอาอะไรไปต่อรองเขาอาจไม่เขียนจดหมายถึงเราอีกเลยก็ได้

ดร.ณพรรษธ์สรฌ์ เสมสันต์
นักวิชาการอิสระ

#สงครามการค้า #สหรัฐ

15/07/2025

ประกาศยกเลิกพระบรมราชโองการประกาศสถาปนาสมณศักดิ์ พระสงฆ์ จำนวน 4 รูป และพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ จำนวน 77 รูป รวมทั้งหมด 81 รูป

เหตุประพฤติตน ไม่เหมาะสมแก่สมณสารูป และพระราชาคณะกระทำผิดพระธรรมวินัย เป็นเหตุให้พุทธศาสนิกชน ได้รับผลกระทบต่อจิตใจเป็นอย่างยิ่ง

15/07/2025

15 ก.ค. 2568 เวลาประมาณ 13.00 น. เกิดเหตุการณ์ตึงเครียดบริเวณ ปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยมีหญิงชาวกัมพูชาคนหนึ่ง ตะโกนด้วยเสียงดังกล่าวหาว่าทหารไทยรุกล้ำดินแดน จนทำให้เกิดการโต้เถียงกันไปมา

และเหตุการณ์ก็มีความตึงเครียดเพิ่มขึ้น เมื่อมีทหารกัมพูชาหนึ่งกองร้อยวิ่งเข้ามาในเขตฝั่งไทยบริเวณบันไดทางขึ้นปราสาทฯ ซึ่งมีทหารไทยยืนประจำการอยู่ จนทำให้เกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง จนทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยจึงได้เร่งอพยพนักท่องเที่ยวไทยและกัมพูชาออกจากพื้นที่ทัน

เวลาประมาณ 14:20 น. เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับการแก้ไขจนทุกฝ่ายอยู่ในความสงบแล้ว และโฆษกกองทัพบกได้ออกมาชี้แจงถึงเหตุการณ์ดังกล่าวโดยมีข้อความว่า

“จากกรณีเหตุการณ์ที่ ปราสาทตาเมือนธม กองทัพบกได้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า นักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่ขึ้นมาเที่ยวชมปราสาทร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารไทยชุดประสานงาน มีการถกเถียงกันโดยใช้เสียงดังผิดปกติ จนเป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวรายอื่นเกิดความแตกตื่น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารทั้งสองฝ่ายรีบเข้าระงับเหตุ และได้มีการไกล่เกลี่ยทำความเข้าใจกับคู่กรณีดังกล่าว ซึ่งไม่ได้เกิดเหตุรุนแรงแต่อย่างใด

ทั้งนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยหน่วยทหารในพื้นที่ หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป”

#ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพบก
#ปราสาทตาเมือนธม

15/07/2025

15 ก.ค. 2568 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. คมนาคม กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาชนโจมตีโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทว่าเป็นการเอื้อนายทุนว่า

“ผมก็ไม่อยากจะกล่าวหาพรรคประชาชนนะครับ แต่ให้ไปดูสิครับ ทางพรรคประชาชนเขาก็เป็นคนเสนอ นโยบายนะครับ ว่าต้องการทำตัวนี้มานะครับ เป็นนโยบายเดียวกันล่ะครับ เพราะฉะนั้นจะบอกว่าเป็นการเอื้อนายทุน ผมขอชี้แจงว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับประชาชน

ทางเลขาฯ (คณะกรรมการ) กฤษฎีกา ก็เคยบอกกับผมชัดเจนนะครับ นโยบายนี้มันไม่ใช่เป็นนโยบาย เรามองไปที่ประชาชนเป็นหลัก เพราะผู้ที่ได้รับก็คือประชาชน ไม่ใช่นายทุนแต่อย่างไรครับ

