ข่าวเมืองไทย

04/07/2025

กรมการแพทย์แผนไทยฯ โชว์ 2 นวัตกรรมสมุนไพร ช่วยบำบัดอาการติดบุหรี่ – ยาบ้า หลังคว้ารางวัลระดับโลก

ในงาน “มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 22” กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เผย 2 นวัตกรรมสมุนไพร ช่วยบำบัดอาการติดบุหรี่ – ยาบ้าที่คว้ารางวัลระดับโลก พร้อมโชว์นวัตกรรมทางการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โซนนวัตกรรม ภายในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 22

ดร.ภก.ปรีชา หนูทิม ผู้อำนวยการกองพัฒนายาแผนไทยและสมุนไพร เปิดเผยว่า ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 22 กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้นำนวัตกรรมทางการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก รวมถึงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สมุนไพรยกระดับภูมิปัญญาไทยมาจัดแสดงในโซนนวัตกรรม ประกอบด้วย นวัตกรรมยาเม็ดแตกตัวเร็ว ในช่องปากจากกระท่อมบำบัดผู้ติดบุหรี่ นวัตกรรมยาอดยาบ้าจากกระท่อม ชนิดเม็ดฟู่ และนวัตกรรมชุดยาดมนวตราตามธาตุเจ้าเรือน ภายในโซนดังกล่าวนำภูมิปัญญาไทยมาต่อยอดโดยการผสมผสานและพิสูจน์ด้วยองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ พร้อมพัฒนานวัตกรรมด้วยเทคโนโลยีทางเภสัชกรรม ตอบโจทย์ความต้องการในทุกกลุ่มโรค ไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของ ผู้ป่วย แต่เป็นการยกระดับอุตสาหกรรมสมุนไพร ลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมกิจกรรมจากเครือข่าย 14 หน่วยงาน

ด้าน ภญ.ธีราธร สังหร่าย เภสัชกรชำนาญการ กองพัฒนายาแผนไทยและสมุนไพร กล่าวว่า สำหรับยาเม็ดแตกตัวเร็วในช่องปากจากกระท่อมเลิกบุหรี่ ได้รับรางวัล platinum award จาก Thailand Research Expo 2025 award และได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดในมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568 โดยยานี้สามารถบำบัดผู้เสพติดบุหรี่ ปัญหาการเสพติดบุหรี่มีผลกระทบต่อสุขภาพผู้สูบ คนในครอบครัว และสังคม โดยค้นจากตำรับยาแผนไทยที่มีการใช้มากกว่าหนึ่งร้อยปี คือ ตำรับยาเหลืองกระท่อม จากเดิมเคยใช้กับผู้ที่ติดฝิ่นและได้ผลดี เป็นตำรับยาโบราณ จึงนำมาพัฒนาด้วยเทคโนโลยีการสกัดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอยู่ในรูปแบบยาเม็ดสามารถแตกตัวเร็วในช่องปาก โดยไม่ต้องดื่มน้ำ ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ราคาถูก ลดจำนวนมวนบุหรี่ในการสูบได้อย่างมีนัยสำคัญภายในสัปดาห์แรกของการใช้ยา ภายในสี่สัปดาห์สามารถลดจำนวนผู้สูบได้ถึง ร้อยละ 83 ผลการศึกษาในระดับโมเลกุล พบว่า ตำรับยาดังกล่าวออกฤทธิ์ต่อตัวรับ kappa opioid receptor และ nicotinic acetylcholine receptor มีความสัมพันธ์ในการลดอาการถอนบุหรี่ ปลอดภัยต่อเซลล์ประสาทของมนุษย์

นอกจากนี้ นวัตกรรมยาอดยาบ้าจากกระท่อม ชนิดเม็ดฟู่ ยังได้รับรางวัลเหรียญทองในเวทีระดับนานาชาติ The 18th International Invention and Innovation Show: INTARG 2025 ณ เมืองคาโตไวซ์ สาธารณรัฐโปแลนด์ พร้อมรางวัล special prize on stage จาก Poland Chamber of Patent Lawyer Award เพื่อให้บริการบำบัดผู้ติดยาเสพติดในระบบบริการสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีผู้เข้ารับบริการไม่น้อยกว่า 2,800 ราย และสามารถลดอาการถอนยาเสพติดในผู้ป่วยได้ภายใน 30 วัน เกือบร้อยละ 90 ส่วนนวัตกรรมชุดยาดมนวตราตามธาตุเจ้าเรือน ตอบโจทย์สังคมปัจจุบันที่มีความนิยมการใช้ยาดมสมุนไพรอย่างมาก โดยนำดอกไม้ไทย 9 ชนิดผสมกับศาสตร์ธาตุเจ้าเรือน สร้างสรรค์ยาดม สูตรเฉพาะตนในทุกกลุ่มธาตุ เพิ่มความสมดุลของธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ พลาดไม่ได้กับแตงโมปลาแห้งเมนูคลายร้อนสมัยกรุงศรีอยุธยาพัฒนาในรูปแบบเครื่องดื่มม็อคเทลไร้แอลกอฮอล์ ผสมผสานความเป็นวิทยาศาสตร์ด้วยเอนแคปซูเลชันแตงโม อุดมด้วยไลโคปีน วิตามินที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งสามารถร่วมปรุงได้ในโซนดังกล่าว

ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจ ร่วมงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 22 “ภูมิปัญญาไทย ซอฟท์เพาเวอร์ไทย สร้างเศรษฐกิจไทย” 2 – 6 กรกฎาคม 2568 ฮอลล์ 11 – 12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เข้าร่วมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2591 7007 หนึ่งปีมีครั้งเดียว มาเรียนรู้ ทดลอง ใช้ และชิมสมุนไพรไทยไปด้วยกัน

02/07/2025

24/06/2025

กรมการแพทย์แผนไทยฯร่วมกับภาคีเครือข่าย เปิดตัว “งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติฯ ครั้งที่22”
“ภูมิปัญญาไทย ซอฟต์พาวเวอร์ไทย สร้างเศรษฐกิจไทย”
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติฯ ครั้งที่ 22 "ภูมิปัญญาไทย ซอฟต์พาวเวอร์ไทย สร้างเศรษฐกิจไทย" พบ 6 โซนกิจกรรมที่น่าสนใจ ปีนี้พิเศษสุด ชู นโยบายส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรและการนวดไทย 7 กลุ่มอาการ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ พบคลินิกให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ชม ชิม ชอป ของดีราคาถูกพร้อมโปรโมชั่นพิเศษมากมาย ฟรีแจกต้นพันธุ์สมุนไพร หนังสือแกงส้มอาหารเป็นยา อบรมตลาดความรู้ วันนี้ (24 มิถุนายน 2568) ณ ตึกบัญชาการ 1 ชั้น 1 ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีเยี่ยมชมบูธนิทรรศการงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติและการประชุมวิชาการประจำปีการแพทย์แผนไทยการแพทย์พื้นบ้าน
และการแพทย์ทางเลือกแห่งชาติ ครั้งที่ 22 ก่อนการประชุม ครม.โดยมี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขพร้อมด้วย นายแพทย์สมฤกษ์จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แพทย์หญิงมิ่งขวัญ สุพรรณพงศ์ผู้อำนวยการ องค์การเภสัชกรรม และแพทย์หญิงชนิดา สยุมภูรุจินันท์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรีและภาคีเครือข่ายให้การต้อนรับ การจัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติฯครั้งที่22 ภายใต้แนวคิด "ภูมิปัญญาไทย ซอฟต์พาวเวอร์ไทย สร้างเศรษฐกิจไทย"
งานจัดขึ้นระหว่างวันที่2 - 6 กรกฎาคม 2568 ณ ฮอลล์11 - 12 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานีจังหวัดนนทบุรีการจัดงานในปีนี้ พบ 6 โซนกิจกรรมที่น่าสนใจ ประกอบด้วย โซนวิชาการ มีการประชุมวิชาการและการประชุมวิชาการนานาชาติ มากว่า 10 หัวข้อ การนำเสนอผลงานวิชาการที่ได้รับรางวัลด้านการแพทย์แผนไทย และการแพทย์พื้นบ้าน โซน Service มีคลินิกให้คำปรึกษา ตรวจรักษาโรคด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้แก่ คลินิกบูรณาการ 5 กลุ่มโรค ได้แก่ สะเก็ดเงิน, อาการปวดและนอนไม่หลับ, ลดการใช้ยาเสพติด, ดูแลผู้ป่วยประคับประคอง, พาร์กินสันและหลอดเลือดสมอง จ่ายยาทดแทน10 กลุ่มอาการ, คลินิกอาหารเฉพาะโรค, คลินิกกิจกรรมผู้สูงอายุโซน Wisdom พลังแห่งสมุนไพรและการดูแลสุขภาพแบบยั่งยืน สำหรับผู้สูงอายุจากรากเหง้า สู่พลังซอฟต์พาวเวอร์และเศรษฐกิจชุมชนสร้างสรรค์พบกับบูธ อาหารอัตลักษณ์4 ภูมิภาค อาทิภาคอีสาน เมนูสมูทตี้จากข้าว 6 สายพันธุ์ผสมธัญพืช ซอฟต์พาวเวอร์ ด้าน green economy สวนสมุนไพรบำบัด และพืชฟอกอากาศ/ PM 2.5 โซน Product ภายใต้แนวคิด “ THINK Wellness Think Thai Herb” ยกระดับผู้ประกอบการสมุนไพรสู่GMP ยกระดับอุตสาหกรรมสมุนไพร สร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการที่มีสถานที่ที่ผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร ภายใต้มาตรฐานสากล การส่งเสริมความร่วมมือนโยบายระดับประเทศ คณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ 5 กระทรวง นำแสดงชุดของขวัญจากประเทศไทยที่ได้รับการยกระดับจากผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย โซน Wellness นิทรรศการมีชีวิต "วิถีไทยเวลเนส 4 ภาค นำเสนอ "ศูนย์เวลเนสอัตลักษณ์ไทย" TWD อาทิ สาธิตการนวดด้วยหินและหอยจากท้องทะเลอันดามัน โซน Innovation นวัตกรรมสมุนไพรไทยในเวทีระดับโลก ให้คำปรึกษา นวัตกรรม วิจัยพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ฟรีและแสดงผลิตภัณฑ์นวัตกรรมต้นแบบ, สาธิตเมนูHealthy herbal mocktail DIY โดยนำเมนูโบราณ “แตงโมปลาย่าง” ผสมผสานเทคโนโลยีเป็นเครื่องดื่มดับร้อน นอกจากนี้ กิจกรรมในงานมีการนวดไทยสาธิตใน 7 กลุ่มอาการ อาทิ นวดนิ้วล็อก นวดไหล่ติด นวดเข่าเสื่อม ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายส่งเสริมนวดไทยสร้างงาน สร้างอาชีพ ส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพร 32 รายการ พบกิจกรรม Printing “Herb and Art” สมุนไพรสร้างสรรค์ ศิลปะบำบัด การสาธิตการทำ toner จากสารสกัดรางจืด และที่พลาดไม่ได้ อบรมตลาดความรู้ฟรี มีหลักสูตรเกี่ยวกับแพทย์แผนไทย แพทย์ทางเลือกและสมุนไพร หลากหลาย ปีนี้จะเปิดอบรมเพียงวันเดียวเท่านั้น คือ วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม 2568 ณ ห้องประชุมฟีนิกซ์ฮอลล์11 – 12 อิมแพค เมืองทองธานี
องค์การเภสัชกรรม นำเสนอความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์สารสกัดจากสมุนไพร มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรในการที่จะเพิ่ม มูลค่าสมุนไพรไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ รวมทั้งส่งเสริมให้มีงานนวัตกรรมด้านสมุนไพรในส่วน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรีชวนเรียนรู้พึ่งตนเองด้วยสมุนไพร เพื่อความมั่นคงด้านอาหารและยา ภายในงานมีการแจกหนังสือบันทึกของแผ่นดิน 15 แกงส้ม ทั่วทิศถิ่นไทย ใส่ใจสุขภาพ วันละ 200 เล่ม และแจกต้นพันธุ์สมุนไพร วันละ 1 ชนิด ชนิดละ 300 ต้น ได้แก่ ขมิ้นชัน/เถาคัน ผักหนาม ทูน/ออดิบ แคแดง และ ดาหลาแดง เป็นต้น
งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติฯ ครั้งที่ 22 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2 - 6 กรกฎาคม 2568 ณ ฮอลล์ 11 - 12 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
โทร. 0 2149 5649 Facebook Fanpage มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติหรือ Website: https://natherbexpo.dtam.moph.go.th

