Pr Yala Public บริการข้อมูลข่าว

พยากรณ์อากาศจังหวัดยะลาประจำวันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2568ตั้งแต่เวลา 06.00 น. วันนี้จนถึงเวลา 06.00 น. วันพรุ่งนี้ #ด...
05/08/2025

พยากรณ์อากาศจังหวัดยะลา
ประจำวันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2568
ตั้งแต่เวลา 06.00 น. วันนี้จนถึงเวลา 06.00 น. วันพรุ่งนี้

#ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
#กรมอุตุนิยมวิทยา
#ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก

05/08/2025

พบแสงบนฟ้า เช็คก่อนแจ้งเหตุ ว่าใช่เครื่องบินหรือโดรน ?

ช่วยกันสอดส่อง หากพบโดรน UAV หรือวัตถุอื่นใด รวมถึงพฤติกรรมที่น่าสงสัย แจ้ง 1374 สายด่วนความมั่นคง / จังหวัดสุรินทร์ แจ้งเจ้าหน้าที่ มณฑลทหารบกที่ 25 โทร 044-511855 ต่อ 09

ที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์

#ชายแดนไทยกัมพูชา

รัฐบาลคุมเข้มรับมือ “ไข้หวัดนก H5N1” หลังพบระบาดในกัมพูชา กำชับเกษตรกรเฝ้าระวังอาการสัตว์-ขอความร่วมมือประชาชนป้องกันการ...
05/08/2025

รัฐบาลคุมเข้มรับมือ “ไข้หวัดนก H5N1” หลังพบระบาดในกัมพูชา กำชับเกษตรกรเฝ้าระวังอาการสัตว์-ขอความร่วมมือประชาชนป้องกันการแพร่ระบาด

รัฐบาลติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ไข้หวัดนก สายพันธุ์ H5N1 และสายพันธุ์ย่อย Clade 2.3.2.1e อย่างใกล้ชิด หลังประเทศกัมพูชาพบผู้ป่วยสะสม 26 ราย เสียชีวิต 11 ราย และในปี 2568 พบผู้ป่วยแล้ว 13 ราย เสียชีวิต 6 ราย โดยกรมควบคุมโรคและกรมปศุสัตว์ได้ยกระดับมาตรการเฝ้าระวังในพื้นที่ชายแดน พร้อมขอความร่วมมือเกษตรกรเข้มงวดด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ เช่น การทำความสะอาดฟาร์ม ฉีดพ่นยานพาหนะ และเลี้ยงสัตว์ตามมาตรฐาน GAP หรือ GFM อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ประเทศไทยจะไม่พบผู้ป่วยโรคดังกล่าวตั้งแต่ปี 2549 แต่ยังมีความเสี่ยงระดับปานกลางจากการเลี้ยงสัตว์ปีกแบบหลังบ้านและการค้าบริเวณชายแดน โดยจังหวัด ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ สระแก้ว บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ซึ่งรัฐบาลขอความร่วมมือประชาชนหากพบสัตว์ปีกป่วยหรือตายผิดปกติ ห้ามนำไปบริโภคหรือจำหน่ายและแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที หากมีอาการไข้ ไอ หายใจลำบากหลังสัมผัสสัตว์ให้รีบพบแพทย์ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมปศุสัตว์ โทร. 06-3225-6888 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