ประชาชนนะครับ ซึ่งตอนนี้แบกภาระในเรื่องของค่าเดินทางนะครับ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าเนี่ย ขึ้นกันหลายต่อเสียเงินจำนวนมาก แล้วก็ถ้าเราสามารถทำนโยบายนี้สำเร็จ เรื่องของการลดมลภาวะ ในเรื่องของฝุ่นละอองต่างๆ ก็จะเกิดขึ้น

สำหรับแหล่งเงินนะครับ ก็ได้มีการพูดคุยกับทางกระทรวงการคลังนะครับ แล้วดูทั้งหมดแล้วว่าเราสามารถมีแหล่งเงิน ที่จะมาสนับสนุนตรงนี้ได้ครับ เงินเนี่ย ทั้งหมดเนี่ย มันเป็นเงินที่เป็นรายได้ ที่ทาง รฟม. (การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) เนี่ยทำมา ส่วนหนึ่งคือเมื่อประกอบการแล้วเขาก็มีกําไรนะครับ ก็เอาเงินส่วนนั้นน่ะ ส่วนหนึ่งมาช่วยครับ” นายสุริยะกล่าว และระบุว่าในเบื้องต้นคาดว่าประมาณปีละ 8,000 ล้านบาท

สำหรับแผนการดำเนินการ นายสุริยะระบุว่าจะดำเนินการ ทีละขั้นตอน โดยขณะนี้กำลังศึกษาเรื่องการขยายโครงการให้ครอบคลุมถึงรถเมล์ปรับอากาศ ซึ่งต้องพิจารณาแหล่งเงินทุนและงบประมาณที่จำเป็น และในระยะยาว กระทรวงการคลังต้องการให้มีการศึกษาความยั่งยืนของแหล่งเงินทุน

โดยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาทางเลือก รวมถึงความเป็นไปได้ในการ เก็บภาษีรถติด เพื่อนำมาสนับสนุนโครงการ หากประชาชนยังคงนิยมใช้รถยนต์ส่วนบุคคลแม้จะมีรถไฟฟ้าที่สมบูรณ์แล้ว พร้อมทั้งจะศึกษาแนวทางจากต่างประเทศเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานต่อไป

นายสุริยะยืนยันว่าการผลักดันนโยบายนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง เนื่องจากได้ประกาศเจตนารมณ์มาตั้งแต่แรกว่าจะให้เริ่มใช้ได้ภายในวันที่ 1 ต.ค. 2568

#คมนาคม #พรรคประชาชน
#สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ

15/07/2025

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษเมื่อวานนี้ (14 ก.ค. 2568) เพื่อช่วย น.ส. จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 5 ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย โดยเน้นย้ำว่าพรรคภูมิใจไทยต้องการให้จังหวัดศรีสะเกษมีตัวแทนที่พร้อมอยู่ใกล้ชิดชาวบ้านและรับใช้สนองตอบทุกความต้องการ

“เรามาอยู่ตรงนี้ มาสมัครเป็นขี้ข้าประชาชน การเป็นขี้ข้าแบบนี้ ถือเป็นเกียรติของคนทำงาน ดีกว่าเป็นขี้ข้าคนโกง ขี้ข้าคนขายชาติ อันนั้นไม่ได้ แต่ถ้าเป็นขี้ข้าชาวบ้าน ขี้ข้าคนไทย ขี้ข้าประชาชน ถือว่าเป็นวาสนาของพวกเรา” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินกล่าวถึงสาเหตุการลาออกจากรัฐบาล ว่าไม่ใช่แค่ปัญหาคลิปเสียงที่กระทบต่อศักดิ์ศรีประเทศ แต่ยังรวมถึงการผิดสัญญาทางการเมือง ซึ่งพรรคภูมิใจไทยในฐานะพรรคที่รักษาคำพูดไม่สามารถยอมรับพฤติกรรมดังกล่าวได้ และการออกจากรัฐบาลทำให้พรรคสามารถลงพื้นที่พบปะประชาชนและสะท้อนเสียงได้อย่างตรงไปตรงมา