19/06/2025

✨🌿 มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 22 กลับมาแล้ว!
Thailand Herbal Expo 2025 🌿✨
💚 ภูมิปัญญาไทย ซอฟต์พาวเวอร์ไทย สร้างเศรษฐกิจไทย
📍 2–6 กรกฎาคม 2568 |
เวลา 10.00 -20.00 น.
ฮอลล์ 11–12 อิมแพค เมืองทองธานี
เตรียมพบกับกิจกรรมสุดพิเศษ!
✅ ตรวจสุขภาพด้วยแพทย์แผนไทย ฟรี
✅ สัมผัสนวัตกรรมสมุนไพรไทย ในโซน INNOVATION พร้อมให้คำปรึกษา นวัตกรรม วิจัยพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ฟรี
✅ พบกับโซน PRODUCT ภายใต้แนวคิด “ THINK Wellness Think Thai Herb” ยกระดับผู้ประกอบการสมุนไพรสู่ GMP ยกระดับอุตสาหกรรมสมุนไพร สร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการที่มีสถานที่ที่ ผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร ภายใต้มาตรฐานสากล การส่งเสริมความร่วมมือนโยบายระดับประเทศ คณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ 5 กระทรวง นำแสดงชุดของขวัญจากประเทศไทยที่ได้รับการยกระดับจากผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย
✅ เสวนาวิชาการจากผู้เชี่ยวชาญ กว่า 10 หัวข้อ
✅ ชมศูนย์เวลเนสต้นแบบทั่วประเทศ นิทรรศการมีชีวิต "วิถีไทยเวลเนส 4 ภาค นำเสนอ "ศูนย์เวลเนสอัตลักษณ์ไทย" TWD อาทิ สาธิตการนวดด้วยหินและหอยจากท้องทะเลอันดามัน
✅ชิมช้อปอาหารเพื่อสุขภาพจากเชฟดัง
✅ ชมและช้อปผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั่วไทย

ฟรี! หนังสือบันทึกของแผ่นดิน 15 แกงส้ม ทั่วทิศถิ่นไทย ใส่ใจสุขภาพ วันละ 200 เล่ม และแจกต้นพันธุ์สมุนไพร วันละ 1 ชนิด ชนิดละ 300 ต้น ได้แก่ ขมิ้นชัน/เถาคัน ผักหนาม ทูน/ออดิบ แคแดง และ ดาหลาแดง เป็นต้น
📣 มาใช้ชีวิตให้สุขภาพดี ด้วยสมุนไพรไทยกันเถอะ!
📲 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/natherbexpo/?locale=th_TH

#มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ22
#กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
#กระทรวงสาธารณสุข

