
02/07/2025
A PARALLEL HISTORY
Brodbeck & de Barbuat
https://www.ctypemag.com/featuredwork/A-PARALLEL-HISTORY
ในวันหนึ่ง สื่อทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง เลยไปถึงข้อมูลสาธารณะของพวกเรา เช่น ภาพข้อมูลจราจร ภาพกล้องวงจรปิดตามจุดต่าง ๆ ฯลฯ บวกกับข้อมูลประกอบจากสิ่งแวดล้อมที่สามารถวัดได้ ทุก ๆ อย่างจะกลายเป็นข้อมูลดิจิตัลดิบ (Digital Raw Data) ให้ AI เข้ามาจัดการ ตีความ และประมวลผล และในอนาคตอันใกล้, วันที่พวกเราเก็บข้อมูลได้มากเพียงพอ วันที่พวกเขา (AI) ฉลาดเพียงพอ พวกเขาจะให้ผลลัพท์ที่เป็นมุมเดียวกันกับที่กล้องถ่ายภาพผลิตออกมาอย่างไม่ผิดเพี้ยน โดยที่เพียงรับคำขอ (Prompt) ที่เราส่งเข้าไปเท่านั้น รวมไปถึงปรับปรุงคุณภาพ คาดการณ์อดีต-อนาคตของภาพจริงนั้น ๆ ได้ และผลลัพธ์นั้นก็จะกลายไปเป็นข้อมูลให้กับการประมวณผลครั้งต่อไปและต่อไป จนมิอาจสืบค้นได้แล้วว่า ‘ความแท้’ ของเรื่องเหล่านั้นเริ่มมาจากจุดใด
งานชุด ‘A PARALLEL HISTORY — A Study of Artificial Intelligence and the Mechanisms of Memory’ ของ ซิม่อน โบรดเบค และ ลูซี่ เดอ บาร์บูอา (Simon Brodbeck & Lucie de Barbuat) ไม่ใช่เรื่องสนุก ๆ ที่ใช้ AI สร้างภาพเลียนแบบภาพถ่ายที่เป็นตำนานของวงการถ่ายภาพเท่านั้น แต่อาจกำลังทำนายสิ่งเดียวกันกับข้อความในย่อหน้าแรก ๆ ของข้อเขียนนี้ ไซมอนและลูซี่ใช้ความสามารถของ AI ในการถ่ายภาพขึ้นมาใหม่ โดยป้อนข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาพถ่ายเก่าเหล่านั้นให้มากที่สุด “Each image results from meticulous research into the original techniques, the context of capture, location, and date, aimed at recreating the scene with precision.” จากคำแถลงการณ์ของโครงการ
ขณะที่ทั้งคู่สร้างโครงการนี้ เป็นปี 2022-2023 ซึ่งเป็นโปรแกรมสร้างภาพจาก AI เวอร์ชั่นแรก ๆ อยู่ช่วงปีเดียวกันกับ บอริส เอลแด็กเซ่น (Boris Eldagsen) สร้างงานที่ชื่อ ‘THE ELECTRICIAN’ จากภาพชุด ‘PSEUDOMNESIA’ (Fake Memory) ที่กลายเป็นประเด็น Generative AI Photography ไปทั่ววงการภาพถ่ายโลก ซึ่งเป็น AI ช่วงที่กำลังพัฒนาในเรื่องการสร้างภาพต่าง ๆ จากภาษามนุษย์ง่าย ๆ (Prompt) ที่ป้อนเข้าไป และผลลัพธ์ของภาพในช่วงเวลานั้นยังไม่มีคุณภาพที่ดีนัก มีข้อบกพร่อง และตำหนิมากมาย แต่กลับเป็นความงาม (Aesthetic) รูปแบบใหม่ของภาพถ่ายที่ถูกเจนออกมาจาก AI ในช่วงปีแรก ๆ อาทิ หน้าของคนที่เหมือนดินน้ำมันหลอมเหลว นิ้วที่ไม่ครบหรือถูกให้มาเกิน และความผิดเพี้ยนทางรูปทรงต่าง ๆ ที่เหนือจริงราวกับหลุดออกมาจากฝันสยอง