รายละเอียด
(4 ส.ค. 68) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน ถือเป็นปัญหาสำคัญอย่างยิ่งที่ได้สร้างผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์ทั้งในด้านสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความเชื่อมั่นต่อระบบปศุสัตว์และ ด้านสาธารณสุขของประเทศ โดยโรคติดต่อที่มีความน่าเป็นห่วงและยังคงพบการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง เป็นระยะ ได้แก่ “โรคไข้หวัดนก” สายพันธุ์ H5N1 และสายพันธุ์ย่อย Clade 2.3.2.1e ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่เมื่อเกิดการระบาดแล้วมีความรุนแรง และมีโอกาสที่จะเกิดความเสี่ยงแพร่ระบาดเข้าสู่คนได้ อย่างกรณีของสถานการณ์ในประเทศกัมพูชา ที่มีการรายงานว่าตั้งแต่ช่วงระยะเวลา 2566 – 2568 ประเทศกัมพูชา มีตัวเลขผู้ป่วยจาก โรคไข้หวัดนก สะสมแล้วถึง 26 ราย เสียชีวิต 11 ราย ขณะที่ในปี 2568 พบผู้ป่วยสะสมเป็นจำนวนถึง 13 ราย และจากรายงานล่าสุดเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 พบการเสียชีวิตแล้วถึง 6 ราย โดยจังหวัดที่มีการรายงานผู้ป่วยมากเป็นอันดับต้นได้แก่ เสียมราฐ โดยมีจำนวนผู้ป่วยสะสมถึง 4 ราย
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 และสายพันธุ์ย่อย Clade 2.3.2.1e ในกัมพูชารัฐบาล โดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จึงได้มีการยกระดับมาตรการป้องกันและการเฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างหลักประกันและความเชื่อมั่นด้านความเป็นอยู่ให้กับคนไทยในบริเวณพื้นที่ที่อยู่ติดพรมแดนว่า เขตพื้นที่ดังกล่าวจะไม่ได้รับผลกระทบต่อการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกจากประเทศกัมพูชา เพื่อเป็นการผลักดันมาตรการอย่างเข้มงวด กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอให้เกษตรกร ผู้เลี้ยงสัตว์ปีกในฟาร์มระบบปิดเข้มงวดความปลอดภัยทางชีวภาพขั้นสูงสุด เช่น
• การทำความสะอาดและพ่นยาฆ่าเชื้อโรคในโรงเรือนและบริเวณโดยรอบอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
• สัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มต้องรักษาระบบความปลอดภัยภายในฟาร์ม ควบคุมการเข้า-ออกฟาร์ม ให้ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในยานพาหนะทุกคัน
• ทำความสะอาดและพ่นยาฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ ตลอดจนผลักดันระบบการเลี้ยงสัตว์ปีก
ให้เข้าระบบมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practices เป็นมาตรฐานที่ครอบคลุมการผลิตสินค้าเกษตรอย่างครบวงจร) หรือ GFM (Good Farming Management ฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม)
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลย้ำว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไข้หวัดนกในประเทศกัมพูชามีความเสี่ยง ที่จะเกิดการแพร่ระบาดในประเทศไทยมีอยู่ในระดับต่ำ แต่เพื่อไม่ละเลยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาลขอความร่วมมือไปถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีกหมั่นสังเกตอาการสัตว์อย่างใกล้ชิด หากพบมีสัตว์ปีกป่วยหรือตายอย่างผิดปกติ ห้ามนำไปจำหน่าย แจกจ่าย หรือนำไปประกอบอาหารโดยเด็ดขาด และขอให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอ อาสาปศุสัตว์ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินมาตรการควบคุมโรคโดยเร็ว
หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอหรือสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดใกล้บ้าน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
• สำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ (สคบ.) กรมปศุสัตว์
• หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์ โทร. 06-3225-6888 หรือแจ้งผ่านแอปพลิเคชัน DLD 4.0 ได้ตลอดเวลา
(8 ก.ค. 68) นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงพบ
โรคไข้หวัดนกทั่วโลก สถานการณ์ยังพบการระบาดอย่างต่อเนื่อง กัมพูชาได้รายงานผู้ป่วยโรคไข้หวัดนก H5N1 เพิ่มขึ้น โดยพบผู้ป่วยในหลายจังหวัดของกัมพูชา เช่น เสียมราฐ กระแจะ กำปอต ตาแก้ว สวายเรียง และ
อื่น ๆ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีความเชื่อมโยงกับการสัมผัสไก่ที่ป่วยหรือตาย หรือนำซากสัตว์ปีกมาประกอบอาหาร
ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการติดเชื้อจากสัตว์สู่คน แม้ว่าประเทศไทยไม่พบผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดนกทั้งในคน และสัตว์ตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งนับเป็นเวลากว่า 19 ปีแล้ว แต่ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ในระดับปานกลาง เนื่องจาก
ในประเทศไทยยังคงมีการเลี้ยงสัตว์ปีกในบริเวณบ้านในหลายพื้นที่ มีการค้าขายบริเวณชายแดน จึงยังคงต้องมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดนกัมพูชา ได้แก่ สระแก้ว บุรีรัมย์ สุรินทร์
ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ตามลำดับ
ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อไข้หวัดนกยังคงเกี่ยวข้องกับการเลี้ยงสัตว์ปีกแบบหลังบ้าน [ไก่พื้นเมืองที่เลี้ยงปล่อยอิสระในไร่นา (Free-range system) หรือ แบบปล่อยเลี้ยงหลังบ้าน (Backyard system)]
โดยไม่ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพ การสัมผัสสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตายผิดปกติ และประชาชนในพื้นที่ชนบทมักจะรอให้มีอาการรุนแรงก่อนจึงไปพบแพทย์ ส่งผลให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูงขึ้น
นายแพทย์ดิเรก ขำแป้น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเน้นย้ำให้ประชาชนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์
จากสัตว์ที่ได้มาตรฐาน จากร้านค้าที่เชื่อถือได้ รับประทานอาหารที่ปรุงสุก หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีก สุกร โค ที่ป่วยหรือตายผิดปกติ การสัมผัสสัตว์ควรสวมหน้ากากอนามัย ถุงมือ และล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัส เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีก สุกร โค หากพบสัตว์ป่วยตายจำนวนมากบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่เลี้ยง ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่
ปศุสัตว์ และไม่นำซากสัตว์ไปประกอบอาหาร
แนะนำประชาชน หากมีอาการคล้ายโรคไข้หวัดนก เช่น ไข้ ไอ หายใจลำบาก หลังสัมผัสสัตว์ปีก สุกร โค ควรรีบไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการสัมผัสสัตว์ให้แพทย์ทราบ และหากพบสัตว์ปีก สุกร โค ป่วยตาย
ไม่ทราบสาเหตุ ให้รีบแจ้งปศุสัตว์หรือสัตวแพทย์ในพื้นที่ สำหรับประชาชนที่เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดต้องหมั่นติดตามข่าวสารการระบาดของพื้นที่ที่จะเดินทางไป ทำประกันสุขภาพสำหรับการเดินทาง กรณีเดินทางกลับจากต่างประเทศหากมีอาการป่วยคล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ให้รีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการสัมผัสสัตว์ และประวัติการเดินทาง
หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานปศุสัตว์ในพื้นที่ หรือสายด่วน
กรมควบคุมโรค โทร. 1422

