RTP Cyber Village บ้านหัวแหลม หมู่ 1 ตำบลหาดทนง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี

RTP Cyber Village บ้านหัวแหลม หมู่ 1 ตำบลหาดทนง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก RTP Cyber Village บ้านหัวแหลม หมู่ 1 ตำบลหาดทนง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี, ครีเอเตอร์ดิจิทัล, บ้านหัวแหลม ม.1 ต.หาดทนง อ.เมือง จ.อุทัยธานี, Uthai Thani.

โปรดใช้ความระมัดระวังอัคคีภัยกันด้วยนะครับ
07/05/2024

โปรดใช้ความระมัดระวังอัคคีภัยกันด้วยนะครับ

20/03/2024

ผบ.ตร.เอาจริงปราบหนี้นอกระบบ สั่งการ รอง ผบ.ตร. - ผู้ช่วย ผบ.ตร. เร่งสืบสวนจับกุมกรณีชายหนุ่มหอบภรรยาพร้อมลูกวัย 12 ขวบ หนีเจ้าหนี้นอนป้ายรถเมล์ กำชับดำเนินคดีเด็ดขาด
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวานนี้ ( 26 กุมภาพันธ์ ) ปรากฏเป็นข่าวว่า มีพลเมืองดีพบเห็นชาย อายุ 49 ปี พร้อมภรรยา อายุ 40 ปี และลูกชายอายุ 12 ขวบ นักเรียนชั้น ป.6 พากันอาศัยหลับนอนอยู่หลังป้ายจอดรถประจำทางหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ จว.นนทบุรี เนื่องจากถูกเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบทวงหนี้ และข่มขู่ทำร้ายร่างกายจนกลัวอันตราย เหตุเกิดท้องที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จว.นนทบุรี ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนหาตัวเจ้าหนี้รายดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
รอง โฆษก ตร.กล่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงษ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบศูนย์ปราบปรามหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) เข้ามากำกับดูแลในเรื่องนี้แล้ว เพื่อเร่งติดตามตัวเจ้าหนี้ที่กระทำความผิดมาดำเนินคดีโดยเร็ว
“สำหรับการปราบปรามเรื่องหนี้นอกระบบนั้น เนื่องจากเป็นวาระแห่งชาติ และเป็นนโยบายเร่งด่วนของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้เร่งรัดปราบปรามจับกุมเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ มาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด โดยที่ผ่านมารับแจ้งเบาะเรื่องหนี้นอกระบบ 142 เรื่อง มูลหนี้ 170,334,640 บาท ดำเนินการแล้วเสร็จ 127 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 89.44 จับกุมเรื่องหนี้นอกระบบ จำนวน 1,584 เรื่อง มูลหนี้ 58,557,712 บาท ดำเนินการแล้วเสร็จ 1,547 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 99.94
นอกจากนี้ พ.ต.อ.อุเทน ฯ กล่าวว่า ขณะนี้เหลือเวลาอีก 2 วัน ที่พี่น้องประชาชนยังสามารถลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐเพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งทางรัฐบาลจะรับลงทะเบียนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 นี้
อย่างไรก็ตามภาครัฐมีความตั้งใจจริงที่จะแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจากหนี้นอกระบบ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทุกคนที่เป็นหนี้นอกระบบได้มาลงทะเบียนให้ข้อมูลกับทางหน่วยงานภาครัฐ ผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้ง On-site ณ ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด ( ห้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ) ที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง ( ห้องศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ) สำนักงานเขตทั้ง 50 เขตของกรุงเทพมหานคร ตลอดจนพื้นที่การจัดมหกรรมตลาดนัดแก้หนี้ระดับจังหวัด และตลาดนัดแก้หนี้อำเภอ หรือสามารถลงทะเบียนทางระบบออนไลน์ที่ https://debt.dopa.go.th โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง

#หนี้นอกระบบ
#สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

20/03/2024

🚨ตำรวจเตือนภัย ⚠️
อย่างหลงกลมิจฉาชีพออนไลน์
สร้างเพจเฟซบุ๊กปลอม อ้างเป็นตำรวจหลอกว่าช่วยเหลือคดีออนไลน์
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ตร. ) ห่วงใยพี่น้องประชาชน
ขณะนี้พบเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือเหยื่อถูกหลอกลงทุนรูปแบบต่าง ๆ เข้าไปติดต่อแจ้งความออนไลน์ผ่านเว็บไซต์หรือเพจเฟซบุ๊กปลอมที่มิจฉาชีพสร้างไว้ ซึ่งต่อมาขบวนการดังกล่าวจะมีการแอบอ้างเป็นตำรวจ หรือหน่วยงานด้านกฎหมาย หลอกซ้ำซ้อน