18/06/2025

ด่วน "ภูมิใจไทย" ประกาศถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล มีผลพรุ่งนี้
ภายในแถลงการณ์ ระบุว่า กรณีการโทรศัพท์เจรจาระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภา กัมพูชา ซึ่งมีผลกระทบต่ออธิบไตย ดินแดน ผลประโยชน์ของประเทศไทย และกองทัพไทย ตามที่ประชาชนได้รับทราบแล้วนั้น
พรรคภูมิใจไทย ขอเรียนว่ากรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย ได้ประชุมพิจารณาถึงกรณีที่เกิดขึ้นและมีมตีให้พรรคภูมิใจไทย ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยทุกคน ได้ส่งใบลาออกต่อนายกรัฐมนตรี จึงมีผลวันที่ 19 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป
พรรคภูมิใจไทย ขอเรียกร้องให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบต่อการทำให้ประเทศไทย ต้องเสียเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีศรีของชาติ ประชาชน และกองทัพ
พรรคภูมิใจไทย พร้อมจะร่วมมือกับประชาชนชาวไทย สนับสนุนกองทัพ และ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจ เพื่อธำรงรักษาอธิบไตย ดินแดน และ ประโยชน์ของประเทศไทย ทุกวิถีทาง อย่างสุดกำลัง
#ภูมิใจไทย #แพทองธารชินวัตร #รัฐบาล

09/06/2025

สส.รทสช.ยื่นหนังสือให้ นายกฯ ปรับ พีระพันธุ์ - เอกนัฏ พ้น ครม. ชี้ไม่ตอบสนอง ความคาดหวังประชาชน-จริยธรรม เหตุถูก กกต.- ป.ป.ช. ตรวจสอบ กระทบภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ พร้อม สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ นำรายชื่อ 21 สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งนำโดย นายสุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ เข้าชื่อทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เสนอปรับคณะรัฐมนตรีสัดส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ

โดยเนื้อหาในหนังสือระบุ ว่า รัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังขาดความรู้ความสามารถในการบริหารงาน รวมถึงการผลักดันนโยบายและการสร้างผลงานของรัฐมนตรี ซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของพี่น้องประชาชนได้อย่างเต็มศักยภาพ

นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับประเด็นด้านจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีจากพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเฉพาะในกรณีที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งปรากฏเป็นข่าวในหลายกรณี อันอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลโดยรวม

กรณีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่ายการกระทำอันขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 186 และ 184 ซึ่งว่าด้วยการใช้อำนาจแทรกแซงการปฏิบัติงานของหน่วยงานราชการรัฐวิสาหกิจ และองค์กรอิสระที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล ตลอดจนประเด็นที่อาจเข้าข่ายการกระทำอันขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 219 ซึ่งว่าด้วยการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อันอาจส่งผลต่อสถานภาพและคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งตำแหน่งรัฐมนตรี

สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ตามรายชื่อแนบท้าย จึงได้หารือร่วมกัน โดยยึดหลักความห่วงใยต่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ จึงใคร่ขอเสนอให้ท่านนายกรัฐมนตรีพิจารณา ปรับเปลี่ยนผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรพรรครวมไทยสร้างชาติในทุกตำแหน่ง เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีเอกภาพ มีความแหมาะสมกับสถานการณ์ และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในภาวะวิกฤตเช่นปัจจุบันได้อย่างแท้จริง

สำหรับรายชื่อ 21 สส.ประกอบด้วย สส.บัญชีรายชื่อ 7 คน ประกอบด้วย
1.นายสุชาติ ชมกลิ่น
2.นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ
3.นายธนกร วังบุญคงชนะ
4.นายเกรียงยศ สุดลาภา
5.นายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์
6.นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์
7.นายอนุชา นาคาศัย

สส.เขต 14 คน

1.นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา // 2.นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สส.นครศรีธรรมราช
3.นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร
4.นายสันต์ แซ่ตั้ง สส.ชุมพร
5.นายสุพล จุลใส สส.ชุมพร
6.นายวัชระ ยาวอหะซัน สส.นราธิวาส
7.นายพิพิธ รัตนรักษ์ สส.สุราษฎร์ธานี 8.นายพันธ์ศักดิ์ บุญแทน สส.สุราษฎร์ธานี
9.นายปรเมษฐ์ จินา สส.สุราษฎร์ธานี 10.นายถนอมพงษ์ หลีกภัย สส.ตรัง 11.นางสาวกุลวลี นพอบรมดี สส.ราชบุรี 12.นางธิวัลรัตน์ อังกินันท์ สส.เพชรบุรี 13.จ่าสิบเอก อภิชาติ แก้วโกศล สส.เพชรบุรี
14.นายจิรวุฒิ สิงโตทอง สส.ชลบุรี

09/06/2025

“สมศักดิ์” เผย คกก.นโยบายสมุนไพรแห่งชาติ เคาะแผนขับเคลื่อนสมุนไพร Herb of the year 3 รายการ ไพล -กระชายดำ – กระท่อม ตั้งเป้าส่องออกเป็นผลิตภัณฑ์ทำเงิน เดินหน้าบูรณาการสมุนไพรสร้างเศรษฐกิจปี 70 หนุนส่งเสริมสมุนไพรในตลาดต่างประเทศ ชู “Think Wellness Think Thai Herb” พีอาร์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพร

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 ว่า นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ตนปฏิบัติหน้าที่ประธานในการประชุมครั้งนี้แทน โดยรัฐบาลมีเป้าหมายชัดเจนในการผลักดันสมุนไพรไทยให้เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ กระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว จึงปรับให้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อยู่ในกลุ่มภารกิจเศรษฐกิจสุขภาพ และเร่งรัดเพิ่มงบประมาณสนับสนุนการใช้สมุนไพรในระบบบริการสุขภาพของประเทศปีนี้ โดยเพิ่มงบประมาณสนับสนุนเฉพาะส่วนของยาสมุนไพร ในวงเงิน 1,000 ล้านบาท และปีหน้าจะเพิ่มงบประมาณให้เป็น 2,000 ล้านบาท เมื่อขยับที่ปลายน้ำคือ ตลาด ย่อมจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาทั้ง กลางน้ำ และต้นน้ำ ตามมา

นายสมศักดิ์กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมเห็นชอบแผนการขับเคลื่อนสมุนไพร Herb of the year ปี 2568 – 2570 จำนวน 3 รายการ ได้แก่ ไพล กระชายดำ และกระท่อม และมอบหมายคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อนตามแผนการในระยะ 1 ปี อีกทั้งได้มอบหมายคณะอนุกรรมการที่ปรึกษา คณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ กำกับติดตาม และบูรณาการการขับเคลื่อน Herbal Champions ระหว่างกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนำเสนอคณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ ในการประชุมครั้งต่อไป ขณะเดียวกันที่ประชุมยังเห็นชอบในหลักการเพื่อเสนอให้มีแผนงานบูรณาการนำสมุนไพรสู่การสร้างเศรษฐกิจ ในปีงบประมาณ 2570 โดยมอบหมายฝ่ายเลขานุการจัดทำหนังสือขอความอนุเคราะห์กำหนดแผนงานบูรณาการนำสมุนไพรสู่การ สร้างเศรษฐกิจ เสนอประธานกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติลงนามถึงสำนักงบประมาณ ประสานหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวมแผนงาน โครงการที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรทั้งในระดับพื้นที่และส่วนกลาง และจัดทำร่าง กรอบแผนบูรณาการฯ

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ในที่ประชุมกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการส่งเสริมภาพลักษณ์ฯ ได้นำเสนอแผนการส่งเสริมสมุนไพรในตลาดต่างประเทศ ปี 2568 – 2569 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและเพิ่มมูลค่าสินค้าให้สามารถขยายเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ และเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจ การค้าระหว่างประเทศของผู้ประกอบการ เช่น อบรมสัมมนา อบรมเชิงปฏิบัติการ การให้คำปรึกษาเชิงลึก การพัฒนาสินค้า ต้นแบบ (Prototype) การทดสอบตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ และให้ทุกหน่วยงานใช้ Key Message Think Wellness Think Thai Herb ในการประชาสัมพันธ์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อเป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบแผนดังกล่าวและมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการต่อไป
“ปีนี้ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก จะมีการจัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 22 (Thailand Herbal Expo 2025) ระหว่างวันที่ 2 – 6 กรกฎาคม 2568 ณ อาคาร 11 – 12 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัด นนทบุรี เพื่อแสดงศักยภาพของภูมิปัญญาไทย สมุนไพรไทย พร้อมผลักดัน Soft Power Thai ไปสู่เวทีโลก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และสร้างเศรษฐกิจไทยด้วยสาธารณสุขวิถีใหม่”นายสมศักดิ์ กล่าว

นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย กล่าวว่า แผนการขับเคลื่อนสมุนไพร Herb of the year “ไพล” ในระยะ 1 ปี ตั้งเป้าหมายเพิ่มการใช้ไพล เป็น 1,543 ล้านบาทต่อปี ดังนี้ 1. การสร้างการยอมรับและความเชื่อมั่นไพลในระบบบริการสุขภาพ คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าการใช้ไพลเพิ่มขึ้น 343 ล้านบาทต่อปี มีโอกาสทางการตลาด 3,433 ล้านบาทต่อปี 2. การสงเสริมการใช้ไพลควบคูกับการขับเคลื่อนสปา wellness และกีฬา คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่า การใช้ไพลเพิ่มขึ้น 1,200 ล้านบาทต่อปี มีโอกาสทางการตลาด 24,000 ล้านบาทต่อปี