#รัฐบาลคุมเข้มรับมือH5N1หลังพบระบาดในกัมพูชากำชับเกษตรกรเฝ้าระวังอาการสัตว์-ขอความร่วมมือประชาชนป้องกันการแพร่ระบาด #สถานการณ์น้ำ #กระทรวงมหาดไทย #สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ #กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง

“มาริษ” นำชี้แจงทูตต่างประเทศ ย้ำไทยมุ่งรักษาข้อตกลงหยุดยิงเคร่งครัด เรียกร้องกัมพูชาหยุดบิดเบือนข้อมูล  การบรรลุข้อตกลง...
05/08/2025

“มาริษ” นำชี้แจงทูตต่างประเทศ ย้ำไทยมุ่งรักษาข้อตกลงหยุดยิงเคร่งครัด เรียกร้องกัมพูชาหยุดบิดเบือนข้อมูล

การบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ และการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม 2568 เพื่อให้ข้อตกลงหยุดยิงมีผลในทางปฏิบัตินำไปสู่การหาข้อยุติความขัดแย้งอย่างถาวร ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศยังคงต้องเดินหน้าชี้แจงนานาประเทศด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ และพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ประชาคมโลกเกิดความเข้าใจและได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง โดยล่าสุดนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ได้บรรยายสรุปแก่คณะทูต และองค์การระหว่างประเทศที่มีสำนักงานในประเทศไทย 121 คน จาก 74 ประเทศ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งได้ย้ำว่า ไทยจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ไทยมุ่งมั่น
ที่จะหาทางออกอย่างสันติและถาวร นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้กัมพูชาเจรจาอย่างสันติด้วยความจริงใจและสุจริตใจ หลีกเลี่ยงการกระทำยั่วยุทุกชนิด รวมถึงการบิดเบือนข้อมูลและการปฏิบัติการด้านข้อมูลข่าวสาร (IO) ที่จะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง

รายละเอียด
(4 ส.ค. 68) นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นำบรรยายสรุปแก่คณะทูต และองค์การระหว่างประเทศที่มีสำนักงานในประเทศไทย เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีตัวแทนจากสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ และองค์การระหว่างประเทศเข้าร่วม จำนวนทั้งหมด 121 คน 74 ประเทศ 1 องค์กร 16 องค์การระหว่างประเทศ ประกอบด้วย เอกอัครราชทูต 28 คน 27 ประเทศ 1 องค์กร อุปทูตรักษาการชั่วคราว 18 คนจาก 18 ประเทศ ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูต จำนวน 53 คน 49 ประเทศ 1 องค์กร หรือผู้แทนจากสหภาพยุโรป (European Union : EU) ผู้แทนจากสถานกงสุลใหญ่ 1 คน 1 ประเทศ และองค์การระหว่างประเทศ 21 คน 16 องค์กรซึ่งฝ่ายกัมพูชา ได้ส่งเลขานุการโทของสถานทูตมาร่วมสังเกตการณ์
โดยนายมาริษ ได้ยืนยันภายหลังมีข้อตกลงการหยุดยิงในการเจรจาร่วมกับกัมพูชา ที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า การประชุมดังกล่าว เป็นการหารือทวิภาคีระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยมีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนให้การสนับสนุน ซึ่งไทยขอชื่นชมอย่างยิ่ง ทั้งนี้การประชุมยังมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้จัดร่วม และจีนเข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์ด้วย หลังจากเหตุการณ์การปะทะอย่างรุนแรงตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งเห็นว่าการที่ทั้งสองฝ่ายสามารถมาพบหารือกันได้ถือเป็นสัญญาณที่ดี และข้อตกลงหยุดยิงที่ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงร่วมกันได้ ถือเป็นก้าวสำคัญอันดับแรกที่จะช่วยยุติความสูญเสีย และเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นต่อการลดความตึงเครียด และเปิดทางสู่การเจรจาเพื่อหาข้อยุติอย่างถาวร
ขอย้ำว่า ประเทศไทยจะปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้ตกลงกันในปุตราจายาอย่างเคร่งครัด และคาดหวังที่จะเห็นความมุ่งมั่นของฝ่ายกัมพูชา ที่จะดำเนินการด้วยความจริงใจและสุจริตใจ เพื่อขับเคลื่อนการเจรจาให้ก้าวหน้า ซึ่งตามถ้อยแถลงร่วมฝ่ายกัมพูชาได้ตกลงที่จะกลับมาใช้กลไกการหารือทวิภาคี ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยได้ยืนยัน และเรียกร้องมาโดยตลอด ทั้งนี้การหารือระหว่างผู้บัญชาการกองทัพในระดับภูมิภาคของทั้งสองฝ่ายได้เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เพื่อกำหนดมาตรการเร่งด่วนในการลดความตึงเครียด และการหารือจะดำเนินต่อไป
ทั้งนี้การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee : GBC)
ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีในระดับนโยบาย และมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสองฝ่ายเป็นประธานร่วม
จะจัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 4 – 7 สิงหาคม 2568 เพื่อหารือรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้ข้อตกลงหยุดยิงมีผลในทางปฏิบัติ ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะได้ตกลงที่จะรื้อฟื้นการติดต่อสื่อสารโดยตรงระหว่างนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันความเข้าใจผิด และสนับสนุนความพยายามลดความตึงเครียด และทั้งมาเลเซีย ไทย และกัมพูชา จะหารือร่วมกัน เพื่อกำหนดมาตรการตรวจสอบ และติดตามการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง โดยภารกิจของคณะผู้สังเกตการณ์ จะนำโดยอาเซียนเป็นหลัก ทั้งนี้ไทยยินดีต่อการสนับสนุนจากมิตรประเทศอื่น ๆ ด้วย
นอกจากนี้ยังย้ำจุดยืนของประเทศไทยว่า ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาเป็นเรื่องทวิภาคี และไทยไม่เห็นชอบต่อความพยายามใด ๆ ที่จะทำให้สถานการณ์นี้กลายเป็นประเด็นระหว่างประเทศ ซึ่งไทยได้ยืนยัน
ในหลายโอกาสว่าไม่ยอมรับเขตอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice : ICJ) หรือ ศาลโลก และประสงค์ให้ข้อพิพาทนี้ได้รับการแก้ไขผ่านการเจรจาทวิภาคีภายใต้กรอบที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะหาทางออกอย่างสันติ และถาวรต่อข้อพิพาททวิภาคีนี้
โดยสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรอาเซียน และกฎบัตรสหประชาชาติ
พร้อมกันนี้ขอเรียกร้องให้กัมพูชาเจรจาอย่างสันติด้วยความจริงใจและสุจริตใจ และหลีกเลี่ยงการกระทำยั่วยุทุกชนิด รวมถึงการบิดเบือนข้อมูลและการปฏิบัติการด้านข้อมูลข่าวสาร (IO) ที่จะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง และสุดท้ายซึ่งสำคัญที่สุดขอย้ำว่า นี่เป็นสถานการณ์ที่น่าโศกเศร้าอย่างยิ่ง ประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้เริ่มต้น
ความขัดแย้งนี้ และขอย้ำว่า ความขัดแย้งกับกัมพูชาไม่ได้อยู่ในผลประโยชน์ของประเทศไทย
ทางด้านนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลภายหลังการบรรยายสรุปแก่คณะทูต และองค์การระหว่างประเทศที่มีสำนักงานในประเทศไทย เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ประเด็นสำคัญในการบรรยายสรุปแบ่งเป็น 9 ประเด็น ดังนี้
1. ประเทศไทยมีความรับผิดชอบต่อประชาคมระหว่างประเทศ ยึดมั่นสันติภาพ กฎหมายระหว่างประเทศ หลักการสากลต่าง ๆ และมุ่งพัฒนาความสัมพันธ์กับกัมพูชาในฐานะเพื่อนบ้านที่ดี แต่เป็นที่น่าเสียดาย
ที่ความมุ่งหวังดังกล่าว กลับไม่ได้รับการตอบสนองจากกัมพูชา โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา กัมพูชายั่วยุไทยหลายครั้ง และเปิดฉากโจมตีไทย ละเมิดพันธะกรณีระหว่างประเทศหลายกรณี
