มติเพรส Online

  • Home
  • มติเพรส Online

มติเพรส Online เสนอข่าวแบบตรงไปตรงมาตามจรรยาบรรณวิชาชีพสื่อฯ/ร้องทุกข์ผ่านสื่อโทร064-1059829บก.ตุ้ย กุญแจมือ

 #ระทึกแต่เช้า ไฟไหม้เรือซ่อมบำรุงชาวบ้านสามเหลี่ยมทองคำ วอดทั้งลำวันที่ 15 ก.ค.2568 เทศบาล ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงรา...
15/07/2025

#ระทึกแต่เช้า ไฟไหม้เรือซ่อมบำรุงชาวบ้านสามเหลี่ยมทองคำ วอดทั้งลำ

วันที่ 15 ก.ค.2568 เทศบาล ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์สายด่วนว่า ได้เกิดเหตุไฟไหม้เรือซ่อมบำรุงของชาวบ้าน ที่กำลังลอยอยู่ในแม่น้ำโขง พื้นที่หมู่บ้านสบรวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ทางนายพลภพ มานะมนตรีกุล นายกเทศมนตรี ต.เวียง จึงได้สั่งการให้งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยนำเจ้าหน้าที่พร้อมรถดับเพลิงจำนวน 2 คัน ไประงับเหตุอย่างเร่งด่วน

เมื่อไปถึงพบว่าเรือจอดอยู่บริเวณท่าเรือเอกชนโดยไฟได้โหมลุกไหม้บริเวณกลางลำเรืออย่างหนักจนเปลวไฟและกลุ่มควันคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่จึงได้เร่งฉีดพ่นน้ำกระทั่งเวลาประมาณ 07.15 น.ในที่สุด

จากการตรวจสอบพบเรือดังกล่าวพบเป็นเรือยนต์เล็กและบรรทุกอุปกรณ์ซ่อมบำรุงต่างๆ ซึ่งพบว่าได้ถูกไฟไหม้จนเสียหายหมดทั้งลำและเรือเกือบจะจมน้ำ

ส่วนสาเหตุของไฟไหม้เรืออยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป.

 #เศร้า เปิดใจ แม่นร.หญิง ดิ่งชั้น 7 อาคารเรียนดับ เผยอยากเป็นครูภาษาไทย คาดถูกล้อเป็นคนกัมพูชาจากกรณีเมื่อเวลา 08.10 น....
15/07/2025

#เศร้า เปิดใจ แม่นร.หญิง ดิ่งชั้น 7 อาคารเรียนดับ เผยอยากเป็นครูภาษาไทย คาดถูกล้อเป็นคนกัมพูชา

จากกรณีเมื่อเวลา 08.10 น. วันที่ 14 กรกฎาคม 2568 พ.ต.ท.พีระพรรณ์ ทองพิทักษ์ สว.(สอบสวน)สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีนักเรียนหญิงตกจากอาคารเรียนชั้น 7 ภายโรงเรียนแห่งหนึ่งในจ. นนทบุรี ต.วัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจสภ.บางกรวย พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลบางกรวย เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และทีมแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณลานปูนหน้าสนามฟุตบอลของโรงเรียน พบร่างผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ ด.ญ.จิตตินันท์ หรือน้องลี อายุ 14 ปี นักเรียนหญิงระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ ชั้น ม.4/1 ที่บ้านเลขที่ 90/61 หมู่ 11ถ.บางกรวย–ไทรน้อย ต.วัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี

(โดยมีมารดาเป็นชาวกัมพูชา) สภาพศพสวมชุดนักเรียนพละศึกษา ลักษณะเสียชีวิตจากแรงกระแทกอย่างรุนแรง นอนหงายหน้า ลืมตาค้าง โดยเบื้องต้นไม่พบทรัพย์สินสูญหายหรือร่องรอยการถูกทำร้าย

ความคืบหน้าล่าสุด เวลา 12.00 น. ทราบชื่อคือ MISS THONG CHANN อายุ 34 ปี สัญชาติกัมพูชา มารดาของเด็กนักเรียนหญิงที่เสียชีวิต ได้เดินทางมาพร้อมนายจ้างที่สภ.บางกรวย เพื่อขอรับเอกสารรับร่างที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมเปิดใจกับผู้สื่อ

ข่าวทั้งน้ำตาว่า น้องเรียนอยู่ ม.4/1 เกิดในประเทศไทยที่จ.จันทบุรี เรียนก่อนเกณฑ์ตั้งแต่ 2 ขวบ และสอบเข้าโรงเรียนนี้ได้ เป็นคนเรียนเก่ง ชอบกิจกรรม มีความฝันอยากเป็นครูภาษาไทย เมื่อเช้าตนให้เงินน้องก่อนไปโรงเรียนตามปกติ ไม่ได้มีอาการอะไร ทุกวันน้องจะถามตนว่าจะไปส่งหรือให้น้องไปเอง

ซึ่งวันนี้ตนบอกให้น้องเดินทางไปเองจะได้ออกกำลังกาย มีคุณครูโทรมาบอกว่าน้องกระโดดตึกลงมา ซึ่งตนไม่เชื่อว่าน้องจะทำ เพราะปกติมีอะไรจะคุยกันตลอด แม้กระทั่งเวลามีใครมาจีบ หรือถูกเพื่อนแกล้งถีบตกบันได ชอบเล่าให้ฟังว่าเรียนอะไรบ้าง คิดว่าน้องเกิดอารมณ์ชั่ววูบจึงคิดสั้นแบบนี้ อาจจะมีปัญหาเรื่องเพื่อนแต่ตนก็ไม่ทราบ

ตอนแรกตนติดใจในการเสียชีวิตของน้อง เพราะน้องทำตัวปกติทุกอย่างไม่คิดว่าจะคิดสั้นเพราะบ้านที่อยู่ก็เป็นตึก 3 ชั้น ถ้าเขาคิดสั้นจริงๆทำไมไม่ก่อเหตุที่บ้าน ไปทำที่โรงเรียนทำไม จึงรู้สึกว่ามันแปลก แต่ตอนนี้

เจ้านายบอกว่ามีแชทที่น้องส่งไปลาเพื่อน คิดว่าน้องคงจะพูดหรือเล่าปัญหาอะไรกับตนไม่หมด ถ้าน้องยังอยู่อยากบอกกับเขาว่ามีอะไรอยากให้บอกกับแม่ตรงๆ และอีกเรื่องคือตนและลูกเป็นคนกัมพูชา เพื่อนๆที่โรงเรียนอาจล้อเลียนน้องเกี่ยวกับข่าวบ้านเมืองที่มีอยู่ตอนนี้ เขาจึงตัดสินใจแบบนี้

ชาวบ้านต.นากลาง บุก สนง.อุตสาหกรรม ยื่น 1,060 รายชื่อ ค้านสร้างโรงกำจัดขยะ หวั่นทำลายสิ่งแวดล้อมเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ท...
15/07/2025