อีกทั้งยังยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่สกัดกฎหมายกาสิโนและพนันออนไลน์ เพราะตระหนักถึงผลร้ายที่จะตามมา และจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ หากพรรคภูมิใจไทยมีจำนวน ส.ส. มากพอจนจัดตั้งรัฐบาลได้ เรื่องกาสิโนและพนันออนไลน์จะไม่มีวันเกิดขึ้นในประเทศไทย

และกล่าวถึงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาว่าต้องเปลี่ยนคนไปเจรจาหารือเรื่องปัญหาชายแดน เนื่องจาก "หน้าเดิมๆ คุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว"

นายอนุทินกล่าวในตอนท้ายว่าหากประชาชนศรีสะเกษเลือกพรรคภูมิใจไทยในครั้งนี้ จะสะท้อนให้เห็นว่า "หมดเวลาของรัฐบาลชุดนี้แล้ว และหมดเวลาของพรรคเพื่อไทยในศรีสะเกษแล้วเช่นกัน" พร้อมกับย้ำว่า "ถึงเวลาที่ชาวศรีสะเกษจะต้องลุกขึ้นเลือกคนของประชาชน เพื่อมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี อย่างแท้จริง"

#พรรคภูมิใจไทย #พรรคเพื่อไทย
#อนุทินชาญวีรกูล

15/07/2025

นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความขอโทษนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรณีตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีข้อความว่า

“ผมต้องขอโทษ คุณจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้ท่านรู้สึกว่าผมมาวุ่นวายกับงานของท่าน ความจริงผมไม่มีเจตนาใด ๆ เลยที่จะให้ภาพออกมาแบบนี้

ข้อเท็จจริงคือ ผมได้รับการทาบทามให้เข้ามาทำงานนี้ โดยท่านที่ทาบทามใช้คำว่า “มาช่วยรับ (หน้าที่นี้) ได้ไหม?“ เพราะท่านทราบดีว่าผมเคยรับตำแหน่งที่สูงกว่ามาก่อน ก็เลยให้เกียรติถามความสมัครใจ ผมรับทันที เพราะเข้าใจว่าคงจะได้พูดจากันภายในเรียบร้อยแล้ว และมั่นใจว่าผมจะช่วยงานนี้ตามความจำเป็นของรัฐบาลได้

ผมรู้สึกว่างานการเมืองในระยะนี้ชักช้าไม่ได้ ความขัดแย้งกำลังสูง เกิดความเข้าใจผิดในชาติได้มากมาย ใครก็ตามที่ทำหน้าที่นี้ต้องลงมือทำโดยไม่รอช้า นั่นคือเหตุผลที่ผมตอบคำถามสื่อมวลชนทุกค่ายที่ถามเข้ามาว่า จะเข้ารับตำแหน่งนี้หรือไม่ ส่วนสื่อทั้งหลายจะทราบจากแหล่งข่าวไหนนั้นผมไม่แน่ใจ เพราะผมไม่ได้บอกกล่าวกับใครในเรื่องนี้

ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากผมโดยตรง คือทีมงานที่ช่วยโพสต์ข้อความใน Facebook แทนผมนั้น ใช้คำว่า ”ว่าที่โฆษกฯ“ เพราะเขาคิดว่าถึงเวลาที่จะออกข่าวได้แล้ว แต่ใครเป็นผู้โพสต์ก็ตามนั้น ความรับผิดชอบย่อมเป็นของผม เพราะผมเป็นเจ้าของบัญชี Facebook นั้น จึงต้องรับผิดชอบการกล่าวคำขอโทษ

จากนี้ไปเป็นเรื่องของคณะรัฐมนตรีที่จะวางคนในการทำงาน ผมจะทำหน้าที่ของผมไปอย่างอิสระ เพราะบ้านเมืองจำเป็นต้องสื่อสารกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อประชาชนเจ้าของประเทศจะได้รู้ทิศทางในการวางแผนและดำรงชีวิตท่ามกลางความเปลี่ยนแปรอย่างรวดเร็วของโลกและของบ้านเมือง