⛔️อ้างว่าจะช่วยเหลือเรื่องคดี กฎหมาย หรือรับร้องทุกข์
⛔️เมื่อผู้เสียหายติดต่อมิจฉาชีพเข้ามาในเพจปลอมที่สร้างขึ้น มิจฉาชีพก็จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องคดีหรือพยายามจะช่วยเหลือนำเงินที่ถูกหลอกไปกลับคืนมา
⛔️วีดีโอคอลเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อว่าบุคคลที่สนทนาอยู่ด้วยนั้นเป็นตำรวจจริง
⛔️จากนั้นจะหว่านล้อมให้เหยื่อโอนเงินเข้าไปในระบบเพื่อตรวจสอบก่อน
⛔️สุดท้ายเหยื่อกลับเสียเงินเพิ่ม และไม่ได้เงินที่ถูกหลอกกลับคืนมาแต่อย่างใด
ขอแนะนำให้ทุกท่านมีสติ พิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่หลงเชื่อมิจฉาชีพที่อาจสร้างสถานการณ์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ฯ โน้มน้าว กดดันให้รีบโอนเงิน
ทั้งนี้หากพบปัญหาเกี่ยวกับมิจฉาชีพออนไลน์สามารถติดต่อ ศูนย์ AOC 1441 เพื่อเข้าปรึกษา แจ้งเบาะแส หรือแก้ไขปัญหาภัยออนไลน์ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ขอบคุณข้อมูลจาก : ตำรวจสอบสวนกลาง

#แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #เตือนภัยออนไลน์
#สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

20/03/2024

⚠️ห้ามกด ห้ามกรอก ห้ามติดตั้ง⚠️
5 ลิงก์มิจฉาชีพ อันตรายหลอกดูดเงิน ล้วงข้อมูล
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยออนไลน์ ด้วยพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันกลุ่มมิจฉาชีพยังคงมีการพัฒนารูปแบบในการหลอกลวงพี่น้องประชาชนอยู่เสมอ มีการนำหลักจิตวิทยา “รัก โลภ ตกใจ เชื่อใจ” มาปรับใช้ในการหลอกล่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ และมักพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพจะมีการนำลิงก์รูปแบบต่าง ๆ มาใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด ถ้าผู้เสียหายหลงเชื่อกดลิงก์ แล้วกรอกข้อมูลหรือติดตั้งแอปพลิเคชันจากลิงก์ดังกล่าว ก็จะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพในที่สุด
ลิงก์ที่กลุ่มมิจฉาชีพมักนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด มี 5 รูปแบบดังต่อไปนี้

1. “ลิงก์ดูดเงิน” คือ ลิงก์ที่หลอกให้ผู้เสียหายกรอกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงิน หรือติดตั้งแอปพลิเคชันเพื่อทำธุรกรรมถอนเงินจากบัญชีของผู้เสียหาย เช่น หลอกให้กรอกข้อมูลบัญชีอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง หลอกให้กรอกข้อมูลบัตรเครดิต หลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องระยะไกล เป็นต้น โดยมากจะเป็นเครื่องมือหลักของแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่อาจอ้างหน่วยงานราชการต่างๆ สร้างเนื้อหาให้เหยื่อตกใจ โลภ เชื่อใจ แล้วหลงเชื่อ เช่น เหยื่อมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย , ได้รับเงินคืนจากกรณีต่างๆ(มิเตอร์ไฟฟ้า,เงินบำเหน็จบำนาญ,คืนภาษีฯลฯ) , เป็นผู้โชคดีจากแคมเปญหรือเทศกาลได้รับเงิน ของขวัญ เป็นต้น

2. “ลิงก์หลอกให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคล” คือ ลิงก์ที่นำไปสู่เว็บไซต์ปลอมที่มีรูปแบบคล้ายกับเว็บไซต์ของผู้ให้บริการต่าง ๆ หากเหยื่อหลงเชื่อกรอกข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลบัญชีผู้ใช้ หรือรหัสผ่าน กลุ่มมิจฉาชีพก็จะนำข้อมูลที่ได้ไปใช้เพื่อแสวงหาประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ

3. “ลิงก์หลอกลงทุน” คือ ลิงก์ที่นำไปสู่เว็บไซต์หรือติดตั้งแอปพลิเคชันลงทุนปลอม หลอกล่อให้ผู้เสียหายลงทุนในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง โดยอ้างว่าลงทุนแล้วได้กำไรมาก ในระยะเวลาสั้นๆ มีการนำภาพนักธุรกิจหรือองค์กรธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาประกอบเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ

4. “ลิงก์เว็บพนัน” คือ ลิงก์ที่นำไปสู่เว็บไซต์การพนันออนไลน์ ซึ่งจะมีทั้งเว็บไซต์การพนันออนไลน์จริง ๆ และเว็บไซต์การพนันออนไลน์ปลอม อาจมีโปรโมชั่นหลอกล่อให้เหยื่อหลงเข้าไปเล่นการพนัน หากผู้เสียหายหลงเชื่อเข้าเล่นเว็บพนันนอกจากจะเสียทรัพย์สินแล้ว ยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอีกด้วย

5. “ลิงก์เงินกู้ปลอมหรือผิดกฎหมาย” คือ ลิงก์ที่นำไปสู่เว็บไซต์หรือบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงให้โอนเงินค่าใช้จ่ายในการกู้เงินก่อนแต่ไม่ได้รับเงินจริง หรือนำไปสู่เว็บไซต์หรือบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของกลุ่มเงินกู้นอกระบบ เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราและมีการทวงหนี้โดยผิดกฎหมาย เช่น โทรมาขู่บังคับหรือต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอแนะนำให้พี่น้องประชาชนปฏิบัติตามหลัก “ห้ามกด ห้ามกรอก ห้ามติดตั้ง” เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ โดยมีรายละเอียดดังนี้

“ห้ามกด” ห้ามกดลิงก์ที่ไม่ทราบแหล่งที่มาหรือไม่น่าไว้วางใจ

“ห้ามกรอก” ห้ามกรอกข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลบัญชีธุรกรรมทางการเงิน หรือข้อมูลบัตรเครดิต ในเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ไม่น่าเชื่อถือ

“ห้ามติดตั้ง” ห้ามติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่น่าเชื่อถือ และตรวจโทรศัพท์มือถือว่ามีแอปพลิเคชันแปลกปลอมใดติดตั้งอยู่ หรือไม่

สุดท้ายนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ด้วยความปรารถนาดีจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

#เตือนภัยออนไลน์
#สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

20/03/2024

แว้น ซิ่ง เศร้า! ผู้ช่วย ผบ.ตร.เข้ม ตำรวจปราบจริง สกัด 3 ทาง งัด 4 มาตรการ คุก - ปรับ - ริบรถ กำราบแข่งรถในทาง ซิ่งก่อกวนป่วนเมือง
พล.ต.ท.สำราญ ฯ เผย สำนักงานตำรวจแห่งชาติปราบปรามเด็ดขาด เด็กแว้น รถซิ่ง ป่วนเมือง สร้างความเดือดร้อน สกัดเข้ม 3 ทาง สายออกทริปยกล้อต้องระวัง! พร้อมงัด 4 มาตรการ “ขับ - ซ้อน - เชียร์ - ชักชวน - ผู้ปกครอง” โดนแน่ รับโทษหนัก คุก ปรับ ริบรถ
วันนี้(3 มี.ค.67)เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ตร. ) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผู้ช่วย ผบ.ตร. ) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทาง และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้คณะทำงานฯ นำโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. ขับเคลื่อนกวดขัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยมีตนเป็นหัวหน้าคณะทำงานฯ ประสานความร่วมมือทั้งงานป้องกันปราบปราม บูรณาการร่วมกับงานจราจรและสืบสวนสอบสวน เป็นผู้สนับสนุนข้อมูลให้กับสถานีตำรวจในการเฝ้าระวัง
“คณะทำงานป้องกันและปราบปรามการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทาง และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ตร. ให้นโยบายรับมือกับการนัดหมายรวมกลุ่มของเด็กแว้น แข่งรถในทาง ผ่านทางโซเชียลมีเดียช่องทางต่าง ๆ ทั้ง ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง พร้อมดำเนินการตามแนวทางมาตรการเชิงรุก 4 ข้อ” พล.ต.ท.สำราญฯ กล่าว
ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า แนวทางป้องกันพื้นที่ “ต้นทาง” ที่มีการรวมตัวกัน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าประชาสัมพันธ์พูดคุยเจรจาทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมายต่าง ๆ ทำความเข้าใจ หรือ MOU ข้อตกลงการจัดกิจกรรมอย่างเหมาะสม และไม่เป็นการรบกวนผู้ใช้รถใช้ถนนในเส้นทางนั้น
พื้นที่ “กลางทาง” ตลอดเส้นทางถึงจุดหมาย ให้บูรณาการกำลังตั้งจุดตรวจจุดสกัด กวดขันวินัยจราจร บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยเฉพาะข้อหา “ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยฯ”
และ พื้นที่ “ปลายทาง” ให้เฝ้าระวังพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่น ไม่ให้สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับพี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยว แล้วประชาสัมพันธ์ให้การจัดกิจกรรมนั้น ไม่ไปรบกวน หรือสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น
พล.ต.ท.สำราญฯ กล่าวว่า ได้กำหนด 4 มาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง ดังนี้