ชาวบ้านต.นากลาง บุก สนง.อุตสาหกรรม ยื่น 1,060 รายชื่อ ค้านสร้างโรงกำจัดขยะ หวั่นทำลายสิ่งแวดล้อม

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา นางจรัญ ทิพย์สูงเนิน ราษฎรบ้านบุตาต้อง หมู่ 7 ต.นากลาง อ.สูงเนิน พร้อมพวกซึ่งเป็นตัวแทนชาวบ้าน ต.นากลาง เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านและเรียกร้องให้ทบทวน ยกเลิกโครงการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนด้วยการแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า ขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) นากลาง ดำเนินงานโดย บริษัท สยาม พาวเวอร์ นากลาง จำกัด พร้อมแนบรายชื่อสำเนาบัตรประชาชนพื้นที่ ต.นากลาง ซึ่งเป็นกลุ่มได้รับผลกระทบจำนวน 1,060 รายชื่อ และการแสดงความคิดเห็นคัดค้านการดำเนินโครงการ ฯ โดยมีนางลัดดาพร ชานันโท วิศวกรชำนาญการพิเศษ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม สนง.อุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา เป็นตัวแทนรับหนังสือ

นางปรารถนา เภาโพรงาม อายุ 65 ปี ชาวบ้าน หมู่ 5 ต.นากลาง อ.สูงเนิน เปิดเผยว่า โครงการโรงไฟฟ้าต้องเผาไหม้ขยะทำให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต อาจนำไปสู่โรคร้ายแรงต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุและผู้ป่วย การขนส่งการจัดเก็บขยะและกระบวนการผลิตไฟฟ้าอาจก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นรบกวนชุมชนในวงกว้าง โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนหรือมีลมพัดแรง รวมทั้งกรณีระบบบำบัดน้ำเสียหรือจัดการกากเถ้าจากขยะไม่รัดกุม อาจก่อให้เกิดการปนเปื้อนในแหล่งน้ำธรรมชาติ แหล่งน้ำใต้ดินและผิวดินเป็นอันตรายต่อการเกษตรกรรม การปศุสัตว์และระบบนิเวศโดยรวม

ด้านนางเอื้อมพร ดุงโคกกรวด อายุ 57 ปี ชาวบ้าน หมู่ 1 ต.นากลาง อ.สูงเนิน เผยว่า ชาวนากลางทั้ง 9 หมู่ ขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดพิจารณาดำเนินการยกเลิกหรือทบทวนการอนุมัติโครงการอย่างละเอียดและรอบด้านโดยคำนึงถึงสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ขอให้มีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) เพิ่มเติม โดยมีผู้เชี่ยวชาญอิสระที่ได้รับการยอมรับและเป็นกลาง ทั้งหมดและให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในทุกขั้นตอนของกระบวนการศึกษา จัดให้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (Public Hearing) อีกครั้ง ในรูปแบบเปิดกว้าง โปร่งใสและเข้าถึงทุกภาคส่วน เพื่อให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นและข้อกังวลได้เต็มที่ พิจารณาทางเลือกอื่นในการจัดการขยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและ สุขภาพของ

ประชาชนมากกว่าการเผาเพื่อผลิตไฟฟ้า เช่น การลด ปริมาณขยะจากต้นทาง,การคัดแยกและรีไซเคิลขยะ,หรือการนำขยะอินทรีย์ไปผลิตปุ๋ย ที่ผ่านมาทางบริษัทฯ พยายามลักลอบลัดขั้นตอนกระบวนการที่ถูกต้อง และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียส่วนใหญ่ไม่ทราบข้อมูลหรือผลกระทบที่อาจตามมาในอนาคต ตนในฐานะตัวแทนประชาชนขอปกป้องสิทธิ์และพื้นที่ให้ลูกหลานสามารถอาศัยอยู่ได้อย่างผากสุกไม่กลายเป็นแหล่งสะสมมลพิษ

ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าใช้เชื้อเพลิงซึ่งเป็นขยะมูลฝอยชุมชนปริมาณ 500 ตันต่อวัน ใช้เทคโนโลยีเตาเผาแบบตะกรับเคลื่อนที่ (Stoker Great Fired Incinerator) ผลิตกระแสไฟฟ้า 9.9 เมกะวัตต์ เข้าสู่โครงข่ายของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) ประมาณ 8.0 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลืออีก 1.9 เมกะวัตต์ ใช้สำหรับกิจกรรมภายในโครงการฯ งบดำเนินการเบื้องต้น 2,000 ล้านบาท

CIB เปิดศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาพร้อมช่องทางรับแจ้งเบาะแสพระนอกแถวจากประชาชน ​ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้มีการตั้...
14/07/2025

CIB เปิดศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
พร้อมช่องทางรับแจ้งเบาะแสพระนอกแถวจากประชาชน

​ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้มีการตั้ง “ศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และส่งเสริมพระธรรมวินัย” โดยมี พล.ต.ท.จิรภพฯ ผบช.ก. เป็นหัวหน้าศูนย์ฯ และมอบหมายให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เป็นรองหัวหน้าศูนย์ฯ รวมทั้งมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการหากพบการกระทำความผิดทั้งทางสงฆ์และทางกฎหมาย

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเชิญชวนประชาชนผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ร่วมเป็นพลังสำคัญในการสอดส่อง และแจ้งเบาะแสกรณีพบเห็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมของพระภิกษุสงฆ์ เพื่อร่วมกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มั่นคง และรักษาพระธรรมวินัยให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น โดยสามารถแจ้งเบาะแสเข้ามาได้ที่ INBOX เพจเฟซบุ๊ก : ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) หรือโทรแจ้งได้ที่เบอร์โทร 082-1237166 โดยข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ

ที่มา/เจาะลึกทั่วไทย

 #สึกอีก1รูป  ‘อดีตพระปริยัติธาดา’ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร โผล่ระยอง ลาสิกขาเงียบ หลังหายตัวปริศนา วันที่ 14 กรกฎา...
14/07/2025

#สึกอีก1รูป ‘อดีตพระปริยัติธาดา’ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร โผล่ระยอง ลาสิกขาเงียบ หลังหายตัวปริศนา

วันที่ 14 กรกฎาคม 2568 เวลา09.00น.
ที่วัดบ้านค่าย อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง มีรายงานข่าวว่า อดีตพระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ได้เดินทางไปทำพิธีลาสิกขาเงียบ โดยมี พระครูพิพัฒน์ชญาภรณ์ (หลวงพ่อวันชัย) เจ้าอาวาสวัดบ้านค่าย เป็นพระคู่สวดรับคำลาสิกขา ก่อนเปลี่ยนจีวรออก สวมชุดขาว พร้อมส่งหลักฐานยืนยันกลับมายังวัดกัลยาณมิตร เพื่อดำเนินการตามระเบียบของมหาเถรสมาคม