แต่ขอฝากไว้ว่า เรือที่มีธงไทยกำลังแล่นฝ่ามรสุมและน่านน้ำที่มีหินโสโครกรอให้ชนอยู่เป็นจำนวนมาก อย่าเสียเวลาถกเถียงกันนานนักเลยว่าใครจะได้นอนห้องไหน”

---

ทั้งนี้ นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (เลขาฯ ครม.) กล่าวว่ายังไม่เห็นเอกสารการนำเสนอประวัติของนายจักรภพ ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และถ้าหากมีการเสนอชื่อเข้ามา ก็จะต้องมีการตรวจสอบประวัติตาม พรบ. ระเบียบข้าราชการการเมือง เพราะเป็นตำแหน่งทางการเมือง

#โฆษกรัฐบาล #จักรภพเพ็ญแข
#จิรายุห่วงทรัพย์

15/07/2025

ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ เมื่อวานนี้ (14 ก.ค. 2568) นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กล่าววิจารณ์พรรคประชาชนว่า

“ผมก็ไม่คิดว่าพรรคประชาชนจะใช้คําว่าเอาเงินภาษีคนต่างจังหวัดมาอุดหนุนคนกรุงเทพ มันแยกจังหวัดกันไม่ได้ ไม่งั้นต่อไปจังหวัดใคร จังหวัดมัน แล้วผมก็คิดว่าถ้าจังหวัดใครจังหวัดมันเนี่ย กรุงเทพจะสร้างได้มากที่สุดเพราะเก็บภาษีได้มากที่สุด”

นายสรยุทธยังตั้งคำถามด้วยว่า “คือถ้าเกิดพรรคไหนมีนโยบายว่า จังหวัดใคร จังหวัดมัน ใช้งบประมาณจากภาษีที่เก็บจากคนจังหวัดนั้น ท่านผู้ชมคิดว่าจังหวัดจะมีกี่จังหวัดที่รอด”

--

ทั้งนี้ ข้อวิจารณ์ของนายสรยุทธข้างต้น เกิดขึ้นหลังจากที่ได้รายงานการโพสต์ข้อความที่ ผศ.ดร. สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน และอดีตอาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมขนส่ง สำนักวิชาวิศวกรรมและเทคโนโลยี สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ได้โพสต์วิจารณ์นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทของรัฐบาล โดยมีข้อความว่า

“สมมติต้นทุนสุกี้ 250 บาท ร้านขาย 300 บาท มีกำไรอยู่ได้ดี มีคนมากิน 1,000 คน. รัฐบาลเกิดอยากให้คนกินสุกี้ราคาถูก หาเสียงไว้ว่าจะ “เจรจา เพื่อลดราคา” แต่ทำไม่ได้ตามที่หาเสียงไว้ เลยจะใช้เงินของคนทั้งประเทศไปอุดหนุนให้เหลือ 120 บาท โดยรัฐจ่ายให้ร้านสุกี้ 180 บาท (เพราะรัฐดันกำหนดราคาเพื่อหาเสียงไปแล้วโดยไม่รู้ต้นทุนของเอกชนเลยด้วยซ้ำ) แน่นอนว่าจำนวนคนมากินจะเพิ่มขึ้นแน่ แต่ถามว่าเท่าไหร่? ใครรวย? และถามว่าทำไมคนทั้งประเทศต้องมาช่วยกันจ่าย?

อุดหนุนสุกี้โดยอ้างว่าทานแล้วสุขภาพดี ฟังเผินๆ เหมือนดี คนกินสุกี้ย่อมชอบ. แต่ต้องถามด้วยว่าอุดหนุน “เท่าไหร่จึงเหมาะสม”. สำคัญกว่านั้น ด้วยเงินที่เท่ากัน เอาไปอุดหนุนข้าวกล่องให้คนที่ไม่มีอะไรกิน ไม่ดีกว่าเหรอ?