รวมไปถึงการที่คลังข้อมูลในระบบที่ยังไม่มากนัก และการโค้ด (Coding) ที่ยังไม่สมบูรณ์และมีจุดผิดพลาด ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูน่าสงสัยเคลือบแคลงในบางอย่าง เช่น ภาพ ‘Raising a Flag over the Reichstag’ ของ Yevgeny Khaldei ที่เป็นการชูธงประกาศชัยชนะของรัสเซียต่อเยอรมันที่อาคารไรชส์ทาคในกรุงเบอร์ลิน, AI ไม่น่าพลาดที่จะกวาดเอาข้อมูลประวัติศาสตร์ที่เป็นสาธารณะไปเก็บในคลังอย่างแน่นอน (เช่นข้อมูลของ Wikipeia) แต่หากภาพที่ถูกเจนออกมากลับเป็นภาพของคนที่ชูธงชาติที่มีความใกล้เคียงธงชาติรัสเซียเท่านั้น, AI ไม่น่าพลาดเรื่องข้อมูลง่าย ๆ แบบนี้—แต่ขนาดนิ้วยังเจนออกมาขาด ๆ เกิน ๆ นับประสาอะไรกับรูปค้อนเคียวบนธงชาติเล่า
งานชิ้นนี้ยังเปิดบทสนทนาเรื่องศิลปะของการหยิบยืม (Appropriation Art) ที่เคลื่อนย้ายจากกรรมวิธีเดิม ๆ มาเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนมากขึ้น งานไม่ได้ถูกหยิบยืมกันแบบตรงไปตรงมาอีกต่อไป อย่างงานของ ริชาร์ด พริ้นซ์ (Richard Prince) หรือ เชอร์รี่ เลวีน (Sherrie Levine) แต่หากเป็นการหยิบยืมทาง ‘ข้อมูล-ความทรงจำ’ เป็นกระบวนการเดียวกันกับ ซินดี เชอร์แมน (Cindy Serman) แสดงเป็นนางเอกหนังเกรดบีในผลงานภาพถ่ายของเธอ เป็นเวอร์ชันผสมผสานเอาความทรงจำ และองค์ความรู้ร่วมกันของมนุษย์คนอื่น ๆ มาสร้างงานอีกชิ้นหนึ่งขึ้นมา ที่ยังคงกลิ่นอายที่มีสเน่ห์ของศิลปะการต่อต้านนิยามความเป็นหนึ่งเดียวของศิลปะสมัยใหม่ (Modern Art) รวมไปถึงผลกระทบที่ตามมาในมิติต่าง ๆ ของศิลปะภาพถ่ายแขนงนี้ ที่ได้ AI มาเป็นอาวุธชิ้นสำคัญในปัจจุบัน และจะกลายร่างเป็นขีปนาวุธทรงอำนาจในกาลอนาคต
เกี่ยวกับศิลปิน
ซิม่อน โบรดเบค และ ลูซี่ เดอ บาร์บูอา (Brodbeck & de Barbuat) เป็นศิลปินคู่ชาวฝรั่งเศส-เยอรมันที่อาศัยอยู่ในกรุงปารีส ทำงานร่วมกันตั้งแต่ปี 2005 ผลงานของพวกเขามักตั้งคำถามเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของการถ่ายภาพและการสะท้อนความจริงในภาพร่วมสมัย โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความเชื่อเกี่ยวกับจิตวิญญาณ ผลงานจึงสะท้อนความเงียบงันและความเหงาของมนุษย์ พร้อมทั้งเน้นย้ำช่องว่างระหว่างโลกแห่งความจริงกับความฝัน
ทั้งสองเคยเป็นศิลปินพำนักที่วิลล่า เมดิซี (Villa Medici) กรุงโรม (ปี 2016–2017) จบการศึกษาจากโรงเรียนการถ่ายภาพแห่งชาติเมืองอาร์ลส์ และสถาบันภาษาตะวันออกแห่งชาติที่ปารีส พวกเขาเคยได้รับรางวัลหลายรางวัล เช่น รางวัล HSBC Award for Photography ปี 2010, Prix Jeune Création ปี 2013 และรางวัลจาก Nestlé ที่เทศกาลภาพถ่าย Vevey
ผลงานของพวกเขาเคยจัดแสดงทั้งในนิทรรศการเดี่ยวและกลุ่มตามสถานที่สำคัญ เช่น Fotomuseum ที่แอนต์เวิร์ป, Maison Européenne de la Photographie ที่ปารีส, Villa Médicis ที่โรม และในงาน Biennale ที่ไคโร รวมถึง Saatchi Gallery ที่ลอนดอน และพิพิธภัณฑ์อีกหลายแห่งทั่วโลก