ส่วนการกำหนดเป้าหมายการขับเคลื่อน กระชายดำในระยะ 1 ปี ตั้งเป้าหมายเพิ่มการใช้กระชายดำ เป็น 629 ล้านบาทต่อปี ดังนี้ 1. การเคลมสรรพคุณกระชายดำ เรื่องลดไขมันในช่องท้อง (ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ประเภท ค.) คาดการณ์ว่าจะมี มูลค่าการใช้กระชายดำเพิ่มขึ้น 305 ล้านบาทต่อปี มีโอกาสทางการตลาด 6,104 ล้านบาทต่อปี 2. การเคลมสรรพคุณหรือส่งเสริมภาพลักษณ์กระชายดำในด้านของ sport nutrition คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่า การใช้กระชายดำเพิ่มขึ้น 250 ล้านบาทต่อปี มีโอกาสทางการตลาด 25,154 ล้านบาทต่อปี 3.การเคลมสรรพคุณกระชายดำหรือส่งเสริมภาพลักษณ์ในด้านความงาม คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าการใช้ กระชายดำเพิ่มขึ้น 74 ล้านบาทต่อปี มีโอกาสทางการตลาด 745 ล้านบาทต่อปี
ขณะที่ การกำหนดเป้าหมายการขับเคลื่อน “กระท่อม”ดังนี้ 1.ส่งออกไปต่างประเทศ มูลค่าส่งออกคาดการณ์ปีที่ 1 วงเงิน 1,191 ล้านบาท คาดการณ์ปีที่ 2 วงเงิน 1,400 ล้านบาท 2.ใช้กระท่อมทางการแพทย์ คาดการณ์ 900 ล้านบาท โดยพบว่าปี 2566 มูลค่ายาแก้ปวดในประเทศไทย 17,911.73 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แนวทางการขับเคลื่อนสมุนไพรทั้ง 3 รายการนั้น ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาสายพันธุ์ที่ปลอดโรค ส่งเสริมเกษตรกรปลูกให้มีคุณภาพตรงกับ GAP เพิ่มปริมาณให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด โดยเฉพาะการที่จะส่งออกไปยังตลาดในต่างประเทศ สร้างการรับรู้เรื่องสรรพคุณ ประโยชน์ของสมุนไพรแต่ละชนิด ส่งเสริมงานวิจัยวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์
/////////////////////////

09/06/2025

สสว. - มธ. เผยความสำเร็จ ตลาดนัด Recharge Market 2025 ช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีก้าวผ่านวิกฤติจากสาธารณภัย
สสว. เผยผลสำเร็จโครงการ “ตลาดนัด รีชาร์จ ฟื้นฟู SME ไทย : Recharge Market 2025 เติมพลัง SME เติมพลังโลก” ตอบรับล้นหลาม ผู้ประกอบการกว่า 380 ราย จากทั่วประเทศส่งเสียงขอบคุณโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือเยียวยาฟื้นฟู SME จากสาธารณภัย ปี 2567 จำนวน 2 ครั้งที่ผ่านมา ทั้งที่ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ อาคารบี และ โรบินสัน ศรีสมาน นนทบุรี
นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยถึงความสำเร็จอย่างน่าประทับใจของการจัดงาน “ตลาดนัด รีชาร์จ ฟื้นฟู SME ไทย : Recharge Market 2025 เติมพลัง SME เติมพลังโลก” ที่ผ่านมา โดยได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ
“สสว. รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งกับเสียงขอบคุณจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอี การจัดงานครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างโอกาสทางการตลาด แต่เป็นการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือในยามที่พวกเขาลำบาก หลังจากประสบเหตุการณ์สาธารณภัยในปีที่แล้ว และภัยแผ่นดินไหวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งสาธารณภัยดังกล่าวทำให้กิจการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต้องหยุดชะงัก ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ “ตลาดนัด Recharge Market 2025” จึงถือว่าเป็นพื้นที่สำคัญในการเสริมสร้างขวัญกำลังใจ และเยียวยาผู้ประกอบการ เป็นการเติมพลังให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้สามารถก้าวผ่านวิกฤต และยกระดับธุรกิจสู่ความยั่งยืนได้ต่อไป” รองผู้อำนวยการสำนักงานกล่าว
การจัดงาน “ตลาดนัด รีชาร์จ ฟื้นฟู SME ไทย : Recharge Market 2025” ได้จัดขึ้นสองครั้งอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งดำเนินงานโดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยจัดครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 - 15 พฤษภาคม 2568 ณ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร ที่มีผู้ประกอบการเข้าร่วมถึง 345 ราย และครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 2-4 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์การค้าโรบินสัน ศรีสมาน จังหวัดนนทบุรี ที่มีผู้ประกอบการเข้าร่วม 42 ราย รวมทั้งสิ้น 387 รายซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยต่าง ๆ ในปี 2567 ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์น้ำท่วม ดินโคลนถล่ม และแผ่นดินไหว
จากการรวบรวมข้อมูลจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน พบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ให้ข้อเสนอแนะและแสดงความขอบคุณต่อ สสว. และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยเหลือเยียวยาฟื้นฟู SME จากสาธารณภัย ปี 2567อย่างจริงใจ “โครงการตลาดนัดรีชาร์จ เปรียบเหมือนแหล่งพลังงานทางธุรกิจ ที่ชาร์จพลังใจ ให้ผู้ประกอบการรายเล็ก ๆ อย่างพวกเราได้ไปต่อ ต้องขอบคุณนโยบายของรัฐบาล ที่มีโครงการนี้ และสสว. ที่คอยขับเคลื่อนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายเล็กรายน้อยได้ยืนอยู่ได้ในสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน” ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีท่านหนึ่งกล่าวขอบคุณ สสว.
นางสาวปณิตา ชินวัตร กล่าวเสริมว่า “ความสำเร็จของโครงการนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น สสว. มีความมุ่งมั่นที่จะดูแลและส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในยามปกติหรือยามวิกฤติ เพื่อให้พวกเขาสามารถยืนหยัดและเติบโตได้อย่างยั่งยืน กิจกรรม “ตลาดนัด รีชาร์จ ฟื้นฟู SME ไทย : Recharge Market 2025” ภายใต้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือเยียวยาฟื้นฟู SME จากสาธารณภัย ปี 2567 จึงมิได้เป็นเพียงการจัดงานตลาดนัด ออกบูทจำหน่ายสินค้าเท่านั้น แต่เป็นการแสดงออกถึงความปรารถนาที่ต้องการให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มสามารถฟื้นตัว เพื่อเป็นกลไกลสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : นายพงษ์พัฒน์ ช่วยเวช ฝ่ายศูนย์ให้บริการ SMEs ครบวงจร สสว.
โทร. 021429227
Email: [email protected]
นางสาวธันย์นรี สุภาธีรวณิชย์ ผู้ประสานงานโครงการฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โทร. 092-638-6388
Email: [email protected]

