
11/07/2025
ทางเลือกและทางรอดในภาวะสงครามการค้าที่หนักหน่วง ของไทย คืออะไร?
ทรัมป์ เลือกเจรจาและกำหนดภาษีแยกประเทศ และไม่เท่ากัน เพื่อให้ประเทศต่างๆ รวมตัวกันไม่ได้เพราะ มีการได้เปรียบเสียเปรียบกันในทางการค้า
แต่ลึกๆ ต้องนึกแล้วว่าอเมริกา คบลำบาก ถ้าอำนาจประธานาธิบดีสหรัฐทำได้ขนาดนี้ ต่อให้จบ สมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ไป ประธานาธิบดีคนต่อไปก็จะใช้อำนาจในลักษณะแบบนี้อีก แต่ไม่รู้ว่าใช้เรื่องอะไร เพราะศาลยุติธรรมของสหรัฐก็ ดันให้อำนาจ กับประธานาธิบดี สหรัฐเสมือนเป็น เจ้าของโลกใบนี้ไปแล้ว โดยไม่ต้องผ่านกลไกของรัฐสภา อะไรเลย
ที่สำคัญที่สุดคือโดนัลด์ทรัมป์เองพยายามจะ ล้ม BRICS เพราะมันคือการรวมตัวของประเทศ ที่เป็นคู่แข่งสำคัญของอเมริกา อย่างเช่น จีน และ รัสเซีย เพื่อทำการค้ากันเอง โดยใช้เงินสกุลอื่นที่ไม่ใช่ดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้ความสำคัญของเงินดอลลาร์ในโลกใบนี้น้อยลงไปมาก แล้วถ้าเกิดขึ้นได้ มูลค่าเงินดอลลาร์จะไปอยู่ตรงไหน?
นี่คือสาเหตุทั้งหมด ที่ทำให้อเมริกาต้องดิ้นเฮือกสุดท้าย และทำทุกวิถีทาง เพื่อให้โลกปั่นป่วน และรวมตัวกันไม่ติด โดยสร้างให้สหรัฐเป็นศูนย์กลางของโลกที่ทุกคนจะต้องมาเจรจา และทุกการเจรจาก็จะเสียเปรียบสหรัฐอยู่วันยังค่ำ (ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ประกาศว่าหลังจากออกมาตรการภาษีไปสหรัฐได้เงินเข้าประเทศมาแล้วกว่า 6 แสนล้านเหรียญแค่ช่วงเวลาสั้นๆ)
ก่อนหน้านี้สหรัฐมีการเจรจา ภาษีกับประเทศจีนไป ดูเหมือนจะลงตัวเพราะตัวเองต้องการแร่หายากไปใช้ในกิจการของประเทศตัวเอง รวมถึงใช้ในการผลิตอาวุธ จึงยอมเก็บภาษีของจีนน้อยลงมาเยอะมาก แต่ในความเป็นจริงนั้นก็เชื่อไม่ได้ เพราะสหรัฐใช้วิธีการ เตะตัดขาจีนทางอ้อม ผ่านประเทศที่จีนมาลงทุน และไปกำหนดถึงเรื่องของ supply chain ที่มาจากประเทศจีนด้วย ตอนนี้ก็เริ่มมีบางประเทศแล้วอย่างบราซิลที่ออกมาประกาศไม่ยอมรับอัตราภาษี 50% ที่ประกาศใช้กับบราซิล และจะมีมาตรการตอบโต้ โดยบราซิลก็เป็นหนึ่งใน BRICS ด้วย ส่วนความคืบหน้าจะเป็นยังไงเดี๋ยวต้องลองดู
ก็หวังว่าในการเจรจา ไทยจะไม่ยอมเปิดอ้าซ่าทุกอย่างเหมือนเวียดนาม เพราะเวียดนามในปัจจุบันเขาเป็นผู้ส่งออกสินค้าไปยังทั่วโลก และเขาคงคิดแล้วว่าคนเวียดนามคงไม่ใช้ของอเมริกันเยอะเท่าไหร่ ต่อให้ภาษี 0% ก็เถอะ เพราะเขาเป็นคนที่รักชาติ มีความเป็นชาตินิยมสูง ต่างกับประเทศไทย ซึ่งเป็นสังคมบริโภคนิยม ชอบของแบรนด์เนม และชอบสนับสนุนสินค้าต่างชาติ ซึ่งถ้าไทยยอมให้ ภาษีนำเข้า เป็น 0% เป็นแบบนั้นประเทศไทยจะเสียเปรียบมากทีเดียว โดยเฉพาะภาคการเกษตร