2. ฝ่ายไทยมีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ฝ่ายกัมพูชาเริ่มโจมตีไทยก่อน "โดยไม่เลือกเป้าหมาย" ส่งผลให้สถานที่ของพลเรือน และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ และเด็ก ๆ ที่บริสุทธิ์ ต้องเสียชีวิต หรือบาดเจ็บ ต้องอพยพไปยังสถานที่พักพึง ซึ่งทูตทหารได้รับทราบจากการลงพื้นที่เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568
3. การตอบโต้ของไทยทุกครั้ง เป็นการใช้สิทธิในการป้องกันตนเองโดยชอบธรรมตามกฎบัตรสหประชาชาติ เพื่อปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความปลอดภัยของประชาชน และการปฏิบัติการของไทยได้ผ่านการไตร่ตรองโดยกองทัพอย่างดี ได้สัดส่วน เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ มุ่งเป้าทางทหารกัมพูชา จึงไม่ถือเป็นการรุกราน
4. การโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชาต่อพลเรือน และสถานที่สาธารณะ เป็นการรุกราน
อย่างชัดเจน และละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวา รวมถึงตราสารระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ เช่น อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก อนุสัญญาว่าด้วยการขจัด
การเลือกปฏิบัติต่อสตรีทุกรูปแบบ และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการ รวมถึงอนุสัญญาออตตาวาในการวางทุ่นระเบิด ซึ่งประเทศไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุด
5. ไทยปฏิเสธข้อกล่าวหาของกัมพูชา ที่ไม่มีหลักฐานรองรับในทุกเวที และทุกประเด็น เช่น ข้อกล่าวหาการรุกรานของไทยจนปราสาทเขาพระวิหารได้รับความเสียหาย หรือการกล่าวหาประเทศไทยเรื่องการคุกคามแรงงานกัมพูชาในประเทศไทย ซึ่งฝ่ายไทยได้ส่งหนังสือชี้แจงไปยังองค์การแรงงานระหว่างประเทศ และองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO) แล้ว
6. ไทยชื่นชมบทบาทมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ที่ช่วยอำนวยความสะดวกจนบรรลุข้อตกลง
การหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา พร้อมขอบคุณสหรัฐฯ และจีน ที่สนับสนุนให้การหยุดยิงเกิดขึ้น แต่น่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่งที่ฝ่ายกัมพูขายังคงละเมิดข้อตกลงการหยุดยิงหลายครั้ง หลายพื้นที่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการขาด
ความจริงใจของกัมพูชาอย่างชัดเจน จึงขอให้กัมพูชาเคารพ และปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด
7. ฝ่ายไทยยังมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ผ่านการเจรจาแบบทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งฝ่ายไทยได้เข้าร่วม
การประชุม GBC วันที่ 4 สิงหาคม จนถึงวันที่ 7 สิงหาคม ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ด้วยความจริงใจและสุจริตใจ เพื่อให้เกิดการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และวางกลไกในการปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว นอกเหนือ
การประชุม GBC ซึ่งเป็นกลไกระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรี
ช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งฝ่ายไทยได้มีการจัดประชุมเตรียมการมาแล้ว 3 ครั้ง โดยคณะเลขานุการ GBC ได้เดินทางถึงมาเลเซียแล้ว ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่าง
การประชุมของฝ่ายเลขา จนถึงวันที่ 6 สิงหาคม ก่อนที่วันที่ 7 สิงหาคม จะมีการประชุม GBC สมัยพิเศษ
ซึ่งมาเลเซีย สหรัฐฯ และจีน ได้รับเชิญให้เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วยเฉพาะการประชุมวันที่ 7 สิงหาคมนี้เท่านั้น
โดยประชาชนสามารถติดตามพัฒนาการการประชุมได้ ผ่านการแถลงข่าวของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.)
8. นอกจากนี้ยังมีกลไกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (Joint Boundary Commission: JBC) ในช่วงเดือนกันยายนนี้ ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ โดยหวังว่ากัมพูชาจะเข้าร่วม
ด้วยความจริงใจ และหาทางออกในประเด็นเขตแดนที่ยังคั่งค้างอยู่
9. ไทยขอเรียกร้องให้กัมพูชายุติข้อบิดเบือนข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้นแทบจะเป็นรายวันและกลายเป็นเรื่องปกติ เช่นล่าสุด กล่าวหาว่าประเทศไทยอพยพประชาชนจังหวัดสุรินทร์ เมื่อคืนวันที่ 3 สิงหาคม ที่ผ่านมา
เพื่อเตรียมการโจมตีกัมพูชาก่อนการประชุม GBC ซึ่งไม่ได้เป็นข้อเท็จจริงแต่อย่างใด และการกระทำที่ไร้
ความรับผิดชอบเช่นนี้ เป็นอุปสรรคต่อการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน และยังทำให้ความขัดแย้ง ขยายตัวไปสู่ระดับประชาชน 2 ประเทศ ซึ่งบั่นทอนการทำให้ความสัมพันธ์กลับสู่สภาวะปกติ
ส่วนกรณีที่โครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยได้รับความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เช่นโรงพยาบาล ยืนยันว่ามีกฎหมายระหว่างประเทศที่บังคับให้กัมพูชารับผิดชอบมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งอยู่ในวาระที่กระทรวงการต่างประเทศ กำลังดำเนินการคู่ขนาน เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากฝ่ายรุกราน
แต่ขณะนี้ มีเรื่องด่วนกว่านั้นในการเรียกร้องให้กัมพูชาเคารพคำพูดตัวเอง และข้อตกลงหยุดยิง หยุดยุยงปลุกปั่นข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือน

#มาริษนำชี้แจงทูตต่างประเทศย้ำไทยมุ่งรักษาข้อตกลงหยุดยิงเคร่งครัด #เรียกร้องกัมพูชาหยุดบิดเบือนข้อมูล #กระทรวงการต่างประเทศ #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง

Thai Festival in Moscow 2025” ปิดฉากประทับใจ ผู้ประกอบการคึกคัก หนุนเศรษฐกิจยั่งยืน ตอกย้ำบทบาทไทยในฐานะเจ้าบ้านที่ดี - ...
04/08/2025

Thai Festival in Moscow 2025” ปิดฉากประทับใจ ผู้ประกอบการคึกคัก หนุนเศรษฐกิจยั่งยืน ตอกย้ำบทบาทไทยในฐานะเจ้าบ้านที่ดี - เมืองปลอดภัย
——————————

🗓 วันที่ 3 สิงหาคม 2568 – งาน Thai Festival in Moscow 2025 ณ สวนเฮอร์มิเทจ การ์เด้น กรุงมอสโก ปิดฉากลงอย่างน่าประทับใจ ท่ามกลางความสนใจของชาวรัสเซียและชาวต่างชาติที่เข้าร่วมกว่า 60,000 คน ตลอด 3 วัน สะท้อนพลัง Soft Power ของไทยที่เชื่อมโยงผู้คนผ่านวัฒนธรรม วิถีชีวิต และเอกลักษณ์ พร้อมตอกย้ำบทบาทของไทยในฐานะ เจ้าบ้านที่ดี ที่เปิดต้อนรับผู้คนจากทั่วโลกด้วยรอยยิ้มและมิตรไมตรี
กรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะภาคีหลักของการจัดงาน ได้นำเสนอนิทรรศการ “Playful Thainess – สนุกแบบไทยไทย” ถ่ายทอดอัตลักษณ์ไทยผ่านกิจกรรมอินเทอร์แอ็กทีฟ อาทิ โซน “Play the News” ที่ให้ผู้ร่วมงานทดลองเป็นผู้ประกาศข่าวในสตูดิโอจำลองของ NBT World ถ่ายภาพในชุดไทยผ่าน AI Photo Booth และเวิร์กช็อป DIY เครื่องหอมไทย โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมตลอดงาน กว่า 8,000 คน
ภายในงานยังมีหน่วยงานพันธมิตรนำของเด่นเป็นเอกลักษณ์มาร่วมจัดแสดงและจำหน่าย อาทิ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี นำโดย นายวิชวุทย์ จินโต กรรมการสภามหาวิทยาลัยฯ ได้นำสินค้าเด่นของชุมชน เช่น ผ้าลายมโนราห์ ผ้าลายทะเลไทย สินค้าจักสาน โลชั่น สบู่ขมิ้นชัน และผลิตภัณฑ์ GI อื่น ๆ มาร่วมจำหน่าย โดยเน้นความร่วมมือกับเครือข่ายชุมชนท้องถิ่น ได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานอย่างล้นหลาม
ตัวแทนภาคเอกชน เช่น นายพิริยะ ธานีรณานนท์ บ้านสวยกรุ๊ป กลุ่มธุรกิจจากภาคใต้ นำ “กางเกงเมืองคนดี” และ “กางเกงไข่มุกภูเก็ต” มาร่วมจัดจำหน่าย โดยนำรายได้บางส่วนไปซื้อ จักรยานสามล้อโยก จากโรงงานผู้พิการ เพื่อนำไปมอบให้ผู้พิการในสังคม เป็นการหมุนเวียนเศรษฐกิจสร้างประโยชน์และความยั่งยืน
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) ได้นำผลิตภัณฑ์ชุมชนที่เพิ่มมูลค่าด้วยการดีไซน์และนวัตกรรมมาจัดแสดงและจำหน่าย อาทิ เครื่องประดับ เทียนอโรม่า และผ้าพันคอมัดย้อม ซึ่งล้วนเป็นสินค้าชุมชนร่วมสมัยที่ดึงดูดความสนใจของชาวรัสเซียจำนวนมาก
นิทรรศการ ‘Playful Thainess’ คือเครื่องมือใหม่ที่เล่าเรื่องประเทศไทยด้วยวิธีที่สนุก เข้าถึงง่าย และร่วมสมัย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากชาวรัสเซีย เน้นย้ำความมั่นใจว่าประเทศไทยเป็นเมืองที่ปลอดภัย ไม่มีอันตราย และเมื่อเผชิญวิกฤตหรือปัญหาใด ๆ ประเทศไทยยึดหลัก สันติวิธี ในการแก้ไขปัญหาและสร้างความเข้าใจอย่างสร้างสรรค์ในเวทีโลก
ความสำเร็จของงานนี้สะท้อนบทบาทเชิงรุกของประเทศไทยในการใช้วัฒนธรรมเป็น สะพานเชื่อมโยงประชาชนระหว่างประเทศ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว และสร้างการรับรู้เชิงบวกและภาพลักษณ์ไทยในเวทีโลกอย่างงดงาม.

