์Natta จากสลัมสู่ต่างแดน

10/07/2024

09/05/2024

 ได้มะเขือเทศกับแตงกวาสดๆมาจากสวนมาทำน้ำพริกอ่อง ทานด้วยกันนะคะ

08/15/2024

10 ปีผ่านไป จาก ประเทศอังกฤษ สู่ สหรัฐอเมริกา ชีวิตคือการต่อสู้เพื่อครอบครัวและคนข้างหลัง ถ้ามีคนบอกคุณว่า วันนี้ถ้าคุณเดินไปจากชีวิตฉันแล้วคุณจะไม่มีวันเจอคนที่ดีกว่าฉันอีก หันกลับไปบอกเขาว่าฉันไม่ต้องการคนที่ดีกว่าคุณ แต่ฉันต้องการใครสักคนที่ทำให้ฉันขึ้นไปยืนคู่กับเขา เคียงข้างเสมอกับเขาด้วยความเต็มใจ เพื่อตะเดินเคียงข้างกันไปใตทุกสถนานการณ์ เพราะฉันเป็นเพรข ที่ต้องการถูกเจียระไน ไม่ใช่อัญมณีมีค่าที่ถูกเก็บรักษาไว้ในตู้เซฟ และไม่เคยถูกสวมใส่ ถ้าคุณกลัวการเดินก้าวไปข้างหน้าคุณจะไม่มีวันได้ก้าวไปไกลกว่าที่ที่คุณยืนอยู่ เป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังต่อสู้และขอส่งกำลังใจดีดีให้ ทุกคนไปสู่เส้นชัยที่ตั้งไว้

08/08/2024

Crab Rangoons เป็นอาหารทานเล่นที่ได้รับความนิยมมากในร้านอาหารแทบจะทุกร้านในอเมริกา เพราะมีรสชาติกรอบนอกและครีมมี่ใน โดยมีเนื้อปูสด หรือปูอัดแท่งเป็นส่วนผสมหลัก นี่คือสูตรที่อร่อยและทำได้ง่าย:

ส่วนผสมสำหรับ Crab Rangoon
เนื้อปู (หรือใช้ปูอัดแท่งสำเร็จรูป) 1/2 ถ้วย (ใช้เนื้อปูสดหรือแช่แข็งที่ละลายแล้วก็ได้)
ครีมชีส 1/2 ถ้วย (อุณหภูมิห้อง)
หอมใหญ่สับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับละเอียด 1 กลีบ
ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนชา
น้ำตาล 1/2 ช้อนชา
พริกไทยดำ 1/4 ช้อนชา
ผักชีสด (สับละเอียด) 2 ช้อนโต๊ะ (ไม่ใส่ก็ได้)
แผ่นเกี๊ยว (Wonton wrappers) 24 แผ่น
น้ำมันสำหรับทอด
วิธีทำ
เตรียมไส้: ในชามผสมขนาดกลาง, ผสมเนื้อปู ครีมชีส หอมใหญ่ กระเทียม ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทยดำ และผักชี (ถ้าใช้) ให้เข้ากัน

เตรียมแผ่นเกี๊ยว: วางแผ่นเกี๊ยวลงบนพื้นที่ทำงาน จากนั้นใช้มือหรือนิ้วชี้และนิ้วกลางทาน้ำมันที่ขอบแผ่นเกี๊ยวเพื่อให้ซอสติดกันดี

ใส่ไส้: วางประมาณ 1 ช้อนชาเต็มของส่วนผสมไส้ลงตรงกลางของแผ่นเกี๊ยว

ปิดแผ่นเกี๊ยว: พับแผ่นเกี๊ยวให้เป็นรูปสามเหลี่ยมหรือจับจีบเป็นรูปทรงตามต้องการ กดขอบให้แน่นเพื่อป้องกันไม่ให้ไส้หลุดออก

ทอด: ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน (อุณหภูมิประมาณ 180°C หรือ 350°F) ทอด Crab Rangoon ในชิ้นละประมาณ 2-3 ชิ้น (อย่าทอดมากเกินไปในครั้งเดียว) จนมีสีทองและกรอบ (ประมาณ 2-3 นาทีต่อด้าน)