เราอาจจะมาถึงวันที่ควรจะพึ่งพาอเมริกันให้น้อยลง เพราะบริษัทอเมริกันทั้งหลายที่ลงทุนอยู่ในประเทศไทย ก็จะถูกบีบให้กลับไปลงทุนในประเทศตัวเอง ทั้งๆที่ ประเทศตัวเองไม่มีโครงสร้างพื้นฐานและซัพพลายเชนที่ดีเพียงพออีกต่อไปแล้ว ควรจะเอาข้อมูลมาดูว่า สิ่งที่ส่งออกไปอเมริกาแล้วคุณว่าไทยได้เปรียบดุลการค้านั้น มันเป็นสินค้าของใคร ถ้าดูจากรายละเอียดของสินค้าส่งออกหลักของไทยไปยังสหรัฐอเมริกา 5 อันดับแรกได้แก่
1) เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ส่วนประกอบ
2) โทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
3) ผลิตภัณฑ์ยาง โดยเฉพาะถุงมือยาง และยางธรรมชาติ ซึ่งเป็นวัตถุดิบ เอาไปทำสินค้าต่อ
4) อุปกรณ์กึ่งตัวนำหรือ semiconductor
5) หม้อแปลงไฟฟ้า
ส่วนสินค้าอื่นๆที่สำคัญ เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ สินค้าเกษตรอาหาร สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ส่วนประกอบและอุปกรณ์เครื่องจักร เพชรพลอยและเครื่องประดับ
คุณว่าสินค้าที่เราส่งออกไปสหรัฐนั้น เป็นแบรนด์ของประเทศอะไรกันบ้าง มีผลิตภัณฑ์ไหนที่เป็นของคนไทยแท้ๆอยู่สักกี่ยี่ห้อ (ยกเว้นยางพารา) หลายแบรนด์ก็เป็นของบริษัทอเมริกันเอง แล้วก็มาเก็บภาษีกันเอง แล้วเปิดช่องว่า ถ้าย้ายกลับไปลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกาก็จะไม่ต้องมาเสียภาษีตรงนี้ นี่คือวิธีการบีบให้ย้ายกำลังการผลิตไปที่สหรัฐอเมริกา ซึ่ง แพงกว่า ในทุกด้าน ถามว่าคนอเมริกันได้อะไร ได้งานทำเพิ่มขึ้นเหรอ แล้วของที่ผลิตที่อเมริกา แพงขึ้นใครต้องเป็นคนจ่ายเงิน ก็คนอเมริกันถูกไหม? ที่สำคัญอเมริกายังไม่คิดว่าเราเสียเงินให้กับ การบริการออนไลน์ทุกอย่างของอเมริกาไปทั้งหมดเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็น Google, Microsoft, YouTube, Amazon, Netflix, ChatGPT มูลค่าที่เราจ่ายเงินออกไปกับระบบพวกนี้ต้องเอามาคิดด้วย ไม่รู้รวมแล้วเราขาดดุลการค้าสหรัฐด้วยหรือเปล่า ใครมีตัวเลขพวกนี้ ส่งให้ผมหน่อยครับ เรามีข้อมูลแค่เบื้องต้นว่าคนไทยจ่ายค่าบริการดิจิตอลออกนอกประเทศกว่าปีละ 200,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ามูลค่าการส่งออกข้าวทั้งปีของไทยซะอีก ซึ่งตัวเลขตัวนี้ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่มันก็ต้องนำมาคิด เป็นส่วนหนึ่งของ ความได้เปรียบเสียเปรียบทางการค้าด้วย