ทั้งนี้ แหล่งข่าวในวัดกัลยาณมิตร เปิดเผยว่า อดีตพระปริยัติธาดา ได้หายตัวออกจากวัดไปหลายวันก่อนหน้านี้ จนเป็นข่าวลือสะพัดในหมู่ศิษยานุศิษย์ ล่าสุดพบว่าท่านเดินทางกลับจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นบ้านเกิด ก่อนขอทำเรื่องลาสิกขาแบบส่วนตัว โดยมีความคุ้นเคยกับเจ้าอาวาสวัดบ้านค่าย เนื่องจากเคยร่วมงานด้านการศึกษาพระปริยัติธรรมกันมาก่อน

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การลาสิกขาในช่วงเข้าพรรษา แม้จะไม่ค่อยพบเห็นกันบ่อย แต่ก็สามารถกระทำได้ตามสิทธิส่วนตัวของพระสงฆ์ อีกทั้งอดีตพระปริยัติธาดา ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลเงินวัด เพราะเรื่องการเงินจะอยู่ในความรับผิดชอบของไวยาวัจกร หากปรากฏข่าวเชื่อมโยงเงินโยงสีกากอล์ฟตามที่ลือกัน เชื่อว่าเป็นเงินส่วนตัวของอดีตพระรูปนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีของวัดแต่อย่างใด

ที่ผ่านมา อดีตพระปริยัติธาดา เป็นครูสอนบาลี ดูแลด้านการศึกษาภายในวัด เป็นพระนักวิชาการที่มีลูกศิษย์ให้ความเคารพรักจำนวนมาก ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ทำให้ข่าวการลาสิกขากะทันหันสร้างความสะเทือนใจให้ลูกศิษย์เป็นอย่างมาก ขณะที่พระผู้ใหญ่ในวัดก็รู้สึกเสียใจ เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นของวัดกัลยาณมิตรไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า อดีตพระปริยัติธาดาจะดำเนินชีวิตต่อไปในเส้นทางใด และจะมีการออกมาชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ ท่ามกลางกระแสข่าวลือหลายกระแสที่ยังคงต้องจับตากันต่อไป.

 #ดูมันทำ เขมรเคลมสำเร็จ ฉก22วรรณกรรมไทยสอดไส้ขึ้นทะเบียนยูเนสโก!!เมื่อวันที่ 14 ก.ค.2568 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "JanJao K. Sispr...
14/07/2025

#ดูมันทำ เขมรเคลมสำเร็จ ฉก22วรรณกรรมไทยสอดไส้ขึ้นทะเบียนยูเนสโก!!

เมื่อวันที่ 14 ก.ค.2568 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "JanJao K. Sisprakaew" ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า "นี่คือวรรณกรรมไทย ที่เขมรนำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย

รายชื่อวรรณกรรมเหล่านี้ถูกแต่งขึ้นโดยชาวไทย แต่ถูกเขมรนำไปขึ้นทะเบียนต่อ Unesco ในหัวข้อ 'มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ Cultural heritage of Cambodia'

วรรณกรรมไทยเหล่านี้ถูกเขมรเคลมเป็นของตนเองเพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia

โดยเขมรอ้างว่ารายชื่อวรรณกรรมเหล่านี้ได้รับการฟื้นฟูขึ้นใหม่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522-2545 จากละครเรื่อง "พระทอง นางนาค" (ละครพื้นบ้าน ที่ถูกเขียนขึ้นเมื่อปี 2473)ในสมัยของ สมเด็จพระสีสุวัถติ์ มุณีวงศ์

รายชื่อวรรณกรรม ตามหัวข้อต่างๆ ที่มีผู้แต่งเป็นคนไทย มีดังนี้

1. ไกรทอง - พระราชนิพนธ์ของในหลวงรัชกาลที่ 2 นิทานพื้นบ้าน

2. พระสมุท - พระนิพนธ์ของกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ

3. อุณรุท - พระราชนิพนธ์ของในหลวงรัชกาลที่ 1 มาจากบทละครในเรื่องอุณรุทสมัยอยุธยาตอนปลาย

4. พระสังข์ - พระราชนิพนธ์ของในหลวงรัชกาลที่ 2 บทละครนอก

5. พระทิณวงศ์ - นิทานพื้นบ้านภาคกลาง จัดพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2458

6. จันทโครพ - ผู้แต่ง สุนทรภู่

7. พระเวสสันดร - ผู้แต่ง เจ้าพระยาพระคลัง (หน)

8. อิเหนา - พระราชนิพนธ์ของในหลวงรัชกาลทีี่ 2 บทละครรำ

9. อนิรุทธกินรี - พระราชนิพนธ์ของในหลวงรัชกาลที่ 1 มาจากบทละครเรื่องอุณรุทสมัยอยุธยาตอนปลาย

10. ศุภลักษณ์ - มาจากตอนศุภลักษณ์อุ้มสม เรื่องอุณรุท พระราชนิพนธ์ของในหลวงรัชกาลที่ 1

11. รามเกียรติ์ - พระราชนิพนธ์ของในหลวงรัชกาลที่ 1 และ ในหลวงรัชกาลที่ 2

14. พระสุธน-มโนราห์ - บทละครสมัยอยุธยา มาจากพระสุธนชาดก แต่งเป็นคำฉันท์ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระยาอิศรานุภาพ

15. กากี - คำกลอนวรรณคดี เจ้าพระยาพระคลัง(หน) บทเห่กล่อมพระบรรทม แต่งโดยสุนทรภู่

16. สีดาลุยเพลิง - จากรามเกียรติ์ตอนสีดาลุยไฟ พระราชนิพนธ์ของในหลวงรัชกาลที่ 1

17. จองถนน - จากรามเกียรติ์ตอนจองถนน พระราชนิพนธ์ของในหลวงรัชกาลที่ 1

20. ทิพสังวาล - หนังสืออ่านเล่นในสมัยรัชกาลที่ 5

22. ลักษณวงศ์ - แต่งโดยสุนทรภู่

 #งานเข้าอีก ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรง “แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี ปมคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซ...
14/07/2025

#งานเข้าอีก ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรง “แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี ปมคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน
การแต่งตั้งองค์คณะไต่สวนในครั้งนี้ เป็นไปตามมาตรา 51 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ปี 2561 โดยแต่งตั้ง นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. และ นายประภาศ คงเอียด กรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้ดำเนินการไต่สวนอย่างเป็นทางการ
ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องจากนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พร้อมคณะสมาชิกวุฒิสภาที่ร่วมลงชื่อกล่าวหา ป.ป.ช.จึงดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงถอดเทปและแปลเนื้อหาจากคลิปเสียง เพื่อประกอบการพิจารณา
หากผลการไต่สวนพบว่า มีมูลความผิดร้ายแรง จะนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหา และส่งฟ้องต่อศาลฎีกา ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญอยู่ระหว่างพิจารณาคู่ขนานว่าจะสิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่