*****

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ในความห่วงใยต่อกำลังพลและประชาชนของพระองค์ท่าน ที่ได้...
04/08/2025

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ในความห่วงใยต่อกำลังพลและประชาชนของพระองค์ท่าน ที่ได้รับความเดือดร้อน โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ กองทัพบก ร่วมกับส่วนราชการ เร่งดำเนินการสำรวจความเสียหาย และดำเนินการฟื้นฟูโดยเร่งด่วน

ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน จังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับ มณฑลทหารบกที่ ๒๖ และภาคประชาชนได้ร่วมดำเนินการก่อสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับครอบครัวของ สิบตรีกองประจำการ ธีรยุทธ กระจ่างทอง สังกัด กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ ๒ กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ ๒ (ปตอ.๒ พัน.๒) ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ปะทะ ณ ฐานตาฮอง ๒ ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ

ที่มา : กองทัพภาคที่ 2

#ทรงพระเจริญ
#สืบสานรักษาต่อยอด
#พระราชทานความช่วยเหลือ

https://www.facebook.com/share/p/1aaA6b7wff/

วันนี้ (วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๘ ) เวลา ๑๗.๐๓ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พร...
04/08/2025

วันนี้ (วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๘ ) เวลา ๑๗.๐๓ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงเป็นองค์ประธานในงานมหกรรมกองทุนแม่ของแผ่นดิน ประจำปี ๒๕๖๘ ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี

การนี้ ทอดพระเนตรวีดิทัศน์ "กองทุนแม่ของแผ่นดิน ก้าวสู่ทศวรรษที่ ๓ อ้อมกอดของแม่" ซึ่งนับเป็นวาระสำคัญยิ่งที่การดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดินได้ก้าวสู่ทศวรรษที่ ๓ แห่งการขับเคลื่อนภารกิจด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในระดับหมู่บ้านและชุมชน ตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงที่ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ตลอดระยะเวลากว่า ๒ ทศวรรษที่ผ่านมา กองทุนแม่ของแผ่นดินได้เดินหน้าสร้างความเข้มแข็งให้แก่หมู่บ้าน และชุมชนทั่วประเทศในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถจัดการปัญหายาเสพติดด้วยแนวทางสันติวิธี มีการส่งเสริมการประกอบสัมมาชีพตามความถนัด รวมทั้งมีการดูแลช่วยเหลือ ให้โอกาสผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ให้กลับเข้ามาอยู่ร่วมกันในหมู่บ้าน/ชุมชนด้วยความสงบสุข ควบคู่การจัดระบบกลไกการเฝ้าระวัง ตรวจตรา ให้ประชาชนเกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

จากนั้นพระราชทานเงินขวัญถุงกองทุนแม่ของแผ่นดิน แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตามลำดับ เมื่อเสร็จแล้วพระราชทานพระราชดำรัสแก่ผู้ร่วมงาน

ต่อมาเสด็จลงจากเวที ไปยังบริเวณจัดนิทรรศการ ฯ ทอดพระเนตรนิทรรศการต่าง ๆ ดังนี้ นิทรรศการผลการดำเนินงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นิทรรศการผลการดำเนินงานของหมู่บ้าน/ชุมชนกองทุนแม่ของแผ่นดิน และ นิทรรศการ ๑๒ พื้นที่นำร่องเพื่อถ่ายทอดพระมหากรุณาธิคุณตลอดจนการทำงานอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา ๒๐ ปี ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและสร้างพลังความร่วมมือจากคนในชุมชนและหมู่บ้านทั่วประเทศให้ห่างไกลจากปัญหายาเสพติด

สมควรแก่เวลา เสด็จไปยังห้องฉายพระฉายาลักษณ์ ทรงฉายพระฉายาลักษณ์ ร่วมกับคณะผู้บริหาร หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมภารจัดงานตามลำดับ

กองทุนแม่ของแผ่นดิน ประจำปี ๒๕๖๘ มีหน่วยงานเข้าจำนวน ๑,๕๒๘ แห่ง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้แทนเข้ารับพระราชทาน พร้อมผู้แทนภาคประชาชนกองทุนแม่ของแผ่นดินจากทั่วประเทศเข้าร่วม ปัจจุบันมีหมู่บ้านชุมชนที่เข้าร่วมโครงการกองทุนแม่ของแผ่นดิน รวมทั้งสิ้น ๒๘,๖๔๖ แห่ง ส่งผลให้มีจำนวนหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินทั่วราชอาณาจักรรวมทั้งสิ้น ๓๐,๑๗๔ แห่ง ซึ่งนับเป็นการดำเนินงานเชิงคุณภาพ ที่เห็นผลเป็นรูปธรรม โดย สำนักงาน ป.ป.ส. มุ่งหวังให้การจัดงานมหกรรมในครั้งนี้ เป็นเวทีสำหรับการเสริมสร้างพลังใจ การสร้างเครือข่าย และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างภาคีเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินทั่วประเทศ อันจะนำไปสู่การเสริมสร้างความอบอุ่นในสถาบันครอบครัว และความเข้มแข็งของชุมชน เพื่อการขจัดปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน”

#ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด
#งานมหกรรมกองทุนแม่ของแผ่นดินประจำปี๒๕๖๘

https://www.facebook.com/share/p/1Azqbkdjck/

4 ส.ค. 2568 เวลา 15.00 น. ฝ่ายเลขานุการของการประชุม GBC ฝ่ายไทยได้นำเสนอประเด็นที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงให...
04/08/2025

4 ส.ค. 2568 เวลา 15.00 น. ฝ่ายเลขานุการของการประชุม GBC ฝ่ายไทยได้นำเสนอประเด็นที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงให้ทางฝ่ายกัมพูชาพิจารณาแล้ว และจะหารือกันต่อในวันถัดไป ซึ่งสำหรับฝ่ายไทย ได้ดำเนินการประชุมต่อ เพื่อหารือในประเด็นอื่นเพิ่มเติม

