02/10/2024
Active / Passive
===========
เมื่อวานมีน้องมาเล่า ว่าเรียก Grab ไปส่งบ้าน แล้วปรากฏว่า เป็นคนขับคนเดียวกับ ที่ เคยนั่งไปปีที่แล้ว ...
ที่แปลก คือ จำได้ ยังไง
น้องบอกว่า พอขึ้นนั่งที่นั่งด้านหลัง คนขับ หันมาบอกเลยว่า นี่เป็น 1% ของผู้โดยสารที่ นั่งหลัง แล้ว คาดเข็มขัด
น้องเลยบอกว่า เขาโดนสอนให้คาดเข็มขัดทุกครั้งที่ขึ้นรถ (พี่ป๋องนี่แหล่ะ สอนเอง ไม่คาด ไม่ต้องเคลื่อนรถ) เลยใส่จนเป็นนิสัย น้องเล่าต่ออีกว่า มีปีที่แล้ว นั่งกลับบ้านมาเส้นนี้แหล่ะ รถที่นั่ง เกิดอุบัติเหตุ ชนกับคันหน้ารุนแรง ดีที่น้องคาด เลยไม่ได้บาดเจ็บอะไร
คนขับเลยถามช่วงเวลา และ จุดเกิดเหตุ ที่เกิดอุบัติเหตุนั้น สักพักก็บอกว่า
"คนขับรถคันนั้นผมเอง ล่ะครับ ..." คนขับจำได้ น้องก็เลยจำได้
คนขับบอกต่อว่า ดีมากที่วันนั้น น้องคาดเข็มขัด ไม่ง้้นคงได้บาดเจ็บแล้วต้องโดนค่ารักษาอีกเยอะ เพราะ ชนแรง ....
เรื่องที่น้องเล่า ทำให้ อยากนำมุมมองเรื่องความปลอดภัยมาแบ่งปัน เพราะ เมื่อวาน ก็มีข่าวรถบัสไฟไหม้ ซึ่ง พี่ป๋องมองว่า เรื่องแบบนี้ เกิดขึ้น ตลอดเวลา และ อยู่ในวิสัยที่พวกเราช่วยกันป้องกัน ไม่ให้เกิดได้
มีคาถาอันนึง ที่ใช้ตลอด เวลาที่ไม่ต้องการให้เกิดปัญหา โดย เฉพาะ เรื่อง อุบัติเหตุ เรียกสั้นๆ ว่า Active/Passive
คงเป็นเพราะทุกการทำงานที่ผ่านมา จะโดนปลูกฝัง มากๆ เรื่องการป้องกัน อุบัติเหตุโดยตลอด
มากขนาดไหน ก็ถึงขั้นที่ ก่อนเริ่มงาน หรือ ประชุมจะต้องหยิบยก เรื่องอุบัติเหตุ และ การป้องกัน มาคุยกัน ทุกครั้ง โดย รูปแบบ สมัยก่อน ตอนนั้น ก็จะมาจากแนวทาของคนญี่ปุ่น เพราะคนญี่ปุ่นมีเทคโนโลยี มาตั้งโรงงานในไทยเยอะ และเป็นเพราะ พี่ป๋อง เริ่มทำงานในโรงงานมาก่อน เลยทำเรื่องเหล่านี้เป็นกิจวัตร ซึ่งฝรั่ง หรือ ชาติอื่นเขาก็มี จะแตกต่างกันตาม Style
สิ่งที่เห็นว่าเกิดขึ้นเสมอคือ ความบกพร่อง ละเลย ของคนๆ เดียว ก็อาจจะทำให้ คนอื่น เดือดร้อน บาดเจ็บ หรือ เสียชีวิตได้
ดังนั้นการสร้างความตระหนักรู้ และ ออกแบบการทำงานสองอย่าง คือ ทำอย่างไร ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ กับ เกิดอุบัติเหตุขึั้นแล้วลดความรุนแรง สองอย่างนี้ แหล่ะ เรียกจำง่าย ว่า Active / Passive
Active เป็นการออกแบบ ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ถ้าออกแบบขั้นสุด จะเรียกว่า Fool proof คำนี้ จำง่าย เพราะ พี่ป๋องจำว่า ออกแบบให้ตั้งใจทำให้ตัวเองเจ็บ ก็ยังทำไม่ได้เลย
Passive เป็นการออกแบบ เผื่อในกรณีที่เกิดเหตุขึ้นแล้ว ต้องให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด
เคสอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผู้ออกแบบรถ จะติดตั้งระบบต่างๆ ในฝั่ง Active ไว้เยอะ เลย เช่น ระบบป้องกันการเกิดการลื่นไถลของรถ (Traction control) ระบบป้องกันล้อล็อค (ABS) ระบบเสียงเตือนเมื่อเข้าใกล้วัตถุ (Sensor) ระบบหยุดรถอัตโนมัติ (Auto brake system) ระบบกันรถไหลเมื่อจอดบนเนิน (Hill start assist control) หรือ กระทั่ง ระบบป้องกันการเปลี่ยนเลน
แต่ถึงจะออกแบบมาขนาดไหน ก็ตาม คนขับขี่ ก็ต้อง ตรวจสอบ อุปกรณ์ ที่เกี่ยวข้องกับ ความปลอดภัย ให้สามารถ ใช้งานได้ดี ของบางอย่าง ที่เสริมมา เพื่อ ช่วยให้ดี ขึ้น แต่ ของพื้นฐาน ที่ เราละเลยไม่ได้เลยก็มีเช่น
1. ระบบที่เกี่ยวกับ ยึดเกาะถนน เช่น ล้อ ยาง เบรค
2. ระบบที่เกี่ยวข้องกับการทรงตัว เช่น ระบบช่วงล่าง ระบบบังคับเลี้ยว
3. ระบบที่เกี่ยวข้องกับ ทัศนวิสัย เช่น กระจก หรือ การทำงาน ของ Sensor กล้องต่างๆ
การดูแลระบบที่เกี่ยวกับ Passive ที่ห้ามละเลย มีบางเรื่อง ที่คนมักจะมองข้าม
1. ระบบลดการบาดเจ็บ เช่น การคาดเข็มขัดนิรภัย เหล็กเสริมข้างประตู low bar หรือแม้กระทั่ง Airbag
2. ระบบช่วยพาตัวเองออกจากรถที่ประสบเหตุ เช่น ที่ตัด Safety belt, ที่ทุบกระจก, ระบบประตูฉุกเฉิน สำหรับ รถบัส ต้องพร้อม และ ซ้อมใช้ ทุกครั้งก่อนเคลื่อนรถ
3 ระบบช่วยระงับเหตุ เช่น ที่ตัดสายไฟ กรณีลัดวงจร ถังดับเพลิง
จะเห็นได้ว่า ระบบต่างๆ มีการออกแบบ ให้พวกเราลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ และ เสียชีวิต ซึ่ง ผู้ใช้งานที่ประกอบอาชีพ จำเป็นต้องมีความเข้าใจและ ทำตัวให้เป็นมืออาชีพจริงๆ การรับงานใครก็ได้ มาทำงานที่เป็นอาชีพ วันหนึ่ง ก็จะทำให้เกิดเหตุสลดน่าเสียใจ กับคนใกล้ตัวเรา ได้สักวัน
#อุบัติเหตุป้องกันได้ถ้าไม่ประมาท
้กันหรือยัง
#เรื่องบางเรื่องกลัวไว้ก่อนแหล่ะดี