พระภิกษุที่ตเชื่อมโยงกับสีกา ก. และสละสมณะเพศแล้ว ประกอบด้วย  1.พระเทพวชิรปาโมกข์ อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ กรุเทพฯ2.พระเ...
14/07/2025

พระภิกษุที่ตเชื่อมโยงกับสีกา ก. และสละสมณะเพศแล้ว ประกอบด้วย

1.พระเทพวชิรปาโมกข์ อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ กรุเทพฯ
2.พระเทพวชิรธีราภรณ์
อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย วรวิหาร จังหวัดสระบุรี
3.พระเทพวชิรธีรคุณ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส
วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
4.พระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ อดีตพระลูกวัด วัดใหม่ยายแป้น กรุงเทพฯ
5.พระครูสิริวิริยธาดา อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวราราม จังหวัดฉะเชิงเทรา
6. พระครูปลัดสุรพล อิทธิเตโช อดีตเจ้าอาวาสวัดพรหมเกษร จังหวัดพิษณุโลก
7. พระปริยัติธาดา อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร กรุงเทพฯ

อัปเดต เวลา 12.00 น. ของวันที่ 14 กค.2568

เมื่อท่านเหล่านั้น สละสมณะเพศแล้ว หรือท่านใดท่านหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับสีกา ก. แต่ยังไม่ได้สละสมณะเพศ ขอความกรุณาคำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคล ของแต่ละท่าน

หากท่านใดท่านหนึ่งที่สละสมณะเพศไปแล้ว แต่ได้กระทำการยักยอกเงินวัดหรือเงินประเภทอื่นๆ ที่มิใช่เงินส่วนตัว โอนให้สีกา ก. จะต้องถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 #ร้องสอบธนาคารฯ  ยื่นหนังสือร้องกมธ.ฯ สอบธนาคารดังนำเงินบัญชีลูกค้าไปหมุนเวียนในกลุ่มธุรกิจของตนเองมูลนิธิวัดชื่อดังใน ...
14/07/2025

#ร้องสอบธนาคารฯ ยื่นหนังสือร้องกมธ.ฯ สอบธนาคารดังนำเงินบัญชีลูกค้าไปหมุนเวียนในกลุ่มธุรกิจของตนเอง

มูลนิธิวัดชื่อดังใน จ.ร้อยเอ็ด มอบอำนาจทนายความ ร้องธนาคารดังหลังตรวจสอบพบ
เอาเงินในบัญชีลูกค้าไปหมุนเวียนในกลุ่มธุรกิจการเงินของตน เผยทำเป็นขบวนการ

นายพงษ์ศักดิ์ บุญใหญ่ ประธานกรรมการสภาทนายความภาค 4 ประจำจังหวัดสกลนครเปิดเผยว่าตนและทีมทนายความได้รับมอบอำนาจจากมูลนิธิวัดแห่งหนึ่ง ใน จ.ร้อยเอ็ด ให้ดำเนินการเอาผิดต่อธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง กับพวกฐานวางแผนถอนเงินออกจากบัญชีมูลนิธิฯ ไปซื้อหน่วยลงทุนของบริษัทลูก และนำไปซื้อกรมธรรม์หรือชำระเบี้ยประกันชีวิตรวม 268 กรมธรรม์ ของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งบริษัททั้งสองเป็นบริษัทลูกของธนาคาร โดยในระยะเวลาที่ตอเนื่องกัน 10 ปี มีการกระทำเสมือนหนึ่งบัญชีของมูลนิธิทั้งสอง เป็นบัญชีของพนักงานและธนาคาร ด้วยการนำเงินทั้งจากบริษัทลูกโอนกลับเข้าบัญชีของมูลนิธิทั้งสอง แล้วถอนออกไปซื้อหนวยลงทุนและชำระเบี้ยประกันชีวิตซ้ำวนเวียนกันเขาออกไป-มาหลายครั้ง ในลักษณะของการกระทำเป็นปกติธุระ ซึ่งเขาข่ายเป็นการฟอกเงินตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

"การกระทำของพนักงานและ
ธนาคารดังกลาว เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือขัดต่อวัตถุประสงค์และข้อบังคับของมูลนิธิทั้งสองฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 110 วรรคหนึ่ง และมาตรา 863 ฝ่าฝืนแนวนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท. ฝนส.(13) ว.1889/2555 เรื่อง การนำส่งแนวนโยบายการกำกับดูแลการขายผลิตภัณฑ์ด้านหลักทรัพย์และด้านประกันภัยผ่านธนาคารพาณิชย์ ฝ่าฝืนประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกส. 1/2561 และที่ สกส.2 4/2563 เรื่อง การบริหารจัดการด้านการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market Conduct) นอกจากนี้ ยังเป็นความผิดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7) วรรคสอง ฝ่าฝืน พรบ.ประกันชีวิตฯ มาตรา 33(15) มาตรา 53 และมาตรา 56 พรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 306 และ พรบ.ป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน ฯทำให้มูลนิธิทั้งสองได้รับความเสียหายเป็นเงินกวา 800 ล้านบาท มูลนิธิทั้งสองได้มอบอำนาตให้ยื่นฟ้องเป็นคดีผูบริโภคแล้ว ต่อศาลจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ผบ 309/2568

"ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่พนักงานธนาคารและธนาคาร กับบริษัทลูกทั้งสองกระทำความเสียหายในคดีนี้ มูลนิธิทั้งสองไม่สามารถใช้เงินดอกผลของมูลนิธิและไม่มีเงินดอกผลเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เนื่องจากบัญชีของมูลนิธิทั้งสองอยู่ในการครอบครองของพนักงานธนาคารกับพวก ในทางตรงกันข้ามธนาคารฯและบริษัทลูก ตลอดจนพนักงานธนาคารกลับได้ประโยชน์จากการนำเงินของมูลนิธิไปหมุนเวียนในกลุ่มธุรกิจของตนอยางมากมายมหาศาล โดยไม่ได้ลงทุนลงแรงแต่อยางใด อันเป็นการทำธุรกรรมที่เอาเปรียบผู้บริโภค ส่งผลให้บริษัทแม่ คือธนาคารและบริษัทลูกได้รับประโยชน์ นอกจากนี้ ยังทำให้พนักงานของสถาบันการเงินดังกล่าวได้ประโยชน์จากการถอนเงินและทำธุรกรรม อันเป็นการให้สินเชื่อหรือการทำธุรกรรมกับผู้ที่เกี่ยวของกับบริษัทแม่ บริษัทลูก หรือบริษัทรวมได้รับประโยชน์ซึ่งถือวาเปนการให้สินเชื่อหรือการ