สะเด็ดน้ำมัน: ใช้ทัพพีตาข่ายหรือตะแกรงในการสะเด็ดน้ำมันให้หมด แล้ววางบนกระดาษซับน้ำมัน

เสิร์ฟ: เสิร์ฟร้อนๆ พร้อมกับซอสจิ้มที่ชอบ เช่น ซอสพลัม ซอสหวานเปรี้ยว หรือซอสถั่วเหลืองผสมพริก

เคล็ดลับ
เลือกแผ่นเกี๊ยว: ใช้แผ่นเกี๊ยวแบบไม่เคลือบแป้ง (หรือที่เรียกว่า Wonton wrappers) ที่หาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านขายของเอเชีย
กรอบนอก: ตรวจสอบให้น้ำมันร้อนพอที่จะทำให้เกี๊ยวกรอบและทองสวย
ไส้: สามารถปรับรสชาติของไส้ได้ตามชอบ เช่น เพิ่มพริกไทยดำหรือใช้สมุนไพรอื่นๆ
ด้วยสูตรนี้ คุณจะได้ Crab Rangoon ที่กรอบนอกและครีมมี่ใน อร่อยและเป็นที่ชื่นชอบของหลายๆ คนค่ะ!

08/08/2024

Papaya salad ส้มตำไทย เป็นน้ำส้มตำที่มีรสชาติเปรี้ยวหวานเค็มเผ็ดลงตัว ถ้าคุณอยากทำส้มตำไทยให้เปรี้ยวหวานเผ็ดอย่างลงตัว นี่คือสูตรที่คุณสามารถทำได้:

ส่วนผสม
มะละกอสับ (ขูดเป็นเส้น) 2 ถ้วย
แครอท (ขูดเป็นเส้น) 1/2 ถ้วย (ไม่ใส่ก็ได้)
ถั่วฝักยาว (หั่นเป็นชิ้นเล็ก) 1/4 ถ้วย
มะเขือเทศ (หั่นเป็นชิ้นเล็ก) 1/2 ถ้วย
กระเทียม 3 กลีบ
พริกขี้หนูสด 3-5 เม็ด (ปรับตามความเผ็ดที่ต้องการ)
น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ (ปรับตามรส)
น้ำตาลปี๊บ 2-3 ช้อนโต๊ะ (ปรับตามรส)
น้ำมะนาว 2-3 ช้อนโต๊ะ (ปรับตามรส)
ถั่วลิสงคั่ว 1/4 ถ้วย (บดหยาบ)
กุ้งแห้ง 1/4 ถ้วย (ถ้าใช้)
วิธีทำ
เตรียมวัตถุดิบ: ขูดมะละกอและแครอทเป็นเส้นบางๆ หั่นถั่วฝักยาวเป็นชิ้นเล็กๆ และหั่นมะเขือเทศเป็นชิ้นเล็ก

ทำน้ำส้มตำ: ใส่กระเทียมและพริกขี้หนูลงในครกแล้วตำให้ละเอียด (สามารถใช้เครื่องปั่นแทนได้ แต่การตำด้วยครกจะทำให้รสชาติอร่อยกว่า)

ปรุงรส: เติมน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะนาวลงไปในครกแล้วตำให้เข้ากัน

ผสม: ใส่มะละกอ แครอท ถั่วฝักยาว และมะเขือเทศลงไปในครกแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน

เพิ่มถั่วลิสงและกุ้งแห้ง: ใส่ถั่วลิสงคั่วและกุ้งแห้ง (ถ้าใช้) ลงไปแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน

ชิมรส: ชิมน้ำส้มตำและปรับรสตามต้องการ เพิ่มน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ หรือมะนาวตามที่ชอบ

เสิร์ฟ: ตักส้มตำใส่จานและเสิร์ฟพร้อมกับข้าวเหนียว ไก่ย่าง หรืออาหารตามชอบ

ส้มตำไทนี้จะมีรสชาติเปรี้ยวหวานเค็มเผ็ดที่ลงตัว อร่อยและสดชื่น เหมาะสำหรับทานกับข้าวเหนียวหรืออาหารไทยต่างๆ ค่ะ!