03/06/2025

ช็อปสนุก ถูกใจ ได้รักษ์โลก กับกิจกรรม "Green Game Challenge"
เพียงคุณนำขวดน้ำขนาดไม่น้อยกว่า 600 มล. จำนวน 12 ขวด
หรือขวดน้ำขนาดไม่น้อยกว่า 1.5 ลิตร จำนวน 5 ขวด
มาแลกเป็นคูปองแทนเงินสดมูลค่า 50 บาท เพื่อนำมาซื้อสินค้าภายในงาน
"ตลาดนัด รีชาร์จ ฟื้นฟู SME ไทย : Recharge Market 2025 เติมพลัง SME เติมพลังโลก"
ที่โรบินสัน ศรีสมาน นนทบุรี ตั้งแต่วันนี้ - วันที่ 4 มิ.ย. 2568
รีบหน่อยน๊า........จำนวนจำกัด เพียง 50 สิทธิ์ ต่อวัน

#สสว. #ตลาดนัดรีชาร์จ #ตลาดนัดรีชาร์จโรบินสันศรีสมาน

03/06/2025

ช็อปดี มีลุ้น ..ผู้โชคดีคนต่อไป อาจเป็นคุณ
ช็อปปิ้งในงาน "ตลาดนัด รีชาร์จ ฟื้นฟู SME ไทย : Recharge Market 2025 เติมพลัง SME เติมพลังโลก"
ตั้งแต่ 2 - 4 มิ.ย. 2568 ณ โรบินสัน ศรีสมาน นนทบุรี
ลุ้นรับสิทธิพิเศษในช่วงกิจกรรมนาทีทองรับ
> สินค้าราคาพิเศษ พร้อมส่วนลดจากร้านค้าที่ร่วมรายการ
> พร้อมสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลพิเศษ ในช่วง Lucky draw
เพียงซื้อสินค้าภายในงานครบ 500 บาท
>จัดเต็ม 3 รอบต่อวัน
ในช่วงเวลา 11.30-12.30 น. 16.30-17.30 น. และ 19.30-20.00 น.
ช็อปแล้วลุ้นเลยยย...เพราะผู้โชคดีใกล้ฉันอาจเป็นคุณ

#สสว. #ตลาดนัดรีชาร์จ #ตลาดนัดรีชาร์จโรบินสันศรีสมาน

03/06/2025

(2 มิ.ย. 25568) นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ประธานเปิดงาน "ตลาดนัด รีชาร์จ ฟื้นฟู SME ไทย : Recharge Market 2025 เติมพลัง SME เติมพลังโลก" พร้อมด้วย นายวชิระ แก้วกอ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม นางสาววนิดา จรูญเพ็ญ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายศูนย์ให้บริการ SME ครบวงจร สสว. นาย พงษ์พัฒน์ ช่วยเวช นักวิชาการ SMEs ชำนาญการ สสว. และ รองศาสตราจารย์ ดร.อรพรรณ คงมาลัย หัวหน้าโครงการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าร่วมงาน พิธีเปิดงาน ณ ศูนย์การค้าโรบินสัน ศรีสมาน จ.นนทบุรี
จากนั้น คณะผู้บริหาร สสว. ได้เดินเยี่ยมชมบูทจำหน่ายสินค้าและอุดหนุนสินค้าจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ประสบสาธารณภัยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา จากทั่วประเทศ นำสินค้ามาจำหน่ายภายในงาน "ตลาดนัด รีชาร์จ ฟื้นฟู SME ไทย : Recharge Market 2025 เติมพลัง SME เติมพลังโลก" ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือเยียวยาฟื้นฟู SME จากสาธารณภัย ปี 2567 เพื่อช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีตามนโยบายรัฐบาล โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2 - 4 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์การค้าโรบินสัน ศรีสมาน จ.นนทบุรี
#สสว #ตลาดนัดรีชาร์จ #ตลาดรีชาร์จโรบินสันศรีสมาน