ผมว่าสิ่งที่ โดนัลด์ทรัมป์ทำ คือการพยายามทำให้ตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก พยายามคงอำนาจของตัวเองไว้ให้นานที่สุด พยายามใช้อำนาจที่ยังมีอยู่เพื่อสกัดอำนาจใหม่ทั้งหมด ซึ่งถ้าทำได้ สำเร็จ โดยไม่มีใคร ลุกฮือขึ้นต่อต้าน อเมริกาก็จะอยู่ในอำนาจต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง อย่างน้อยก็เลยยุคสมัยของทรัมป์ไปแล้ว แต่หลังจากนั้นผมเชื่อว่า ทุกอย่างก็ต้องกลับสู่ความเป็นจริง ไม่มีใครถูกกดขี่ข่มเหงได้ยาวนาน ตลอดชาติหรอก แม้แต่ฮ่องเต้ ที่มีอำนาจล้นฟ้า เมื่อใช้อำนาจอย่างไม่ถูกต้อง และทำให้ผู้คนเดือดร้อน เพื่อดำรงไว้ซึ่งอำนาจและความยิ่งใหญ่ของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว สุดท้ายก็ยังอยู่ไม่ได้อยู่ดี
ทุกอย่างไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน ทรัมป์เองก็เช่นกัน และ หากทรัมป์เดินผิดทาง อเมริกาก็จะลำบาก ก็ทำให้ผู้คนหวาดระแวงความเป็นอเมริกา ขาดความเชื่อใจ และเชื่อถือ เรากำลังสนใจตัวเลข GDP และความแตกต่างของการส่งออกและนำเข้า ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำให้เท่ากันทั้งโลก ประเทศที่มีขนาดต่างกัน มี GDP ก็ต่างกัน คุณจะบอกให้ ทำให้ดุลการค้าสมดุล กับทุกประเทศในโลก แค่วิธีคิดมันก็ผิดแล้ว แล้วรัฐบาลเราจะไปรับปาก ว่าจะลดการเสียดุลการค้าของสหรัฐลง 70% ภายใน 5 ปี ถามว่าคุณจะทำอย่างไร ในทางปฏิบัติจริง แล้วเราต้องเสียอะไรไปบ้าง เรากำลังมองไปข้างนอก โดยไม่มองเข้ามาข้างในเลย ว่าในระยะยาวเราจะอยู่กันได้อย่างไร ถ้าถึงเวลาในอนาคต อเมริกา ประกาศจะขึ้นภาษีอีก ถ้าไม่ทำตามข้อเรียกร้องใหม่ๆของเขา เราจะต้องเอาอะไรไปแลกเขาอีก
สุดท้ายเราอาจจะต้องมานั่งนึก ในวันที่โลกกำลังแบ่งแยกเพื่อปกครอง Globalization ถูกลบออกไปจาก สารบบการค้าของโลก มีการกำหนดกฎเกณฑ์ ที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้ มีการต่อรอง ที่เราต่อรองยังไงก็เสียเปรียบ เราอาจต้องกลับมาดูภายในตัวเราเองว่าเราจะอยู่รอดได้อย่างไรหากปิดประเทศ อันนี้คือกรณี ที่แย่ที่สุด แต่มันคือการบริหารความเสี่ยง และคือความอยู่รอดของประเทศจริงๆในระยะยาว เราอาจต้องเลิกเป็นประเทศที่บริโภคนิยม คือซื้อของคนทั่วโลกมาใช้ แต่ไม่เคยมีอะไรของตัวเอง เศรษฐกิจพอเพียง ที่รัชกาลที่ 9 เคยสอนไว้ อาจเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ทำให้พวกเรารอดก็ได้ ทิ้งไว้ให้คิดนะครับ
ดร.เอกรินทร์ วาสนาส่ง
11/7/2025