1.มาตรการก่อนเกิดเหตุ
-สืบสวนหาข่าวจากทุกช่องทาง เช่น เฟซบุ๊ก กลุ่มไลน์ โซเชียลมีเดีย ประชาชนในพื้นที่
-จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว ตั้งด่านกวดขันร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกตรวจตรา แหล่งมั่วสุม จุดนัดหมาย สถานศึกษา ร้านแต่งรถ ฯลฯ

2. มาตรการขณะเกิดเหตุ
- วางแผนดำเนินการปิดล้อมจับกุม
-วางแผนบูรณาการกับทุกฝ่าย และหน่วยงานสนับสนุนในพื้นที่

3.มาตรการสอบสวนขยายผล
- หากผู้กระทำผิดเป็นประชาชน ผู้ปกครองมีความผิด ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ
- แอดมินเพจผู้ชักชวน คนซ้อน กองเชียร์ มีความผิดฐานสนับสนุน

และ 4.มาตรการเฝ้าระวังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
- บันทึกข้อมูลกลุ่มเสี่ยงต่อการแข่งรถในทางในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ไว้ในระบบ CRIME อย่างเป็นระบบ
- บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดอบรมความประพฤติเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้กระทำผิดและกลุ่มเสี่ยง ให้มีจิตสาธารณะทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม และพร้อมกลับคืนสู่สังคม
พล.ต.ท.สำราญฯ กล่าวด้วยว่า ได้นำข้อมูลการปราบปรามการแข่งรถในทาง หรือแว้น ในพื้นที่ สภ.พระสมุทรเจดีย์ จว.สมุทรปราการ ที่วางแผน ปิดล้อมจับกุม และขยายผลจนสามารถดำเนินคดีกับเด็กแว้นได้ทั้งหมด 32 ราย ยึดรถ 49 คัน ศาลพิพากษาจำคุก 3 เดือน ปรับรายละ 10,000 บาท ริบรถจักรยานยนต์ของกลางทุกคัน สำหรับผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนได้ขยายผลถึงพ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหมด โดยศาลสั่งลงโทษผู้ปกครอง ปรับรายละ 10,000 บาท ในข้อหา “ส่งเสริม หรือ ยินยอม ให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำความผิด” ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ พ.ศ.2546 และกรณีท้องที่ สภ.เมืองพัทลุง ดำเนินคดีแอดมินเพจที่โพสต์ชักชวน ขยายผลไปถึงผู้ที่โพสต์ ชักชวน คนซ้อนท้าย กองเชียร์ มีความผิดฐาน เป็นผู้สนับสนุน ต้องถูกระวางโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และในกรณีของ เพจ สจ.บางซ่อน ที่มีการโพสเฟซบุ๊คชวนกันไปออกทริป ซึ่งมีการนัดรวมตัวกันในหลายพื้นที่ หลายจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเข้าไปประชาสัมพันธ์ไม่ให้ขับขี่รถกีดขวางการจราจรกับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน หรือยกล้อ ขับรถประมาทหวาดเสียวเช่นเดียวกับกลุ่มที่รวมตัวกันเป็นลักษณะทริปสายบุญ ทริปน้ำไม่อาบ เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ต้นทางจนถึงปลายทาง จะเฝ้าติดตามถ้ามีการกระทำผิดกฎหมาย ก็จะมีการดำเนินคดีจนถึงที่สุดทุกข้อหา ซึ่งศาลเคยมีคำพิพากษายึดรถมาแล้ว สำหรับกลุ่มที่ไปยกล้อบนทางขึ้นภูทับเบิก เป็นต้น
“คณะทำงานฯ จะขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหาเด็กแว้นอย่างจริงจังต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยกับประชาชนอย่างแท้จริง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดระเบียบสังคม พบเห็นเด็กแว้นหรือการกระทำผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง แจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน 1599 หรือ 191” ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าว

#ปราบแว้น
#สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ที่อยู่

บ้านหัวแหลม ม.1 ต.หาดทนง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
Uthai Thani
60000

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ RTP Cyber Village บ้านหัวแหลม หมู่ 1 ตำบลหาดทนง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานีผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์