02/06/2025

สสว. จับมือ มธ. จัดงาน“ตลาดนัดรีชาร์จ ฟื้นฟู SME ไทย”
เปิดตลาดแล้ววันนี้ – 4 มิ.ย. ณ ศูนย์การค้าโรบินสัน ศรีสมาน

สสว. ร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดงานตลาดนัด รีชาร์จ ฟื้นฟู SME ไทย : Recharge Market 2025 เติมพลัง SME เติมพลังโลก” ณ ศูนย์การค้าโรบินสัน ศรีสมาน จ.นนทบุรี ระว่างวันที่ 2-4 มิถุนายน 2568 พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการ SME จำนวนกว่า 40 ราย มีพื้นที่จัดจำหน่ายสินค้าและบริการ มุ่งหวังกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาความเดือดร้อนธุรกิจ SME ที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยในช่วงปีที่ผ่านมา

นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า เนื่องด้วยเหตุการณ์สาธารณภัยในปี 2567 ที่ผ่านมา เช่น ภัยน้ำท่วม ดินโคลนถล่ม และเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี 2568 ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ และสร้างความเสียหายให้ผู้ประกอบการและประชาชนในวงกว้าง ดังนั้น สสว. จึงได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือเยียวยาฟื้นฟู SME จากสาธารณภัย ปี 2567 โดยจัดงาน
ตลาดนัด รีชาร์จ ฟื้นฟู SME ไทย : Recharge Market 2025 เติมพลัง SME เติมพลังโลก” ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือเยียวยา และบรรเทาผลกระทบจากสาธารณภัยในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ นับเป็นโอกาสที่ดีที่จะช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย และผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างโอกาสทางการตลาดรวม 40 ราย ได้มีพื้นที่ในการนำเสนอสินค้า บริการ และพบปะกับผู้บริโภคโดยตรงเพื่อสร้างรายได้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ และเติมพลังให้กับผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจในภาวะที่มีการแข่งขันทางการตลาดสูงในปัจจุบัน

“ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจ 3 โซน ได้แก่ โซน Recharge SME Zone – โซนชาร์จพลังธุรกิจ เป็นโซนตลาดนัดรวมผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบมาเปิดร้านในบรรยากาศสีเขียว ส่งเสริมสินค้าแนว “Eco-Friendly” และเปิดพื้นที่แสดงสินค้า และเชื่อมโยงผู้ประกอบการกับผู้บริโภคโดยตรง พร้อมทั้งสร้างประสบการณ์ทางการตลาด และโอกาสในการกระจายรายได้ สู่ภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โซน Recharge the Earth – พื้นที่เติมพลังให้โลก เป็นโซนให้ความรู้เกี่ยวกับ “Circular Economy” (เศรษฐกิจหมุนเวียน)
เช่น การใช้พลังงานทดแทน รวมไปถึงการจัด Station “Eco-Exchange”
และโซน Recharge Yourself – โซนพักผ่อนสีเขียว จัดเป็นมุมปิกนิกสำหรับนั่งพักผ่อน การจัดงานตลาดนัดครั้งนี้มีความสำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยกระจายรายได้แล้ว ยังได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสนับสนุนผลิตภัณฑ์ดี ๆ
จากผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติต่าง ๆ รวมทั้งช่วยสร้างเสริมกำลังใจให้ SME ได้เดินหน้าพัฒนาธุรกิจต่อไป” นางสาวปณิตา กล่าว

สำหรับไฮไลต์สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ มีกิจกรรมนาทีทองรับส่วนลดจากร้านค้าที่ร่วมรายการ พร้อมสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลพิเศษเมื่อซื้อสินค้าภายในงานครบ 500 บาท โดยกิจกรรมทั้ง 2 จะแบ่งเป็น 3 รอบ/วัน
ได้แก่ ช่วง เวลา 11.30 – 12.30 น. 16.30 – 17.30 น. และ 19.30 – 20.00 น. อีกทั้งกิจกรรม Green Game Challenge คัดแยกขยะ แลกของรางวัล โดยผู้เข้าร่วมงานสามารถนําขวดน้ำขนาดไม่น้อยกว่า 600 มล. จำนวน 12 ขวด
หรือ ขวดน้ำขนาดไม่น้อยกว่า 1.5 ลิตร จำนวน 5 ขวด มาแลกเป็นคูปองแทนเงินสดมูลค่า 50 บาท เพื่อนำมาซื้อสินค้าภายในงานได้อีกด้วย
พบกับกิจกรรมทั้งหมดนี้ได้ในงาน ตลาดนัด รีชาร์จ ฟื้นฟู SME ไทย : Recharge Market 2025 เติมพลัง SME เติมพลังโลก ระหว่างวันที่ 2 - 4 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00 - 21.00 น. ณ ศูนย์การค้า
โรบินสัน ศรีสมาน จ.นนทบุรี

//////////////////////////

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ :
นายพงษ์พัฒน์ ช่วยเวช ฝ่ายศูนย์ให้บริการ SMEs ครบวงจร สสว. โทร. 021429227
Email :[email protected]
นางสาวธันย์นรี สุภาธีรวณิชย์ ผู้ประสานงานโครงการฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โทร. 092-638-6388
Email : [email protected]