ทำธุรกรรมกับบริษัทด้วย ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 มาตรา 59 (3) เนื่องจากการถอนเงินและการทำธุรกรรมดังกล่าว มีหลักฐานชัดแจ้งตามรายการเดินบัญชีหรือ Statement ตลอดจนหลักฐานเกี่ยวกับการซื้อหน่วยลงทุนและการซื้อกรมธรรม์ ดังนั้นแม้มูลนิธิทั้งสองได้ยื่นฟองเรียกเงินคืนเป็นคดีดังกล่าวก็ตาม แตก็เป็นการใช้สิทธิ์ทางศาลของมูลนิธิในฐานะผู้บริโภคและได้รับความเสียหาย อันเป็นสิทธิ์ ที่ได้รับการคุ้มครองโดยชอบตามรัฐธรรมนูญและบทกฎหมายที่เกี่ยวของ ส่วนมาตรการทางปกครองหรือทางวินัยอันเป็นเรื่องของความรับผิดชอบที่ธนาคาร และบริษัทลูกทั้งสองมี่อยูตามบทกฎหมายโดยเฉพาะก็ควรดำเนินมาตรการควบคู่กันไปโดยเร่งดวน เพื่อเป็นการลงโทษ"

นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ค.2568 ได้ไปยื่นหนังสือต่อธนาคารแห่งประเทศไทย (สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอนแก่น) ในฐานะองคกรที่มีบทบาทหน้าที่ในการบริหารและดูแลรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ รวมทั้งมีอำนาจหนาที่ในการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ ให้ดำเนินการตรวจสอบ สอบสวนแล้วดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตาม พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงินฯ มาตรา 90 อนุมาตรา (1) ที่บัญญัติวา “มีคำสั่งให้สถาบันการเงินแก้ไขฐานะหรือการดำเนินงาน และ อนุมาตรา (5) ที่บัญญัติวา มีคำสั่งควบคุมสถาบันการเงิน หรือ มีคำสั่งปิดกิจการของสถาบันการเงินนั้น ซึ่งในวันเดียวกันนั้น ผู้รับมอบอำนาจของมูลนิธิทั้งสองยังได้ยื่นหนังสือลักษณะเดียวกันต่อ สำนักงาน คปภ.ร้อยเอ็ด และในวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 นี้จะไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรรมาธิการการเงินการคลังสภาผูแทนราษฎรและวุฒิสภา เพื่อให้ตรวจสอบและศึกษากรณีดังกลาว ทั้งนี้ การถอนเงินและการทำ

ธุรกรรมกับบริษัทลูกมีหลักฐานปรากฏชัดแจ้งอยูแล้วว่า เงินของมูลนิธิทั้งสองถูกถอนออกไปวันเวลาใด จำนวนเท่าใดและทำธุรกรรมประเภทไหน อย่างไร ดังนั้น การเรียกร้องให้ธนาคาร คืนเงินแก่มูลนิธิโดยเร็ว โดยไม่ต้องรอคำพิพากษาของศาล จึงหาใช่เป็นการกระทำที่ปราศจากเหตุผลไม่

14/07/2025

อินฟลูเอนเซอร์ดังถูกหลอกเปิดบัญชีม้า พบ "คุณนายอ้อน" ตัวการใหญ่ อ้างเป็นเมียสารวัตร แต่แท้จริงคือภรรยาจ่าทหาร!

วันที่ 14 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.30 น.
นายเจษฎา (สงวนนามสกุล) อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังวัย 22 ปี ผู้มีผู้ติดตามกว่า 4 แสนคนบนแพลตฟอร์ม TikTok พร้อมด้วยนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผ่านพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม (พงส.กก.3 บก.ป.)

หลังเชื่อว่าถูก "คุณนายอ้อน" และพวก ร่วมกันเป็นขบวนการหลอกให้เปิดบัญชีและชักชวนผู้อื่นมาเปิดบัญชีเพิ่ม โดยคุณนายอ้อนได้แอบอ้างตนเองว่าเป็นภรรยาตำรวจระดับสารวัตร แต่ภายหลังการตรวจสอบของตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี พบว่าเป็นภรรยาของทหารยศประทวนนายหนึ่ง

นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความชื่อดัง เปิดเผยว่า วันนี้ได้พานายเจษฎา อินฟลูเอนเซอร์ผู้มีชื่อเสียงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มาร้องเรียนกรณีถูกขบวนการเปิดบัญชีม้า โดยมีผู้หญิงชื่อ "คุณนายอ้อน" เป็นตัวการ ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดอุบลราชธานี พบว่าคุณนายอ้อนเป็นภรรยาของทหารนายหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี ขบวนการนี้มีเป้าหมายหลักคือนักศึกษาที่กำลังมองหางานและกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน โดยจะหลอกให้เปิดบริษัทนิติบุคคล ซึ่งเป็น "บริษัทม้า" เพื่อให้ง่ายต่อการโอนเงินและทำธุรกรรมต่าง ๆ และยังหลอกให้เด็ก ๆ เปิดบัญชีธนาคารพร้อมมอบซิมโทรศัพท์มือถือให้ หากเหยื่อไม่ยอมคืน ก็จะถูกแจ้งความว่าลักขโมยโทรศัพท์มือถือ

นายเจษฎา เปิดเผยว่า หลังจากเข้าร้องเรียนกับมูลนิธิฯ และเรื่องราวถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะ ก็มีหน่วยงานราชการหลายแห่งติดต่อกลับมา บางรายอ้างว่าเป็นฝ่ายสืบสวนจังหวัดอุบลราชธานี บางรายอ้างว่าเป็นภรรยาผู้การฯ นอกจากนี้ยังมีผู้บังคับบัญชาในค่ายทหารที่จังหวัดปราจีนบุรีโทรศัพท์มาสอบถาม บางคนต้องการทราบรายละเอียดและนัดพบเป็นการส่วนตัว ซึ่งนายเจษฎาปฏิเสธไป โดยขอให้ติดต่อผ่านทนายรณณรงค์แทน
"ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทหารหรือตำรวจที่ติดต่อมา ผมรู้สึกเกรงกลัว ไม่รู้ว่าจะเป็นตำรวจจริงหรือไม่ และทำไมถึงต้องมาพบผมแบบส่วนตัว เช่น คนที่อ้างเป็นตำรวจ จ.อุบลฯ บอกว่า 'น้องเตอร์ไม่ต้องกลัวนะ ถ้าน้องสะดวกก็เข้ามาพบได้เลย แต่ขอนัดเป็นการส่วนตัวนะ ร้านกาแฟ

ที่ไหนก็ได้ คุยกันเงียบ ๆ' " นายเจษฎาเล่าด้วยความกังวล และยังเปิดเผยว่ามีบางรายถึงขนาดไปสอบถามหาตนถึงที่บ้าน เพื่อให้ไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่โรงพัก ทำให้ป้าและยายที่อยู่บ้านสองคนรู้สึกตกใจมาก และโทรศัพท์มาบอกตนทันที