20บาทตลอดสาย นโยบายไร้ฐานคิด. ตอบมาให้ได้ก่อนว่าทำไม 20, ไม่เป็น 5 หรือ 35 บาท หรือเท่าไหร่จึงเหมาะสม?”

#พรรคประชาชน #เรื่องเล่าเช้านี้
#รถไฟฟ้า20บาทตลอดสาย

15/07/2025

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาประกาศเตือนรัสเซีย ว่าเขาจะใช้มาตรการเก็บภาษีที่ "รุนแรงมาก" กับประเทศคู่ค้าที่ยังทำการค้ากับรัสเซีย หากว่ารัสเซียไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งในยูเครนได้ภายใน 50 วัน

"เราจะใช้มาตรการภาษีทุติยภูมิ (secondary tariff) ถ้าเรายังไม่เห็นข้อตกลงภายใน 50 วัน ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก และพวกเขาจะต้องเจอภาษีที่ 100% นั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้น" ทรัมป์กล่าว

ทำเนียบขาวยืนยันว่าทรัมป์หมายถึงการเก็บภาษี 100% กับรัสเซีย และใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อประเทศที่สามที่ยังคงซื้อพลังงานจากรัสเซีย หากภายใน 50 วันยังไม่มีข้อตกลงสันติภาพในยูเครนเกิดขึ้น

เลขาธิการ NATO มาร์ก รุตเตอ ซึ่งได้เจรจากับทรัมป์ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ โดยกล่าวว่า ยูเครนจะได้รับอาวุธจำนวนมหาศาลเพื่อเสริมกำลังในการต่อสู้กับรัสเซีย ภายใต้ข้อตกลงใหม่ในการจัดหาอาวุธกับสหรัฐฯ

ทรัมป์กล่าวว่าการจัดหาอาวุธนี้มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ รวมถึงระบบต่อต้านขีปนาวุธ Patriot โดยเน้นว่า "สหรัฐฯ จะเป็นผู้จัดหาแต่จะไม่เป็นผู้จ่ายเงินให้ยูเครน"

ทรัมป์ยังกล่าวว่าเขามีความหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับทางรัสเซียได้ โดยเสริมว่าเขารู้สึกว่าประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน "รู้ว่าข้อตกลงที่ยุติธรรมคืออะไร"

#ทรัมป์ #รัสเซีย #ภาษีทรัมป์

15/07/2025

นายวีระ ธีระภัทรานนท์ หรืออาจารย์วีระ กล่าวถึงสาเหตุที่ไม่มีการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ในรายการฟังหูไว้หู เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2568 ว่า

“(การแปรรูป กฟผ.) เป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2540 กว่า ๆ เข้าใจว่าตอนนั้นจะแปรรูปละ ปี 2548 แล้วก็ยกเลิกไปในนาที สุดท้ายไม่มี การทำไอพีโอเหมือนกับกรณีของ ปตท.

ถ้ามามองย้อนหลังเนี่ย ผมบอกเลยว่าน่าเสียดาย ปตท. ตอนก่อนแปรรูป Asset ถ้าผมจำไม่ผิดไม่น่าจะสัก 2 แสนล้าน เดี๋ยวนี้ 3ล้านล้าน มันพลาดจังหว่ะไป

ก็พูดง่ายๆ ว่า กฟผ. ถูกดองหรือถูกจํากัดไม่ให้เติบโต แต่ความต้องการใช้ไฟฟ้ามันมี มันก็ต้องมีคนอื่นมาทำตรงนั้นใช่ไหม มันเลยถึงเกิดบริษัทที่ทำเรื่องโรงไฟฟ้าที่เป็น IPP (Independent Power Producer – ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่) นะก็สร้างโรงไฟฟ้าแทนการไฟฟ้าฝ่ายผลิต”