08/08/2024

Beef steak Teriyaki สูตรเนื้อเทอริยากิแบบญี่ปุ่นนั้นมีรสชาติหวานเค็มที่เป็นเอกลักษณ์ของซอสเทอริยากิ ลองทำตามนี้ดูค่ะ:

ส่วนผสม
เนื้อวัว (ส่วนที่ใช้ทำสเต็ก) 500 กรัม (หรือเนื้อส่วนอื่นตามชอบ)
ซอสเทอริยากิ 1/2 ถ้วย
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
มิริน 2 ช้อนโต๊ะ (หากไม่มีสามารถใช้ไวน์ขาวหวานแทนได้)
น้ำ 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับละเอียด 2 กลีบ
ขิงสับละเอียด 1 ช้อนชา (ไม่ใส่ก็ได้)
น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
เตรียมเนื้อ: หั่นเนื้อวัวเป็นชิ้นหนา 1 นิ้ว หรือขนาดตามที่ต้องการ แล้วพักไว้

ทำซอสเทอริยากิ: ผสมซอสเทอริยากิ ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล มิริน น้ำ กระเทียม และขิง (ถ้าใช้) ลงในกระทะขนาดเล็ก ใช้ไฟกลาง-ต่ำคนให้ส่วนผสมเข้ากันและน้ำตาลละลาย

เคี่ยวซอส: เคี่ยวซอสในกระทะประมาณ 5-7 นาทีจนเริ่มข้นขึ้นและมีความหวานเค็มเข้มข้น ปิดไฟแล้วพักไว้

เตรียมเนื้อ: อุ่นกระทะหรือย่างเนื้อบนเตาย่างจนสุกตามต้องการ (กลาง-สุก หรือสุกมาก) ทาเนื้อด้วยน้ำมันงาเล็กน้อยเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม

ราดซอส: เมื่อเนื้อสุกแล้ว ให้ราดซอสเทอริยากิลงบนเนื้อ หรือจะทาซอสลงไปในกระทะที่ใช้ย่างเนื้อแล้วเคี่ยวให้เข้ากันอีกครั้งก่อนเสิร์ฟก็ได้

เสิร์ฟ: ตัดเนื้อเป็นชิ้นๆ แล้วราดด้วยซอสที่เหลือ โรยด้วยงาขาวคั่วและต้นหอมสับตามชอบ

เนื้อเทอริยากิแบบญี่ปุ่นนี้จะมีรสชาติหวานเค็มที่กลมกล่อม สามารถทานคู่กับข้าวสวยหรือผักสดก็อร่อยค่ะ!

08/08/2024

Orange Chicken สูตรไก่ชุปแป้งทอดกรอบราดด้วยน้ำซอสส้มสดๆ อร่อยๆ สามารถทำตามนี้ได้ค่ะ:

ส่วนผสมไก่
อกไก่ 500 กรัม (หั่นเป็นชิ้นขนาดพอคำ)
แป้งสาลี 1 ถ้วย
แป้งข้าวโพด 1/2 ถ้วย
ผงฟู 1 ช้อนชา
เกลือ 1/2 ช้อนชา
พริกไทยดำ 1/4 ช้อนชา
น้ำเย็น 3/4 ถ้วย (ใช้ทำแป้งชุป)
วิธีทำไก่
เตรียมแป้งชุป: ผสมแป้งสาลี แป้งข้าวโพด ผงฟู เกลือ และพริกไทยในชามใหญ่

ทำแป้งชุป: เติมน้ำเย็นลงไปในส่วนผสมแป้งแล้วคนให้เข้ากันจนได้แป้งชุปที่มีความข้น

ชุปไก่: ใส่ชิ้นไก่ลงในแป้งชุปแล้วคลุกให้ทั่ว

ทอดไก่: ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อนแล้วทอดไก่ในน้ำมันร้อนจนกรอบและสุก (ประมาณ 4-5 นาทีต่อชิ้น) ตักไก่ออกมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน

ส่วนผสมน้ำซอสส้ม
น้ำส้มคั้นสด 1/2 ถ้วย (หรือใช้น้ำส้มสำเร็จรูป)
น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสพริก (Sriracha) 1 ช้อนชา (เพิ่มความเผ็ดตามชอบ)
กระเทียมสับ 2 กลีบ
ขิงสับละเอียด 1 ช้อนชา
แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา (ละลายในน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ)
น้ำมันงา 1 ช้อนชา (ถ้ามี)
วิธีทำซอสส้ม
เตรียมซอส: ผสมน้ำส้ม น้ำตาล ซอสถั่วเหลือง น้ำส้มสายชู ซอสพริก กระเทียม และขิงในกระทะขนาดกลาง

เคี่ยวซอส: เปิดไฟกลางและนำส่วนผสมทั้งหมดมาต้มจนเดือด

เพิ่มความข้น: เติมแป้งข้าวโพดที่ละลายในน้ำลงไปในซอส คนให้เข้ากันและเคี่ยวต่อจนซอสเริ่มข้น (ประมาณ 2-3 นาที)

ปรุงรส: ชิมซอสและปรับรสตามชอบ หากต้องการเพิ่มความหอมสามารถเติมน้ำมันงาลงไป

รวมกัน: ใส่ไก่ทอดที่พักไว้ลงในซอสแล้วคนให้เข้ากัน

เสิร์ฟ: จัดเสิร์ฟไก่ Orange Chicken บนจาน โรยด้วยงาขาวคั่วและต้นหอมสับตามชอบ

สูตรนี้จะทำให้คุณได้ Orange Chicken ที่มีเนื้อไก่กรอบนอกนุ่มใน พร้อมซอสส้มที่หอมหวานและเค็มอร่อยค่ะ!

08/07/2024

ซอสมะม่วงแบบฝรั่ง ราดปลากระพง

# # # # ส่วนผสม:
- มะม่วงสุก 2 ลูก (หั่นเต๋า)
- หอมใหญ่ 1/2 หัว (หั่นละเอียด)
- กระเทียม 2 กลีบ (สับละเอียด
- พริกหยวกสีแดง 1 ลูก (หั่นเต๋า)
- น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ล 1/4 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- พริกป่น (ตามชอบ)
- ขิงสดสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
- ใบผักชีหรือใบสะระแหน่สำหรับตกแต่ง (ตามชอบ)

# # # # วิธีทำ:
1. ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่น้ำมันมะกอกลงไป รอจนร้อน
2. ใส่หอมใหญ่สับและกระเทียมสับลงไปผัดจนหอมและนุ่ม
3. ใส่พริกหยวกสีแดงลงไปผัดต่อจนสุก
4. ใส่มะม่วงหั่นเต๋าลงไปในกระทะ คนให้เข้ากันดี
5. เติมน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ล น้ำตาลทราย เกลือ และพริกป่น คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี
6. ใส่ขิงสับและน้ำมะนาว ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง
7. ลดไฟลงให้เป็นไฟอ่อน เคี่ยวต่อไปอีก 10-15 นาที จนซอสข้นขึ้น
8. ปิดไฟ ทิ้งให้เย็น

**การจัดจาน:**
1. จัดปลากระพงทอดบนจาน
2. ราดซอสมะม่วงแบบฝรั่งที่เตรียมไว้ให้ทั่วตัวปลา
3. ตกแต่งด้วยใบผักชีหรือใบสะระแหน่

เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยหรือผักสด ทานให้อร่อยค่ะ!

08/07/2024

สูตรไก่ย่างเนื้อนุ่ม อยู่ต่างแดนก็ต้องทำทานเอง มาลองทำตามสูตรนี้ดูค่ะ อร่อยจริงๆ

ส่วนผสม:

อกไก่ 4 ชิ้น (ไม่มีกระดูกและหนัง) หรือจะไก่ที่มีกระดูกมีหนัง ตามชอบ
น้ำมันมะกอก 1/4 ถ้วย
น้ำมะนาว 1/4 ถ้วย (ประมาณ 1 ลูก)
กระเทียมสับละเอียด 3 กลีบ
น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ
มัสตาร์ด Dijon 1 ช้อนโต๊ะ
ออริกาโนแห้ง 1 ช้อนชา
Paprika (พริกป่น) 1 ช้อนชา
คูมินป่น 1/2 ช้อนชา
เกลือ 1/2 ช้อนชา
พริกไทยดำ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ:

เตรียมเครื่องหมัก:

ผสม น้ำมันมะกอก, น้ำมะนาว, กระเทียมสับ, น้ำผึ้ง, ซอสถั่วเหลือง, มัสตาร์ด Dijon, ออริกาโนแห้ง, Paprika, คูมินป่น, เกลือ, และพริกไทยดำ เข้าด้วยกันในชาม
หมักไก่:

ใส่ไก่ลงในถุงพลาสติกที่ปิดสนิทหรือในภาชนะที่ตื้น
รินเครื่องหมักลงบนไก่และคลุกเคล้าให้ทั่ว
ปิดถุงหรือคลุมภาชนะและแช่เย็นอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือมากสุด 8 ชั่วโมงเพื่อให้รสชาติเข้าซึม

เตรียมเตาย่าง: เปิดเตาย่างไว้ที่ความร้อนกลาง-สูง หรือหากใช้เตาถ่าน ให้ใช้ไฟอ่อนย่างไก่:

เอาไก่ออกจากเครื่องหมักและปล่อยให้น้ำหมักที่เกินออก
วางไก่ลงบนเตาย่าง
ย่างไก่ประมาณ 6-7 นาทีต่อข้าง หรือจนกว่าอุณหภูมิภายในจะถึง 74°C (165°F) และน้ำซุปใส
พักและเสิร์ฟ:

นำไก่ออกจากเตาย่างและพักไว้ 5 นาที ก่อนหั่นเพื่อให้เนื้อไก่นุ่มและน้ำซุปไม่แห้ง

เพิ่มเติม (ตามชอบ): โรยหน้าด้วยสมุนไพรสด เช่น ผักชีหรือพาร์สลีย์ และเสิร์ฟกับข้างเคียงที่คุณชื่นชอบ!

08/07/2024

Tender Grilled Chicken Recipe

Ingredients:

4 boneless, skinless chicken breasts
1/4 cup olive oil
1/4 cup lemon juice (about 1 lemon)
3 cloves garlic, minced
2 tablespoons honey
1 tablespoon soy sauce
1 tablespoon Dijon mustard
1 teaspoon dried oregano
1 teaspoon paprika
1/2 teaspoon ground cumin
1/2 teaspoon salt
1/2 teaspoon black pepper
Instructions:

Prepare the Marinade:

In a bowl, whisk together olive oil, lemon juice, minced garlic, honey, soy sauce, Dijon mustard, dried oregano, paprika, ground cumin, salt, and black pepper.
Marinate the Chicken:

Place the chicken breasts in a resealable plastic bag or a shallow dish.
Pour the marinade over the chicken, making sure each piece is well-coated.
Seal the bag or cover the dish and refrigerate for at least 1 hour, or up to 8 hours for best results.
Preheat the Grill:

Preheat your grill to medium-high heat. If using a charcoal grill, prepare it for direct grilling.
Grill the Chicken:

Remove the chicken from the marinade, letting any excess drip off.
Place the chicken on the grill.
Grill the chicken for about 6-7 minutes per side, or until the internal temperature reaches 165°F (74°C) and the juices run clear.
Rest and Serve:

Remove the chicken from the grill and let it rest for 5 minutes before slicing. This helps the juices redistribute and keeps the meat tender.
Optional:

Garnish with fresh herbs like parsley or cilantro, and serve with your favorite sides.
Enjoy your tender and flavorful grilled chicken!

08/04/2024

Steak recipe :

Recipe: Tender and Flavorful Steak Marinade

Ingredients:

1. Steak (Ribeye, Sirloin, or Tenderloin): 2 pieces (about 200-300 grams each)
2. Olive oil: 3 tablespoons
3. Soy sauce: 3 tablespoons
4. Balsamic vinegar: 2 tablespoons
5. Honey: 1 tablespoon
6. Garlic: 3 cloves (minced)
7. Rosemary: 1-2 sprigs (use the leaves)
8. Thyme: 1-2 sprigs (use the leaves)
9. Black pepper: 1 teaspoon (crushed)
10. Sea salt: 1 teaspoon

Instructions:

1. Prepare the Marinade:
• In a medium bowl, mix olive oil, soy sauce, balsamic vinegar, honey, minced garlic, rosemary leaves, thyme leaves, crushed black pepper, and sea salt. Stir well to combine.
2. Marinate the Steaks:
• Place the steaks in a zip-lock bag or a shallow container.
• Pour the marinade over the steaks, ensuring they are well-coated. Seal the bag or cover the container, then gently shake or mix to ensure even coating.
3. Refrigerate:
• Marinate the steaks in the refrigerator for at least 2 hours. For best results, marinate overnight (8-12 hours) to allow the flavors to pe*****te the meat thoroughly.
4. Bring to Room Temperature:
• Before cooking, remove the steaks from the refrigerator and let them sit at room temperature for about 30 minutes to ensure even cooking.
5. Cook the Steaks:
• Heat a skillet or grill over high heat and add a little oil.
• Cook the steaks for about 3-4 minutes on each side for medium-rare, or until they reach your desired level of doneness.
6. Rest the Steaks:
• After cooking, let the steaks rest on a cutting board or plate for at least 5 minutes. This allows the juices to redistribute throughout the meat, ensuring a tender and juicy steak.

Tips for Perfect Steaks:

• Choose High-Quality Meat: Opt for steaks with good marbling (fat distribution) for enhanced flavor and tenderness.
• Avoid Over-Marinating: While it’s beneficial to marinate, too long in acidic marinades can break down the meat fibers excessively.
• Use a Meat Thermometer: For precise cooking, use a meat thermometer to check the internal temperature. (Rare: 125°F/52°C, Medium Rare: 135°F/57°C, Medium: 145°F/63°C, Medium Well: 150°F/66°C, Well Done: 160°F/71°C).
• Cut Against the Grain: Slice the steak against the grain to ensure tenderness.

Enjoy your tender and flavorful steak!

08/04/2024

Seatk

การหมักสเต็กให้นุ่มและอร่อยนั้นต้องใช้เวลาและส่วนผสมที่เหมาะสม นี่คือสูตรการหมักสเต็กที่ทำให้เนื้อนุ่มและมีรสชาติอร่อย:

สูตรหมักสเต็กให้นุ่ม

วัตถุดิบ

1. เนื้อสเต็ก (ริบอาย, เซอร์ลอยน์ หรือเนื้อสันใน) 2 ชิ้น (ประมาณ 200-300 กรัมต่อชิ้น)
2. น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ
3. ซอสถั่วเหลือง (Soy sauce) 3 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำส้มสายชูบัลซามิก 2 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
6. กระเทียม 3 กลีบ (สับละเอียด)
7. โรสแมรี่ 1-2 ก้าน (ใช้ใบ)
8. ไธม์ 1-2 ก้าน (ใช้ใบ)
9. พริกไทยดำ 1 ช้อนชา (บดหยาบ)
10. เกลือทะเล 1 ช้อนชา

วิธีทำ

1. เตรียมส่วนผสมหมัก:
• ในชามขนาดกลาง ผสมน้ำมันมะกอก, ซอสถั่วเหลือง, น้ำส้มสายชูบัลซามิก, น้ำผึ้ง, กระเทียมสับ, ใบโรสแมรี่, ใบไธม์, พริกไทยดำ และเกลือทะเล คนให้เข้ากันดี
2. หมักเนื้อสเต็ก:
• วางเนื้อสเต็กลงในถุงซิปล็อคหรือภาชนะสำหรับหมักเนื้อ
• เทส่วนผสมที่เตรียมไว้ลงไปในถุงหรือภาชนะ ปิดถุงหรือปิดฝาภาชนะแล้วเขย่าเบาๆ เพื่อให้เนื้อสเต็กถูกเคลือบด้วยส่วนผสมหมักอย่างทั่วถึง
3. หมักในตู้เย็น:
• นำเนื้อสเต็กที่หมักไว้แช่ในตู้เย็นอย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือถ้ามีเวลาแนะนำให้หมักข้ามคืน (8-12 ชั่วโมง) เพื่อให้เนื้อนุ่มและซึมซับรสชาติอย่างเต็มที่
4. นำเนื้อออกจากตู้เย็น:
• ก่อนนำสเต็กไปย่างหรือทอด ให้นำเนื้อออกจากตู้เย็นและพักที่อุณหภูมิห้องประมาณ 30 นาที เพื่อให้เนื้อสเต็กไม่เย็นเกินไปและสามารถย่างหรือทอดได้สม่ำเสมอ
5. การย่างหรือทอด:
• ตั้งกระทะหรือเตาย่างให้ร้อนจัด ใส่น้ำมันเล็กน้อย
• วางเนื้อสเต็กลงบนกระทะหรือเตาย่าง ย่างหรือทอดเนื้อสเต็กจนได้ความสุกตามที่ต้องการ (ประมาณ 3-4 นาทีต่อด้านสำหรับเนื้อมีเดียมแรร์)
6. พักเนื้อ:
• หลังจากย่างหรือทอดเสร็จ ให้พักเนื้อสเต็กบนเขียงหรือจานอย่างน้อย 5 นาที เพื่อให้น้ำในเนื้อกระจายทั่วและทำให้เนื้อสเต็กนุ่มขึ้น