กองเลขานุการ GBC ฝ่ายไทย
4 ส.ค. 68

#ทีมประเทศไทย

#รอบคอบรอบด้านใช้สติสร้างสันติ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0yc2XHqs1oC2Z6qFiwvGFuXkNcojQeZdvbpBcGnpseRPNzDCMnNdnorkuxwbrsNaSl&id=61577384134920&mibextid=NOb6eG

วันนี้ (4 ส.ค.68) เวลา 13.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) พลเอก โมฮัมหมัด นิซาม จาฟฟาร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซีย (General D...
04/08/2025

วันนี้ (4 ส.ค.68) เวลา 13.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) พลเอก โมฮัมหมัด นิซาม จาฟฟาร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซีย (General Datuk Mohd Nizam Jaffar, Chief of the Defence Forces: CDF) ได้พบปะกับกองเลขานุการ GBC ฝ่ายไทยนำโดยเจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร และกองเลขานุการ GBC ฝ่ายกัมพูชา ณ สโมสรนายทหารกองบัญชาการกองทัพมาเลเซีย (Malaysian Armed Forces Officers Mess) ในการนี้ พลเอก โมฮัมหมัด นิซาม จาฟฟาร์ ได้กล่าวต้อนรับคณะ และกล่าวว่าตนพร้อมให้การสนับสนุนการประชุมให้เป็นไปด้วยดี และคาดหวังว่าการารประชุมในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จด้วยดี

กองเลขานุการ GBC ฝ่ายไทย
4 ส.ค. 68 เวลา 14.05 น.

#ทีมประเทศไทย

#รอบคอบรอบด้านใช้สติสร้างสันติ
https://www.facebook.com/share/p/18KXAgVEem/

‘จิราพร‘ ผู้แทนรัฐบาล ร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพ จ.ส.อ. อภิรมย์ จ.เลย มอบเงินกองทุนช่วยเหลือ 1 ลบ. เผย ครม. จ่อเคาะมาตรการ...
04/08/2025

‘จิราพร‘ ผู้แทนรัฐบาล ร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพ จ.ส.อ. อภิรมย์ จ.เลย มอบเงินกองทุนช่วยเหลือ 1 ลบ. เผย ครม. จ่อเคาะมาตรการเยียวยาเพิ่มเติมอังคารนี้

วันนี้ (วันที่ 4 สิงหาคม 2568) เวลา 15.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเพลิงศพ จ่าสิบเอกอภิรมย์ ทรงพุฒิ ผู้ตรวจการหน้า กองบังคับการหมวดเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 81 มิลลิเมตร กองร้อยสนับสนุนการรบ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 8 ค่ายสีหราชเดโชชัย จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่จากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ณ จุดปะทะฐานปฏิบัติการตาฮอง อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ทั้งนี้ พิธีพระราชทานเพลิงศพจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ ณ วัดเนรมิตวิปัสสนา อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย โดยมีนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนคณะรัฐมนตรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ หน่วยงานภาครัฐ และประชาชน ร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพด้วย
โอกาสนี้ นางสาวจิราพร ยังได้เป็นตัวแทนรัฐบาลมอบเงินช่วยเหลือจากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยจากการสู้รบ จำนวน 1,000,000 บาท ให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นการดูแลเบื้องต้น ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการเยียวยาเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปและเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 5 สิงหาคม 2568)
นางสาวจิราพร ได้กล่าวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวทหารทุกนายที่สละชีพปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างสมเกียรติ ทำให้พี่น้องประชาชนชาวไทยหลายครอบครัวได้รับความปลอดภัย จึงขอเชิดชูการเสียสละอันยิ่งใหญ่เพื่อประเทศชาติและพี่น้องคนไทย รัฐบาลขอยืนยันว่าจะดูแลครอบครัวของจ่าสิบเอกอภิรมย์และนายทหารกล้าทุกนายอย่างเต็มที่
/////

รัฐบาล ขอประชาชน งดกลับภูมิลำเนาใกล้ชายแดน โดยเฉพาะ "สุรินทร์-ศรีสะเกษ" พร้อมเร่งส่งทีม EOD เก็บกู้วัตถุระเบิดต่อเนื่อง ...
04/08/2025

รัฐบาล ขอประชาชน งดกลับภูมิลำเนาใกล้ชายแดน โดยเฉพาะ "สุรินทร์-ศรีสะเกษ" พร้อมเร่งส่งทีม EOD เก็บกู้วัตถุระเบิดต่อเนื่อง

#ชายแดนไทยกัมพูชา
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/1211059124389756

https://www.instagram.com/p/DM7Zmr_xs_6/?utm_source=ig_web_copy_link&igsh=MTlmbWZqY3MxbXppdA==

https://x.com/nnthotnews/status/1952301183818936790

ที่อยู่

เมืองยะลา
Yala
95000

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Pr Yala Publicผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์