#กฟผ #พลังงาน #อาจารย์วีระ

14/07/2025

เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา ททท. ออกแถลงการณ์ กรณีที่มีการวิจารณ์โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ว่าใช้งบประมาณไม่คุ้มค่า และเต็มไปด้วยปัญหา จนประชาชนไม่สามารถใช้งานได้

โดยนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ตามที่ ททท. ได้มีการแจ้งปิดระบบการลงทะเบียนประชาชนเข้าร่วมโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งเป็นการชั่วคราว เพื่อทำการปรับปรุงพัฒนาระบบในส่วนที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น

ททท. ได้มีการดำเนินการปรับปรุงระบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงขอเปิดระบบให้ประชาชนที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งได้ทางแอปพลิเคชัน Amazing Thailand หรือ https://www.เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคมเป็นต้นไป

โดยประชาชนสามารถลงทะเบียนได้โดยไม่จำกัดจำนวนคน แต่ละคนรับสิทธิ์สูงสุดไม่เกิน 5 สิทธิ์ แบ่งเป็นที่พักในเมืองหลัก 3 สิทธิ์ เมืองน่าเที่ยว 2 สิทธิ์ และประชาชนจะได้รับสิทธิ์ต่อเมื่อมีการชำระเงินค่าที่พักโดยตรงกับทางโรงแรมแล้ว โดยผู้ที่ชำระเงินก่อนจะได้รับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served ) และสามารถใช้สิทธิ์ได้วันละ 1 ห้อง/คืน

ทั้งนี้ สำหรับการจัดทำโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ททท. ได้รับงบประมาณในการดำเนินโครงการ จำนวน 1,750 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณทั้งหมดใช้สำหรับการสนับสนุนค่าที่พัก คูปองอาหาร และกิจกรรมท่องเที่ยว ร้อยละ 50 แก่ผู้ประกอบการตามที่นักท่องเที่ยวได้มีการใช้สิทธิ์ในการเดินทาง เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ

โดยสำหรับแอปพลิเคชัน Amazing Thailand ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ ททท. มีการดำเนินการอยู่แล้ว โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรในการดำเนินการปรับปรุงพัฒนาให้รองรับโครงการและไม่ได้ใช้งบประมาณของโครงการเพิ่มเติมในการดำเนินการ

ซึ่งการที่ ททท. เลือกใช้แอปพลิเคชัน Amazing Thailand ในการลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง แทนการพึ่งพาแอปพลิเคชันอื่น ๆ ของทางภาครัฐที่ได้มีการพัฒนามาแล้วนั้น เพื่อให้ ททท. สามารถเข้าถึงข้อมูลด้านพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว

ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับการวางแผนและทำการตลาดเชิงรุก การพัฒนายุทธศาสตร์การท่องเที่ยว เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวด้วย Data-Driven Strategy ตลอดจนสามารถขยายโอกาสไปถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Stakeholders' Ecosystem) ให้สามารถตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต และช่วยให้งบประมาณที่ภาครัฐอุดหนุนลงไปก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

โดย ททท. ให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและความปลอดภัยในการใช้งานของผู้รับบริการ โดยการใช้ ThaiID ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันของภาครัฐในการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ใช้สิทธิ์ นอกจากเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันแล้ว ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานการยืนยันตัวตนของภาครัฐ เพื่อเพิ่มความโปร่งใส ป้องกันการสวมสิทธิ์แบบในอดีต และการจัดสรรงบประมาณเป็นไปอย่างทั่วถึง และสมเหตุสมผล

ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของโครงการนี้ ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่ได้ทำการจองห้องพักและชำระเงินเพื่อใช้สิทธิ์ในโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งเรียบร้อยแล้ว หากยังไม่มีการยืนยันตัวตนผ่าน ThaiID ขอให้ยืนยันตัวตนก่อนการเดินทางใช้สิทธิ์ เพื่อป้องกันปัญหาการสวมสิทธิ์ในการเดินทาง