ส่วนผู้บังคับบัญชาของค่ายทหารที่ปราจีนบุรีที่โทรมา ระบุว่าคุณนายอ้อนเป็นภรรยาของทหารในค่ายเขาจริง แต่ยืนยันว่าสามีไม่เกี่ยวข้อง และหากตรวจสอบพบว่ามีความผิดก็ยินดีที่จะส่งตัวให้กับตำรวจไปดำเนินคดี ไม่เข้าข้างลูกน้อง ขณะที่บุคคลที่อ้างว่าเป็นภรรยาผู้การจังหวัดอุบลฯ ติดต่อมาเพื่อต้องการข้อมูลของคุณนายอ้อน โดยคุณนายอ้อนได้ประกาศหลังจากที่ตนมาร้องเรียนมูลนิธิฯ ว่าจะไปแจ้งความเอาผิดตนที่กล่าวหาเขาโดยไม่เป็นความจริง และปฏิเสธว่าบัญชีม้าไม่มีอยู่จริง

นางชฎาภรณ์ พงศ์ทองเมือง ที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์ฯ กล่าวว่า ทางมูลนิธิฯ ได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดมอบให้ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องในขบวนการนี้ ส่วนกรณีนายเจษฎา หากพบว่ามีความผิดก็ยินดีให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายเจษฎา เล่าเหตุการณ์ย้อนไปเมื่อเดือนตุลาคม 2567 ว่าได้พบกับ "คุณนายอ้อน" หญิงวัยประมาณ 38 ปี ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี คุณนายอ้อนอ้างตัวเป็นภรรยาตำรวจระดับสารวัตรและเป็นแฟนคลับของตนเอง จึงได้ขอแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกัน หลังจากนั้น คุณนายอ้อนได้ชักชวนตนไปร่วมรับประทานอาหารกับสมาคมแม่บ้านตำรวจจังหวัดอุบลราชธานี และพยายามชวนตนไปสอบเป็นตัวแทนขายประกัน แต่ตนสอบไม่ผ่าน

ต่อมา คุณนายอ้อนได้โทรศัพท์มาชักชวนให้ตนและหาคนอื่นมาเปิดบัญชี โดยอ้างว่าจะนำบัญชีเหล่านี้ไปใช้ในธุรกิจที่มีเงินหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาท เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี นายเจษฎาได้สอบถามว่าเป็นบัญชีม้าหรือไม่ แต่คุณนายอ้อนยืนยันว่าไม่ใช่ เป็นเพียงเทคนิคที่นักธุรกิจนิยมใช้กัน แม้ในตอนแรกนายเจษฎาจะปฏิเสธ แต่คุณนายอ้อนก็ตื้อไม่เลิกจนใจอ่อนยอมตกลง

นายเจษฎาเล่าถึงขั้นตอนการเปิดบัญชีว่า ตนต้องส่งบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านให้คุณนายอ้อน และถูกชักชวนให้หาคนมาเปิดบัญชีเพิ่ม โดยจะได้รับค่าตอบแทนจากการหาคนได้คนละ 8,000 บาท ส่วนบัญชีม้าที่หามาได้จะได้รับค่าตอบแทน 35,000 บาท พร้อมเงินเดือนเดือนละ 10,000 บาท เป็นเวลา 6 เดือน นายเจษฎาหาคนมาได้ทั้งหมด 23 คน โดยแต่ละคนจะต้องจดทะเบียนเป็นกรรมการบริษัท 2 บริษัท และเปิดบัญชี 4 ธนาคาร คุณนายอ้อนจะกำชับผู้ที่จะไปเปิดบัญชีให้บอกกับธนาคารว่าถือหุ้น 99% หากธนาคารไม่ยอมเปิดให้ คุณนายอ้อนจะต่อว่าพนักงานธนาคาร และหากใครต้องการถอนตัวก็ต้องจ่ายเงิน 200,000 บาท หรือต้องหาคนมาเปิดบัญชีแทน

ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ คุณนายอ้อนยังได้สอน "ตำราหนีตำรวจ" หากถูกจับกุม ให้แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง พยายามถ่วงเวลาให้ได้นานที่สุด และจะมีตำรวจเข้ามาช่วยเหลือ แต่ถ้าหากไม่สามารถช่วยเหลือได้และถูกจับกุมจริง ๆ คุณนายอ้อนยังการันตีว่าครอบครัวจะอยู่สบายไปตลอดชีวิต
นอกจากนี้ นายเจษฎายังเล่าว่า คุณนายอ้อนมักจะนำรถยนต์เข้ามาบ่อยครั้งแล้วส่งต่อไปยังบริเวณชายแดน มีอยู่ครั้งหนึ่ง รถที่คุณนายอ้อนขับมาถูกตำรวจเรียกตรวจสอบ และพบว่าเป็นรถที่นำเข้าผิดกฎหมาย แต่คุณนายอ้อนก็ต่อว่าตำรวจและโทรศัพท์ให้คนมาช่วยเคลียร์จนรอดไปได้

นายเจษฎาเริ่มรู้สึกเอะใจจากพฤติกรรมของคุณนายอ้อนที่ต้องคุยโทรศัพท์ตลอดเวลา และลักษณะการสนทนาเกี่ยวกับการเปิดบัญชี หากทำไม่ได้ก็จะส่งคนมาเคลียร์ ทำให้ตนเริ่มตีตัวออกห่าง คุณนายอ้อนจึงเริ่มข่มขู่ โดยมีการส่งรูปตำรวจไซเบอร์พร้อมอ้างว่าเป็นน้องเขย และส่งรูปที่ถ่ายคู่กับ "แม่ทัพภาคที่ 2" มาขู่พร้อมอ้างว่ามีความสนิทสนมกัน นอกจากนี้ยังมีการแอบอ้างถึงเบื้องสูง และมีรถตำรวจนำทางเวลาไปทำบุญหรือออกไปไหน ที่ร้ายแรงที่สุดคือการข่มขู่ไปถึงครอบครัวของตน

"วันนี้ที่ผมออกมาแฉ เพราะรู้สึกผิด อยากจะขอโทษสังคม ถ้าหากผมต้องถูกดำเนินคดีผมก็พร้อม ตอนนี้อยากขอปกป้องครอบครัวและตัวเอง เพราะคุณนายอ้อนมีการบอกผ่านคนสนิทของผมมาว่าอย่าชะล่าใจ สักวันเดี๋ยวโดนเก็บ" นายเจษฎากล่าวด้วยความกังวล จึงตัดสินใจนำเรื่องมาร้องเรียนกับทางมูลนิธิฯ เพื่อขอความช่วยเหลือ
ตำรวจอุบลฯ ยัน "คุณนายอ้อน" ไม่ใช่ภรรยาสารวัตร แต่เป็นเมียทหารยศจ่าสิบเอก เคยมีคดีฉ้อโกง