ด้วยสูตรนี้ คุณจะได้เนื้อสเต็กที่นุ่ม หอม และมีรสชาติอร่อย รับรองว่าทุกคนที่ได้ชิมต้องชื่นชอบแน่นอนค่ะ!

เคล็ดลับการทำสเต็กให้อร่อยและนุ่ม

1. เลือกเนื้อคุณภาพดี:
• เลือกเนื้อที่มีคุณภาพดีและมีไขมันแทรก (marbling) อย่างริบอาย หรือเนื้อสันในที่มีความนุ่ม โดยไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อจะช่วยให้เนื้อสเต็กมีความนุ่มและหอมอร่อยมากขึ้น
2. การเตรียมเนื้อก่อนหมัก:
• ก่อนหมักเนื้อ ควรซับเนื้อด้วยกระดาษทิชชู่ให้แห้งเพื่อให้ส่วนผสมหมักซึมเข้าเนื้อได้ดีขึ้น
3. ไม่ควรเกลือเนื้อล่วงหน้านานเกินไป:
• หากคุณใช้เกลือในการปรุงรสเนื้อสเต็ก ควรเกลือเนื้อเพียงไม่นานก่อนการย่างหรือทอด (ประมาณ 10-15 นาที) เพื่อให้เกลือช่วยดึงน้ำออกจากเนื้อเล็กน้อย แต่ไม่ควรเกลือเนื้อล่วงหน้านานเกินไปเพราะจะทำให้เนื้อสูญเสียความชุ่มชื้น
4. ความร้อนสูง:
• ใช้ความร้อนสูงในการย่างหรือทอดเนื้อสเต็กเพื่อให้ได้พื้นผิวที่กรอบและสีสวย แต่ต้องระวังไม่ให้เนื้อสเต็กสุกเกินไป
5. ใช้เทอร์โมมิเตอร์:
• ใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิภายในเนื้อเพื่อให้ได้ระดับความสุกที่ต้องการ (Rare: 125°F/52°C, Medium Rare: 135°F/57°C, Medium: 145°F/63°C, Medium Well: 150°F/66°C, Well Done: 160°F/71°C)
6. การพักเนื้อ:
• หลังจากย่างหรือทอดเนื้อสเต็กเสร็จ ควรพักเนื้อสเต็กบนเขียงหรือจานประมาณ 5-10 นาทีเพื่อให้น้ำในเนื้อกลับมาซึมซับอย่างทั่วถึง การพักเนื้อจะช่วยให้เนื้อสเต็กนุ่มและชุ่มชื้นมากขึ้น
7. การหั่นเนื้อ:
• หั่นเนื้อสเต็กข้ามเส้นใยเนื้อ (cut against the grain) เพื่อให้เนื้อสเต็กนุ่มขึ้นและเคี้ยวง่าย
8. การปรุงรสเพิ่มเติม:
• หลังจากพักเนื้อสเต็กแล้ว สามารถเติมเนยละลายหรือซอสที่ชื่นชอบลงบนเนื้อเพื่อเพิ่มรสชาติและความหอม

ด้วยเคล็ดลับเหล่านี้ คุณจะสามารถทำสเต็กที่มีรสชาติอร่อยและนุ่มนวลได้อย่างสมบูรณ์แบบค่ะ!