ททท. ขออภัยสำหรับข้อขัดข้องบางประการและความไม่สะดวกในการใช้งานที่ประชาชนและผู้ประกอบการได้รับในช่วงการเริ่มต้นโครงการ ซึ่งส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการลงทะเบียน ตลอดจนความไม่สะดวกในการเข้ารับบริการของประชาชนและผู้ประกอบการในการใช้สิทธิ์

โดย ททท. ได้เร่งดำเนินการแก้ไขในประเด็นปัญหาต่าง ๆ ทั้งในเรื่องการใช้โดเมนใหม่ในการรองรับการลงทะเบียนโครงการ การปรับ Flow การยืนยันตัวตนให้เกิดขึ้นก่อนขั้นตอนการชำระเงิน เพื่อให้ระบบทำงานได้เสถียรมากขึ้น การเพิ่มจำนวน Contact Center และการรองรับของระบบแชทผ่านช่องทาง Line และเร่งทำให้ระบบมีความเสถียรและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเร็วที่สุด

ซึ่งภายหลังจากการเปิดลงทะเบียนใหม่อีกครั้ง พบว่าสามารถรองรับการเข้าลงทะเบียนของประชาชนและผู้ประกอบการได้ดีขึ้น

สำหรับประเด็นในเรื่องการร้องเรียนราคาห้องพักที่มีราคาสูงกว่าปกติ ทาง ททท. จะเร่งตรวจสอบราคาห้องพักของผู้ประกอบการ หากพบว่ามีการปรับราคาสูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงที่ผ่านมาจะมีการตักเตือนและขอให้แก้ไข และตัดออกจากระบบหากไม่ปฏิบัติตาม

โดย ททท. ได้เร่งดำเนินการคัดกรองผู้ประกอบการที่มีความพร้อมและตรงกับความสนใจของประชาชนเข้ามาในระบบเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกมากที่สุด ทั้งในส่วนของจำนวนและคุณภาพของสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ

โดยล่าสุดโครงการได้เปิดให้สถานประกอบการ ประเภทโรงแรม สามารถนำเสนอเรทราคาห้องพักได้สำหรับช่วงวันธรรมดาและวันหยุด เพื่อเป็นทางเลือกในการใช้สิทธิ์ในระบบแก่ประชาชนให้มากขึ้น

สำหรับสถานการณ์ลงทะเบียนของโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนถึงวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 เวลา 8.30 น. มีประชาชนลงทะเบียนสำเร็จจำนวน 1,585,208 ราย จองที่พักและชำระเงินเพื่อใช้สิทธิ์แล้ว 91,008 สิทธิ์ สิทธิ์คงเหลือจำนวน 408,992 สิทธิ์

ขณะที่ผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนและอนุมัติแล้วจำนวน 5,254 ราย แบ่งเป็น โรงแรม/ที่พัก 2,957 ราย ร้านอาหาร 1,968 ราย แหล่งท่องเที่ยว 84 ราย สปา/สุขภาพ 96 ราย สินค้า OTOP 101 ราย และบริการรถเช่า/เรือเช่า 48 ราย

ประชาชนหรือผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งสามารถติดตามข้อมูลและรายละเอียดการเข้าร่วมโครงการและขั้นตอนในการใช้สิทธิ์ได้ที่ https://www.เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com

โดยสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชัน Amazing Thailand หรือ https://www.เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร. 02-483-0963 ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น. หรือสอบถามผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน Line Official Account: ได้ในช่วงเวลาเดียวกัน

#ททท
#เที่ยวไทยคนละครึ่ง

The Structure

16/07/2025

15/07/2025

15/07/2025

15/07/2025

15/07/2025

15/07/2025

15/07/2025

15/07/2025

15/07/2025

15/07/2025

15/07/2025

14/07/2025

Address

Website

Alerts

Contact The Business

Shortcuts

Share