พันตำรวจเอก ชาญชัย อินนรา ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ได้ออกมาเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารตามที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 กรณีอินฟลูเอนเซอร์ดังยื่นเรื่องต่อมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ให้ตรวจสอบขบวนการเปิดบัญชีม้าที่มีภรรยาข้าราชการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี (ระบุชื่อคุณนายอ้อน) เป็นผู้เกี่ยวข้องนั้น
กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานีได้ตรวจสอบแล้ว พบว่า "คุณนายอ้อน" ไม่ได้เป็นภรรยาของตำรวจระดับสารวัตรในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี แต่อย่างใด เป็นเพียงการกล่าวอ้างขึ้นมาเพื่อหวังผลประโยชน์ของตนเอง จากการสืบสวนเพิ่มเติมยังพบว่า คุณนายอ้อนมีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ และเป็นภรรยาของทหารยศจ่าสิบเอก สังกัดค่ายจักรพงษ์ จังหวัดปราจีนบุรี นอกจากนี้ ยังพบว่า คุณนายอ้อนเคยมีคดีฉ้อโกงเมื่อปี 2565 ที่สถานีตำรวจบางนา
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงภัยร้ายของ

ขบวนการบัญชีม้าที่มักจะหาช่องทางหลอกลวงประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนและผู้ที่กำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน รวมถึงการแอบอ้างบุคคลหรือหน่วยงานราชการเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จึงขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังและตรวจสอบข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนที่จะตกเป็นเหยื่อในลักษณะนี้

#มติเพรสOnline
ภาพ/ข่าว/กมล แย้มอุทัย

ฮุน เซน โพสต์ ไม่แปลกใจการทรยศของทักษิณ เขาสามารถทรยศแม้กระทั่งชาติของตนเอง จึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจที่เขาจะทรยศคนต่างชาติ...
14/07/2025

ฮุน เซน โพสต์ ไม่แปลกใจการทรยศของทักษิณ เขาสามารถทรยศแม้กระทั่งชาติของตนเอง จึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจที่เขาจะทรยศคนต่างชาติอย่างผมได้!!!

เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 สมเด็จ ฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์ข้อความ

ขอเรียกร้องให้ผู้นำโลกและอาเซียน ยอมรับในสิ่งที่นายทักษิณได้เปิดเผยไว้ ดังที่ผมได้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดพระวิหาร เป็นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การฉ้อโกงออนไลน์แพร่ระบาดอยู่ทั่วประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพ ที่เป็นแหล่งกบดานของอาชญากรไซเบอร์และฐานฟอกเงินขนาดใหญ่ เครือข่ายอาชญากรนี้ได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากไทยไปกัมพูชามากขึ้นเรื่อยๆ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 นายทักษิณได้ยอมรับต่อสาธารณชนในประเทศไทยว่า กลุ่มมิจฉาชีพออนไลน์รายใหญ่ ได้พักอาศัยอย่างอิสระในอพาร์ตเมนต์หรู มูลค่าหลายพันล้านบาทในกรุงเทพ และเดินทางไปมาระหว่างประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างเสรี

ในวันเดียวกัน ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของไทย ได้จับกุมบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ และการฟอกเงิน มูลค่า 11,520 ล้านบาท ณ สนามบินนานาชาติดอนเมือง

รายงานจากสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ได้เปิดเผยว่า การผลิตและการค้ายาเสพติดในภูมิภาค 3 เหลี่ยมทองคำ ที่มีพรมแดนติดกับเมียนมา ลาว และไทย เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้ไทยได้กลายเป็นเส้นทางการขนส่งหลักและศูนย์กลางการกระจายยาเสพติดจำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลออกจากภูมิภาคนี้

ดังนั้น ผมขอเรียกร้องให้ผู้นำโลก และผู้นำอาเซียน ยอมรับการเปิดเผยของนายทักษิณเอง นอกจากนี้ ขอเรียกร้องให้นักการเมืองไทยหยุดกล่าวโทษกัมพูชา โดยไม่มีหลักฐาน ขณะเดียวกันก็เมินเฉยต่อประเทศตัวเอง ที่ได้กลายเป็นแหล่งมั่วสุมของเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ แก๊งยาเสพติด และขบวนการฟอกเงิน

ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีไทยซึ่งปัจจุบันถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ได้เคยกล่าวไว้ว่า การปิดพรมแดนกับกัมพูชาเพื่อปราบพนันออนไลน์นั้น “ถือเป็นการผิดศีลธรรมทางการเมืองอย่างร้ายแรง” ประเด็นดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลในระดับภูมิภาคจากทุกประเทศ เพื่อร่วมกันจัดการกับอาชญากรรมข้ามชาติทุกรูปแบบ

เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมเพิ่งทราบข่าวที่ว่าทักษิณ ประกาศว่า จะไม่มีสงครามระหว่างกองทัพของทั้ง 2 ประเทศ แต่กล่าวว่า นี่คือการแข่งขันดำน้ำ ใครทนอยู่นานกว่าก็ชนะ ซึ่งก็เข้าใจว่า ทักษิณกำลังเปรียบเปรยถึงความอดทนในการปิดพรมแดน ว่าฝ่ายใดสามารถทนได้นานกว่าก็จะเป็นฝ่ายชนะ และหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็แสดงว่า ผู้อยู่เบื้องหลังการปิดด่านในครั้งนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือทักษิณเอง กัมพูชามุ่งมั่นที่จะเล่นเกมนี้ ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน ความกังวลที่แท้จริง คือผู้ที่ผลักดันให้เล่นเกมนี้ จะพังทลายลงก่อนเกมจะจบลงหรือไม่

ผมอาจต้องใช้เวลามากกว่า 3 ชั่วโมง หากจะพูดถึงทักษิณให้ครบทุกเรื่อง คนที่ผมเคยช่วยเหลือตั้งแต่ปี 2549 – 2568 ช่วงเย็นวันที่ 15 มิถุนายน 2568 นายทักษิณได้แจ้งผ่าน เคลียง ฮวด ว่า นายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะต้องถูกปลดออกจากตำแหน่ง เพื่อให้พรรคเพื่อไทยสามารถเข้ามาควบคุมกระทรวงมหาดไทยได้ ผมได้ตอบกลับไปว่า “ถ้าจะปลดเขา ก็เตรียมตัวถูกปลดเองด้วย”

โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่แปลกใจกับการทรยศของทักษิณเลย เขาสามารถทรยศแม้กระทั่งชาติของตนเอง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจที่เขาจะทรยศคนต่างชาติอย่างผม แต่ทักษิณไม่ควรลืมสิ่งมากมายที่เขาเคยมาสารภาพกับผมและขอคำปรึกษา เช่น การสั่งปลดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมภายใน 24 ชั่วโมง และคำพูดหมิ่นสถาบันต่อทั้งพระองค์ก่อน และพระองค์ปัจจุบัน

มีนักวิชาการไทยบางคนถึงกับกล่าวว่า ผมเข้าใจการเมืองไทยอย่างลึกซึ้ง มันจะไม่ลึกซึ้งได้อย่างไรเล่า ในเมื่อทักษิณคอยอัปเดตข่าวสารและขอความคิดเห็นจากผมแทบทุกวัน ทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือน แล้วแต่ตารางงานของเขา ซึ่งทั้งหมดนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการของกัมพูชาเลย หากแต่เกี่ยวกับการเมืองของเขาในประเทศไทยทั้งสิ้น”

รวบหนุ่มสมุทรปราการขายบัญชีม้าให้แก๊งคอลฯลอบมุดรั้วชายแดนกลับไทย พบเอี่ยวคดีออนไลน์ 17 คดี     วันที่ 13 ก.ค.68 ร.ท.สุวน...
13/07/2025

รวบหนุ่มสมุทรปราการขายบัญชีม้าให้แก๊งคอลฯลอบมุดรั้วชายแดนกลับไทย พบเอี่ยวคดีออนไลน์ 17 คดี

วันที่ 13 ก.ค.68 ร.ท.สุวนัท เขียวตองอ่อน ผบ.ร้อย ทพ.1202(ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่1202) เผยว่า จากคำสั่งของ พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผบ.ฉก.อรัญประเทศ กกล.บูรพา((บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ กองกำลังบูรพา) สั่งการให้ พ.อ.เมธี คำเต็ม ผบ.ชค.ทพ.12(ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่12) นำกำลังพล ร้อย ทพ.1202 ประสานความร่วมมือกับ พ.ต.อ.ภัทรกร ขาวนวล ผกก.สภ.คลองลึกฯและ พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว บูรณาการกำลังร่วมกัน

ออกลาดตะเวณและเฝ้าตรวจป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโยผิดกฎหมายตามช่องทางธรรมชาติริมชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว อย่างเข้มงวดซึ่งเป็นจุดล่อแหลมและเสี่ยงต่อการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย ตามนโยบายซีลเข้มชายแดนของ แม่ทัพภาคที่1 และ ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพาต่อมาเมื่อเย็นวันที่ 12 ก.ค.68 จนท.ชุดปฏิบัติการร่วม ร้อย ทพ.1202 ชค.ทพ.12 ได้ตรวจพบชายต้องสงสัยจำนวน 1 คน กำลังเดินเท้าลัดเลาะตามช่องทางธรรมชาติจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชาแล้วลักลอบมุดรั้วลวดหนามหีบเพลง3ชั้น ที่กองกำลังบูรพานำมาขึงกั้นไว้

ตลอดแนวชายแดน จากฝั่งกัมพูชาเข้ามาในฝั่งไทยที่ บ้านดงงู ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จนท.จึงนำกำลังเข้าควบคุมตัวไว้ได้พบว่าเป็นชายไทย ชื่อนายชนมภูมิ สิงห์แฮด อายุ 37 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ตรวจสอบไม่พบหนังสือเดินทาง จึงควบคุมตัวมาทำการซักถามที่ กองร้อยทหารพรานที่1202 ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

จากการซักถามเบื้องต้นนายชนมภูมิฯถูกขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้เดินทางไปกัมพูชา เพื่อเปิดบัญชีม้าและสแกนใบหน้า โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนตามที่ตกลงไว้ จึงหลบหนีกลับประเทศไทย โดยเล่าว่า เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568ได้เห็นโพสต์ "รับซื้อขายบัญชีธนาคาร รับส่งเองแบบชนมือ" ในกลุ่มเฟซบุ๊ก หางาน จึงสนใจและติดต่อกับนายหน้าชาวไทยชื่อบัญชี "ธนวัฒน์ อิทธิพล" ซึ่งเสนอค่าตอบแทนสูงถึง 18,000 บาทต่อบัญชี แต่ต้องหาบัญชีได้ขั้นต่ำ 3 บัญชี ตนจึงตัดสินใจ

จะขายบัญชีธนาคารของตนเองจำนวน 3 บัญชี คือบัญชี กรุงไทย ,กสิกร และไทยพาณิชย์ โดย นายธนวัฒน์ฯ ได้จัดการให้รถมารับจากบ้านที่สมุทรปราการแล้วพาไปข้ามชายแดนช่องทางธรรมชาติที่อรัญประเทศออกไปฝั่งปอยเปต โดยมีชายชาวจีน 2 คน คือ นายตงและนายเปา ทำหน้าที่ยึดโทรศัพท์มือถือ และให้สแกนใบหน้าเพื่อทำธุรกรรมกับบัญชีธนาคาร 3-4 ครั้งต่อบัญชี โดยอ้างว่าจะได้รับค่าตอบแทน 1,000 บาทต่อครั้ง

หลังจากถูกควบคุมตัวและให้สแกนหน้าหลายครั้ง โดยไม่ได้รับเงินค่าตอบแทนเลย จนกระทั่งบัญชีธนาคารไม่สามารถทำธุรกรรมได้อีก ตนจึงตัดสินใจหลบหนี โดยว่าจ้างชายไทยชื่อ "บอย" ที่ทำงานในปอยเปต ให้พาตนเองกลับประเทศไทย โดยตนให้มารดาโอนเงินค่าเดินทาง 10,000 บาท ให้กับนายปัญญา วงศ์เจริญใหญ่ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการนำพา ก่อนที่จะถูกนายบอยฯ ชี้ช่องทางธรรมชาติให้เดินเท้าลัดเลาะและปีนข้ามลวดหนามกลับเข้าสู่ประเทศไทย จนกระทั่งมาถูกทหารพรานจับกุมได้ ซึ่งต่อมา พ.ต.อ.ภัทรกร ขาวนวลผกก.สภ.คลองลึกฯได้ตรวจสอบในระบบฐานข้อมูลของ สตช.พบว่าบัญชีธนาคารของนายชนมภูมิ สิงห์แฮด มีประวัติถูกแจ้งความ

ออนไลด์เกี่ยวกับคดีการโอนเงินที่ถูกหลอกลวงมากถึง 17 คดี จึงควบคุมตัวส่งให้ พนักงานสอบสวน สภ.คลองลึกฯดำเนินคดีตามกฎหมาย และสอบสวนขยายผลเชื่อมโยงกับการกระทำผิดเกี่ยวกับบัญชีม้า ที่ถูกแจ้งความทางออนไลน์ในทุกคดี

Address


Telephone

+66641059829

Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when มติเพรส Online posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Business

Send a message to มติเพรส Online:

Shortcuts

  • Address
  • Telephone
  • Alerts
  • Contact The Business
  • Claim ownership or report listing
  • Want your business to be the top-listed Media Company?

Share